วันนี้มีโอกาสได้เขียนรีวิวสั้นๆอีกตัวนะครับเป็นรถที่ผมไปลองเช่าขับ 1 วัน
ตอนได้มีโอกาสไปเที่ยวที่ญี่ปุ่นเมื่อสองเดือนก่อน
ก่อนจะไปทริปนี้แพลนไว้แต่แรกว่าจะไปเช่า R34 Skyline GT-R
ขับขึ้นถนนรอบเขาที่ Hakone ครับ เพราะปกติผมเป็นคนชอบลองรถกับถนนแนวนี้
อยู่แล้ว และมีบริษัทเช่ารถที่เน้นให้เช่ารถสปอร์ตญี่ปุ่นเพื่อไปขับบนถนนนี้โดยเฉพาะ
แต่สุดท้ายไม่มีเวลามากพอเลยอดครับ แต่ไปทั้งทีก็อยากลองรถที่ไม่เคยขับในกรุงเทพ
นั่นคือ R35 GT-R ครับ
ไป search เจอร้านเช่ารถในโตเกียวที่มีให้เช่าอยู่คันนึงพอดี ผมเลยจัดการจอง 1 วัน
(แบบเช่าไม่ข้ามคืน) เลยได้เจ้าคันนี้มา
ตัวรถเป็นรุ่น Pure Edition หรือรุ่นล่างสุดของ GTR ที่ขายในญี่ปุ่นครับ อ็อฟชั่นก็ยังถือว่า
เยอะอยู่จะขาดก็พวกเบาะ Recaro กับลูกเล่นภายในบางตัวหรือช่วงล่างพิเศษ
รถคันนี้น่าจะเป็นปี 2015 นะครับ สภาพโดยรวมถือว่ายังใหม่มาก วิ่งมา 29,9xx กิโลครับ
(ผมได้เห็นไมล์ขึ้นถึง 30,000 พอดีระหว่างขับ) สเป็ครถคันนี้เครื่อง VR38DETT
V6 3.8 ลิตรพร้อมเทอร์โบคู่ กำลังสูงสุด 550 แรงม้า (PS) ที่ 6,400 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด 632 Nm ที่ 3,200-5,800 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์ 6 จังหวะคลัชต์คู่
ที่ติดตั้งไว้ด้านหลังรถ พร้อมระบบขับสี่ที่พื้นฐานจะส่งกำลังไปที่ล้อหลัง
ต้องขออภัยที่ไม่ได้ถ่ายภาพไว้เยอะนะครับ เนื่องจากวันที่เช่ารถคันนี้ฝนตกทั้งวันและ
อากาศก็ค่อนข้างหนาวด้วย ผมเลยใช้เวลาอยู่ในรถเป็นส่วนมาก แต่จะอธิบายคร่าวๆ
กับความรู้สึกที่ได้ขับเจ้ารถคันนี้ครับ
หลังจากที่รับรถมาแล้วก็เริ่มขับในย่าน Shinagawa ที่เป็นระแวกเมืองทั่วไปครับ
ตอนแรกก็ทำความรู้จักกับการใช้งานโดยทั่วไปของรถก่อน การใช้งานของฟังก์ชั่นต่างๆ
ก็ไม่ยากเย็นอะไรครับ แต่ก็ไม่ง่ายแบบเข้าไปนั่งแล้วใช้เป็นทันทีแบบรถตลาด
แต่ความที่เคยมี Nissan 370Z มาก่อน อุปกรณ์ต่างๆใน GTR เลยไม่ถึงกับแปลกตา
สำหรับผมครับ อะไหล่บางชิ้นนั้นก็ใช้ร่วมกับ 370Z เลยด้วยแต่รวมๆแล้วภายใน GTR
จะใช้วัสดุดีกว่าเล็กน้อย ตัวแดชบอร์ดหน้ามีการหุ้มด้วยวัสดุนุ่มนวลและมีรอยเย็บด้าย
