ทำไมก่อนถึงต้องแตะคันเร่งนิดนึงครับ
จขกท. น่าจะหมายถึงตอนออกตัว "ปล่อยเบรกก่อนให้รถไหลนิดนึง ถึงแตะคันเร่ง (ให้รถเร่ง)" น่ะครับ
ผมเคยบ่นเรื่องเกียร์ตัวนี้ไว้ที่
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=54427.0 สั้นๆ เลย
ยังยืนยันว่าบางคน (ไม่ใช่ที่นี่นะ) ไม่เข้าใจว่าปัญหาจริงๆ มันคืออะไร แต่ก็ไม่รู้เรื่องแก้ปัญหามันเหมือนกัน
ที่สำคัญมีสองอย่างคือ
1) อย่ายำน้ำมันเกียร์ NS-2 กับ NS-3 ถ้าใช้ NS-2 อยากใส่ NS-3 ฟลัช NS-3 เลยดีกว่า
โดยเฉพาะการเติม NS-3 ลงไปในเกียร์ลูกที่มากับ NS-2
ที่ใช้ไปนานๆ ไม่เคยถ่ายน้ำมันเกียร์หลายท่านพูดว่า ก็เปลี่ยนถ่ายเรื่อยๆ อยากเปลี่ยนอะไรก็เปลี่ยน เปลี่ยนให้บ่อย
ก็ใช่ แต่นั่นสำหรับน้ำมันเกียร์ที่ความหนืดพอๆ กันนะครับ ไม่ใช่ NS-3 หรือบางยี่ห้อที่ใสกว่าเค้าเพื่อน
2) ถ้าดองไว้นานก่อนเปลี่ยนครั้งแรก เปลี่ยนไปก็ไม่ช่วยอะไรมาก ควรหาวิธีฟลัชแล้วค่อยเปลี่ยนให้สม่ำเสมอ
เพราะเกียร์มันไม่ได้ถ่ายน้ำมันออกได้หมด NS-2 เอง มันก็เสื่อมสภาพไปแล้วไปลับ
ส่วน NS-3 มันก็ใส ถ้าเป็นเกียร์ลูกเดิมๆ ที่ไม่ได้ต่อออยล์ แล้ววิ่งในเมืองรถติดๆ ความร้อนเครื่องลากเกียร์ตาม
แบบนั้นถ้าไม่ได้เปลี่ยนระยะแรกที่ราวๆ 20,000 กม. น้ำมันมันก็จะลากไปจนเยิน...
ของผมเป็นแบบนี้แหละ กะว่าเปลี่ยนสัก 25,000 ตอนถ่ายรอบ 50,000 มา ดูไม่จืดเลย
แล้วน้ำมันเกียร์จริงๆ มันไม่ได้แพงครับ นอกศูนย์ NS-2/NS-3 ของแท้ ดูซีลดีๆ ไม่เกิน 1,200 บาท
ในศูนย์ 1,820 ไม่รวม VAT คนถึงไม่กล้าเปลี่ยนกันบ่อย เจอค่าแรงอีก 1 ชม. อัพ ยิ่งลังเล
ส่วนปัญหาที่สำคัญอีกอย่าง หลายท่านพูดไปแล้ว คือ ศูนย์ชอบบอกว่า ไม่ต้องเปลี่ยนตลอดอายุ
ที่หนักที่สุดคือ Suzuki รองลงมาคือ Nissan ที่บอกว่าเปลี่ยนตอน 80,000 กม.
ผมก็ หึหึ... เหรอ.... อายุจนกว่ามันจะพังน่ะสิ เมืองนอกอากาศหนาวใช้น้ำหล่อเย็นอุ่นเกียร์ได้ ใช่
แต่เมืองไทยร้อนๆ ร้อนดับเบิ้ล เกียร์พังไว ใครรับผิดชอบ
บางท่านเข้าศูนย์ยังไม่รู้เลย บอกเปลี่ยนตลอดๆ (ญาติผมนี่แหละ) ผมดูสมุด เออ 70,000 โล
เจ๊เปลี่ยน นมค. ตลอด ไหนฮะ นมก. สรุป พังก่อนแปดหมื่นโลนิดนึง ผมช่วยชีวิตไม่ทัน
พูดแล้วก็เศร้าใจ แต่ก็ยังดีที่ จขกท. เจอศูนย์ดีครับ