ผู้เขียน หัวข้อ: Toyota: The next Kodak!?  (อ่าน 12368 ครั้ง)

ออฟไลน์ tierak

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 903
Re: Toyota: The next Kodak!?
« ตอบกลับ #30 เมื่อ: พฤษภาคม 31, 2016, 21:25:37 »
เป็นไปได้ยาก และอย่าไปเอาโกดักมาเปรียบเทียบไม่เหมือนกันโดยสิ้นเชิง

โกดัก นั้นไม่ตามตลาดเลยจบ ส่วนโตโยต้าอาจเรียกได้ว่ากำหนดทิศทางตลาดเลยด้วยซ้ำ

แต่ที่ผมไม่ชอบเลยคือ ยังมีแฟนๆของโตฯซึ่งก็คือผู้บริโภค) ภูมิใจกับประโยคที่ว่า " โตฯทำรถดีได้แต่จะทำหรือไม่แค่นั้น"   :( :( :(

ออฟไลน์ Carrera

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,340
Re: Toyota: The next Kodak!?
« ตอบกลับ #31 เมื่อ: พฤษภาคม 31, 2016, 21:29:34 »
เป็นไปได้ยาก และอย่าไปเอาโกดักมาเปรียบเทียบไม่เหมือนกันโดยสิ้นเชิง

โกดัก นั้นไม่ตามตลาดเลยจบ ส่วนโตโยต้าอาจเรียกได้ว่ากำหนดทิศทางตลาดเลยด้วยซ้ำ

แต่ที่ผมไม่ชอบเลยคือ ยังมีแฟนๆของโตฯซึ่งก็คือผู้บริโภค) ภูมิใจกับประโยคที่ว่า " โตฯทำรถดีได้แต่จะทำหรือไม่แค่นั้น"   :( :( :(

จริงๆ ก็ด่านัยๆนึงนะ  .... คือมีปัญญาทำ แต่ทำไมไม่ทำ   ยิ่งรถบางรุ่นนี่  ก็นะ   คือมีพร้อมทุกอย่างแต่ก็ไม่ทำ

ผมว่าคนที่มันมีความสามารถ ทำอะไรได้ แต่ไม่ทำ มันน่าโดนด่ามากกว่า พวกทำไม่ได้ซะอีก  :P 

ออฟไลน์ tierak

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 903
Re: Toyota: The next Kodak!?
« ตอบกลับ #32 เมื่อ: พฤษภาคม 31, 2016, 21:37:14 »
เป็นไปได้ยาก และอย่าไปเอาโกดักมาเปรียบเทียบไม่เหมือนกันโดยสิ้นเชิง

โกดัก นั้นไม่ตามตลาดเลยจบ ส่วนโตโยต้าอาจเรียกได้ว่ากำหนดทิศทางตลาดเลยด้วยซ้ำ

แต่ที่ผมไม่ชอบเลยคือ ยังมีแฟนๆของโตฯซึ่งก็คือผู้บริโภค) ภูมิใจกับประโยคที่ว่า " โตฯทำรถดีได้แต่จะทำหรือไม่แค่นั้น"   :( :( :(

จริงๆ ก็ด่านัยๆนึงนะ  .... คือมีปัญญาทำ แต่ทำไมไม่ทำ   ยิ่งรถบางรุ่นนี่  ก็นะ   คือมีพร้อมทุกอย่างแต่ก็ไม่ทำ

ผมว่าคนที่มันมีความสามารถ ทำอะไรได้ แต่ไม่ทำ มันน่าโดนด่ามากกว่า พวกทำไม่ได้ซะอีก  :P

ครับตามนั้น
 

ออฟไลน์ localgame

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,592
Re: Toyota: The next Kodak!?
« ตอบกลับ #33 เมื่อ: พฤษภาคม 31, 2016, 21:56:31 »
ช่วงหลังๆนี่พูดถึงtoyotaกันบ่อยแฮะ ก่อนหน้านี้ก็สงสารtoyota อันนี้เป็นห่วงว่าจะเป็นแบบkodak

ผมว่าtoyota ไม่ล้มง่ายๆ ยังไงก็ดูรอบคอบกว่าตอนkodakนะ

ออฟไลน์ scotch_fillet

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,520
    • อีเมล์
Re: Toyota: The next Kodak!?
« ตอบกลับ #34 เมื่อ: พฤษภาคม 31, 2016, 22:48:17 »
ผมว่าFORD GM CHEV น่าจะไปหาKodak ก่อนพี่โตอีกน่ะ
ลองรัฐบาลเมกันไม่ช่วยอุ้มซิ ฮึฮึฮึ

ออฟไลน์ Anvers30

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,372
    • อีเมล์
Re: Toyota: The next Kodak!?
« ตอบกลับ #35 เมื่อ: พฤษภาคม 31, 2016, 22:52:54 »
แนวทางการบริหารจัดการของโตโยต้า ค่อนข้างสวนทางกับตัวโปรดักส์แบบบ้านๆ ที่มีวิธีคิดอันน่าทึ่ง มันสะท้อนมุมมองของชาวญี่ปุ่นในด้านของความละเอียดรอบคอบ พิธีพิถัน จนมาเป็นแม่แบบให้หลายๆ องค์กร หลากหลาย fields ต้องนำมาศึกษา ถ้ามองในมุมนี้ ยังไงโตโยต้าก็ยืนยงคงกระพันได้อีกนาน ตราบใดที่โลกนี้ยังต้องการพาหนะ ที่เรียกว่ารถยนต์

