สวัสดีครับ วันนี้ผมมีรีวิว Mazda CX-5 2.2D ตัวขับ 2 2016 สี jet black (สีใหม่) มาฝากกันครับ
ใครจำกันได้ผมเคยรีวิว New Pajero sport ตัวขับ 2 เอาไว้เมื่อเร็วๆนี้
วันนี้จะมารีวิวเปรียบเทียบความรู้สึกของรถให้ฟังกันพอสังเขปครับ1. ภาพลักษณ์ อันนี้สภาพรถก่อน ผมต้องบอกว่าบางคนก็มองว่าสวย บางคนก็มองว่ามันดูดิบๆ ซึ่งส่วนตัวผมมองว่า มันไม่สวยครับ แต่มันแค่ดูดี แต่ทรงมันดูไม่เสร็จ งานยังไม่จบ ตามันดูโปนๆ เหมือนนกฮูกเกาหลีง่วงนอน แต่ทรงทั้งคันพอดูแล้ว curve มันผมว่าลงตัวดี มันได้รูป แต่ถ้าดูด้านหน้าแล้วเพลียกับหน้าตามันเหมือนกัน ส่วนด้านหลังผมชอบครับ สวยเลยละ
2. คุณภาพงานประกอบ หลังจากรับรถมาใหม่ๆสดๆร้อนๆ ก็ตรวจเช็คแบบละเอียดว่ามีงานหลุด งานหยาบ ดีเฟคเล็กๆน้อยๆมั๊ย ผลปรากฏว่า .......
งานก็เรียบร้อยดีนะครับ ไม่เจอจุดที่ขัดใจเท่าไร่ แถมเอาไปลองวิ่งก็ไม่มีเสียงก๊อกแก๊กๆที่ไม่พึงประสงค์แต่อย่างใด
ที่ชอบคือสี jetblack จอดกลางแดดแล้วเห็นเม็ตสีระยิบระยับสวยมากๆๆ ยังกะโรยกากเพชรเลยทีเดียวเชียว
ล้างรถแล้วเงามากๆ สะท้อยเงาเลย (ผมไม่ได้เคลือบสี เคลือบแก้ว)
ปล อันนี้แอบแวะเติมน้ำมันกันก่อน ได้คูปองเติมน้ำมันฟรีมา 1000 บาท ก็ใช้ซะ....
3. เปิดฝากระโปงดูสักนิดสิ ห้องเครื่องไม่ได้โล่งแบบ ppv อย่าง npjs แต่ก็ไม่ได้แน่นมาก อุปกรณ์ก็มีก้านวัดนมค. และก็กระปุกน้ำมันเบรค และก็กระปุกน้ำหม้อน้ำ (รู้สึกพวกกระปุกๆพวกนี้มันดูง่อนแง่นๆ นุ่มมือยังไงก็ไม่รู้ กลัวหัก..)
4. ลองขับรถครั้งแรก ก็ต้องบอกว่า อือ ดีนะ ผมชอบ คือบุคลิกรถคันนี้มันอยู่ในแบบที่ถูกจริตผมพอสมควร คือทั้งชีวิตผมใช้รถยนตร์แข๊งๆ มาตลอด รถช่วงล่างแน่นๆ หนึบๆ ซึ่งเจ้า cx5 คันนี้มันอยู่ระหว่างรถแข๊ง กับรถนุ่ม (บางคนอาจจะบอกแข๊ง แต่ส่วนตัวผมว่ามีแอบย้วยเล็กๆ)
แต่โดยรวมก็โอเคสำหรับช่วงล่างเดิมๆ ใช้งานได้โดยไม่ต้องทำอะไรกับช่วงล่างเลย แถมมันยังมีความนุ่มหลงเหลือให้ลุยทางขรุขระได้แบบสบายๆด้วยนะ ถ้าเทียบกับคนที่ขับรถนุ่มๆมาก่อนอาจจะมองว่ามันแข๊ง แต่ผมมองว่ามันกำลังดี ไม่นุ่มไม่แข๊ง
5. ฟีลลิ่งของการขับและพวงมาลัย ต้องบอกว่าตอนที่ขึ้นไปควบเจ้า cx5 คันนี้ มันขับง่ายจริงๆครับ ควบคุมง่าย มันเหมือนเราไปขี่บนรถเก๋งเล็กๆ ยกสูง ขับมาจอดที่บ้านก็ไม่รู้สึกต้องปรับตัวอะไรเลย เหมือนขี่รถเก๋งดีๆสักคัน
ถ้าเทียบกับตอนถอย npjs นี่วันแรกลงมาแทบอ้วก โคลงไปเคลงมา นอนพักอยู่หลายชั่วโมงกว่าจะหาย
พวงมาลัยเบามือตอนความเร็วต่ำ ตอนรถวิ่ง บอกเลยว่าประเสริฐครับ พวงมาลัยนิ่ง ไม่ต้องคอยกุมพวงมาลัยเลย มันไม่วอกแวก ตัวรถไม่ดุกดิ๊กๆซ้ายขวาๆ ต้องคอยแต่งพวงมาลัยประคองรถให้มันอยู่ในแทร๊กเหมือน npjs แต่ความคมมันก็ยังสู้ fd ไม่ได้อยู่ดีครับ
