ทำไมผมรู้สึกว่ารถพลังไฟฟ้าจะไม่ใช่เรื่องไกลตัวในอีกไม่ถึง 5 ปีข้างหน้า

kan.kom

ผมรู้สึกถึงแรงผลักดัน กระแสของรถ EV มากขึ้นเรื่อยๆในบ้านเรา
และผมคิดว่า ระดับราคา แม้มันจะไม่ใช่ระดับราคาที่ต่ำมาก
แต่ก็ไม่ใช่สูงจนคนใช้รถญี่ปุ่นราคาล้านต้นๆจะไม่สนใจซื้อ
เพราะผมมองว่า ในช่วงแรกๆ ภาครัฐจะสนับสนุนรถประเภทนี้ด้วยนโยบายอะไรซักอย่าง
เพื่อให้มันมีจำนวนยอดขายมากพอสำหรับการลงทุน และถึงจุดคุ้มทุนไวๆครับ



Arado_kung

- อย่าพึ่งฝันอะไรมากครับ มีเรื่องเล่าให้ฟังขำๆเรื่องนึงบ้านผมรู้จักรถไฮบริดเป็นกลุ่มแรกๆในไทยเลยมั้ง ช่วงยุคปี2000ต้นๆ ตอนนั้นโตโยต้าเอาพรีอุส gen 1 มาโชว์ในงานวิชาการแห่งนึง คนดูกันแบบโหรงแหรงมาก ผมกับแม่เข้าไปซักถามรายละเอียด เค้าใจว่าน่าจะเป็นระดับวิศวกร เพราะอธิบายได้ละเอียดมาก ผมกับแม่ฟังเค้าอธิบายกลไก,หลักการทำงานอยู่ซักครึ่งชั่วโมงได้ จนผมเดินจากบูธมาแทบไม่มีคนสนใจเลย และหลังจากผมได้เจอพรีอุส gen 1 ผ่านอีกเกือบ10ปี ผมถึงได้เห็น camry hybrid มาเป็นรถประกอบในประเทศในราคาที่คนทั่วไปพอเอื้อมถึงได้ รถไฟฟ้าในตอนนี้ถ้าจะให้ราคาคนทั่วไปพอเอื้อมถึงได้ ต่อให้มันประกอบในประเทศก็ต้องเว้นภาษีนำเข้าชิ้นส่วนทั้งหมด และราคาขายปลีกตัวรถนั้นก็ต้องเก็บแค่ภาษีมูลค่าเพิ่มอย่างเดียว ไม่มีเก็บภาษีสรรพสามิตและภาษีอื่นซ้ำซ้อนอีก ถ้าถามผมโคตรยากครับ ประเทศไทยแทบไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย แถมจะสร้างปัญหาเรื่องความมั่นคงด้านพลังงานแทนอีกถ้าคนมาใช้รถไฟฟ้าเยอะๆในตอนนี้ อย่างที่คุยกันไปหลายกระทู้แล้วว่าพลังงานไฟฟ้าไทยมันใกล้วิกฤติเต็มทนแล้ว ต้องพึ่งมาจากนอกประเทศเพราะในประเทศสร้างโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ๆไม่ได้เลยค้านดะกันตลอด

- ล่าสุดได้ข่าวอัพเดตมาว่าวันนี้ (11ส.ค.59) จะมีการประชุม สมอ. ว่าด้วยเรื่องมาตราฐานปลั๊กเสียบชาร์จไฟของรถไฟฟ้าประเทศไทยระหว่างมาตราฐานของยุโรป (IEC ปกติไทยอิงมาตราฐานนี้ตลอด) กับมาตราฐานญี่ปุ่น (Chademo ค่ายรถญี่ปุ่นดันมาสุดฤทธิ์) โดยส่วนตัวชอบมาตราฐานยุโรปมากกว่ามีหัวเสียบแค่แบบเดียว ใช้ได้ทั้งสถานีชาร์จและไฟบ้านและรถไฟฟ้าหรือไฮบริดเสียบปลั๊กส่วนใหญ่ของโลกใช้แบบนี้กัน ส่วนมาตราฐานญี่ปุ่นนั้นใช้หัวเสียบ2แบบแยกระหว่างสถานีชาร์จกับไฟบ้าน ทำให้ต้องมีเต้ารับที่รถถึง2แบบเปลืองเนื้อที่มากมาย แถมมีใช้แค่ญี่ปุ่นประเทศเดียวเท่านั้น
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 11, 2016, 00:11:06 โดย Arado_kung »