จริงอยู่ ผมเคยคิดว่า โตโยต้าดูเหมือนจะงมโข่งพัฒนา Fuel Cells จนลืมรถ EV ไปรึเปล่า และเคยพูดเหน็บๆ ในกระทู้นึงด้วยซ้ำว่า แม้แต่เลกซัสก็ยังดูพัฒนาบางอย่างเชื่องช้าเกินไป (เครื่องดาวน์ไซส์ซิ่ง นี่เห็นชัด มาทีหลังใครเพื่อน) แต่การที่เค้าบุกเบิกรถ EV / Hybrid เป็นเจ้าแรกๆ และพัฒนามาเป็น production cars ก่อนใครๆ เค้าย่อมมี first-moving advantage อยู่แล้ว และนิสัยคนญี่ปุ่น ไม่ยอมเสียตำแหน่งผู้นำด้านนั้นง่ายๆ ผู้ที่ตามหลัง โดยเฉพาะค่ายยุโรป มุ่งไปทำรถไฟฟ้าเป็นหลัก แต่ก็ยังเอาแน่เอานอนในเรื่องความทนทานไม่ได้อยู่ดี เพราะโดยปกติ ระบบไฟฟ้า ที่มีในรถเดิมๆ ก็ชอบรวนเรง่ายๆ ยิ่งทำไฟฟ้าทั้งคัน จะให้มั่นใจเหรอ ว่าทำออกมาทนทานแล้ว

ถ้ามองภาพอุตสาหกรรมรถในองค์รวม ผมว่าคู่แข่งของโตโยต้า เหมือนจะอาการน่าเป็นห่วงกว่าทั้งนั้น องค์กรนี้เค้ายึดมั่น ถือมั่นด้าน cost-oriented ก็จริง แต่สินค้าของเค้าก็ทนมือ ทนเท้า ไปทั่วโลก มันสั่งสมชื่อเสียงด้านนี้มาแต่ไหนแต่ไร ซึ่งนั่นรวมไปถึงรถ EV / PHEV / HV ที่โตโยต้า ได้ชื่อเสียงด้านการทำระบบไฟฟ้าในรถยนต์ที่ทนทานกว่าใคร เพราะเค้าทุ่มงบให้ด้านนี้มานาน เอาเป็นว่าเวลาจะพิสูจน์เองล่ะครับว่า พี่โตจะยังเกรียงไกรดั่งเช่นทุกวันนี้หรือไม่

ออฟไลน์ inoros

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 125
Re: Toyota: The next Kodak!?
« ตอบกลับ #36 เมื่อ: พฤษภาคม 31, 2016, 23:58:22 »
toyota ตลาดเป็นmass product ถ้าทำEVต้นทุนราคาสูงมาจะคุ้มขึ้นไลน์การผลิตขายไหมล่ะครับ
EV toyotaพร้อมลงสนามอยู่แล้วล่ะครับถ้าต้นทุนต่ำกำไรบานนะ

เอางบไปวิจัยอะไรใหม่ๆที่มีโอกาสเป็นไปได้เพิ่มขึ้นอีกทางดีกว่าจมทุนด้านเดียวดีกว่าครับ

ออฟไลน์ Smith686

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,953
    • อีเมล์
Re: Toyota: The next Kodak!?
« ตอบกลับ #37 เมื่อ: มิถุนายน 01, 2016, 00:12:52 »
ผมเพิ่งได้สัมผัสรถเทสลาแบบ "ตัวจริง-เสียงจริง" เมื่อวันก่อน

"ตัวจริง" เพราะเป็นรถจริง ๆ ที่มีนักธุรกิจคนหนึ่งนำเข้ามาในเมืองไทย

เขาทำธุรกิจเกี่ยวกับพลังงานสะอาดก็เลยอยากรู้ว่า "เทสลา" นั้น ระบบการทำงานเป็นอย่างไร

วิธีการง่าย ๆ ก็คือ นำเข้ารถจากฮ่องกงมาทดลองใช้จริง

"ตัวจริง" ของรถสวยมากครับ

ส่วน "เสียงจริง" นั้น พูดไม่ได้เต็มปากเต็มคำ

เพราะ "เทสลา" เสียงเงียบมากครับ

แทบไม่ได้ยินเสียงรถเลย

ความน่าสนใจของ "เทสลา" อยู่ที่เป็นรถยนต์ที่ใช้ไฟฟ้าเป็นพลังงานขับเคลื่อน

ไม่ได้ใช้น้ำมัน

และสามารถวิ่งได้ประมาณ 300 กว่ากิโลเมตร

รถยนต์ที่ใช้น้ำมันใช้ชิ้นส่วนประมาณ 2,000 ชิ้น

แต่ "เทสลา" ใช้ชิ้นส่วนแค่ 18 ชิ้น

จุดเปลี่ยนที่ทำให้โลกหันมาจับตามอง "รถยนต์ไฟฟ้า" อยู่ที่การผลิตแบตเตอรี่ที่มีประสิทธิภาพสูง ในต้นทุนที่ต่ำลงเรื่อย ๆ

มีคนบอกว่า ตอนที่โลกเปลี่ยนจากใช้ "รถม้า" มาใช้ "รถยนต์"