ซึ่้งเจ้า cx-5 ผมว่ามันเป็นรถที่เหมาะกับใช้ในเมืองนะ เพราะการกดคันเร่งแบบแตะๆ แล้วรถมันพุ่งดี ไม่ต้องเหยียบคันเร่งลึก ทำให้ขับสบายในเมืองที่รถติดมากๆ
ข้อเสียข้อเดียวที่ผมเจอคือ ตอนใช้ความเร็ว
ปกติ fd ตอนช้าๆพวงมาลัยมันหนืดยังไง ตอนเร็วๆก็หนืดพอกันๆ แต่ cx5 ตอนเร็วๆมันหนืดขึ้นเยอะเลย ทีนี้ตอนขับมุดๆ เราเร่งความเร็วไปใกล้คันหน้าและเตรียมโยกหลบออกแซง เราโยกพวงมาลัยด้วยน้ำหนักปกติเหมือนที่เคยชิน รถมันเหมือนจะเลี้ยวน้อยกว่าที่ใจเราอยากให้มันไป มันเลยทำให้เหวอๆ ว่าเฮ้ย โยกไม่ไปโว้ย
ซึ่งข้อนี้ต้องปรับตัวครับ บางทีขับแรกๆผมไม่ชินน้ำหนักพวงมาลัย ซึ่ง CX5 เป็นรถที่ความเร็วสูง พวงมาลัยหนืดและหน่วงน้ำหนักดีมาก ขับทางตรงไม่ต้องประคองพวงมาลัยเลย แต่เวลามุดน้ำหนักพวงมามัยอาจจะต้องสาวเยอะหน่อยสักนิด ซึ่งตรงนี้ไม่ดีครับ
5. ช่วงล่าง ช่วงล่างตัว cx-5 ส่วนตัวผมให้เป็นช่วงล่างของรถ suv ที่ดีที่สุดในเซ็กเม้นที่ผมไปลองมา ยกเว้นแพ้อยู่ตัวเดียวคือ forester ที่ตัวนั่น นุ่มมากกก แต่การบริหารของเค้าที่ขึ้น ลง ราคาเล่นเป็นเด็กขายขนมครก กับราคาค่าอะไหล่และ ค่าเมนเท้นเน้นที่ผมทำใจซื้อไม่ได้ ก็เลยสุดท้ายจำใจต้องข้ามมันไป
ส่วนตัวอื่น crv, xtrail นี่ผมบอกว่ามันย้วยไป นิ่มไป แม้ผมจะอายุเยอะ แต่ก็ยังต้องการขับรถสนุกๆ ไม่ได้ต้องการพาแม่ยาย ขนภรรยาไปวัด หรือขนลูกไปทะเล ขับนิ่มๆ ลูกกับภรรยาร้องเพลงอยู่เบาะหลัง ป้อนข้าวกัน ชีวิตแบบนี้ไม่ใช่ของผมครับ
ซึ่งตัวนี้เท่าที่ลอง ผมจะบอกว่าตัว 2wd นี่ฟีลลิ่งการเกาะถนนตอนฝนไม่ตก วิ่งบนถนนดำแล้วแทบจะไม่ต่างอะไรกับ 4wd เลยยยยครับ ถ้าเงินคือปัญหา และขับแต่ในเมืองไม่ได้ไปลุยฝน หรือลุยอะไร ผมว่าเอาตัว 2wd ก็พอแล้ว คุ้ม (สำหรับผมคนเดียว)
บุคลิกของรถคันนี้คือมันเป็นรถดีเซลที่เงียบดีและไม่สั่น ถ้าเทียบกับอีกคันของผม (ppv) ตอนเดินเบาหรือรถติดมันจะสั่นแต๊กๆ ได้ยินชัด พอแอร์ตัดก็แต้กกกกๆๆๆๆ สั่นมาที่ขาและคอนโซล แต่ตัว cx5 บุคลิกมันใกล้เคียงกับรถเบนซินตรงเดินเบาเงียบ และตัวรถไม่สั่น
ส่วนช่วงล่างดูเฟริ์มทำให้ขับรถปลอดภัย โยกหลบไม่ตกใจ ไม่วูบ และเฟิร์มกำลังดีสำหรับใครที่รักการขับรถ ซึ่งถ้าถามว่าผมโอเคมั๊ย ตอบเลยครับว่า ผมชอบช่วงล่างแบบนี้ และการใช้งานประจำวันที่ไม่ได้อัดหรือแข่งกับใคร นี่ก็แทบจะไม่ต้องไปทำอะไรเพิ่มละ
6. ภายใน ก็อย่างที่รู้ๆกันว่า มันนั่งไม่ค่อยสบายเท่าไร่อะ ออกแนวแคบๆ อึดอัด แต่อย่างน้อยการวางขามันก็สบายกว่า npjs ตรงที่คอนโซลมันไม่บีบขา และเบาะคันนี้แข๊งนะครับ แข๊งโป๊กเลย ข้อดีคือใช้นานๆไม่ยวบมาก อยู่ทรง คล้าย fd ผมใช้มานานเบาะยังอยู่ทรงดีอยู่
