ผมว่าบางอย่างมันยังชวนให้คิดอยู่นะครับ ขอแสดงความคิดต่าง
๑. เรื่องปั๊มดีเซล
มันจริงหรอครับ ว่าสิ่งที่ทำให้ปั๊มดีเซลรถคันแรกมันเสีย เกิดจากปั๊มทนความชื้อของน้ำในไบโอดีเซลไม่ได้ ผมเองไม่คิดว่าผู้ผลิตจะไม่คำนึงถึงพลังงานทางเลือกในอนาคตอันใกล้และจะจงใจไม่ผลิตรถที่สามารถรองรับกับน้ำมันไบโอดีเซลได้ ทั้งๆที่ไบโอดีเซล สำหรับบางประเทศในทวีปยุโรปก็เริ่มใช้ไบโอดีเซลตั้งแต่ก่อนปี 2000 เสียอีก
(
http://en.wikipedia.org/wiki/Biodiesel#Historical_background)
อีกอย่าง มันก็สอดคล้องกับสนิมในปั๊มน้ำมันของรถคันที่สอง ที่รถเติมแต่ดีเซลธรรมดา ปั๊มมันก็ขึ้นสนิมอีก อีกทั้งเหตุผลเดียวกัน
ผมมองว่า "รถสองคันนี้ มีปั๊มน้ำมันที่เติมน้ำมันประจำ เป็นปั๊มน้ำมันแห่งเดียวกัน" ถูกต้องหรือเปล่าครับ?
ผมมองแล้วคิดว่าปั๊มน้ำมันแห่งนั้น มีส่วนผสมของน้ำอยู่ในน้ำมันมากเกินไป น้ำเหล่านั้น มันก็ไปนอนอยู่ในถังน้ำมัน ทำปฏิกิริยาสนิมอยู่ในปั๊มหน่ะครับ
๒. เรื่องเทอร์โบ
เร่งๆหยุดๆ ในเมือง มันก็ต้องกดเครื่องไปอย่างน้อย 1,800 - 2,000 รอบต่อนาที ก่อนที่บูสท์จะทำงานเต็มกำลัง การใช้งานปกติ มันก็ไม่ควรจะพังง่ายๆนี่ครับ ยิ่งในเมือง เทอร์โบไม่ค่อยได้ใช้งาน เทอร์โบไม่น่าตายน้ำตื้น พังเพราะไม่ได้ใช้หรอกครับ น้ำมันเครื่องก็มีมาหล่อเลี้ยงแกนเทอร์โบ ดีเซลหลักการก็ไม่มีการติด Vacuum มันก็ไม่มีแรงดันย้อนใบเทอร์โบ หรือมีน้อยมาก มองการใช้งานเป็นหลักครับ กดคันเร่งหนักๆ บ่อยๆ กดๆ เบรคๆ เทอร์โบก็ต้องมีการสึกหรอมากน้อยตามเท้าคนขับ หรือบางทีน้ำมันเครื่องอาจจะเก่าไป รถยุโรปนี่เน้นน้ำมันเครื่องใช้ยาวๆด้วย ผมมองเรื่องศูนย์บริการด้วยครับ ปล่อยให้น้ำมันเครื่องใช้งานยาวไปหรือไม่
(เรื่องศูนย์บริการ มันมีแง่ให้คิดว่า BMW E46 ของผมเข้าศูนย์ไปให้เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ ... ทางศูนย์บอกว่าน้ำมันเกียร์ใช้ได้ตลอดอายุการใช้งาน ไม่ต้องเปลี่ยน ครับ มองได้เลยว่าพอเกียร์มันพัง น้ำมันเกียร์ก็หมดอายุการใช้งานครับ..ฝากวานถามคนใช้ BMW ในนี้ด้วย ว่ามันยังเป็นแบบนั้นอยู่หรือเปล่า)
๓. สายพานราวลิ้น
ผมขอมองอย่างตรงไปตรงมา ว่าถ้าคนขับหมั่นตรวจสอบสภาพ สายพานมันไม่ขาดตอนใช้งานหรอกครับ มันได้เปลี่ยนก่อนแน่นอน
หรือถ้าโชคร้ายจริงๆ ความเสียหายมันก็ไม่ร้ายแรงมาก หรือน้อยกว่ารถเบนซินหรอกครับ พังเหมือนกันเป๊ะ พวกวาล์วโหม่งกับลูกสูบ ไรงี้ อิอิ (ราคาค่าซ่อมอีกเรื่องนะ ตามยี่ห้อ)
๔. ระบบไฟฟ้า
ผมไม่ปักใจว่าเซนเซอร์รถดีเซลมากกว่ารถเบนซินแล้วเรื่องมันจะมากกว่าเวลาเสียด้วย เซนเซอร์กี่ตัว มันก็ต้องควบคุมด้วยกล่องหนึ่ง หรือสองใบเท่านั้น สมัยนี้ช่างหลายๆคนเช็คการใช้งานของเซนเซอร์ต่างๆเหล่านี้ได้ด้วยปลั๊กอันเดียว - OBD II ไงครับ
"พลังอันยิ่งใหญ่ จะมาพร้อมกับความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง"
คำพูดนี้หมายถึงผมจะโหนตัวไปตามตึกต่างๆจากไยที่ปล่อยออกมาจากข้อมือได้... เอ๊ย ไม่ใช่!
รถทุกคัน (ยกเว้น DEFECT จากโรงงาน) ถ้าดูแลมันดีๆ มันก็จะดูแลเงินในกระเป๋าคุณดีๆเหมือนกันครับ
ดีเซลมันไม่ได้น่ากลัวหรอกครับ คนที่ดูแลมันต่างหากหล่ะ ที่น่ากลัว
(ปัจจุบัน 300D - W124 ที่บ้าน อายุ 18 ปีแล้ว วิ่งฉิววววว เลยครับ)