อะไรเป็นตัวคุมการเร่งรอบเครื่อง

[Turin]

คำถามเบสิคเหมือนจะง่าย แต่พอคิดจริงๆแล้วแอบคิดไม่ออกเหมือนกัน (หรือผมไม่เข้าใจระบบเครื่องยนต์พอก็ไม่รู้)

ถ้าคิดเร็วๆก็จะบอกว่าคันเร่งใช่ไหมครับ ... แต่จริงๆแล้วคันเร่งมันไปคุมลิ้นคันเร่ง ซึ่งกำหนดปริมาณอากาศที่สามารถไหลเข้าห้องเผาไหม้ ... แปลว่าคันเร่งแค่คุมว่าเครื่องสามารถทำรอบได้แค่ไหน  การเร่งเครื่องคือการเปิดลิ้นคันเร่ง"ยอม"ให้อากาศผ่านเข้าห้องเผาไหม้ได้เร็วขึ้น ตามการดูดของเครื่อง เครื่องจึงสามารถทำรอบได้สูงขึ้น แต่ไม่ได้คุมให้รอบเครื่องสูงขึ้นโดยตรง (หรือเปล่า??)

ถ้าความเข้าใจผมถูก แล้วอะไรเป็นตัว"สั่ง"ให้รอบเครื่องสูงขึ้นครับ

[mamaman]

ผมว่า คุณ Turin พึ่งบอกผมไปเองว่า

Map ลิ้นปีกผีเสื้อ คุมโดย Torque Request Map โดย Map นี้ ก็จะรับคำสั่งจาก ECU ซึ่ง ECU ก็จะ ปรมวลผลจาก การเหยียบคันเร่ง
ตัวคุมคือ น้ำมันและ ลิ้นปีก ผีเสื้อไงครับ
คันเร่งแค่ไปบอก ECU ว่าเราเร่ง หรือ ผ่อน

ลองๆ วิ่งไปแล้วถอนคันเร่ง เครื่อง จะ ลดลิ้นปีก แถม ลดการจ่ายน้ำมัน ทำให้ รอบต่ำลงไง

[JF2KPNSX]

คิดว่าเป็นแรงที่ถีบลูกสูบนะครับ

เดินเบา ลิ้นหรี่
พอกดคันเร่ง ลิ้นเปิดเพิ่มขึ้น อากาศเข้ามาก สั่งจ่ายน้ำมันเพิ่ม รวมถึงพวกCR,องศาการจุด เหล่านี้ทำให้การจุดระเบิด รวดเร็ว รุนแรงขึ้น แรงผลักลูกสูบเร็ว แรง ต่อเนื่อง ทำให้เพลาข้อเหวี่ยงหมุนเร็วขึ้น ซึ่งมันจะมี rev sensor อยู่ ไว้จับว่าหมุนด้วยความเร็วรอบเท่าไหร่

ผมว่ามันสัมพันธ์กันไปหมด มากกว่าจะมีตัวคุมโดยตรงนะครับ
(มันไม่ใช่ว่า กดแล้ว รอบสูงไปก่อน ส่วนอากาศ น้ำมันถึงจะตามมา แต่เป็นกดแล้วอากาศ น้ำมันมา รอบจึงสูง)

[Sympho]

ต้องย้อนกลับมาดูรถคาร์บูเรเตอร์

Input คือ ระดับการเปิดของลิ้นเร่ง (ผู้คับเป็นคนกำหนด)

Output คือ รอบเครื่องที่เพิ่มขึ้นหรือลดลง

จาก Input >>> Output 

Process ของมันก็คือ อากาศไหลเข้ามาตามแรงดูดของลูกสูบ ซึ่งลิ้นเร่งเปิดมาก อากาศก็เข้ามาก

อากาศที่เข้ามา มันก็ไปดึงน้ำมันในคาร์บูเรเตอร์ ผสมกันเป็นไอดี เข้าห้องเผาไหม้

ปริมาณไอดีมาก แรงผลักลูกสูบก็มากขึ้น ทำให้ลูกสูบเครื่องที่ได้เร็วขึ้น (ที่ Load เท่าเดิม)

