« เมื่อ: เมษายน 22, 2010, 23:47:24 »
เมื่อวันพฤหัสฯที่ผ่านมา
ผมนั่งรถสองแถวหลังจากเลิกเรียน กำลังจะกลับบ้าน
ขึ้นไปนั่งบนรถ ข้างๆมีคุณยายท่านหนึ่งนั่งอยู่ ผม คุณยายคนนั้น และคุณน้าอีกคนนั่งอยู่แถวเดียวกันหมด
เพราะแถวอีกฝั่ง แดดจะส่องเข้าหน้าเต็มๆ นั่นคือเหตุผลที่ทุกคนมานั่งรวมกันที่แถวที่คุณยายท่านนี้ และผมนั่ง
พอรถออกได้สักพัก ก็มีคุณน้าคนนึงขึ้นมาบนรถ และนั่งฝั่งที่ยังไม่มีคนนั่ง ซึ่งแดดส่องเข้าหน้าเต็มๆ
ไม่นาน คุณยายที่นั่งอยู่ข้างๆผมก็พูดขึ้นมาว่า "หนู มานั่งข้างป้าก็ได้ ฝั่งนั้นมันร้อน" แกพูดพร้อมกับขยับตัวให้มีที่ว่าง
คุณป้าคนนั้นก็ได้ข้ามมานั่งฝั่งเดียวกัน ข้างๆคุณยายใจดี พร้อมกับยิ้มให้คุณยายท่านนั้น
ผมอดแอบยิ้มและภูมิใจอยู่ลึกๆไม่ได้ว่า นี่แหละครับเสน่ห์ของคนไทย
พอนั่งไปได้พักใหญ่ๆ คุณน้าที่เพิ่งจะขยับย้ายมานั่งฝั่งเดียวกับผม ก็ได้ลงจากรถไป พร้อมกับยิ้มหวานๆให้คุณยายใจดี 1 ครั้ง
หลังจากรถวิ่งต่อไปได้ไม่นาน ก็ได้มีน้องผู้หญิง อายุราวๆ 8-11 ขวบได้ ขึ้นรถมาพร้อมกับคุณแม่ของเขา
และเมื่อรถวิ่งต่อไปได้1อึดใจเล็กๆ ก็มีเด็กผู้ชายแฝด2คน อายุราวๆ 5-10 ขวบ ขึ้นรถมาพร้อมกับแม่
พอรถวิ่งไปได้เกือบจะสุดสาย เด็กผู้หญิง และแม่ของเขาก็ได้ลงจากรถไป ระหว่างคุณแม่ของน้องเดินไปจ่ายเงินค่ารถ น้องผู้หญิงคนนั้น
ก็ได้ส่งยิ้มให้กับ เด็กชายแฝดที่ยังนั่งอยู่บนรถ
2 เหตุการณ์ที่พบ ทำให้ผมอดยิ้มไม่ได้ และก็ทำให้ผมรู้ว่า ประเทศไทย ยังน่าอยู่และสวยงามมากๆ
แม้ในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพ ที่มองไปทางไหนก็มีแต่ตึกปูน ผู้คนหน้าบึ้งตึงใส่กัน
หลังจากที่หม่อลอยได้สักพัก ผมก้มมองลงที่บันไดสำหรับก้าวขึ้นรถสองแถว ตรงเสาบันไดมีตุ๊กตาหมี
ซึ่งโดนเจ้าของรถสองแถวเอาแขนของตุ๊กตาผูกติดกับเสาบันได ในสภาพที่ลำตัวและขา ห้อยเกือบปะพื้นถนน
ทำให้ผมนึกขึ้นมาได้อีกว่า
สิ่งมีชีวิตทุกชนิดล้วนแต่ไขว่คว้าหาทางรอดตายกันทั้งนั้น มนุษย์ ก็เป็นหนึ้งในสิ่งมีชีวิตนั้น
แต่ผมกำลังคิดว่า มนุษย์กำลังจะเห็นแก่ตัวมากขึ้น เพราะความ ?อยาก? ไม่ใช่เพื่อ ?ความอยู่รอด? เหมือน
สิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆ
ที่ผมร่ายมาซะยาว ใจความสำคัญที่พยายามจะสื่อคือ
ตอนนี้ประเทศไทยมันกำลังจะเปลี่ยนไป เพราะผมรู้สึกได้ว่า รอยยิ้มจริงใจแบบรอยยิ้มของคุณยายใจดีท่านนั้น
และรอยยิ้มของเด็กผู้หญิงคนนั้น ผมไม่ได้เห็นมัน นานแล้ว