บังเอิญ "รถยนต์" ที่ค้นคิดขึ้นมาเป็นรถที่ใช้น้ำมัน

กระแสทั้งหมดก็มุ่งไปที่เครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมัน

ไม่มีใครสนใจ"แบตเตอรี่"

พัฒนาการของ "แบตเตอรี่" จึงช้า เพราะคนคิดแต่เรื่องเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมัน

แต่พอวันหนึ่งมีคนสนใจพัฒนา "รถยนต์ไฟฟ้า"

พัฒนาการเรื่อง "แบตเตอรี่" จึงเกิดขึ้น

"อีลอน มัสก์" คือ ผู้บุกเบิกเรื่องนี้อย่างจริงจัง

ถามว่า บริษัทรถยนต์ทั้งหลายทำไมไม่มีใครคิดเรื่องนี้

ตอบง่าย ๆ ว่า เขาคงคิดอยู่แล้ว

ถ้า "โตโยต้า" ทำรถไฮบริดได้ ก็แสดงว่าเขาสนใจเรื่อง "รถไฟฟ้า"

เพราะ "ไฮบริด" คือ รถที่ผสมผสานระหว่างการใช้น้ำมันกับไฟฟ้า

เพียงแต่ผ่านเครื่องยนต์แบบเดิม

ที่มีชิ้นส่วน 2,000 ชิ้น

มีคนบอกว่า บางที "โตโยต้า" อาจจะคิดเสร็จแล้วก็ได้

เพียงแต่ว่าในทางธุรกิจ โมเดลธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า คือ หอกที่ทิ่มแทงตัวเอง

เพราะเป็นโมเดลที่ฆ่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมัน

ถ้าพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าเร็วมากเท่าไรธุรกิจเดิมก็ตายเร็วเท่านั้น

เรื่องอะไรเขาจะทำ

อย่าลืมว่าโครงสร้างอุตสาหกรรมรถยนต์นั้นใหญ่โตมโหฬาร

ถ้า"รถยนต์ไฟฟ้า" ที่ใช้ชิ้นส่วน 18 ชิ้นมาเมื่อไร

พังกันเป็นแถบแน่นอน

ที่น่าจับตามองคือ ตอนนี้ "จีน" กำลังบุกธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าอย่างหนัก

เพราะนี่คือ "โอกาส"

ถ้าสู้ในเกมเดิม คือ รถยนต์ที่ใช้น้ำมัน

เขาคงสู้ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา หรือเยอรมันไม่ได้

แต่ถ้าเกมเปลี่ยน เกิดสนามใหม่คือ รถยนต์ไฟฟ้า

แบบนี้ทุกคนเท่าเทียมกัน

เพราะเริ่มต้นใหม่เหมือนกันหมด

กลายเป็นว่าใครที่มีธุรกิจเดิมใหญ่เท่าไรจะเสียเปรียบทันที

"ความใหญ่"ของธุรกิจเดิมคือ "จุดอ่อน"

เพราะไม่กล้าเปลี่ยน

กลัวจะเสียตลาดเดิม

แต่คนที่เริ่มต้นใหม่ ไม่มี "สัมภาระ" อะไร สามารถเดินหน้าได้เต็มที่

ไม่ใช่เพียงแค่ "จีน"

แต่หมายถึงกลุ่มธุรกิจที่มีเงินและเทคโนโลยีอย่างกูเกิล แอปเปิล หรือไมโครซอฟท์

เขาสามารถข้ามสายพันธุ์สู่อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าได้ทันที

ยิ่งเห็นกราฟตัวเลขต้นทุนแบตเตอรี่ที่ลดลงอย่างรวดเร็ว

ผมเชื่อว่าค่ายรถยนต์ในปัจจุบันคงเริ่มพลิกดูกรณีศึกษาที่คลาสสิกมากของวงการธุรกิจโลกเรื่องนี้

การล่มสลายของ"โกดัก" ครับ

ทำอย่างไรจะไม่เป็น "โกดัก" ของวงการรถยนต์

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1464588615
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 01, 2016, 00:14:43 โดย Smith686 »

ออฟไลน์ Smith686

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,953
    • อีเมล์

ออฟไลน์ Smith686

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,953
    • อีเมล์
Re: Toyota: The next Kodak!?
« ตอบกลับ #39 เมื่อ: มิถุนายน 01, 2016, 00:24:32 »

ออฟไลน์ Smith686

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,953
    • อีเมล์
Re: Toyota: The next Kodak!?
« ตอบกลับ #40 เมื่อ: มิถุนายน 01, 2016, 00:26:57 »

ออฟไลน์ Smith686

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,953
    • อีเมล์
Re: Toyota: The next Kodak!?
« ตอบกลับ #41 เมื่อ: มิถุนายน 01, 2016, 00:29:39 »
ผู้คนทั่วโลกแห่จองรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นล่าสุดจากเทสล่า “โมเดล 3” ด้วยยอดจองเกือบ 3 แสนคันแล้ว สะท้อนถึงศักยภาพของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่มีโอกาสจะได้รับการตอบรับที่ดีขึ้นจากผู้บริโภคในอนาคต