เป็นผลให้สามารถหมุนได้เร็วขึ้นใน 1 หน่วยเวลา

เครื่องหัวฉีดก็หลักการเดียวกัน เพียงแต่ใช้การประมวลผลการจ่ายน้ำมันจาก ECU เข้ามาแทนที่การจ่ายน้ำมันแบบคาร์บูเรเตอร์

[Turin]

ต้องย้อนกลับมาดูรถคาร์บูเรเตอร์

Input คือ ระดับการเปิดของลิ้นเร่ง (ผู้คับเป็นคนกำหนด)

Output คือ รอบเครื่องที่เพิ่มขึ้นหรือลดลง

จาก Input >>> Output 

Process ของมันก็คือ อากาศไหลเข้ามาตามแรงดูดของลูกสูบ ซึ่งลิ้นเร่งเปิดมาก อากาศก็เข้ามาก

อากาศที่เข้ามา มันก็ไปดึงน้ำมันในคาร์บูเรเตอร์ ผสมกันเป็นไอดี เข้าห้องเผาไหม้

ปริมาณไอดีมาก แรงผลักลูกสูบก็มากขึ้น ทำให้ลูกสูบเครื่องที่ได้เร็วขึ้น (ที่ Load เท่าเดิม)

เป็นผลให้สามารถหมุนได้เร็วขึ้นใน 1 หน่วยเวลา

เครื่องหัวฉีดก็หลักการเดียวกัน เพียงแต่ใช้การประมวลผลการจ่ายน้ำมันจาก ECU เข้ามาแทนที่การจ่ายน้ำมันแบบคาร์บูเรเตอร์

ขอบคุณครับ คิดอยู่พอดีเลยครับว่าต้องถอยไปดูเครื่องโบราณจะเข้าใจง่ายกว่า

แปลว่า อากาศ+น้ำมันมากขึ้น = ระเบิดแรงขึ้น = ลูกสูบวิ่งเร็วขึ้น = รอบจุดระเบิดสั้นลง = รอบเครื่องสูงขึ้น

แบบนี้แปลว่าถ้าเราทำให้ชิ้นส่วนต่างๆหมุน/เคลื่อนไหวได้ง่ายขึ้น (ลื่นขึ้น/เบาลง) รวมถึง flow ของอากาศดีขึ้น .. รอบก็จะเปลี่ยนได้เร็วขึ้นด้วยใช่ไหมครับ (แปลว่าการตอบสนองคันเร่งดีขึ้น โดยที่รถไม่ได้แรงขึ้น)

[Weetting]

ขอบคุณครับ คิดอยู่พอดีเลยครับว่าต้องถอยไปดูเครื่องโบราณจะเข้าใจง่ายกว่า

แปลว่า อากาศ+น้ำมันมากขึ้น = ระเบิดแรงขึ้น = ลูกสูบวิ่งเร็วขึ้น = รอบจุดระเบิดสั้นลง = รอบเครื่องสูงขึ้น

แบบนี้แปลว่าถ้าเราทำให้ชิ้นส่วนต่างๆหมุน/เคลื่อนไหวได้ง่ายขึ้น (ลื่นขึ้น/เบาลง) รวมถึง flow ของอากาศดีขึ้น .. รอบก็จะเปลี่ยนได้เร็วขึ้นด้วยใช่ไหมครับ (แปลว่าการตอบสนองคันเร่งดีขึ้น โดยที่รถไม่ได้แรงขึ้น)

หลักการง่ายๆครับ  น้ำมันมาก  อากาศมาก ส่วนผสมพอดี ก็แรงขึ้น  ในสมัยก่อนลูกสูบโตๆถีงได้เปรียบ  แล้วก็คุมโดยการเหยียบคันเร่งเพื่อเปิดอากาศเข้าลิ้นปีกผีเสื้อ (อย่างมาสด้าสองตัวก่อน Sky จูนเกี่ยวกับลิ้นปีกผีเสื้อแรงขึ้นจมแถมเมื่อความเร็วสูงๆระบบมันดันหรี่ลิ้นเองอีกต่างหากเหลือแค่ 3/10เอง  พวกจูนให้ลื้นเปิดเท่ากับการเหยียบคันเร่งในช่วงช่วงต้นได้  วิ่งกันยัน 200+ ทุกคัน)