สวยงามแนวรถยุโรปครับ
เนื่องจากผมไม่เคยขับรถในกรุงโตเกียวมาก่อน เส้นทางที่ผมจะขับในวันนั้น
จึงได้ศึกษามาก่อนจะไปแล้วครับ โดยเดินทางจากย่าน Shinagawa ในโตเกียวไปที่
สนามบิน Haneda เพื่อไปขึ้นทางด่วนสาย Bayshore Route ที่หลายคนคงเคยได้ขับ
ในเกมส์พวก Midnight Club นะครับ เส้นทางนี้จะเชื่อมระหว่างโตเกียวกับเมืองโยโกฮาม่า
ที่ห่างกันราวๆ 30 กิโลเมตร สมัยเมื่อสิบกว่าปีก่อนทางด่วนเส้นนี้มีชื่อเสียงเรื่องการแข่งกัน
ช่วงดึกของรถแต่งในย่านนั้นครับ จนมีการเอาไปทำเป็นเกมส์กัน
เส้นนี้รถกดกันได้เกิน 300 กิโลเมตร/ชั่วโมง สบายๆ แต่สุดท้ายเกิดอุบัติเหตุหนัก
เลยไม่มีการแข่งกันแบบนี้อีก
แต่รีวิวครั้งนี้ผมไม่ได้ใช้ความเร็วสูงแบบการแข่ง Midnight Club นะครับ
ขับตามความเร็วกำหนดที่ญี่ปุ่นแต่ได้มีการลองอัตราเร่งกับการเข้าโค้ง และ ระบบเบรก
ของรถบ้างแต่หลักๆผมอยากลองความรู้สึกสำหรับการใช้งานแบบทั่วไปของรถรุ่นนี้
ซึ่งมันก็ไม่ต่างกับรถทั่วไปมากครับ พอได้ลงไปนั่งผมกลับนึกว่ากำลังนั่งอยู่ในรถแนว
D-Segment ทุกอย่างดูใหญ่กว้างขวางไปหมด ทัศนวิสัยถือว่าดีมากครับจะมีแต่
ช่วงเสา C กับกระจกหลังที่จะไม่โปร่งตาแบบรถซีดาน ทั้งนี้ผิดกับรถสปอร์ตยุโรป
หรือแม้แต่ 370Z ที่นั่งแล้วจะจมลงไปมากกว่าและต้องปรับตัวกันพอสมควร
การเข้าออกค่อนข้างง่ายดายไม่มีคานประตูที่สูงหรือหนาแบบรถคู่แข่งทั้งหลาย
ตำแหน่งเบาะหน้าสูงครับ บางคนอาจชอบแต่บางคนอาจตำหนิว่าสูงไปนิดสำหรับรถแนวนี้
ผมได้ลองเบาะหลังด้วย ที่เหนือศีรษะถือว่าพอมีบ้างครับ แต่ที่วางขากลับไม่มีเลย
ไม่ต่างกับ Porsche 911 ขนาดผมสูง 170 เซนติเมตร แต่ตำแหน่งเบาะคนขับของผม
ก็เกือบจะชิดกับที่รองนั่งของเบาะหลังแล้ว แต่ผมให้ GTR ดีกว่า 911 เรื่องทรงของเบาะหลัง
ที่เป็นที่นั่งจริงๆและพื้นที่เหนือศีรษะ
ถ้าใช้งานจริงๆคงนั่งได้ไม่เกิน 3 คนเพราะผู้โดยสารตอนหน้าต้องปรับเบาะมาข้างหน้ามากๆ
เพื่อที่วางขาของผู้โดยสารหลังครับ
มาต่อเรื่องการขับขี่
การขับในเมืองถือว่าโดยรวมโอเคอยู่ครับแต่ด้วยขนาดของรถคันนี้และวงเลี้ยวที่กว้าง