อีลอน มัสก์ ประธานและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท เทสล่า ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า เปิดเผยว่า มียอดจองรถยนต์รุ่น โมเดล 3 (Model 3) จากทั่วโลกแล้วถึง 276,000 คันจนถึงวันเสาร์ที่ผ่านมา (2 เม.ย.) หรือก่อนกำหนดจัดส่งรถยนต์คันแรกถึงกว่า 18 เดือน โดยถ้ายอดจองทั้งหมดเปลี่ยนเป็นการขาย เทสล่าจะสามารถทำเงินจากโมเดล 3 ได้ประมาณ 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ด้วยราคาขายเริ่มต้นที่ 35,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 1.2 ล้านบาท) และระยะวิ่งของแบตเตอรี่อยู่ที่ 215 ไมล์ (346 กม.) เทสล่า โมเดล 3 นับเป็นความพยายามครั้งสำคัญของบริษัทในการขยายธุรกิจออกจากตลาดรถยนต์หรูมาสู่ตลาดแมส “ขั้นสุดท้ายของแผนแม่บทของเราคือรถยนต์สำหรับตลาดแมสที่มีราคาไม่แพงจนเกินไป” มัสก์กล่าวในการเปิดตัวรถยนต์รุ่นล่าสุด

ปีที่ผ่านมา ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าและไฮบริดในสหรัฐอเมริกาคิดเป็นสัดส่วนเพียง 2% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมดเท่านั้น ดังนั้นกระแสการตอบรับรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับตลาดแมสรุ่นแรกของเทสล่าจึงแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของความต้องการในเซ็กเมนต์ดังกล่าว “มันแสดงให้เห็นว่าอนาคตของรถยนต์ไฟฟ้าไม่ได้เลวร้ายจนเกินไป เราอาจเพียงแค่รอผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมที่สามารถตอบโจทย์ของผู้บริโภคได้” อเล็ก กูเตียร์เรซ นักวิเคราะห์จากบริษัทวิจัยด้านยานยนต์ เคลลี บลู บุ๊ก ให้ความเห็น


 


ผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นๆ กำลังเดินหน้าผลักดันรถยนต์ไฟฟ้าของตนเองออกสู่ตลาดเช่นเดียวกัน อาทิ เชฟโรเล็ต โบลต์ (Chevrolet Bolt) จากเจเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) รวมถึงนิสสัน ลีฟ รุ่นใหม่ ตลอดจนรถยนต์จากฟอร์ด มอเตอร์ และฮุนได ซึ่งเมื่อรถยนต์เหล่านี้และรุ่นอื่นๆ ออกสู่ตลาดในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า มีโอกาสที่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจะเติบโตขึ้นมามีบทบาทในตลาดรถยนต์โดยรวมมากขึ้น
http://www.thansettakij.com/2016/04/14/42910

ออฟไลน์ Alcatraz

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,608
    • อีเมล์
Re: Toyota: The next Kodak!?
« ตอบกลับ #42 เมื่อ: มิถุนายน 01, 2016, 01:13:25 »
ใครเคยดูหนังเรื่อง Big short บ้าง เป็นหนังเกี่ยวกับหุ้นในช่วงวิกฤษแฮมเบอร์เกอร์ กลุ่มพระเอกมองเห็นสัญญาณหุ้นตัวนึง ในขณะที่คนทั่วไปมองไม่เห็น ถึงขนาดไปกู้เงินธนาคารเพื่อไปซื้อหุ้นตัวนี้ ระหว่างนั้นหุ้นที่พวกพระเอกถือร่วงเอาหนักมาก โดนคนรอบข้างกดดันสุดๆ แต่พวกพระเอกยังอดทนถือต่อไป จนสุดท้ายพวกก็ตัวเอกก็ได้กำไรอย่างมหาศาล

ที่ผมยกตัวอย่าง ถ้ามันเหมือนโตโยต้าล่ะ แค่ตัวเองก้าวเดินเร็วกว่าคนอื่น เดินไปในทางที่คนอื่นไม่เดิน หมายถึงความดึงดัน? ถ้าวันใดทิศทางของโลกเปลี่ยนมาใช้ไฟฟ้ากันหมด คุณคิดว่าจะไม่มีวันนั้นหรอ

ต่างจาก kodak ยังไง ก็ kodak ไม่ใช่แค่ เดินเร็วกว่าหรือเดินช้ากว่า แต่หยุดเดินต่างหาก คนอื่นเดินเร็วเดินช้า มีหกล้มยังไง ก็ยังเดินต่อ แต่ไม่ใช่หยุดเดินแบบ kodak



จากอดีตถึงปัจจุบัน ปี 90 คนไม่นิยมเกียร์ออโต้ มาปี 2000เป็นต้นมา เกียร์ออโต้เริ่มเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
ต้นปี 2000 เกียร์ cvt เป็นสิ่งที่คนหลีกเลี่ยง ปี่ 2010เป็นต้นมา 70% ของรถตลาดเป็นเกียร์ cvt
ช่วง 90-2000 ซุปเปอร์ชาจน์ได้รับความนิยมไม่แพ้เทอร์โบ ปี 2010 ซุปเปอร์ชาจน์กลายเป็น 1% ของรถที่มีระบบอัดอากาศ


แสดงให้เห็นว่าโลกเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา สิ่งที่นิยมวันนี้อาจล้าหลังในวันหน้า

ออฟไลน์ Tee+...Lek

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 238
    • อีเมล์
Re: Toyota: The next Kodak!?
« ตอบกลับ #43 เมื่อ: มิถุนายน 01, 2016, 07:30:13 »
ปัญหาของเทสล่าไม่ใช่เรื่องเทคโนโลยีครับ แต่คือเรื่องความทนทาน (หรือที่ฝรั่งเรียกว่า Realibility) ในปีที่ผ่านมา ปัญหาที่แก้ไม่จบของเทสล่าก็เริ่มเกิดขึ้นแล้วเพราะอายุรถรุ่นแรกๆ ก็เกือบสองปีกว่า

ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า รถอเมริกันในประเทศของตัวเองยังมีปัญหาจุกจิกตลอด และที่น่าสนใจกว่านั้นคือ รถญี่ปุ่นอย่าง Toyota/Lexus เป็นอันดับหนึ่งด้านนี้ ตามมาด้วย Honda, Nissan รวมไปถึง Hyundai ที่มีอันดับดีกว่ารถอเมริกันทุกยี่ห้อเลย

ออฟไลน์ mamaman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,423
    • อีเมล์
Re: Toyota: The next Kodak!?
« ตอบกลับ #44 เมื่อ: มิถุนายน 01, 2016, 08:18:57 »


สรุป ง่ายๆ ไม่ต้องคิดอะไรมาก
รถ EV และ พลังงาน ทางเลือก คงไม่ได้เกิด ง่ายๆ

เพราะ ผลประโยชน์ จากการค้าน้ำมัน

ออฟไลน์ VORA

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 382
Re: Toyota: The next Kodak!?
« ตอบกลับ #45 เมื่อ: มิถุนายน 01, 2016, 09:09:36 »
ทำไมอ่านกระทู้นี้แล้วขนลุกแปลกๆ สงสัยมันเป็นเรื่องจริง อีก 5 ปี .....I CAR ของแอปเปิ้ลออกมา ดูซิจะเหมือนตอนออก I PHONE ครั้งแรกไหม คงมีคนไปแบบ KODAK แน่ๆ แต่ไม่ใช่ TOYOTA แน่ๆ ความจริงเอามือถือ มาเป็น MODEL วิเคราะห์น่าจะพอได้นะ ใครเป็น NOKIA ใครเป็น ฺฺBB  ใครเป็น SAMSUNG  ...... ผมมอง SAMSUNG เปรียบได้กับ KIA HUNDAI นะ  เก่งทำตัวรถแล้ว ปรับตัวเร็ว อาจจะลอก หรือเดินตามเขาบ้าง แต่รถไฟฟ้าก็มีอยู่แล้ว  หรือ soft ware อาจจะซื้อจาก GOOGLE ได้ ............ ลอง I CAR จาก apple ออกมา รับรอง KIA HUNDAI ออกตามได้อย่างรวดเร็ว

ออฟไลน์ P็๊้ีhu

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 90
    • อีเมล์
Re: Toyota: The next Kodak!?
« ตอบกลับ #46 เมื่อ: มิถุนายน 01, 2016, 09:10:28 »
อ่านจนเพลินไปเลยครับ 

หลากหลายความเห็น ....


ออฟไลน์ tvm

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,488
Re: Toyota: The next Kodak!?
« ตอบกลับ #47 เมื่อ: มิถุนายน 01, 2016, 09:13:01 »
เดี๋ยวมันก็มาตามกลไกการตลาดของมันเอง
แต่ผมว่าไม่เฉพาะโตโยต้า ทุกๆ เจ้าก็มีโอกาสพลาด แต่พื้นฐานที่ใหญ่ มันก็มาซึ่งความเสี่ยงพร้อมๆ กับความมั่นคง
ต่อให้รถไฟฟ้ามาขนาดไหนก็ต้องใช้เวลากว่าจะขยายไปทั้งโลก คุณคิดหรือว่าแค่ 10 - 20 ปี ทั้งโลกจะมีรถไฟฟ้าใช้และรถสันดาปในจะหมด ?

เทสล่าคนก็สนใจกัน แต่มันก็ยังคงอยู่ในส่วนของรถพรีเมียมราคาสูง ถึงจะมีรุ่นใหม่ที่ราคาถูกกว่าเดิมมา ก็ยังจัดอยู่ในกลุ่มราคาค่อนข้างสูงอยู่ดี หมายถึงมันยังไม่ได้เล็งตลาดแมสไง เพราะต้นทุน ฯลฯ หรืออะไรก็ตาม

แล้วเห็นแค่เทสล่ารุ่นใหม่มียอดจองเยอะมากๆ ก่อนผลิตขาย แล้วจะตุตะกันว่ารถไฟฟ้ากำลัง ผมว่ามัีนก็เวอร์ไปนะ
และเงินจองรถมันแค่ 1,000 เหรียญ (3 หมื่นกว่าบาท) เองนะ !?

สรุป ผมว่ารถไฟฟ้าจะมีการพัฒนาและได้รับความแพร่หลายมากกขึ้น โดยเฉพาะในประเทศพัฒนาแล้ว จากนั้นจะเริ่มขยายออกไปทั่วโลก แต่ขณะเดียวกับรถแบบดั้งเดิมก็จะยังคงมีที่ยืน เพราะคนส่วนใหญ่จะยังไม่สามารถเอื้อมถึงรถไฟฟ้าในระยะเวลาอันใกล้ และๆๆๆ ในบางประเทศ (เช่นไทย) ก็ไม่ได้มีกำลังการผลิตไฟฟ้ามากมายเพียงพอเหลือเฟือสำหรับส่วนนั้นด้วยนะครับ