ส่วนคอนโซลภายในก็สวยดีแบบเรียบร้อย สไตล์หนุ่มฟอร์มจัด แต่งตัวสำอางๆ เต๊ะท่าหน่อย แต่บทจะบู๊ก็ลุยได้ บทจะสุภาพก็ทำได้
พวงมาลัยให้ครูซคอนโทรลมา ให้สิริมา ให้บลูทูธรับสายมา และควบคุมเครื่องเสียง ซึ่งก็พอล่ะครับ แค่นี้ก็ครบๆ แต่มันขาด paddle shift ไปอย่างนึง ถามว่าเป็นไรมั๊ย ก็ต้องบอกว่า ไม่เป็นไรหรอก ปกติผมขับ fd mt มาตลอด รู้สึกว่าไอ้ paddle shift เนี่ยมันไม่ได้ฟีลเลยว่ะกิ๊ฟ มันไม่ใช่อะ มันไม่ใช่ ฟีลไม่เหมือนโยกเกียร์เองเลยยยยย ซึ่ง mazda คงคิดเหมือนผม เลยจัด m+- มาให้ที่เกียอย่างเดียว แต่ข้อเสียคือ ยามคับขัน พอจะใช้ engine break คนที่ใช้เกียร์ at มันตบไป m แล้วโยกเกียไม่ทันหรอกครับ สัญชาติญาณคนขับ at มันจะไม่ไวและโยกสับเกียมาช่วยเบรคได้เร็วเหมือนคนขับ mt แน่ๆๆๆๆๆ
และก็ก้านพวงมาลัย ตัวนี้งานไม่ค่อยดีเลย มันเล็ก ดูจากงานผมเดาว่าเป็นพลาสติกแข๊งที่จับไม่กระชับมือ น่าจะให้เป็นยางนุ่ม หรือบุหนังสวยๆ นิ่มมาหน่อยเหอะ พวงมาลัยก้านเล็กไปเหมือนร eco มากกว่าจะอยู่ใน suv ทำให้ไม่ค่อยกระชับมือครับ
7. บนแผงหน้าปัด เครื่องเสียงก็ให้ cd มา และช่อง usb 2 ช่อง และมี Power outlet 2 ช่อง แต่ดันเอาอีกช่องไปไว้ข้างหลัง เอออออ (ผมไม่มีคนนั่งหลัง)
และการใช้งานเครื่องเสียงก็ทำได้ดีครับ ควบคุมเป็นระบบดี ไม่ต้องมานั่งกดเมนูลัดที่ถ้าไม่ได้อ่านคู่มือแล้วจะทำไม่ได้ อันนี้กดๆไล่ๆดูไปก็ทำได้เอง แม้เมนูจะต้องกดเข้าไปเยอะก็ตาม
ส่วนข้างๆเกียร์ก็ให้ที่คอนโทรลมาให้คล้ายๆจอยสติ๊ก ซึ่งผมว่าดี แต่มันอยู่ต่ำไปนิด ตอนขับรถ ถ้าไม่ชิน อาจต้องละสายตาลงมาดูว่าปุ่มไหนอยู่ตรงไหน และอันตรายได้
8. เครื่องเสียง นี่ผมโอเคครับ ปรับให้ดีๆ เฟดลำโพงมาที่ด้านหน้า (ด้านหลังไม่มีคนนั่ง ตอนแรกรถออกจากศูนย์มันจะตั้งลำโพงให้เสียงมาอยู่ตรงกลางรถซึ่งผมว่าฟังแล้วแย่ แต่พอปรับให้เฟดมาที่ตรงด้านหน้าแล้วเสียงดีเลย) ตัวนี้คุณภาพเสียงผมให้ดีพอประมาณ คืออยู่ในระดับรับได้ ฟังได้ แต่ไม่ก้องแก๊ง ตัวนี้ยังพอได้ฟีลว่า เออเป็นมันเครื่องเสียงรถนะ แม้มันจะไม่ได้ดีเด่อะไร แต่มันฟังได้ ปรับดีๆก็ฟังเพลินน่าพอใจครับ
9. แผงหน้าปัดด้านหน้าทำได้ดี บุนุ่ม คุมโทนได้ดูผู้ใหญ่ แต่ไม่แก่ และก็ไม่อวกาศ และไม่เด็ก เรียกว่าผมพอใจครับ ไม่ต้องพยายามจะหรูเหมือน fortuner ที่มีหนังสีชามาบุ แต่ทำไปทำมาแล้วดูสูงอายุ หรือไม่ต้องพยายามจะอวกาศแบบ honda รุ่นใหม่ๆ และไม่ต้องพยายามจะเป็นรถตู้และรถครอบครัวซะจนต้องยกเกียระเห็จไปไว้บนคอนโซลแบบ crv
