ผมไม่คิดว่าตัวเองอยู่ในขั้นหลงไหลรถยนต์แฮะ
แต่สภาพแวดล้อมมันล่อหลอมบีบเค้นให้ผมกลายมาเป็นแบบในทุกวันนี้
นานมาแล้วสักสิบกว่าปีก่อนตอนที่ผมต้องใช้รถจริงจังบนท้องถนน รถคันแรกของผมอยู่ในประเภทใช้รถอะไรก็ได้จริงๆ มองว่ารถมันมีแค่ไว้ใช้กันแดดกันฝนเท่านั้นพอ ตอนซื้อรถใหม่ๆยังคิดเลยว่าเอา chryser neon ก็พอแล้ว รถเครื่องโตๆมีความแรงมันไม่ได้ใช้เต็มที่หรอก เหยียบเร็วมากเดี๋ยวก็โดนตำรวจเรียกจับความเร็ว ช่วงล่างเรอะ?เอาแค่มั้นใช้ได้ก็พอขับเร็วไปก็โดนใบสั่งถึงบ้านเสียเงินอีก (ตอนนั้นอยู่อเมริกาทุกอย่างต้องทำตามกฏระเบียบสอบใบขับขี่เป๊ะๆ)
แต่พอกลับมาไทยแล้วพบว่าถนนเมืองไทยแม่มป่าเถื่อนไร้กฏระเบียบโหดร้ายสิ้นดี เราเปิดไฟเลี้ยวแม่งพุ่งมาปิด ขึ้นสะพานกลับรถเราก็ใช้ความเร็วที่คนปกติใช้กันก็ยังไม่วายโดนจี้ท้ายกดดันให้ไปเร็วๆ แม้กระทั่งขับอยู่เฉยๆก็จะโดนชนถึงตายได้
ขออนุญาติกระแดะใช้ทับศัพท์ภาษาอังกฤษหน่อยว่าเกิด culture shock กับการขับขี่ของคนไทยจริงๆ
กลายเป็นว่าผมต้องเสาะหารถที่มันช่วยให้ผมอยู่รอดบนท้องถนนประเทศไทยได้ กลายเป็นคนที่ต้องเลือกรถที่มันสุดโต่งด้านการใช้งาน อัตราเร่งต้องขอที่สู้พวกนิสัยไม่ดีพุ่งมาปิดได้หรือไม่ก็ทิ้งห่างไอ้พวกที่ตามมาหาเรื่องเราบนท้องถนนให้ไกลๆ ช่วงล่างขอที่มันเกาะถนนเน้นๆใครมาจี้ท้ายข้าจะหลอกไปข่มขืนในโค้งว๊ากฮ่าๆๆๆ ความปลอดภัยขอที่มันจัดว่าดีที่สุดเท่าที่จะมีได้ในวงเงินที่จ่ายไป ใครแกล้งเบรคใส่ตรูจะชนท้ายมันให้ยับไปด้วยกันฮี่ๆๆๆ
อะไรเกี่ยวกับรถที่ไม่รู้ก็ต้องรู้เพราะพึ่งแต่ศูนย์ไม่ได้ มาตรฐานวัดคุณภาพไอ้ที่คนเรียกว่าดีเนี่ยมันดียังไง มันต้องมีสาเหตุต้องวัดได้ไม่ใช่บอกต่อๆกันมาว่าดีแต่พอถึงเวลาต้องใช้งานแบบรีดเร้นประสิทธิภาพแล้วดันไม่ได้ดีอย่างดีคิด......พอนึกย้อนกลับไปเมื่อสมัยที่ตัวเองเพิ่งได้ขับรถบนถนนจริงจังแล้วความคิดเปลี่ยนไปเยอะเหลือเกิน.......ตัวผมเองในอดีตก็คงจะด่าตัวเองในตอนนี้ว่าเอ็งก็เป็นคนบ้าคนนึงบนถนนประเทศไทยไปแล้ว