ทำให้ขับตามถนนเล็กๆในโตเกียวออกจะลำบากนิดหน่อย พวงมาลัยไม่หนักไม่เบา
กำลังดีเลยครับ ลิ้นหน้าของรถถือว่าเตี้ยมากสำหรับคนไม่เคยขับรถแต่งครับ ไม่เป็นปัญหามาก
ในโตเกียว (แต่รถเช่าคันนี้มีรอยครูดและรอยแตกที่ลิ้นหน้าเยอะอยู่ครับ) แต่ถ้าในกรุงเทพ
คงต้องเลื้อยกันแน่ๆแม้จะเป็นช่วงล่างเดิมๆ
พูดถึงช่วงล่าง GT-R ตัวนี้มีการปรับมาหลายรอบแล้วจากรุ่นแรก ผมเลยไม่รู้สึกถึง
ความกระด้างของช่วงล่างเดิมมากนัก ตอนนำมาใช้งานก็ปรับเป็น comfort mode
ตลอดครับ ขับสบายมาก ถนนในโตเกียวบางจุดก็ไม่ได้ดีมากครับ มีฝาท่อแบบถนน
บางเส้น ใน กทม. ด้วยแต่การซับแรงของช่วงล่างเดิมๆก็ถือว่าใช้ได้เลย
การปรับเกียร์เรียบเนียนมากครับ ขับเพลินๆก็ไม่ต่างจากเกียร์ออโต้ทั่วไป แต่จะเสีย
ก็ตรงเสียงของระบบขับเคลื่อนที่ดังมาก ช่วงออกตัวจะได้ยินเสียงจากชุดเฟืองต่างๆ
ชัดเจนมาก ผมคิดว่ารถคันนี้คงจะโดนคนเช่าเอาไปอัดโหดๆมาหลายรอบแล้ว
เสียงต่างๆของระบบขับเคลื่อนถึงดังขนาดนี้ แต่การทำงานไม่มีสะดุดหรือขัดแต่อย่างใด
อีกเรื่องที่ผมจะติหน่อยคืออาการจับถนนของยางหน้าครับ รถรุ่นนี้เป็นรถที่มีอาการนี้
ชัดเจนที่สุดเท่าที่เคยขับมา และผมเคยขับรถแนวนี้มาหลายรุ่นแล้วครับ ในช่วงที่ถนน
มีคลื่นเล็กน้อยพวงมาลัยจะดึงรถตามคลื่นต่างๆนั้นชัดเจนมากครับ ไม่ว่าจะขับช้าหรือเร็ว
บางทีออกจะน่ากลัวด้วย ส่วนหนึ่งผมว่า อาจจะมาจากยาง Dunlop SP Sport 600
runflat ที่ติดมากับรถ
มาพูดถึงอัตราเร่งกันบ้างครับ
เสียดายวันที่เช่ารถมาฝนดันตกทั้งวันครับ บวกกับอากาศที่หนาวเย็นเกือบๆจะ 0 องศา
ทำให้วันนั้นผมไม่กล้าใช้เกียร์ 1 ออกตัวเลย รถ GTR ถึงจะขับเคลื่อน 4 ล้อแต่ด้วยการที่
รถจะส่งกำลังไปด้านหลังเยอะบวกพละกำลังที่มาหนักทีเดียวตอนบูสท์มาเต็มทำให้ล้อฟรีได้
ทั้งสี่วง
ผมลองกดออกตัวจากเกียร์สองดูในช่วงความเร็วประมาณ 50 กิโลเมตร/ชั่วโมง ผลคือรถสะบัด
ทั้งคันครับ ก่อนที่ยางจะจับได้ ต่างกับรถ Mercedes C63 ของผมเองที่ล้อหลังจะฟรีทิ้ง
แต่ไม่มีการสะบัดสี่ล้อแบบนี้ ส่วน Audi R8 V8 แรงบิดไม่พอทำให้รถสะบัดได้ทั้งคันแบบนี้ครับ
ครั้งแรกที่กด GTR บนถนนลื่นบอกได้เลยว่าเสียวไส้ครับ 55