ฉะนั้นเมื่อลูกสูบโตมากก็กินน้ำมันมาก   ทำยังไงให้อากาศเข้าลูกสูบเล็กๆได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม  นั่นคือเทอร์โบและหัวฉีดที่ปล่อยน้ำมันได้ฝอยขึ้นและแรงดันมากขึ้น

และในเมื่อหลักการนี้  เมื่อลูกสูบเบาลง(รวมถีงพวกพูเล่ย์ในระบบถ้าเบากว่าก็ดีกว่า)ก็สามารถทำให้รอบกวาดเร็วขึ้นได้ด้วยเป็นเงาตามตัว  แต่ลักษณะของหัวลูกสูบก็เกี่ยวด้วย (ผมอ่านมานานมากแล้วว่าลักษณะไหนดียังไง)   

สิ่งที่ทำให้เครื่องลื่นได้ง่ายที่สุดก็ น้ำมันเครื่องไงครับ 

[Yamaha]

ผมนึกว่าecuซะอีก

[mamaman]

ผมนึกว่าecuซะอีก

งง ก็ ECU ไปสั่ง พวกนี้อีกทีไงครับ

[Yamaha]

ผมนึกว่าecuซะอีก

งง ก็ ECU ไปสั่ง พวกนี้อีกทีไงครับ

ใจเย็นๆนะ.

เขาถามว่า """"แล้วอะไรเป็นตัว"สั่ง"ให้รอบเครื่องสูงขึ้นครับ"""
ผมก็ตอบของผมว่า. นึกว่าECU แค่นั้นเอง

หากคุณกำลังจะขยายความว่า

 ECU เป็นsoftware ในการควมคุมอุปกรelectronic อีกกี่ตัว อะไรบ้าง ด้วยหลักการอะไร

ผมกำลังรออ่าน

[Turin]

ผมนึกว่าecuซะอีก

งง ก็ ECU ไปสั่ง พวกนี้อีกทีไงครับ

ผมเข้าใจแบบนี้นะครับ

ECU คุมลิ้นปีกผีเสื้อ ตามคันเร่งและรอบผ่าน requested torque ครับ
ECU คุมน้ำมัน (duty cycle ของหัวฉีด) ตาม load เครื่อง (ปริมาณอากาศที่ถูกดูดมา)
ECU คุมองศาจุดระเบิดตามปัจจัยหลายๆอย่าง โดยรับ input หลักมาจาก crank position sensor

จะเห็นว่า ECU react ตามอะไรบางอย่าง ECU ไม่ได้ "สั่ง" ว่าให้จุดระเบิดบ่อยแค่ไหน ECU "สั่ง" ให้จุดระเบิดเมื่อ crank มาถึงจุดที่กำหนด ... ดังนั้น อากาศถูกดูดมามากขึ้นเพราะลิ้้นปีกผีเสื้อเปิดกว้างขึ้น (ตามการสั่งของ ECU หรือตามการดึงสายคันเร่ง) > ถูกชดเชย(โดย ecu) ให้จ่ายน้ำมันมากขึ้น > ทำให้จุดระเบิดแรงขึ้น > ทำให้ลูกสูบเคลื่อนที่เร็วขึ้น > ทำให้รอบการหมุนสั้นลง > ทำให้รอบเครื่องสูงขึ้น > ทำให้ ECU สั่งจุดระเบิดถี่ขึ้น

ปล สังเกตได้อีกอย่างคือในตารางจูน RPM ไม่ได้เป็น target ของตาราง แต่จะเป็นหัวตาราง (input) ... เลยน่าจะเป็นได้ว่า ECU ไม่ได้คุม RPM โดยตรงครับ

[Pegasus7700]

ขอบคุณครับ คิดอยู่พอดีเลยครับว่าต้องถอยไปดูเครื่องโบราณจะเข้าใจง่ายกว่า

แปลว่า อากาศ+น้ำมันมากขึ้น = ระเบิดแรงขึ้น = ลูกสูบวิ่งเร็วขึ้น = รอบจุดระเบิดสั้นลง = รอบเครื่องสูงขึ้น