ออฟไลน์ VORA

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 382
Re: Toyota: The next Kodak!?
« ตอบกลับ #48 เมื่อ: มิถุนายน 01, 2016, 09:31:06 »
ใช่เลยครับ lead time ตั้งแต่  I PHONE ออกครั้งแรก ดูดี ไฮโซ จนมาวันนี้ ....วันที่เด็กมัธยมหน้าปากซอยมี I PHONE ทุกคนยังใช้เวลาเกือบ 10 ปี   ....อุตสาหกรรมยานยนต์ไม่ใช่แบบนั้น มันมี กลไก ห่วงโซ่อุปทานขนาดใหญ่มากๆๆๆๆ ลงลึกถึงระะดับวิถีชีวิต ถ้าจะปรับตัวได้มาเป็นรถไฟฟ้าเต็มขั้น เหมือน ECO CAR คง 20 ปี เป็นอย่างต่ำ

ออฟไลน์ 2k

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,755
Re: Toyota: The next Kodak!?
« ตอบกลับ #49 เมื่อ: มิถุนายน 01, 2016, 09:32:42 »
น่าจะเป็นเพราะว่าเค้าทำงานแบบคนญี่ปุ่นมั้งครับเลยมุ่งมั่นกับเรื่องเดียวไม่ยอมเปลี่ยนใจ  :-X ผมคิดว่าแม้ในท้ายที่สุดจะไม่ได้รับความนิยมเครือโตโยต้าที่มีเงินทุนหมุนเวียนมหาศาลไม่น่าจะพังทลายไปเลย แค่เอากำไรจากส่วนอื่นๆโยกย้ายมาใช้แทนเท่านั้นเอง แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่โตโยต้าเห็นว่าความมุ่งมั่นของเค้าไม่ได้รับความนิยมและเริ่มสร้างปัญหาด้านการเงินขึ้นมาอันนั้นแหละครับส่อแววเจ๊ง  :-X ตามนิสัยของคนญี่ปุ่นที่มุ่งมั่นมากจนดื้อด้านไม่ยอมเปลี่ยนแปลงอะไรเลยนั่นแหละจะเป็นสาเหตุ ยิ่งเป็นองค์กรณ์ขนาดใหญ่ด้วยแล้วการที่จะเปลี่ยนแปลงวิสัยทัศน์ที่ทำมานานแล้วยิ่งยากเข้าไปใหญ่  :-X
หมาเฝ้าบ้านแจกฟรีจ้า www.dogfindhome.com


ออฟไลน์ Auto Messe

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 400
Re: Toyota: The next Kodak!?
« ตอบกลับ #50 เมื่อ: มิถุนายน 01, 2016, 09:51:35 »
ผมคิดว่าพอเกิดปรากฏการณ์เทสล่าฟีเวอร์ ป่านนี้ค่ายโตโยต้ากำลังหันมาซุ่มวิจัยเตรียมพร้อมแล้วละครับ ถ้าเทรนมันมาทางนี้จริงๆไม่นานโตโยต้าก็คงเปิดตัว อาจไม่ได้เป็นเจ้าแรกแต่ก็อาจพัฒนาออกมาแล้วขายดีจนเป็นเจ้าตลาดไปอีกจนได้ อย่าลืมว่าโตโยต้าเป็นเจ้าแรกที่พัฒนารถไฮบริดออกมาขายในตลาดได้จริง แล้วรถไฮบริดมันก็คือรถกึ่งไฟฟ้าที่ยังมีเครื่องยนต์นี่แหละ ถ้าเทคโนโลยีแบตเตอรี่พร้อม แค่เอาเครื่องยนต์ออกมันก็เป็นรถไฟฟ้าเต็มตัว ใครเคยลองขับโหมด ev ของรถไฮบริดก็จะรู้ว่ามันคือรถไฟฟ้าดีๆนี่เองแหละวิ่งได้เร็วถึง 80-90 เพียงแต่ว่าได้ไม่นาน

ออฟไลน์ mamaman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,423
    • อีเมล์
Re: Toyota: The next Kodak!?
« ตอบกลับ #51 เมื่อ: มิถุนายน 01, 2016, 10:20:54 »


Toyota ไม่ล้มง่ายๆ
เพราะ สามารถ ผลิต ชิ้นส่วน ทุกชิ้นส่วน ที่สำคัญๆ ได้เอง เพื่อลดต้นทุน
มี ศูนย์ วิจัย

ต่างกับ ฝรั่ง ที่ คิดแต่ จ้าง ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
สุดท้าย

เงิน ลงทุน พัฒนารถยนต์ เทียบ กัน ระหว่าง Toyota กับ ค่าย อเมริกัน ต่างกันมหาศาล
แต่ Toyota กลับ มียอดขายรถใน ตลาดโลก ต่าง กับ ค่าย อเมริกัน มหาศาล

เบิ้ล สอง เลยครับ
ลงทุน น้อยกว่า มหาศาล
ยอดขาย มากกว่า มหาศาล

ออฟไลน์ delete

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,963
    • อีเมล์
Re: Toyota: The next Kodak!?
« ตอบกลับ #52 เมื่อ: มิถุนายน 01, 2016, 10:39:23 »
ผมว่าจขกท.โฟกัสผิดตัวไปหน่อย
เมื่อจะเทียบโกดัก ก็ต้องเทียบกับเพื่อนในวงการกล้อง