แต่พอขับไปหน่อยบวกกับอุณหภูมิยางที่สูงขึ้นก็เริ่มชินครับ มีหลายช่วงที่มีอุโมงค์มาช่วยให้พื้นถนน
ไม่เปียกผมก็ลองกดเต็มๆดูครับ รถมีอาการรอบูสท์เล็กน้อยแต่พอมาทีก็ดึงหลังติดเบาะเลย
ช่วงเปลี่ยนเกียร์แรงดึงต่อเนื่องมากเสียงเครื่อง V6 ก็เร้าใจด้วย ผมแง้มกระจกขับในอุโมงค์นี่
ได้ยินเสียงสะท้อนชัดเจนแถมเสียง blow off ตอนปล่อยคันเร่งก็ทำให้นึกถึงรถเทอร์โบแต่งซิ่งทั้งหลาย
การทรงตัวของรถคงไม่ต้องพูดถึงครับ มันดีมากและระบบขับสี่ก็ไม่ได้ทำให้หมดสนุกเลย
ถึงรถจะมีอาการหน้าดื้ออยู่บ้างแต่ใส่คันเร่งนิดหน่อยท้ายก็จะออกมาตามครับ แต่ทั้งนี้ผมไม่ได้ขับเร็ว
เลยบอกไม่ได้ว่าถ้าใส่โค้งเต็มๆจะเป็นอย่างไร อากาศก็ไม่เอื้อด้วยแต่ดีที่เป็นรถขับสี่ครับ
มีอย่างเดียวที่รู้สึกได้มากไปหน่อยคือน้ำหนักรถครับต่างกับพวกปอร์เช่ที่เหมือนไม่มีเรืองน้ำหนักรถ
มาให้ห่วงเวลาเปลี่ยนโค้งซ้ายไปขวาหรืออะไรทำนองนี้ ส่วนเบรกได้ลองนิดหน่อยครับ
แรงจับมากหายห่วงแต่ไม่ได้ลองถึงระดับให้ ABS ทำงาน
สุดท้ายขอสรุปสั้นๆว่าถ้าชอบรถที่เน้นเรื่องสมรรถนะล้วนๆกับการใช้งานที่ค่อนข้างง่าย
บวกราคาที่ไม่แรงสุดๆ ผมว่า GTR ก็ยังเด่นที่สุดในช่วงราคาของมันครับ ถ้าให้ผมเลือกรถ
สำหรับขับทุกวัน ไปไหนมาไหนไม่เด่นจนเกินไปแถมอัตราเร่งกับการทรงตัวที่กินรถได้
เกือบทุกคันบนถนนผมว่ามันคุ้มมากครับ จะมีสิ่งที่รถคันนี้ขาดไปนิดหน่อยเทียบซุปเปอร์คาร์
รุ่นอื่นคงเป็นความรู้สึกพิเศษเวลาได้ขับไปไหนมาไหนกับซุ่มเสียงที่เครื่อง V6 ให้ได้
ไม่เท่าเครื่องพวก V8, V10 หรือแม้แต่ 6 สูบนอนครับ
ค่าเช่ารถคันนี้รวมค่าประกันอุบัติเหตตัวรถ อยู่ที่ 40,000 เยนนิดๆครับ
อัตราสิ้นเปลืองวันนั้นผมขับไปเรื่อยๆตามทางด่วนไม่เกิน 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง มีกดบ้าง
แต่ไม่บ่อย กินเฉลี่ย 12 กิโลเมตร/ลิตร ครับ แอบตกใจตอนเอาไปเติมน้ำมันอยู่นิดหน่อยครับ
เพราะถ้าขับ C63 หรือ R8 V8 แบบเดียวกันไม่เคยเห็นถึง 10 กิโลเมตร/ลิตรเลย
ส่วนค่าดูแลผมเคยได้ยินจากอู่ที่รู้จัก จะไปแพงพวกน้ำมันหล่อลื่นระบบขับเคลื่อน
ที่ต้องเปลี่ยนบ่อยกว่ารถทั่วไปครับ