แบบนี้แปลว่าถ้าเราทำให้ชิ้นส่วนต่างๆหมุน/เคลื่อนไหวได้ง่ายขึ้น (ลื่นขึ้น/เบาลง) รวมถึง flow ของอากาศดีขึ้น .. รอบก็จะเปลี่ยนได้เร็วขึ้นด้วยใช่ไหมครับ (แปลว่าการตอบสนองคันเร่งดีขึ้น โดยที่รถไม่ได้แรงขึ้น)

หลักการง่ายๆครับ  น้ำมันมาก  อากาศมาก ส่วนผสมพอดี ก็แรงขึ้น  ในสมัยก่อนลูกสูบโตๆถีงได้เปรียบ  แล้วก็คุมโดยการเหยียบคันเร่งเพื่อเปิดอากาศเข้าลิ้นปีกผีเสื้อ (อย่างมาสด้าสองตัวก่อน Sky จูนเกี่ยวกับลิ้นปีกผีเสื้อแรงขึ้นจมแถมเมื่อความเร็วสูงๆระบบมันดันหรี่ลิ้นเองอีกต่างหากเหลือแค่ 3/10เอง  พวกจูนให้ลื้นเปิดเท่ากับการเหยียบคันเร่งในช่วงช่วงต้นได้  วิ่งกันยัน 200+ ทุกคัน)

ฉะนั้นเมื่อลูกสูบโตมากก็กินน้ำมันมาก   ทำยังไงให้อากาศเข้าลูกสูบเล็กๆได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม  นั่นคือเทอร์โบและหัวฉีดที่ปล่อยน้ำมันได้ฝอยขึ้นและแรงดันมากขึ้น

และในเมื่อหลักการนี้  เมื่อลูกสูบเบาลง(รวมถีงพวกพูเล่ย์ในระบบถ้าเบากว่าก็ดีกว่า)ก็สามารถทำให้รอบกวาดเร็วขึ้นได้ด้วยเป็นเงาตามตัว  แต่ลักษณะของหัวลูกสูบก็เกี่ยวด้วย (ผมอ่านมานานมากแล้วว่าลักษณะไหนดียังไง)   

สิ่งที่ทำให้เครื่องลื่นได้ง่ายที่สุดก็ น้ำมันเครื่องไงครับ

มันอาจจะไม่ได้สั่ง. แต่มันประมวลผล และตัดสินใจ จากสถานะของsensorของอุปกรณต่างๆ

ผมรอเสพข้อมุลจากคุณเซียนๆทั้งหลายด้วยคน

[mamaman]

ECU ไม่ได้คุมรอบครับ

เรานี่ละคุม ด้วยเท้าเราครับ ถ้าเรากดคันเร่งคงที่ บน สภาวะ โหลดคงที่ RPM ก็จะคงที่ครับ ไม่เพิ่ม ไม่ลด

ECU คุม RPM
แค่ รอบเดินเบา และ ตัดรอบสูงสุด RPM Limit

[Sympho]

อะไรสั่ง คน หรือ ECU

อยู่ที่ว่ามองที่จุดไหนครับ

มองที่รถทั้งคัน คนเป็นคนสั่ง ด้วยการกดคันเร่ง

มองที่หัวฉีด ECU เป็นตัวกำหนดเวลาการเปิดปิดของหัวฉีดตามข้อมูลที่ประมวลได้ครับ

[rapee001]

เอาง่ายๆ สำหรับระบบ ECU ตัวที่คุมรอบเครื่องมาจากปริมาณอากาศที่ผ่านตัววัดเช่น MAP Sensor หรือขดลวดร้อน

เพราะ ECU มีหน้าที่คุมปริมาณน้ำมันให้สัมพันธ์กับอากาศตามที่อัตราส่วน Air/Fuel ที่กำหนดไว้

และตัวที่กำหนดปริมาณอากาศคือลิ้นปีกผีเสื้อที่ทำงานตาม % การกดคันเร่งไม่ว่าเป็นคันเร่งสายหรือคันเร่งไฟฟ้า

[Theerayuttu]