โกดัก คือ ฟิล์ม เป็นอนาลอก
สิ่งที่มาแทนคือ ไฟล์ เป็นดิจิตอล

ถ้าเทียบกับรถยนต์
ฟิล์ม ก็คือ น้ำมัน
ดิจิตอล คือ ไฟฟ้าEV

ส่วนโตโยต้า หรือ ค่ายรถอื่นๆ  หรือเทสล่า
ถ้าเทียบกับกล้อง ก็น่าจะเทียบกับ
นิคอน แคนน่อน ฟูจิ โซนี่ ฯลฯ
อย่างนี้น่าจะถูกต้องกว่า

ซึ่งถ้าหากเทียบแบบนี้แล้ว ก็คงจะเห็นทางออกของค่ายกล้องต่างๆ
ก็คือขยับไปในฟอแมตใหม่ๆกันหมด และไปได้โดยง่ายๆเลย
อย่างเมื่อก่อนขยับจากฟิล์ม มาดิจิตอล
ตอนนี้ก็เริ่มขยับจาก กล้องระบบมีกระยก มายังกล้องไม่มีกระจก Mirrorless

ดังนั้น ถ้าจะห่วงพี่โตว่าเหมือนโกดัก

ผมว่า ห่วงพี่ป.ต.ท. ของเราจะดีกว่ามั้ง (รวมทั้งบ.น้ำมันทั้งหลายด้วย)
ถ้าจะไปก่อนเพื่อนก็น่าจะเป็นบริษัทน้ำมันพวกนี้


ออฟไลน์ nl2br

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,019
    • ร้านค้าออนไลน์
Re: Toyota: The next Kodak!?
« ตอบกลับ #53 เมื่อ: มิถุนายน 01, 2016, 11:17:34 »
ชอบเลยครับ กระทู้แบบนี้ เห็นแนวคิดหลากหลาย วิเคราะห์ด้วยเหตุผล
ดีกว่ามานั่งแขวะกัน
บล็อกข่าวไอทีกากๆ >> https://thaimobiletricks.blogspot.com/ << ข่าวมือถือ มือถือรุ่นใหม่

ออฟไลน์ mamaman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,423
    • อีเมล์
Re: Toyota: The next Kodak!?
« ตอบกลับ #54 เมื่อ: มิถุนายน 01, 2016, 11:52:23 »

ผมว่า ห่วงพี่ป.ต.ท. ของเราจะดีกว่ามั้ง (รวมทั้งบ.น้ำมันทั้งหลายด้วย)
ถ้าจะไปก่อนเพื่อนก็น่าจะเป็นบริษัทน้ำมันพวกนี้

ถูกใจ ใช่เลย
ปตท พลังงานไทย เพื่อใคร ?
พลังงาน ทางเลือกไม่ได้เกิดง่ายๆ หรอกครับ แต่มีไว้ ก็ดี
NGV เกิดได้แค่ในไทย เพราะ ปตท ขายเองจ้า
LPG ตอนแรกก็ขายพอ ใช่้เยอะ ขี้เกียจสกัด เพราะเอาขายเป็น พลาสติดหมดต้องนำเข้า ก็ ขึ้น ราคาจ้า

ตอนนี้ เดินท่อ ก็าส จากอ่าวไทย มาสร้าง โรงไฟฟ้า พลังงาน สะอาดกันเพียบเลย
มาดู เส้น 331 โรงไฟฟ้า พลังงาน ก็าช ธรรมชาติ เดินท่อก็าสตรง มาจากอ่าวไทย ขึ้นกันหลายโรง ตามแนว ท่อกาศจ้า
อาจได้เห็น สถานี้ เติมไฟฟ้า แถว ชลบุรี ระยองก่อนใครครับ

ออฟไลน์ Jacob

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,803
Re: Toyota: The next Kodak!?
« ตอบกลับ #55 เมื่อ: มิถุนายน 01, 2016, 12:43:59 »
อีกสิ่งหนึ่งที่น่าห่วงสำหรับพี่โตคือดีไซน์ ถึงรถดี ไฮเทค ล้ำยุค แต่ดีไซน์พี่เค้าไปไกลจนตามไม่ทันจริงๆ
ถ้าให้เลือกระหว่าง tesla ที่วิ่งได้แค่ 3 ร้อยกว่าโล กับ mirai ที่วิ่งได้ 5-6 ร้อยกว่าโล ผมก็ยังเลือก tesla นะ  8)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 01, 2016, 12:50:10 โดย Jacob »

ออฟไลน์ SLuang

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,816
Re: Toyota: The next Kodak!?
« ตอบกลับ #56 เมื่อ: มิถุนายน 01, 2016, 12:48:16 »
ไม่นะ ไม่มีวันเหมือน kodak

ผมว่า  ณ วันหนึ่งข้างหน้า เจ้า ev อาจมีข้อจำกัดในด้านมาตรฐานสิ่งแวดล้อม
เมื่อนั้นแหละจะเข้าทางเจ้าโต

ออฟไลน์ Jacob

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,803
Re: Toyota: The next Kodak!?
« ตอบกลับ #57 เมื่อ: มิถุนายน 01, 2016, 12:58:38 »
ไม่นะ ไม่มีวันเหมือน kodak