bingoman

ก็เพราะรถพลังไฟฟ้า มันก็มีในปัจจุบันแล้วสิครับ

จขกท. ถึงรู้สึกว่ารถพลังไฟฟ้าจะไม่ใช่เรื่องไกลตัวในอีกไม่ถึง 5 ปีข้างหน้า

ยกตัวอย่าง
Nissan Leaf
BMW 330e
Benz C350e
Porsche Cayenne S E-Hybrid

ผมว่ามันไม่ไกลตัวเลย
จริงๆ ถ้ามีเงินเหลือๆ ก็อยากจะลองใช้เหมือนกันนะ อย่าง C350e นี่
แต่ถ้าต้องให้ใช้ยาวๆ  ผมก็คงจะเมินครับ  จะเอามาใช้ก็ถ้ามีรถคันหลักหรือมีรถสำรองอยู่แล้วมากกว่า 



380Z

สำหรับประเทศเรายังไกลครับ จะเอาไฟมาจากใหนใช้เยอะขนาดนั้นครับ



ps000000




MoO Cnoe

1. อย่างแรก ตั้งสถานีชาร์จไฟให้เท่ากับจำนวนปั๊ม NGV ในตอนนี้ให้ได้
ก่อนครับ เคยเห็นภาพรถต่อคิวเติม NGV มั้ยครับ รถไฟฟ้าก็จะเป็นเช่นนั้น
ถ้าสถานี Charging Station ยังไม่พร้อม

อันนี้พูดถึงรถ EV ไฟฟ้าล้วนนะครับ ไม่นับ Plug-in Hybrid ที่ยังสามารถ
ใช้เครื่องยนต์วิ่งได้ กรณีไฟฟ้าหมด

ไม่รวมไปถึงพลังงานไฟฟ้าในบ้านเรา มีรองรับเพียงพอหรือไม่ ขนาดหน้าร้อน
ยังมีข่าวออกมาทุกปี ว่าใช้งานกันเกินโหลด หรือ ช่วงต่างๆ ยังต้องมีการรณรงค์
ปิดไฟ ประหยัดพลังงานกันเลย

โดยส่วนตัวผมว่า ต้องพัฒนาแหล่งผลิตไฟฟ้า รวมถึง สถานีชาร์จกันก่อน
ก่อนที่จะก้าวข้ามไปผลักดันรถไฟฟ้าล้วน EV

2. ทุกวันนี้ คนเลิกกลัวรถระบบ Hybrid ได้หรือยัง? ซ่อมแพง อะไหล่แพง
กลัวแบตเสีย พอเป็นรถไฟฟ้า EV ทำไมไม่กลัว ทั้งๆที่ส่วนที่กลัวกันในรถ
Hybrid มันก็มีเหมือนกันในรถไฟฟ้าล้วน EV ผมแอบงงตรงนี้เหมือนกัน



Pegasus7700

รัฐบาลกำลังผลักดันให้เกิดครับ ผมก็คิดเหมือนท่านผู้ตั้งกระทู้นะ

ส่วนinfrastructure ที่related ก็ต้องทำควบคุ่กันไป
...ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป...

MERCEDES BENZ W212 '12
FORD FOCUS 2.0 Gdi '13
HONDA Civic RS '20
VOLVO XC60 Hybrid Inscription '19
FORD EVEREST 2.0 Bi Turbo '22



