ตามกฏจราจรแล้วรถทางตรงต้องได้ไปก่อน แต่ต้องดูสถานการณ์อื่นๆประกอบด้วย เช่น รถทางตรงไปไม่ได้แต่จะมาขวางทางเข้าของเลนฝั่งตรงข้ามที่รอเลี้ยวอยู่ เลนฝั่งตรงกันข้ามจึงส่งสัญญานกระพริบไฟขอทางก็เป็นสิ่งที่ถูก เพราะถ้าคุณไปไม่ได้แล้วจะมาปืดทางเข้าคนอื่นทำไม และในอีกบริบทนึงคือเป็นเลนสวน ถ้ารถฝั่งตรงกันข้ามไม่สามารถเลี้ยวเข้าได้รถที่ตามมาเค้าก็จะไปไม่ได้ รถก็จะติด คันที่รอเลี้ยวจึงจำเป็นต้องกระพริบไฟขอทาง ถ้าอยู่ในสองสถานการณ์นี้รถทางตรงควรจะเข้าใจ แต่ถ้าไม่ใช่รถเลี้ยวก็ควรจะรอ
เวลาที่เลี้ยวก็รีบๆเลี้ยวไป ไม่ต้องกระพริบไฟขอบคุณก็ได้ เพราะมันแสบตา และการแปลความหมายที่ไม่ตรงกัน อาจจะทำให้เกิดความขุ่นเคือง ส่วนตัวผมไม่ชอบครับ ไม่ว่าจะกระพริบไฟในสถานการณ์ไหน
การรอเลี้ยวก็ควรจะเปิดไฟเลี้ยวให้สัญญาณด้วย ให้รถหลังที่ตามมาจะได้รู้ว่าจะเลี้ยวเข้า ไม่ใช่จอดอยู่เฉยๆ คันที่วิ่งมาทางตรงเค้าจะกระพริบไฟด่า
ผมคิดว่าคนไทยใช้การกระพริบไฟถูกต้องแล้ว เพราะมันหมายถึง "ขอทาง" เมื่อวิ่งทางเดียวกันการกระพริบไฟก็หมายถึง "ขอทางหน่อยผมจะแซง" หรืออย่างกรณีรถรอเลี้ยวเข้าซอย หรือเข้าหมู่บ้าน การกระพริบไฟก็หมายถึง "ขอทางผมเลี้ยวหนอยครับ" ซึ่งมันเป็นความหมายเดียวกันหมด แต่ในบางประเทศการใช้การกระพริบไฟทั้งสองความหมาย ทั้งขอทางและให้ทาง อาจก่อให้เกิดความสับสน ผมคิดว่าไม่เหมาะสม เราไม่จำเป็นต้องลอกเลียนแบบคนอื่นทุกอย่าง ถ้าเราพิจารณาแล้วว่าสิ่งนั้นไม่น่าจะใช่สิ่งที่ถูก "คนไทยไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ตามเสมอไป" เราเป็นชนชาติศิวิไลซ์(Civilize)
หลักคิดของฝรั่งคือ เห็น ถึงกระพริบไฟ คือให้ทาง เป็นการบอกว่าเห็นแล้ว ออกมาได้เลย ไม่ต้องกลัว
แต่ถ้าไม่เห็น คือไม่ได้กระพริบ เพราะไม่เห็น ไม่ทันระวัง แล้วจะกระพริบได้ไง ฉะนั้นถ้าออกไป มีโอกาสชนนะครับ
ฝรั่งเค้าคิดจากจิตสำนึก คอมมอนเซนท์
แต่คนไทยคิดว่า ทุกสิ่งทุกอย่างบนถนนเราต้องเห็นหมด ซึ่งความเป็นจริงก็ไม่มีทางเป็นแบบนั้นได้ครับ
แต่ผมใช้ตามสังคมเพราะเราไปเปลี่ยนไม่ได้ เข้าใจผิดจะชนได้ สื่อสารลำบาก
ยกตัวอย่าง เราให้ทาง ชะลอรถลง กระพริบไฟ คนงงทันทีสำหรับคนไทย คือคิดก่อนคืออะไร
เปลี่ยนสังคมไม่ได้ อย่าใช้ผิดกับคนอื่นเลยครับ อยากให้ทางชะลอรถลงให้เค้ารู้ ผมรับประกันได้ว่าคนไทยตัดสินใจจะข้ามได้เร็วกว่ากระพริบไฟบอกแน่นอน ไม่เชื่อลองดู