ผมว่า  ณ วันหนึ่งข้างหน้า เจ้า ev อาจมีข้อจำกัดในด้านมาตรฐานสิ่งแวดล้อม
เมื่อนั้นแหละจะเข้าทางเจ้าโต
ต้องดูการผลิตเชื้อเพลิงไฮโดรเจนด้วยครับ บางทีอาจส่งผลกระทบมากกว่า
ไม่รู้ว่าระหว่างเอาไฟฟ้าไปผลิตไฮโดรเจน กับเอาไฟฟ้าไปใช้ให้รถวิ่งอันไหนคุ้มกว่ากัน แต่เค้าว่าผลิตไฮโดรเจนใช้พลังงานมากกว่าที่ได้จากมัน หรือถ้าจะผลิตอีกวิธีก็จะได้พวก CO CO2 ทำให้โลกร้อนและเป็นมลภาวะอยู่ดี

ออฟไลน์ Tee+...Lek

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 238
    • อีเมล์
Re: Toyota: The next Kodak!?
« ตอบกลับ #58 เมื่อ: มิถุนายน 01, 2016, 15:19:46 »
ไม่นะ ไม่มีวันเหมือน kodak

ผมว่า  ณ วันหนึ่งข้างหน้า เจ้า ev อาจมีข้อจำกัดในด้านมาตรฐานสิ่งแวดล้อม
เมื่อนั้นแหละจะเข้าทางเจ้าโต
ต้องดูการผลิตเชื้อเพลิงไฮโดรเจนด้วยครับ บางทีอาจส่งผลกระทบมากกว่า
ไม่รู้ว่าระหว่างเอาไฟฟ้าไปผลิตไฮโดรเจน กับเอาไฟฟ้าไปใช้ให้รถวิ่งอันไหนคุ้มกว่ากัน แต่เค้าว่าผลิตไฮโดรเจนใช้พลังงานมากกว่าที่ได้จากมัน หรือถ้าจะผลิตอีกวิธีก็จะได้พวก CO CO2 ทำให้โลกร้อนและเป็นมลภาวะอยู่ดี

สุดท้ายแล้ว จุดจบของมันจะไปอยู่ที่รถไฟฟ้าครับ อยู่ที่ว่าจะใช้แบตเตอรี่เป็นแหล่งพลังงาน หรือจะใช้ลักษณะแบบไฮโดรเจน ซึ่งแท้จริงไม่ได้สร้างมาจากน้ำ 100% ยังจำเป็นจะต้องใช้ไฟฟ้าแรงสูงเพื่อผลิตไฮโดรเจนอยู่ดี

โดยส่วนตัวแล้ว แบตเตอรี่คือข้อจำกัดของทั้ง EV และ ไฮโดรเจนครับ เพราะอย่างที่หลายๆ ท่านกล่าวไว้แล้ว เทคโนโลยีของแบตเตอรี่ แทบจะไม่ไปไหนเลยตั้งแต่มี Lithium ออกมา ง่ายๆ ครับ แค่ระบบ Solar ที่ใช้ๆ กันอยู่ในบ้านเรา เกือบ 95% ใช้แบบไม่มีแบตเตอรี่ในระบบ ส่วนอีก 5% นั่นเกือบทั้งหมดใช้แบตเตอรี่แบบ Lead ดั้งเดิม ซึ่งดัดแปลงมาจากแบตเตอรี่รถยนต์ให้มี Deep Cycle มากขึ้น แต่ขายแพงกว่าเกือบ 2-3 เท่า แถมขนาดของแบตเตอรี่ที่ใช้นั้นยังใหญ่โตมากด้วย

ออฟไลน์ Kratipkuow

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 24
    • อีเมล์
Re: Toyota: The next Kodak!?
« ตอบกลับ #59 เมื่อ: มิถุนายน 01, 2016, 15:39:51 »
  สำหรับ TOYOTA ผมยังมองว่าเค้าแค่กำลังมองและรอดูการตอบรับของรถ EV เท่านั้น เพราะด้วยเทคโนลียีปัจจุบันเค้าก็มีอยู่แล้ว
โดยหลักการแล้ว EV กับ Hybrid ก็ไม่ได้แตกต่างกันมากถ้าจะเปลี่ยนจาก Hybrid --> EV ก็เพิ่มขนาดมอเตอร์ เอาเครื่องยนต์สันดาปออก
และเพิ่มขนาดของ Battery แต่จะต่างกันหน่อยตรงที่มอเตอร์ของ Hybrid เป็น AC Permanent Magnet Motor แต่ EV ของ Tesla เป็น AC
induction Motor
https://en.wikipedia.org/wiki/Hybrid_Synergy_Drive
https://en.wikipedia.org/wiki/Tesla_Model_S
  ซึ่งก็เป็นมอเตอร์ที่มีอยู่ในงานอุตสาหกรรมมานานแล้ว มีการพัฒนามาจนถึงจุดที่แทบจะอิ่มตัวแล้วด้วยซ้ำ ทั้งประสิทธิภาพและความแม่นในการควบคุม และใน ญี่ปุ่นเองก็มีผู้ผลิต Technology ด้าน Motor drive แต่เอาไปใช้งานกับรถไฟฟ้า หรืออุตสาหกรรม คงไม่ลำบากมากถ้า TOYOTA จะร่วมมือกับบริษัทเหล่านั้นผลิต EV ขึ้นมา ถ้ากระแสรถ EV จุดติดขึ้นมา ตามข่าวนี้
http://www.headlightmag.com/toyota-and-nissan-develop-new-battery/
TOYOTA ก็น่าจะยังไม่ตกขบวน เพราะแบตเตอรีก็ยังเป็นหัวใจของ EV อยู่ดี