muzaa

ตรงๆน่ะครับเรื่องบำรุงรักษาและการเปรียบเทียบกับรถติด gas ครับ
             -เรื่องแรกขนาดรถ  hybrid  toyota ทั่วโลกมีเป็นล้านคันในบ้านเราก็หลายหมื่นหรืออาจจะถึงแสนคันแล้วยังมีคนบอกอะไหล่แพงรวมทั้งช่างนอกศูนย์ยังไม่มีความรู้เท่าไหร่ทั้งๆเป็นเทคโนโลยีที่เป็นสิบปีแล้ว
              - เรื่องที่ 2 เดี่ยวต้องมีคนบอกว่าแพง ไม่คุ้ม เอาเงินไปซื้อรุ่นธรรมดาติดแกสดีกว่าประหยัดเงินได้เยอะ อย่าลืมน่ะครับมันเป็นเทคโนโลยีใหม่ต่อให้ลดภาษีก็ตามแต่อย่าลืมครับเครื่องยนต์สันดาปมีมาตั้งแต่ตั้งบริษัทแต่ไฟฟ้าเพิ่งเริ่ม mass มันไม่มาในราคา 3-4 แสนแน่ครับคงเริ่มต้นๆต่ำสุดน่าจะประมาณ 1000000 บวกลบ นอกจากเรื่องต้นทุนแล้วก็ยังมีเรื่องภาพลักษณ์ที่position สูงกว่ารุ่นทั่วไปหรือธรรมดาแน่

        จาก 2 ปัจจัยนี้ผมว่าอย่างน้อย 10 ปีถึงเริ่มมีเข้ามาแบบ mass เหมือน toyota เอา camry hb มาประกอบเมื่อปี 2009 ที่เริ่มเป็นการเปิดยุค hybrid แบบ mass ในเมืองไทยครับ



DriveOnly

1. อย่างแรก ตั้งสถานีชาร์จไฟให้เท่ากับจำนวนปั๊ม NGV ในตอนนี้ให้ได้
ก่อนครับ เคยเห็นภาพรถต่อคิวเติม NGV มั้ยครับ รถไฟฟ้าก็จะเป็นเช่นนั้น
ถ้าสถานี Charging Station ยังไม่พร้อม

อันนี้พูดถึงรถ EV ไฟฟ้าล้วนนะครับ ไม่นับ Plug-in Hybrid ที่ยังสามารถ
ใช้เครื่องยนต์วิ่งได้ กรณีไฟฟ้าหมด

ไม่รวมไปถึงพลังงานไฟฟ้าในบ้านเรา มีรองรับเพียงพอหรือไม่ ขนาดหน้าร้อน
ยังมีข่าวออกมาทุกปี ว่าใช้งานกันเกินโหลด หรือ ช่วงต่างๆ ยังต้องมีการรณรงค์
ปิดไฟ ประหยัดพลังงานกันเลย

โดยส่วนตัวผมว่า ต้องพัฒนาแหล่งผลิตไฟฟ้า รวมถึง สถานีชาร์จกันก่อน
ก่อนที่จะก้าวข้ามไปผลักดันรถไฟฟ้าล้วน EV

2. ทุกวันนี้ คนเลิกกลัวรถระบบ Hybrid ได้หรือยัง? ซ่อมแพง อะไหล่แพง
กลัวแบตเสีย พอเป็นรถไฟฟ้า EV ทำไมไม่กลัว ทั้งๆที่ส่วนที่กลัวกันในรถ
Hybrid มันก็มีเหมือนกันในรถไฟฟ้าล้วน EV ผมแอบงงตรงนี้เหมือนกัน

ข้อ 2 นี่ก็งง พอรถ hybrid ข้อเสียมาเต็ม พอ EV กลับอยากได้กัน

ส่วนข้อเสนอแนะอีกอย่างที่อยากให้คำนึงมากๆๆ คือเรื่องของมลพิษ รถคันไหนปล่อยมลพิษเยอะต้อง
เสียภาษีประจำปีสูงกว่าปกติ  ไม่งั้นมันไม่จูงใจให้คนใช้ เพราะแค่ประหยัดน้ำมันทางเลือกมันมีเยอะ ไหนจะส่วนต่างของค่าตัวรถ และราคาขายต่อที่คนส่วนมากจะใช้เป็นข้อมูลประกอบการซื้อรถ

แต่ข้อเสนอแนะนี้คงเกิดยาก




Newhang

อยากได้รถ hybrid plug in นอนชาจน์ที่บ้านได้ สถานีชาจน์ผมไม่สนใจ  ราคารถยุติธรรม ไม่ใช่บริษัทรถเอาค่าน้ำมันไปหมดแล้ว  ตรงนี้ภาษีต้องต่ำ