ผมลองมโน ย้อนกลับกระบวนการเกิดการหมุนของเครื่องยนต์ดู

เครื่องยนต์หมุนรอบสูงขึ้น เกิดจากเพลาข้อเหวี่ยงที่หมุนเร็วขึ้น
อะไรทำให้เพลาข้อเหวี่ยงหมุนเร็วขึ้น? ก็คือลูกสูบที่เคลื่อนที่ขึ้นลงเร็วขึ้น
แล้วอะไรทำให้ลูกสูบเคลื่อนที่ขึ้นลงเร็วขึ้น? ก็คือการระเบิดที่รุนแรงขึ้นในห้องเผาใหม้
แล้วอะไรทำให้ระเบิดแรงขึ้น? ก็คือปริมาณอากาศกับน้ำมันที่มากขึ้น
แล้วปริมาณอากาศกับน้ำมันที่มากขึ้นมาจากใหน? ก็มาจากหัวฉีดน้ำมันกับลิ้นเร่งที่เปิดรับอากาศมากขึ้น
มาถึงตรงนี้ หัวฉีดจะถูกสั่งการโดย ECU ส่วนลิ้นเร่งมี 2 แบบ คือ จาก ECU ในเครื่องยนต์ปัจจุบันเป็นคันเร่งไฟฟ้า กับอีกแบบมาจากสายคันเร่งโดยตรงโดยเท้าคนเป็นคนเหยียบ โดยแบบสายคันเร่ง คนต้องเหยียบคันเร่งเพื่อเปิดลิ้นเร่งก่อน เพื่อให้อากาศเข้ามากขึ้น ECU จึงจะสั่งฉีดน้ำมันเพิ่มมากขึ้น รอบเครื่องจึงเพิ่มมากขึ้นตามกระบวนการ แต่ถ้าเป็นเครื่องดีเซลรุ่นเก่าที่เป็นปั้มกลไกล อันนั้นคือไม่มีลิ้นเร่งเปิดอากาศเลย คือเป็นท่อดูดอากาศตรงๆเลย แล้วไปเร่งให้ปั้มจ่ายน้ำมันมากขึ้นอย่างเดียว

อืม.. ไม่รู้ตอบคำถาม จขกท เปล่า แต่ขอบคุณที่อ่าน...

[mamaman]

Turin งงอะไรรึเปล่าครับ หากเราแช่คันเร่งไว้ คือเปิด ลิ้นปีกจน สุด เรียก WOT
ลิ้นเปิดมาก อากาศ มาก น้ำมันมาก มันก็ระเบิดแรง
แรงระเบิด ก็มาจาก ประสิทธิภาพการประจุ คือ ปริมาตรา อากาศ ที่เข้าในกระบอก
ยิ่งรอบสูง ยิ่งดูด อากาศเข้าเป็นพายุ ปริมาตรก็ยิ่งเยอะ อากาศเยอะ น้ำมันเยอะตาม รอบก็จะหมุนเร็วขึ้นเรื่อยๆ ปริมาตาร อากาศวัด MAF ยิ่งเร็ว ยิ่งเยอะไงครับ
จน RPM ถึง ลิมิต ที่ ECU ตั้งไว้ ก็จะหรี่ ลิ้นปีกผีเสื้อลง ลดปริมาณอากาศ และ น้ำมันลงตาม เพื่อให้แรงระเบิด ไม่เพิ่มไปกว่านี้ครับ รอบก็จะไม่ขึ้นไปกว่าเดิมแล้วครับ

อยากรู็ก็ลอง เดินเบา เกียร์ว่างเร่งเครื่อง เกียร์ AT ก็จะไปค้างรอบที่รอบนึไม่ไปต่อ เพราะ ECU สั่ผมเข้าใจว่า ตัดการจ่ายน้มันเลยมั้ง กรณีเกิน รอบที่กำหนด

เหมือน กรณี เทอร์โบ ตัด บูส ที่เกินจำเป็นออกไปเพราะ มันเกินพอแล้ว
และที่ รอบสูงๆ เทอร์โบ แทบไม่มีประโยชน์ เพราะ รถใช้แรงดูดจาก ลูกสูบเอง

[Turin]