และก็ไม่ต้องออกแบบเอาใจครอบครัวคุณหนูและผู้หญิงร้องว้าวว และจิกแขนพ่อบ้านให้ซื้อแบบ xtrail
10. แอร์ ก็เย็นดีนะครับ ก็ใช้ได้ ไม่ได้เย็นจัดแบบบ้าพลัง แบบ npjs และก็ไม่ได้เย็นชืดๆแบบ honda รุ่นใหม่ๆ เช่น hrv ที่สาวกหลายคนๆ พยายามจะแถว่า มันก็เย็นดี เย็นจนหนาว ใครบอกไม่เย็นก็ไล่ให้ไปติดฟิลม์ vcool ดีๆ 2-3 หมื่น เอิ่ม ถ้าแอร์ไม่เย็น มันก็คือไม่เย็น การติดฟิลม์คือการไปช่วยมันทางอ้อม ไม่ใช้ทางแก้ ถ้ารถติดฟิล์มถูกๆ หรือฟิล์มไม่ดีแล้วแอร์มันจะไม่เย็น ก็ให้ไปดูแอร์รถ taxi อย่าง altis เอานะ ว่ามันจำเป็นต้องติดฟิล์มดีๆมั๊ย ยอมรับกันตรงๆว่าแอร์ honda รุุ่นใหม่ๆมันเย็นน้อยกว่าชาวบ้านเค้า และสุ้ความร้อยได้น้อยกว่า (ผมก็ใช้ฮอนด้า และก็ยืดอกรับในข้อนี้ ก็มันเป็นความจริง)
ส่วนตัว cx5 มันกลางๆ ไม่มากไปไม่น้อย ก็เป๋นแอร์ปกติ ไม่ได้มีอะไรเด่นมาก
ปล. เป็นแอร์แยกฝั่งนะ แต่ไม่มีแอร์หลัง ซึ่งผมไม่สนใจ เพราะไม่มีคนนั่งหลัง และไม่รู้จะมีแอร์หลังเพือเป่าของด้านหลังไปทำไม
11. ยาง ให้ยาง 19 นิ้วมา เป็น toyo ค่า tradeware ตั้ง 300 ซึ่งก็น่าจะทนและใช้ได้นาน และค่าการหยุดบนพื้นที่เปียก A และค่าทนความร้อนก็ A
อะ เอาง่ายๆว่าแถมยางดี ทีนี้ก็ใช้ไป แล้วภาระก็มาตกอยู่ตอนเปลี่ยนยางนี่แหละครับ ปาดเหงื่อกันเลยทีเดียว ส่วนตัวผมถ้า 3 ปีเปลี่ยนยางคงหาแม๊กใหม่เลย หาขอบ 18 หรือ 17 ลง ค่ายางจะได้ถูกๆลงหน่อย จบนะ
ส่วนล้อแม๊กก็ลายสวยดี พอใช้ได้ ไม่ได้หวือหวา ไม่มีอะไรให้ชม และให้ด่า
12. ไฟหน้าตัวนี้เปลี่ยนเป็น LED แล้วนะครับ เป็น led รูปตัว C สวยดี ลองเปิดเทสตอนกลางคืน ออกแนวไม่ค่อยสว่าง เดินลงมาดูหน้ารถนี่ไม่รู้สึกว่าแยงตา และไม่ได้จ้ามาก ฟีลจะไม่ได้สว่างจนแยงตาเหมือน npjs, fortuner
และฟีลของไฟหน้าไฟท้ายมันทำเหมือนกันคือรูปตัว c ดูแล้วกวนๆไงไม่รู้นะผมว่า
13. ขุมกำลัง diesel 2.2 sky active พ่วงเทอร์โบ 2 ลูก (ไม่อยากจะคิดตอนซ่อมเลยจริงๆ อะเฮื้อกกก) อันนี้ดีงามครับ ให้แรงบิด 420 ที่รอบ 2000 กว่าๆ เรี่ยวแรงเหลือเฟือ เพียงพอสนองความต้องการของคนอย่างผมที่ขับรถตีนต้นดีๆแบบรถเกียร์ mt มาก่อนได้เลย เหยียบคันเร่งนิดๆรถก็ฮ้อ วิ่งยังกะแดกม้า แบบนี้มันทำให้ขับง่ายครับ เพราะเวลาคุณขับทางไกล (ถ้าไม่ใช่ครูซ) การที่คุณเหยียบคันเร่งนิดเดียวเนี่ยมันทำให้เมื่อยน้อยกว่ารถที่ต้องเค้น ต้องขยี้คันเร่งลึกๆ
อันนี้ขอยกตัวอย่าง Npjs ส่วนตัวผมว่าเหยียบนิดเดียวแล้วรถมันไม่ไป ต้องเหยียบเยอะ เมื่อยทีนมากกกกเลย ไม่โอเคครับ (ไม่ต้องบอกให้ไปติดคันเร่งไฟฟ้านะ)
