ครอบครัวมีส่วน แต่ทำไมพี่น้องที่โดนเลี้ยงดูมาเหมือนกันนิสัยก็ไม่เหมือนกัน
การศึกษามีส่วน แต่ทำไม นร. ทั้งห้อง ถึงมีดีมีแย่แตกต่างกัน
ความดี ความชั่วมันอยู่ที่ตัวบบุคคลครับ คนมันจะชั่วเลี้ยงดูดียังไงก็ชั่ว
เด็กกำพร้าขาดความบอุ่น การศีกษาไม่ดีโตมาเป็นคนดีก็เยอะแยะ
คำพูดแบบนี้มันก็อปปี้กันมาในสังคมไทยหลาย generation แล้วครับ
การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของเราถึงถูกว่ากันว่าด้อยเหลือเกิน
ถ้าคุณเริ่มจะมีลูก คุณต้องค้นคว้าทุกอย่างใหม่หมดเลยครับ เพราะ
บางทีไอ้ที่เราเชื่อๆ กันตามมา มันคือสิ่งที่ผิดนะครับ
ที่จริงประโยคนี้ จะใช้ก็ต่อเมื่อ เราผิดหวังกับลูกหลาน ก็เลยพูดเพื่อปลงตก ปลอบใจตัวเอง
ไม่เช็คตัวเองว่ามันไปผิดที่ตรงไหน จุดไหน
แต่เวลาจะมีลูก คุณคิดแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด เพราะมันทำให้คุณไม่ขวนขวายหาข้อมูลใหม่ๆ
ที่ถูกต้อง update ถ้าคุณคิดแบบพุทธแท้ๆ ไม่ใช่พุทธพราหม รู้จักคิดจากเหตุ ไป ผล
เรื่องที่ว่าคนจะดีก็ดีเอง หรือจะชั่วก็ชั่วเอง มันเป็นความคิดที่เสี่ยง พึ่งดวง พึ่งโชค พึ่งบุญวาสนามากๆ
ครับ ถ้าคิดกันแบบนี้หมด เด็ก 100 คน อาจจะดีขึ้นมาแค่ 20 คน
แต่ถ้าคิดแบบเป็นเหตเป็นผล พ่อแม่ทำงานหนักในการคิดวิเคราะห์ หาความรู้ อบรมลูกดีๆ 100 คน
อาจจะดี 70 คน เห็นความแตกต่างมั้ยครับ ที่หายไป 30 คนที่คุณว่า อาจจะ DNA ชั่วมาก
ชั่วด้วยตัวของมันเองหรือซวยมาก ไปเจอสิ่งชักจูงที่เลวร้าย อย่างที่คุณว่า แต่คนดีที่เพิ่มขึ้นมา
จากการที่พ่อแม่เปลี่ยนวิธีคิดมีถึง 50 คนทีเดียวนะครับ
ถ้าคุณรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว แต่ผมเข้าใจผิดว่าคุณไม่รู้
ก็ต้องขออภัยด้วยครับ แต่เด็กๆ เล่นบอร์ดนี้เยอะ ผมอยากให้
พวกเค้าเป็นอนาคตของชาติที่คิดแบบมีเหตุ มีผลและ...
ถ้าคิดแบบวิภัชชวาทได้ นี่แหล่ะ super saiyan เลย
ถ้าคนคุณภาพดีๆ แป้บเดียวเราแซงสิงคโปร์ได้ คิดเล่นๆ นะครับ
ตอนแรกว่าจะปล่อยวางแต่เห็นออกมาอธิบายถึง 2 รอบ เลยต้องขอมาแย้งครับ
อันดับแรกคุณต้องเชื่อและเข้าใจก่อนว่าพ่อแม่ส่วนใหญ่ทุกคนรักลูกทั้งนั้น ครูบาอาจารย์ส่วนใหญ่ก็อยากให้ลูกศิษย์เป็นคนดีมีวิชาความรู้ทั้งนั้น อาจจะมีบ้างส่วนน้อยที่พ่อแม่ไม่สนใจลูก ละเลยลูก เลี้ยงตามมีตามเกิดโดยปราศจากความรัก แต่ก็ไม่ได้ถือว่าเป็นส่วนมากอย่างแน่นอน
เมื่อพ่อแม่รักลูกแล้ว การอบรมสั่งสอน การเลี้ยงดู พ่อแม่ย่อมพยายามอย่างเต็มที่และอยากให้สิ่งที่ดีที่สุดกับลูกเสมอ กินข้าวด้วยกันกับข้าวจะหมดพ่อแม่ก็เลือกให้ลูกอิ่มท้องก่อน คาดหวังให้ลูกโตมาเป็นคนดี กตัญญูรู้คุณ มีการมีงานที่ดี มีคู่ครองที่ดี มีชีวิตที่ดี ห่างไกลจากคดีความ ไม่ติดคุกติดตาราง
ไม่มีพ่อแม่คนไหนเลี้ยงลูกมาแล้วหวังให้ลูกโตขึ้นมาเป็นฆาตกรฆ่าคนหรอกครับคนที่ไม่เคยมีลูก เรื่องที่ปกติไม่รู้ก็ต้องไปแสวงหาความรู้เพิ่มเติมกันอยู่แล้วครับ คนเราเลี้ยงลูกด้วยความรู้นะครับ ไม่ใช่สัตว์ที่เลี้ยงลูกด้วยสัญชาตญาณ บางคนก็อาจจะไปหาซื้อหนังสือมาอ่าน ดูข้อมูลจาก internet บางคนก็สอบถามจากผู้หลักผู้ใหญ่ถึงวิธีการอบรมบุตรหลาน ไม่ต้องไปถามที่ไหนไกลก็ถามจากพ่อแม่ของตัวเองอีกทีก็ได้ และคนเราก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่รู้จักเรียนรู้ คนปกติหากตอนเด็กโดนพ่อแม่กระทำแบบไหนที่ตัวเองไม่ชอบ หากมีจิตสำนึกเพียงพอ เมื่อโตขึ้นแล้วมีลูก คนเหล่านั้นย่อมไม่ทำสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบกับลูกอยู่แล้ว ไม่ใช่ส่งต่อความเจ็บปวดจากรุ่นสู่รุ่นต่อไป
พ่อแม่เกือบทุกคนย่อมทำเต็มที่สุดกำลังที่ตัวเองสามารถกระทำได้เพื่อลูกเสมอผมไม่รู้ว่าคุณมีลูกแล้วหรือยัง แต่การอธิบายอันยืดยาวของคุณไม่ได้มีใจความสำคัญอะไรนอกจากคำว่า "วิภัชชวาท" ที่อ้างอิงมาจากศาสนาพุทธที่คุณนับถือ (แต่ไม่ได้แปลว่าคนอื่นจะต้องนับถือเช่นเดียวกัน) โดยนัยของคุณสื่อว่าผู้อื่นไม่ได้แยกปัญหาออกเป็นเรื่อง ๆ และไม่เข้าใจปัญหาอย่างแท้จริง แต่สำหรับผม ผมว่าเข้าใจปัญหาอย่างดีแล้ว แยกแยะเป็นเรื่องแล้ว และเห็นว่าการอบรมเลี้ยงดูไม่สามารถรับประกันได้ว่าคน ๆ หนึ่งโตขึ้นไปจะเป็นอย่างไร ไม่มีทางการันตีได้ 100% แน่นอน
ถ้าคุณมีลูกแล้ว คุณกล้ารับประกันว่าโตขึ้นไปลูกคุณจะไม่กระทำผิดกฎหมาย ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนได้ 100% หรือไม่ ?