เท่านี้ผมว่าประชนชนซื้อได้นะ เพราะยืดหยุ่นที่สุด



mamaman


ผมมองว่า ทุกอย่าง ขึ้นอยู่กับ รัฐบาลและ นายทุน ที่มีอิทธิพล และผลประโยชน์ร่วมกันอยู่
สิ่งที่ได้กับรถไฟฟ้าคือ ถนนสะอาด แต่มันแทน รถทุกประเภท ไม่ได้อยู่ดี ?
แต่เห็น หน่วยงานรัฐ สนับสนุนออกนกหน้าเลย

แต่ผมว่ามันไม่ไกลตัว มันเริ่มแล้ว
เพียงแต่ เมื่อไหร่ ที่ มันจะสามารถ ใช้งานจริงๆได้ และ เอื้อมถึง สะดวก และ เหมาะสม
ใน บ้านเราก็มี PHEV หลายคัน ซึ่ง ราคาก็อย่างที่เห็น

ผมต้องขับรถที 600  กิโลต่อวัน อยู่บ่อยๆ รถไฟฟ้าคงไม่ไหว




apinui

ปัจจัยแรก ..

1.ราคาน้ำมันถูกลง ......
2.เครื่องยนต์สมัยใหม่ สามารถประหยัดน้ำมันได้มากขึ้น
3.ค่าไฟฟ้า แพง ถ้าคุณใช้รถ EV โดยมาชาจที่บ้าน แล้วสรุปบิลไฟฟ้ารวมมาเกือบ 10000บาท ในเดือนนั้นจะทำไง
4.สถานีชาจ จะคิดค่าไฟฟ้าหน่วยละกี่บาท เฉลี่ยแล้วคุ้มกว่าเติมน้ำมันหรือเปล่า (ยังไม่รวมเสียเวลานั่งรอ เพราะชาจไฟคงไม่ใช้เวลา 10 นาทีเหมือนเติมน้ำมัน )
5.ราคารถ แพงมาก ซื้อรถยุโรป เครื่องดีเซลที่วิ่ง 20Km/ลิตร ได้ 2 คัน

ถ้าตามปัจจัยนี้ จะเกิดไหมล่ะ .....



Barracuda

ไกลครับ ผมมองว่ามีพลังบางอย่างขวางคลองอยู่
พลังงานบางอย่าง



P็๊้ีhu

ต้องชั่งน้ำหนักข้อดี-เสีย  ของแต่ละประเทศก่อนขึ้นกับปัจจัยหลายอย่าง

ประเทศฝรั่ง ญี่ปุ่น เป็นเจ้าของเทคโนโลยี มีแต่ได้กับได้

แต่กับประเทศไทย หรือประเทศผู้บริโภค มีหลายมุมมองหลายปัจจัย

การเกิด EV อาจทำลาย supply chain ของกลุ่ม บ.ผลิดชิ้นส่วนทั้งหมด รวมถึงศูนย์บริการทั่วประเทศ

กลุ่ม ปตท. โรงกลั่นน้ำมัน หมดประโยชน์  และต้องเสียเงินสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่ม


ส่วนตัวคิดว่า  ประเทศไทยยังไม่พร้อมทางเศรษฐกิจ และโครงสร้างพื้นฐาน



MacH1

ไกลครับ ผมมองว่ามีพลังบางอย่างขวางคลองอยู่
พลังงานบางอย่าง

ขอเดาว่า

carbon industry ที่ไม่ใช่ electricity ืที่มีคำแถประมาณสมบัติของชาติ ใช้อยู่มุกเดียว

ค่ายรถเจ้าตลาดทั้ง passenger, commercial

Supplier ชิ้นส่วน   




porcupine

ต้องชั่งน้ำหนักข้อดี-เสีย  ของแต่ละประเทศก่อนขึ้นกับปัจจัยหลายอย่าง

ประเทศฝรั่ง ญี่ปุ่น เป็นเจ้าของเทคโนโลยี มีแต่ได้กับได้

แต่กับประเทศไทย หรือประเทศผู้บริโภค มีหลายมุมมองหลายปัจจัย

การเกิด EV อาจทำลาย supply chain ของกลุ่ม บ.ผลิดชิ้นส่วนทั้งหมด รวมถึงศูนย์บริการทั่วประเทศ

กลุ่ม ปตท. โรงกลั่นน้ำมัน หมดประโยชน์  และต้องเสียเงินสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่ม