ตอนคิ๊กดาวคืออะไรที่หฤหรรษ์มากๆครับ รถคันนี้ แต่ขากลับจากรับรถ ผมนั่งขับใจเย็นๆ เพราะไม่อยากขึ้นบนหน้าฟีดข่าวว่า หนุ่มใหญ่ใจร้อนถอยรถป้ายแดงจากศูนย์ได้ 5 นาทีก็ไปฟาดหลุดโค้งแบบที่ชอบเห็นบนหน้า facebook
ขากลับขับแบบแตะๆ ปล่อยคันเร่งบ้าง แตะๆจิบๆบ้าง โอ๊ย โคดมีความสุขเลยครับ รถมันวิ่งดี ไม่ต้องเหยียบมากมันก็วิ่ง สบายครับ เหมือนคนที่มีของดี มีแรงแต่ไม่จำเป็นต้องโชว์ ทำตัวหงิมๆ ติ๋มๆ สบายไปวันๆ พอจะเรียกใช้กดคันเร่งลงไปก็กลายร่างเป็นไอ้บ้าบนท้องถนนได้สบายเลย
ทีนี้ข้อดีอีกอย่างคือเครื่องตัวนี้ สต๊าร์ทรถนั่งในรถแล้วมันเงียบดีครับ เอาง่ายๆวาถ้าจอดติดไฟแดงแล้วรับเพื่อนขึ้นมานั่ง มันก็อาจจะเดาไม่ออกว่านี่รถดีเซล คือเงียบจริง เก็บเสียงดีครับ รถดีเซลถ้าไม่ดูวัดรอบ จะดูออกก็ตอนเดินเบานี่แหละครับ แถ่กๆๆๆๆๆๆแต่กๆๆๆ แบบ ppv นี่ ถ้าคุณอกหัก แล้วอยากจะปล่อยใจลอยออกไป เอาหัวพิงประตู น้ำตาไหล เหม่อออกไปนอกรถ บอกเลยว่าฟีลนี้ไม่ได้ครับ รถสั่นๆ หัวสั่นแต่กๆๆๆ เบาะสั่นเลยละกัน หมดมู๊ดจะโรแมนติกเลย เหอออๆๆ
แต่ cx5 ตัวนี้ นั่งในรถมันจะฟีลรถเบนซินอะ ไม่สั่นเลย fd ตอนแอร์ตัดยังมีสั่น แต่ตัวนี้แอร์ตัดไม่สั่น
แต่เสียงตอนนั่งในรถไม่ถึงกับเงียบกริ๊บแบบพวก camry, accord นะ ถ้าคุณปิดวิทยุ ปืดพัดลมแอร์มันจะยังแพ้รถเก๋ง c segment หรือรถเบนซินเงียบๆอยู่ คือยังแอบได้ยินเดินเบาของเครื่องดีเซลพอจางๆ แต่ก็เงียบใกล้ๆน้องๆ เบนซินแล้วละถ้าฟังในรถ แต่พอไปฟังนอกรถก็ อือออ โอเคครับ ดีเซล...
14. การเก็บเสียง ผมลองนั่งดู ก็ไม่ได้เงียบมากมายอะไรนัก ขับ 100-110 มีเสียงเล็ดลอดของเสียงด้านล่าง เสียงยางมาให้ได้ยินเป็นหลัก
ต้องบอกว่างี้ครับ เสียงลมสำหรับผมมันเก็บดีกว่า ppv อีกคัน เสียงด้านข้าง เสียงมอไซด์เวลาวิ่งผ่านเก็บดีแล้วครับ
แต่ถ้าเสียงช่วงล่าง เสียงล้อ เสียงถนน อันนี้จัดว่าแย่ครับ ไม่ดีเลย คือถ้าเทียบกับ fd ที่เหมือนโรงสีเคลื่อนที่แล้วก็ให้ดีกว่า fd มาหน่อย
แต่ถ้าเทียบกับแบรนด์อื่นอย่าง xtrail แล้วก็คงสู้เจ้านั้นไม่ได้เลย อันนี้ยอม อะยอมม (ทำเสียงกวนทีนๆ)
ต้องแยกนะ ถ้าเก็บเสียงด้านบน ทำได้ดีตามมาตรฐาน แต่ถ้าเสียงช่วงล่างของรถ อันนี้แย่ครับ
คือมันก็ต้องยอมรับว่า cx5 มันไม่ใช่รถเงียบ หรือรถที่ให้บรรยากาศสุนทรีในการขับรถที่เงียบสงบ แบบผู้บริหารเอารายงานมานั่งอ่าน มานั่งตอบ email มันไม่ใช่แบบนั้น แต่มันเป็นรถที่ให้บรรยากาศและฟีลลิ่งของคนที่ชอบขับรถ คนที่ขับรถเอง คนที่ขับลุย และรถมันตอบสนองและให้ฟีลลิ่งของการขับรถจริงๆ คือคุณยังได้ยินเสียงเครื่อง คุณยังได้ยินเสียงลม คุณยังได้ยินเสียงล้อตะกุย แต่ถ้าถามว่าเสียงมันดังเหมือนรถกระบะดีเซลสมัยก่อน