ขอตอบในแนวคนผลิตรถยนต์นะครับ มันมีทั้งข้อดีข้อเสียสำหรับผู้ผลิต ดีเลอร์ และลูกค้า
การจับคู่สีตัวถังกับสีภายในให้เป็นคู่ๆหรือจัด Grade package นั้นมีหลายข้อดีสำหรับการผลิต ดีลเลอร์ และผู้บริโภครับ
เหตุผลด้านการผลิตคือเพื่อเป็นการลดความหลากหลาย (variation) ของรุ่นรถลง
ยกตัวอย่างเช่น Honda Accord รุ่น 2.0 มี 2 เกรด E กับ EL มีตัวถัง 4 สี ภายในอีก 2 สี
ดังนั้นจะมีทั้งหมด 16 variations การผลิต การจับคู่ตัวถังเช่น ถ้าภายนอกสีขาว ภายในต้องสีดำ
จะได้ให้ variations ลดลง อาจจะเหลือแค่ 6-8 variations
ข้อดีคือวางแผนการผลิตง่ายขึ้นทั้งการจัดหาชิ้นส่วนภายในและภายนอกประเทศ
เพราะโอกาส production volume fluctuate จาก demand มันจะลดลง (ก็ variation มันน้อยนิ)
และโดยเฉพาะถ้ารถมีชิ้นส่วนนำเข้าสูง การวางแผนชิ้นส่วนนำเข้าจะทำได้ง่ายขึ้นเยอะ
ข้อดีอีกข้อสำหรับดีลเลอร์คือวางแผนการขายง่ายเพราะรุ่นรถมันไม่เยอะ ไม่ต้องเดาใจลูกค้ามาก
และข้อดีสำหรับลูกค้าคือรถทุกรุ่นมันมักจะมีพร้อมที่ดีลเลอร์ ไม่ต้องรอนาน ถ้า Marketing คิดมาอย่างดีแล้วว่า
variation ที่ fix มาคือรุ่นที่ขายดี (ไม่นับการวางแผนที่ผิดพลาด หรือ demand fluctuate นะครับ)
แล้วถ้ามันไม่จับคู่มาล่ะ อะไรจะเกิดขึ้น จริงๆแล้วในเชิงการผลิตมันยากขึ้นไม่มาก
เพราะระบบการผลิตของผู้ผลิตส่วนใหญ่ในปัจจุบันค่อนข้างจะ flexible อยู่แล้ว จะทำประตูซ้ายกับขวาคนละสียังได้เลย
แต่ถ้า customize มาก จำนวนรุ่นจะมาก dealer ต้องเดาใจลูกค้ามาก และมีโอกาสที่ลูกค้าอยากได้รุ่นที่ dealer ไม่มี
ในกรณีแบบนี้ลูกค้าอาจต้องรอการสั่งผลิตจากทางโรงงานเป็นเดือนๆ
ในต่างประเทศลูกค้าสามารถเลือก option สีภายใน ภายนอกได้ตามอัธยาศัยครับ
variation ที่เป็นไปได้สำหรับการเลือกรถบางรุ่นอาจมากถึง 100,000 รูปแบบความเป็นไปได้
(1 แสนแบบนี่แค่รถหรูระดับ Mass เช่น Toyota Crown นะครับ แต่ถ้าเป็นพวก Super Luxury Car อันนั้นเลือกได้เป็นล้านแบบ)
แต่ลูกค้าที่เลือกแล้วไม่ตรงกับรถที่ dealer มีก็ต้องรอสั่งผลิตครับ