ส่วนตัวคิดว่า  ประเทศไทยยังไม่พร้อมทางเศรษฐกิจ และโครงสร้างพื้นฐาน
เห็นด้วยที่สุด บ้านเรายังคงเป็นแค่ฝัน



McDee

กพช.เคาะล้วงเงินกองทุนอนุรักษ์ฯผุดปั๊มชาร์จรถEV  100แห่งใน 2 ปี

    โดยกำหนดเกณฑ์สำหรับการขอสนับสนุนเป็น 2 รูปแบบคือ การขอสนับสนุนสำหรับหัวชาร์จไฟแบบเร็วที่ใช้เวลาชาร์จประมาณ 30 นาที (ควิกชาร์จ) จะอนุมัติ 60 หัว เป็นเงิน 1 ล้านบาทต่อหัว และการขอสนับสนุนหัวชาร์จแบบธรรมดาที่ใช้เวลาชาร์จประมาณ 5 ชั่วโมง (โนมอล ชาร์จ) จะอนุมัติ 40 หัว เป็นเงิน 1 แสนบาทต่อหัว ซึ่งภายในเดือน ก.ย.59 นี้ จะเปิดให้เอกชนที่สนใจยื่นใบสมัคร คาดว่าภายใน 2 ปี จะมีผู้ที่เข้ามาขอสนับสนุนครบ 100 หัวจ่าย

ที่มา: http://www.manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9590000079820


อีกหน่อยอาจจะได้เห็นหัวจ่ายไฟฟ้าเอกชนตาม โรงแรม หรือ สถานที่ท่องเที่ยว เหมือน ปั้มหลอดแก้ว ข้างทาง มั้ง



yourturle

มันมาใกล้ตัวเรามากขึ้น แต่เราเดินห่างมันออกไป เพราะ ราคา ค่าตัว ค่าใช้จ่าย บำรุงแบต 
One Day.



SM.

ผมว่าอีกนาน กว่ารถแบบนี้จะมาเป็น mass



whoami

ถ้าเป็นรถ Hybrid หรือ Plug in Hybrid ไม่ไกลครับ มีเยอะหลายรุ่นแล้ว

แต่ถ้าเป็นรถไฟฟ้าแท้ๆ แบบ tesla ไม่ต้องห้าปีเลย ต่อให้สิบปีข้างหน้า ผมว่าก็ยังไม่แพร่หลายในบ้านเรา

ค่ออาจมีคนมีเงินซื้อมาใช้บ้าง แต่กลุ่มตลาดใหญ่ก็ยังใช้เครื่องยนต์สันดาปตามปกติ




Yamaha

ไกลครับ ผมมองว่ามีพลังบางอย่างขวางคลองอยู่
พลังงานบางอย่าง

ให้ไกลๆเลย



mamaman

ชาร์ทพลังงาน ปริมาณ สูงๆ ในเวลาอันรวดเร็วนี่ เข้าใจว่า ต้องลงทุนเครื่องมือราคาสูง
แต่มันสูง ถึง หัวละ หนึ่ง ล้าน เลยเหรอพี่น้อง??????????

ถ้าเปลี่ยนคำว่าหัวเป็น Station หรือ Equipment ที่ ชาร์ทได้ทีละหลายๆคัน ก็ OK ครับ

แต่ หนึ่งล้าน ชาร์ทได้ คันเดียวไม่น่าจะใช่นะ



sukhontha

....ผมรอไฮโดรเจนของนิสสัน อีกสี่ห้าปี ข้างหน้า.....แทน



mamaman

....ผมรอไฮโดรเจนของนิสสัน อีกสี่ห้าปี ข้างหน้า.....แทน

นี่ นิสสันจะเอาด้วยเหรอ เดี๋ยวโดนเขวาะ Fail Fail Fail Fail Fail Fail

ขนาด Toyota Mirai ไฮโดรเจน ยังประกาศว่า จะขายแค่หลักร้อย ในปีแรกๆ
และ ยอดขายหลักหมื่น ใน ทศวรรษหน้า ซึ่ง ก็ชัดเจน อยู่แล้วว่า เพียงแค่ทางเลือกใหม่
และ Mirai  จะ ขายแค่ พื้นที่ๆ มี สถานี ไฮโดรเจน เท่านั้น ถ้าบ้านเรา ไม่มี ก็คงไม่ได้นำเข้ามาขายเอง