หรือดังจนน่าเกลียดมั๊ย ต้องตอบว่าเฮ้ย มันไม่ได้แย่แบบนั้น มันโอเค เพียงแต่มันไม่ได้เป็น the best in class และเสียงยางจากช่วงล่างน่าจะทำได้ดีกว่านี้แค่นั้นเอง แต่มันไม่ได้หมายความว่ามันดังจนรับไม่ได้ มันไม่ใช่ดีเฟค และมันก็ไม่ต้องไปกดดันให้ผู้ผลิตเค้าแก้เหมือนพวงมาลัยของ npjs ที่เห็นชัดๆว่ามันเป็นดีเฟคและกระทบการขับขี่ (ก็มันอยู่ที่มือและมันคลอนที่มือ) แต่ผุ้ผลิตก็ไม่ยอมแก้ซะที
15. พื้นที่ใช้สอย อันนี้มาไฮไลท์สำคัญ ผมซื้อรถคันนี้มาเพือขนของ ไม่ใช่ขนคน ดังนั้นผมไม่ต้องการความสบายของเบาะ (การใช้งานจะพับเบาะหลังหมด) ผมไม่ต้องการความกว้างเหยียดแข๊งแหกขาได้ 180 องศา แต่ผมจะนั่ง 2 คน พับแถว2แล้วขนของ
คันนี้ทำการบ้านมาแล้ว เอาตลับเมตรไปวัด ถ้าวัดจากพื้นที่แคบสุด พื้นที่ด้านหลังไปชนเบาะหน้าคุณจะมีพท ขนของได้
กว้าง 105 ซม
สูง 77 ซม
ลึก 170 ซม
แต่ถ้าวัดแบบพื้นที่กว้างที่สุด คือหลบไอ้โป่งๆตรงซุ้มล้อแล้ว จะได้พื้นที่ถึง
กว้าง 140 ซม
สูง 77 ซม
ลึก 180 ซม (พื้นที่ลึกได้เพิ่มถ้าคุณดันเบาะหน้าแล้วขับแบบท่าผู้หญิงขับ เอามือมาขับพวงมาลัยชิดๆคอ)
กว้างอยู่นะครับ เอาง่ายๆ ถ้าพับเบาะหมด มันขนของได้มากกว่า npjs พับเบาะหมด (แต่ถ้า cx5 ไม่พับเบาะ ไปเทียบกับ npjs พับแถวสาม อันนี้ก็แน่นอนว่า npjs มีเนื้อที่มากกว่า)
สาเหตที่พับเบาะหมดแล้ว cx5 มีเนื้อที่เหลือมากกว่า แม้ npjs จะคันใหญ่กว่า จุคนได้มากกว่า พิกัดตัวรถมันใหญ่กว่าก็จริง
แต่ตอนพับเบาะของ npjs มันไม่ได้พับแบบราบ มันพับดันเบาะขึ้นไปตั้งชนกับเบาะหน้าทำให้เสียพื้นที่ด้านลึกไป ส่วน fortuner มันพับเบาะแบบด้านข้าง เลยทำให้เสียพท ด้านข้างครับ
คือคันนี้มันอาจจะแคบสำหรับคนที่อยากขนครอบครัวมากกว่า 4-5 คน หรืออาจจะแคบสำหรับคนที่จะขนจักรยาน (เพราะมันเตี้ยกว่า ppv ประมาณ 4-6 ซม.) แต่สำหรับผมที่ไม่ได้ขนจักรยาน ไม่ได้ขนคน ไม่ใช่มนุษย์ family man แล้ว มันขนของได้มากกว่า ppv ทั้งสองตัวแล้วครับ (เน้นลึก) ถ้าจะเอากว้างกว่านี้คงต้องไปรถกระบะ หรือรถตู้แล้วถอดเบาะออก (ตอนขับรถก็ใส่เสื้อเชิ๊ตขาว สภาพเป็นคนขับรถได้เลย)
16. ความสบายของเบาะ การขับขี่ ตอบห้วนๆเลย ไม่สบายครับ เบาะแข๊ง แต่ขับสนุก ให้จิตวิญญาณของคนขับรถ เอ้ย ของการขับรถได้ดี ไม่ใช่รถนั่งสบาย ส่วนเบาะหลัง เอาจริงๆ ไม่เคยนั่งครับ เพราะถ้าผมนั่งเบาะหลัง แล้วใครจะขับรถ และผมไม่แคร์ด้วย เพราะผมไม่มีคนนั่งเบาะหลัง ดังนั้นเบาะตั้งชันเกินไปอะไรนั่น สำหรับผมไม่นับเป็นข้อเสียครับ
17. เสียงอ๊อดๆแอ๊ดๆ ตอนขับ CX5 ไม่มีเลยครับ ทั้งเสียงคอนโซลแบบที่ฮอนด้าชอบดังตามคอนโซล ซันรูฟ และเสียงรางเบาะ และเสียงถังเครื่องมือดังอ๊อดแอ๊ดๆ
