คัดลอกมาจากส่วนหนึ่งของบทความ New Cars in Thailand 2017 2020 :
สรุปรถใหม่ เปิดตัวในเมืองไทย พ.ศ.2560 2563 เข้าไปอ่านบทความตัวเต็มได้ที่
http://www.headlightmag.com/new-cars-in-thailand-2017-2020/
MG2017 : MG GV / MG 3 Minorchange / MG ZS / MG GS Minorchange
2018 : New Pickup Truckหลังจากเข้ามาเปิดตลาดในเมืองไทยได้ 3 ปี ประชากร MG ก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อคิดย้อนกลับไปถึงวันที่ SAIC จากจีน และ กลุ่ม C.P. ในบ้านเรา เริ่มต้นก้าว
เข้ามาทำธุรกิจผลิตและจำหน่ายรถยนต์ในบ้านเรา จาก 0 และต้องทุ่มงบประมาณ
เพื่อสร้างแบรนด์กันอย่างหนักตลอดหลายปีมานี้
ยอดขายรถยนต์ของแบรนด์ MG ตั้งแต่เริ่มเข้ามาทำตลาดในไทย ช่วงปี 2014
ในปีแรก ทำไปได้เพียง 204 คัน จากนั้นในปี 2015 มีการเติบโตแบบก้าวกระโดด
จากการเปิดตัวของ MG ทำไปได้ 3,779 คัน และ ในปี 2016 นี้เอง จากต้นปี
เดือน มกราคม ถึง ยอดขายเดือน ตุลาคม ที่มีตัวเลขล่าสุด รวม 6,605 คัน
ดังนั้นในประเทศไทยตอนนี้มีรถยนต์ MG วิ่งอยู่บนถนนราวๆ 10,000 คัน
SAIC เริ่มนำแบรนด์ MG กลับเข้ามาเปิดตลาดบ้านเราอีกครั้งในปี 2014 พวกเขา
เริ่มต้นได้ไม่สวยนัก แม้ว่าความพยายามในการสร้างแบรนด์ ด้วยการโหมโฆษณา
ในทุกสื่อ อย่างหนักหน่วง หวังทำให้ลูกค้าในกลุ่มที่ไม่รู้เรื่องรถยนต์มากนัก มอง
ว่า MG คือรถยุโรป มาจากอังกฤษ เป็นผลสำเร็จ ทว่า ลูกค้าในกลุ่มคนรักรถก็รู้อยู่
เต็มอก ว่า MG ถูกซื้อกิจการไปอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ใหญ่สุดในจีน
อย่าง SAIC มานานแล้ว
อีกทั้งตัวบุกตลาดรุ่นแรกในการกลับคืนสู่เมืองไทยอย่าง MG 6 เอง มีสมรรถนะ
ในภาพรวมยังไม่น่าประทับใจเท่าที่ควร จากนั้น ปี 2015 MG ก็เปิดตัว MG3 ใน
งาน Bangkok International Motor Show 2015 และได้รับการกล่าวขวัญในด้าน
การบังคับควบคุมรถ และช่วงล่าง ที่ดีเหนือความคาดหมาย ไปพร้อมๆกับอาการ
ตอบสนองกระฉึกกระฉักเกินคำบรรยาย จากเกียร์กึ่งอัตโนมัติ AMT ที่คนไทย
ส่วนใหญ่ ไม่คุ้นชินกับพฤติกรรมของมัน
ปี 2015 MG 6 รุ่นปรับโฉม Minorchange ถูกเข็นออกสู่ตลาด หลังจากปรับปรุง
และแก้ไขทั้ง โปรแกรมของสมองกลเครื่องยนต์ ให้รองรับน้ำมันแก็สโซฮอลล์
E85 ได้ รวมทั้งปรับการทำงานของสมองกลเกียร์อัตโนมัติ Dual Clutch ใหม่ให้
ราบรื่นดีขึ้นกว่าเดิมบ้าง พอจะเรียกลูกค้าได้นิดหน่อย ไม่เยอะเท่า MG 3
ขณะเดียวกัน ในปี 2015 MG ก็ส่ง MG5 เข้ามาเปิดตลาด วางตำแหน่งให้เป็น
รถยนต์นั่งกลุ่ม B-Segment ที่มีขนาดตัวถังเทียบเท่ากับ C-Segment แถมยังมี
รูปลักษณ์ภายนอก สไตล์รถยนต์ Coupe 4 ประตู พอจะมีลูกค้าอุดหนุนไปบ้าง