Turin งงอะไรรึเปล่าครับ หากเราแช่คันเร่งไว้ คือเปิด ลิ้นปีกจน สุด เรียก WOT
ลิ้นเปิดมาก อากาศ มาก น้ำมันมาก มันก็ระเบิดแรง
แรงระเบิด ก็มาจาก ประสิทธิภาพการประจุ คือ ปริมาตรา อากาศ ที่เข้าในกระบอก
ยิ่งรอบสูง ยิ่งดูด อากาศเข้าเป็นพายุ ปริมาตรก็ยิ่งเยอะ อากาศเยอะ น้ำมันเยอะตาม รอบก็จะหมุนเร็วขึ้นเรื่อยๆ ปริมาตาร อากาศวัด MAF ยิ่งเร็ว ยิ่งเยอะไงครับ
จน RPM ถึง ลิมิต ที่ ECU ตั้งไว้ ก็จะหรี่ ลิ้นปีกผีเสื้อลง ลดปริมาณอากาศ และ น้ำมันลงตาม เพื่อให้แรงระเบิด ไม่เพิ่มไปกว่านี้ครับ รอบก็จะไม่ขึ้นไปกว่าเดิมแล้วครับ

อยากรู็ก็ลอง เดินเบา เกียร์ว่างเร่งเครื่อง เกียร์ AT ก็จะไปค้างรอบที่รอบนึไม่ไปต่อ เพราะ ECU สั่ผมเข้าใจว่า ตัดการจ่ายน้มันเลยมั้ง กรณีเกิน รอบที่กำหนด

เหมือน กรณี เทอร์โบ ตัด บูส ที่เกินจำเป็นออกไปเพราะ มันเกินพอแล้ว
และที่ รอบสูงๆ เทอร์โบ แทบไม่มีประโยชน์ เพราะ รถใช้แรงดูดจาก ลูกสูบเอง

ไม่งงครับ ผมว่าคุณกำลังอธิบายแบบที่ผมเข้าใจนะครับ สงสัยผมพูดจาไม่รู้เรื่อง 

[ight]

รถยนต์รุ่นใหม่มีเซนเซอร์หลายตัว หลักๆก็
- เซนเซอร์ขาคันเร่ง : ส่งสัญญาณไปที่กล่อง ECU เพื่อสั่งจ่ายน้ำมันเพิ่ม+เปิด ETB ให้รับอากาศมากขึ้น
- MAF/MAP : ส่งสัญญาณไปที่ ECU เพื่อให้ทราบปริมาณม ความหนาแน่นของอากาศที่เข้าสู่ห้องเผาไหม้
- CID (Camshaft Identification) ร่วมกับ CPS เพื่อส่งสัญญาณไปให้ ECU ทราบจังหวะการจุดระเบิดและฉีดน้ำมัน
- CPS (Crankshaft Position sensor)
- ETB (Electronic Throttle Body)
- Temp : ส่งสัญญาณให้ ECU ทราบถึงอุณหภูมิความร้อนเครื่องเพื่อเป็นตัวลดหรือเพิ่มการจ่ายน้ำมัน รวมถึงการเข้า Safe mode กรณี Over heat
- FPS (Fuel Pressure sensor) : ส่งสัญญาณให้ ECU เพื่อใช้ Control ปริมาณการฉีดน้ำมัน

        ปกติรอบเครื่องขึ้นหรือลงตามโหลดที่ ECU ได้รับ เช่น องศาขาคันเร่ง, Temp, MAF/MAP เซนเซอร์ทุกตัวเรียกได้ว่ามีผลกระทบหมดครับ

[tarahlm]

ต้องย้อนกลับมาดูรถคาร์บูเรเตอร์

Input คือ ระดับการเปิดของลิ้นเร่ง (ผู้คับเป็นคนกำหนด)

Output คือ รอบเครื่องที่เพิ่มขึ้นหรือลดลง

จาก Input >>> Output 

Process ของมันก็คือ อากาศไหลเข้ามาตามแรงดูดของลูกสูบ ซึ่งลิ้นเร่งเปิดมาก อากาศก็เข้ามาก

อากาศที่เข้ามา มันก็ไปดึงน้ำมันในคาร์บูเรเตอร์ ผสมกันเป็นไอดี เข้าห้องเผาไหม้

ปริมาณไอดีมาก แรงผลักลูกสูบก็มากขึ้น ทำให้ลูกสูบเครื่องที่ได้เร็วขึ้น (ที่ Load เท่าเดิม)