ppv ผมอีกคัน รางเบาะมันดังครับ ถ้าไม่มีคนนั่งหลัง หรือแม้แต่พับเบาะราบ แต่ถ้าไม่มีของวางทับ มันก็จะดัง อ๊อดๆแอ๊ดๆ ตามจังหวะขรุขระของถนน
ถามว่ารำคาญมั๊ย ก็ต้องตอบว่า รำคาญชิบ...เลย เปิดเพลงกลบยังได้ยินเลยเอาแบบนี้ละกัน
ส่วน cx5 นี้เงียบทุกอย่างครับ เดี๋ยวใช้ไปนานๆแล้วค่อยมาดูกันอีกทีครับ
และเท่าที่ดูการประกอบก็ดูดี โอเค ไม่มีอะไรหลุด qc ให้มาช้ำชอกใจเลย อ่ะผ่าน (เฉพาะคันนี้นะ ของคนอื่นผมไม่รู้)
เสียงอย่างเดียวที่ทำให้รถคันนี้มันไม่สุนทรีย์เท่าที่ควรคือเสียงจากด้านล่าง เสียงจากพิ้นถนน
18. การกินน้ำมัน ลองขับกลับมาจากศูนย์ รถยังใหม่ เลยกดแบบเบาๆ กดปิด ac บ้าง เฮ้ย 14-15 โลต่อลิตร พระเจ้า นี่ว่าจะไปลงแข่งขับประหยัดน้ำมันได้เลย รถมันประหยัดดีครับ ด้วยความเป็นดีเซล แตะคันเร่งนิดเดียว แรงบิดสูง เลยกินน้ำมันน้อย
ีขับในเมืองรถติดมากๆ ได้ประมาณ 12-13 โลลิตร
ขับในเมืองรถติดๆผสมนอกเมือง ได้ 14-15 โลลิตร
ขับทางนอกเมือง ตจว ยังไม่มีโอกาศได้เทสครับ ไว้เดี๋ยวเทวแล้วจะมาอัพเดท
19. ความสูงของรถ ไม่ได้สูงมาก แต่ก็ไม่ได้เตี้ยมาก กำลังดีครับ ไม่ได้เหมือนนั่ง ppv แต่เหมือนนั่งเก๋งแต่ยกสูงขึ้นไปอีกหน่อย
20. เบรค อันนี้ กล้าบอกเลยว่า ฟีลลิ่งการเบรคของ cx5 นี่คือ the best in class จริงๆครับ ดีมาก ดีเลิศ ไม่ต้องกดเยอะ แต่อยู่ หน่วงตามเท้า และยิ่งเลิศตรงที่ถ้ากดเบรคเยอะๆ แล้วช่วงล่างของรถมันไม่ยวบลงไปตาม เลยยิ่งทำให้ฟีลการเบรคมันดียิ่งขึ้นไปอีก อันนี้กล้าพูดว่าในบรรดา suv cx5 ความรู้สึกตอนกดเบรคให้ความรู้สึกดีสุด (ไม่ได้บอกว่าหยุดดีที่สุดนะ)
ส่วน fd นี่ขับมาช้าๆแล้วเบรคแรงๆ มันมักจะไม่อยู่ มันลื่น จะชนหลายครั้งแล้ว แต่พอขับเร็วๆ เหยียบเบรคลงไปบนแป้นช่วง 30-50% หรือไม่เกินครึ่งแป้น จะหยุด หน่วงหัวทิ่มดี ทำท่าเหมือนรถจะหยุดดี แต่ถ้ากดพรวดลึกกว่านี้จะลื่น และไหลต่ออีก เป็นอะไรที่ชิบห... มากๆๆๆ
ส่วน npjs ก็เบรคหน่วงดีครับ แต่โช๊คมันย้วย เลยทำให้เบรคแล้วหน้าทิ่ม เวียนหัว
21. เบรคมือไฟฟ้า อันนี้ทำลายความเชื่อของผมอย่างสิ้นเชิงว่าเบรคมือไฟฟ้าตอนดึงขึ้นมันต้อง แกร๊กวืดดๆๆ พอปล่อยเบรคเท้าแล้วรถไหลไปข้างหน้านิดนึงแล้วรถเบรคหัวทิ่ม พอปลดต้องหน้าทิ่มอีกทีแบบ ppv อีกคัน ส่วน hrv เห็นบอกมีเสียงช้างร้อง
ส่วน cx5 ตอนขึ้นเบรคไฟฟ้านี่เนียนดี ไม่สะดุด และไม่ได้ยินเสียงอะไร ส่วนตอนปลดเบรคก็มีสะดุดตอนรถจะออกตัวนิดๆ ถ้าคุณไม่ได้เหยียบเบรคเท้าช่วยไว้ ก็ถือว่าดีนะครับ ผมพอใจ แต่จริงๆผมชอบเบรคมือแบบธรรมดามากกว่า