โดย ส่วน ตัวผมมองว่า Mirai มันไม่ Fail  ครับ เพราะไม่ได้หวังเอามาทดแทน EV หรือ Hybrid และ เป้าหมายยอดขายชัดเจน ตั้งแต่เปิดตัว
การที่มัน ขายได้ หลักพัน คัน ในปีแรกๆ ก็ถือ ว่า บรรลุเป้าหมายแล้ว
แต่อะไรก็ไม่แน่ อีก ห้า ปี อาจเห็น แท่นชาร์เต็มเมือง และ เริ่มมี สถานี ไฮโดรเจน บ้าง
แต่ผมว่าเมืองไทย EV น่านะเกิด แต่ ไม่มี ไฮโดรเจน


ปล.เดี๋ยวก็จะมีคนยอมไม่ได้ มาบอก  Toyota มัน Fail และ จะล่มสลายแบบ ฟิลม์ค่ายหนึ่ง เชื่อผมสิ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 11, 2016, 15:38:14 โดย mamaman »



ariazero

ในเมืองไทย สรุปสั้นๆว่า
เป็นไปได้ยากมากใน5ปีนี้ครับ
อีก15-20ปี เป็นไปได้ครับ
รถHybrid ทำตลาดมา15ปี++แล้วครับ(Hybrid ผมรวม LPG CNGด้วยนะ)
'8X Familia, '91 TFR ,
'94 Sunny B13, '98 520i (E28), '99 Sunny B14,
'08 Vios, '08 C200, '08 Vitara
'15 Vios, '17Accord G9 MC, '17 X1 18i



rosaniyomdeelerd

ไกลครับ ผมมองว่ามีพลังบางอย่างขวางคลองอยู่
พลังงานบางอย่าง

มาเถอะ EV ขอร้อง จะบังคับให้ไปชารจแบตกับท่านพลังงานบางอย่างก็ได้ โผ้มยอม



alpha14

มาเร็วได้เท่าไหร่ยิ่งดีครับ เบื่อกับราคาน้ำมันผันผวนจะแย่ละ



Fly to dream

ยังไงเรื่องรถไฟฟ้านี่คนระดับที่จ่ายเงินซื้อรถราคา 2 - 4 ล้านนั่นแหละที่จะซื้อ ผมไม่เชื่อว่าราคาจะต่ำกว่า 1.9 ล้าน และมันจะเป็นแค่ของเล่นของคนมีกำลังซื้อ

ไม่ใช่รถที่วิ่งไปทั่วแบบ B-seg ไม่มีทาง อย่างมากมันก็เป็นรถคันที่ 3 คันที่ 4 ของบ้าน มากกว่าจะเป็นรถคันแรกคือคันที่สองของบ้าน

ไม่คิดมากครับ ยังไงก็อาจเห็นมากขึ้น แต่ไม่ใช่จะเป็นรถที่คนทั่วไปซื้อหาได้แน่ๆ
ขยะของโลกออนไลน์​ในปัจจุบั​นคือเชื่อคนโง่ที่มีคำพูดสวยหรู​ หาข้อมูล​ไม่จริงมาโกหกคำโตๆ​ อีกอย่างคือพูดความจริงไม่หมด กับพวก​ Avatar ที่ทำเป็น​เก่ง​แต่เก่งน้อยในโลกความจริง​ซึ่งจะหาได้ง่าย



Nonlamer

ผมกลับมองว่าต้องนานกว่านั้นนะ 10+ อะ



VORA

ผมว่าใช้ model apple ได้นะ  ...Apple car ออกอีก 5 ปีข้างหน้า ก็คงอยู่แค่ตลาดบนมากๆ มี design เหมือนตอน I phone ออกครั้งแรก.....กว่า I phone ฮิตจับตลาด
กลาง ล่าง เด็กมัธยมถือกันเกลื่อน ก็อีก 5-7 ปี สรุปแล้วกว่าที่รถไฟฟ้าจะเกลื่อนเมือง ใครๆก็ใช้ ... 10 ปีขึ้นแน่นอน.........