เป็นผลให้สามารถหมุนได้เร็วขึ้นใน 1 หน่วยเวลา

เครื่องหัวฉีดก็หลักการเดียวกัน เพียงแต่ใช้การประมวลผลการจ่ายน้ำมันจาก ECU เข้ามาแทนที่การจ่ายน้ำมันแบบคาร์บูเรเตอร์

ผมลองมโน ย้อนกลับกระบวนการเกิดการหมุนของเครื่องยนต์ดู

เครื่องยนต์หมุนรอบสูงขึ้น เกิดจากเพลาข้อเหวี่ยงที่หมุนเร็วขึ้น
อะไรทำให้เพลาข้อเหวี่ยงหมุนเร็วขึ้น? ก็คือลูกสูบที่เคลื่อนที่ขึ้นลงเร็วขึ้น
แล้วอะไรทำให้ลูกสูบเคลื่อนที่ขึ้นลงเร็วขึ้น? ก็คือการระเบิดที่รุนแรงขึ้นในห้องเผาใหม้
แล้วอะไรทำให้ระเบิดแรงขึ้น? ก็คือปริมาณอากาศกับน้ำมันที่มากขึ้น
แล้วปริมาณอากาศกับน้ำมันที่มากขึ้นมาจากใหน? ก็มาจากหัวฉีดน้ำมันกับลิ้นเร่งที่เปิดรับอากาศมากขึ้น
มาถึงตรงนี้ หัวฉีดจะถูกสั่งการโดย ECU ส่วนลิ้นเร่งมี 2 แบบ คือ จาก ECU ในเครื่องยนต์ปัจจุบันเป็นคันเร่งไฟฟ้า กับอีกแบบมาจากสายคันเร่งโดยตรงโดยเท้าคนเป็นคนเหยียบ โดยแบบสายคันเร่ง คนต้องเหยียบคันเร่งเพื่อเปิดลิ้นเร่งก่อน เพื่อให้อากาศเข้ามากขึ้น ECU จึงจะสั่งฉีดน้ำมันเพิ่มมากขึ้น รอบเครื่องจึงเพิ่มมากขึ้นตามกระบวนการ แต่ถ้าเป็นเครื่องดีเซลรุ่นเก่าที่เป็นปั้มกลไกล อันนั้นคือไม่มีลิ้นเร่งเปิดอากาศเลย คือเป็นท่อดูดอากาศตรงๆเลย แล้วไปเร่งให้ปั้มจ่ายน้ำมันมากขึ้นอย่างเดียว

อืม.. ไม่รู้ตอบคำถาม จขกท เปล่า แต่ขอบคุณที่อ่าน...

ตัวหลักที่(ควบ)คุมการเร่งรอบเครื่องจริงๆก็คือ ผู้ขับขี่ ผ่านทางระดับการเหยียบคันเร่ง ดังคำอธิบายคล้ายๆกันของทั้งสองท่านข้างบน

แล้วECUล่ะ ??
ECU+โปรแกรม+sensorต่างๆ เข้ามาในรถรุ่นหลัง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของเครื่องยนต์
ตามการออกแบบโปรแกรมที่เขียนไว้ล่วงหน้า เช่น เพิ่มความแม่นยำในการจ่ายเชื้อเพลิง การจุดระเบิด ฯลฯ
เพื่อการประหยัดพลังงานใช้เชื้อเพลิงคุ้มค่าเหมาะสมที่สุด และเพื่อการลดมลพิษ

การทำงานของ ECU จึงเป็นการปรับให้เหมาะสมที่สุด(ตามโปรแกรม)
ตอบสนองตามความต้องการของผู้ขับขี่ที่แสดงออกมา ในรูป-ระดับแรงกดเท้าในการเหยียบคันเร่งในขณะเวลานั้นๆ

แต่ECUอาจไปคุมการเร่งรอบเครื่องเองในบางสถานะ เช่น ขณะรอบเดินเบาที่ไม่มีการเหยียบคันเร่ง
หรือECUอาจตัดรอบการเร่งเครื่องเอง เช่น การเหยียบคันเร่งสุดในขณะรถอยู่นิ่งกับที่