สรุป ถามว่าชอบมั๊ย ตอบเลยว่าชอบมากครับ แต่ถ้าถามว่าชอบอะไร อันนี้ขอสรุปตามนี้ครับ
1. ชอบการขับขี่ ชอบเครื่องยนตร์ ที่เรี่ยวแนวใช้ได้
2. ชอบช่วงล่าง ที่กลางๆไม่ย้วยไม่แข๊งมาก แม้จะเป็นรถ suv แต่ก็ได้ความรู้สึกการขับขี่แบบรถเก๋งอยู่ นิดๆ
3. ชอบฟีลลิ่งการขับของรถ เวลาอยู่ในรถแล้วรู้สึกดี เป็นรถที่เหมาะกับการขับ มากกว่าโชว์ ไม่หรู ไม่สวย ไม่ลุย แต่มันรู้สึกดี (งงมั๊ย)
4. ชอบพื้นที่ขนของด้านหลังที่ให้มาแบบพอดีการใช้งานของผม (เน้นขนของไม่ขนคน)
5. ชอบหน้าจอ คอนโซล การตกแต่งภายในที่ดูคุมโทน ขรึมๆดี และเครื่องเสียงก็เสียงพอใช้ได้ (แต่ต้องดั้งดีๆนะ)
ไม่ชอบ
1. เบาะแข๊งๆนิดๆ นั่งไม่ค่อยสบายๆ และเสียงจากล้อ และพื้นถนนดังเกินไป รับรู้ได้ทุกรอยต่อบนพื้น (ส่วนเสียงจากด้านบนอันนี้ดีแล้วครับ)
2. ไม่ชอบแบต cx5 2.2 ที่มันแพงเกินไป รับไม่ได้อะราคาแบตศูนย์ 9000 ผมไม่โอเคครับ
3. ไม่ชอบล้อแม๊กขอบ 19 กับไซส์ยางแปลกๆที่หายางยากและแพง สรุปง่ายๆผมไม่ชอบของแพงนั่นแหละ อิอิ
4. ไม่ชอบ istop รำคาญอะบอกเลย เดี๋ยวจะหากระดาษมายัด กดปิดตลอดเวลาแม่ม
5. ไม่ชอบ DPF คุณรู้ปะครับ DPF มันคือต้นเหตุหลักของอาการน้ำมันเครื่องล้นของรถ cx5 ตัวดีเซลเลย
สรุปว่า มี 5 ชอบ กับ 5 ไม่ชอบ แต่เมื่่อเวทกันแล้ว ความชอบมันไปลงที่การขับรถซะส่วนใหญ่ ดังนั้นผมจะอยากสรุปว่ารถคันนี้ cx5 2.2 diesel มันคือรถที่เหมาะกับหนุ่มๆ ที่ชอบการขับรถ (จริงๆ) ชอบฟิลลิ่งการได้คอนโทรลรถ ได้แหวกอากาศหลังติดเบาะไปตามท้องถนนอย่างสง่างามโดยไม่โดนภรรยาบังคับให้เลือกรถย้วยๆ นั่งสบายๆอย่าง xtrail หรือรถ 7 ที่นั่งไว้ขนญาติผู้ใหญ่ที่มาบ้านปีละครั้งอย่าง npjs, fortuner ที่ยังมีดีเฟคเรื่องเกียกระตุก (fortuner) และพวงมาลัยคลอนของ Npjs
ส่วนถ้าคุณไปลองแล้วไม่ชอบ มันก็ตือไม่ชอบครับ คนเราชอบไม่เหมือนกัน ไม่ต้องมาด่าผม หรือไม่ต้องมาหาเหตุผลให้ชอบรถคันนี้ หรือไม่ต้องหาเหตุผลที่ชอบรถคันอื่น คนเราชอบไม่เหมือนกัน ส่วนตัวขอจบรีวิวเพียงเท่านี้ครับ สวัสดี
ลาไปด้วยรูปสวยๆของรถต่างค่าย ต่างแบรนด์ ต่าง segment แต่การขับขี่ผมว่า มันใกล้เคียงกันและคนที่กระโดดลงจาก fd มาขับ cx5 เนี่ย แทบจะไม่ต้องปรับตัวอะไรเลย รถมันต่อเนื่อง เหมือนเป็นภาคต่อของชายหนุ่มกลัดมัน วัยฉะกันที่สมัยหนุ่มๆอยากได้รถเท่ๆสักคัน แต่ไม่สนว่ามันจะดัง ช่วงล่างตึงตัง เสียงลม เสียงยางเข้าเพียงไร พอโตขึ้นเป็นผุ้ใหญ่ มุมมองดีขึ้น (มานิดนึง) ก็เติบโตมาเป็น CX5 ที่ไม่ทิ้งลายความห่ามของไอ้หนุ่มคนเดิม แต่สุภาพและเข้าสังคมได้ พร้อมจะมีครอบครัว พร้อมจะทำงาน แต่ก็ยังชอบปาร์ตี้อยู่ และนี่คือรถทั้งสองคันที่ว่าครับ
ื