เพราะยอมรับในสมรรถนะการขับขี่ โดยเฉพาะการเข้า-ออกจากโค้ง ที่ทำได้
ดีเกินคาดหมาย อีกทั้งยังมีเครืองยนต์ 1.5 ลิตร Turbo ที่เรียกกำลังให้แรงเท่าๆ
รถเก๋ง C-Segment เครื่องยนต์ 1.8 ลิตร แต่ยังคงมีจุดด้อยเรื่องการออกแบบด้าน
สรีรศาสตร์ เช่นเบาะคนขับ ปรับระดับสูง ต่ำ ไม่ได้ บางคนนั่งแล้ว ศีรษะชน
เพดานหลังคา เป็นต้น
พอช่วงต้นปี 2016 พวกเขาก็ส่ง MG GS เปิดตัวในงาน Bangkok International
Motor Show โดยเริ่มจากรุ่น 2.0 ลิตร Turbo ทั้งขับเคลื่อนล้อหน้า และ 4 ล้อ แต่
ด้วยค่าตัวที่สูงจนทัดเทียมกับเจ้าตลาด แถมสมองกลเกียร์ยังปรับจูนมาไม่ลงตัว
รวมทั้งการสื่อสารทางการตลาดที่ไม่ชัดเจน ทำให้ลูกค้าต่างพากันเมินหน้าหนี
โดยไม่รู้เลยว่า GS ก็มีรุ่นขับล้อหน้าให้เลือกด้วย
ปลายปี 2016 ในงาน Motor Expo พวกเขาจึงแก้ปัญหาด้วยการสั่งเครื่องยนต์
1.5 ลิตร Turbo (คนละตัวกับใน MG 5) มาวางลงใน GS เพิ่มทางเลือกใหม่ในชื่อ
MG GS 1.5 Turbo เน้นทำตลาดกับรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า ด้วยค่าตัวเริ่มต้นถูกมาก
เพียง 890,000 บาท และรุ่น Top 990,000 บาท มาเปิดตัวรับจอง ก่อนจะเริ่ม
ทะยอยส่งมอบรถได้ ในช่วง เดือนมกราคม 2017
สำหรับช่วงปี 2017 2018 นี้ MG จะมีรถยนต์รุ่นใหม่ มาให้เลือกกัน 3 รุ่น ทั้งการ
นำ MG 3 น้องเล็กในตระกูล มาปรับโฉม Minorchange โดยเน้นการปรับเปลี่ยน
หน้าตา และบั้นท้าย รวมทั้ง มีการเปลี่ยนแผงหน้าปัดใหม่ ยกชุด ให้ดูใกล้เคียงกับ
บรรดา รถเก๋งขนาดเล็ก จากค่ายเจ้าตลาดมากขึ้น ซึ่งคาดว่าน่าจะเปิดตัวได้ในช่วง
ปลายปี 2017 ถึง ต้นปี 2018
แต่ก่อนที่จะไปถึง MG 3 ตอนนี้ MG กำลังเตรียมสั่งนำเข้ารถตู้ Maxus G10 จาก
เมืองจีน มาเปิดตลาดในบ้านเรา โดยสวมแบรนด์ MG ออกขายในชื่อ MG GV!
MG GV มีตัวถังยาว 5,168 มิลลิเมตร กว้าง 1,980 มิลลิเมตร สูง 1,928 มิลลิเมตร
ระยะฐานล้อ 3,210 มิลลิเมตร เวอร์ชันไทย จะวางเครื่องยนต์ Diesel 4 สูบ DOHC
16 วาล์ว 2.0 ลิตร Common-Rail Turbo จัดวางตำแหน่งทางการตลาดเป็นรถตู้
Minivan 11 ที่นั่ง ตั้งใจดับเครื่องชน Hyundai H-1 กันจังๆ!
กำหนดเปิดตัว จะมีขึ้นในงาน ฺBangkok Internationa Motor Show เดือนมีนาคม
2017 แต่อาจจะเผยโฉมกันก่อน ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2017
รุ่นถัดไป ที่มีกำหนดเปิดตัวในช่วงปี 2017 2018 คือ MG GS Minorchange ที่
เปิดตัวอย่างฉับไวมากๆในประเทศจีน เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2016 ที่ผ่านมา เร็ว
จนทีมงาน MG ในเมืองไทย ถึงกับ สตันท์ ทึ่ง และอึ้งไปพักใหญ่ ว่า ทางเมืองจีน
จะรีบปรับโฉมกันไป โดยไม่ถามไถ่ ฝั่งไทยสักหน่อยก่อนเลยเหรอ? เพราะบ้านเรา
เพิ่งจะเปิดตัวรุ่น GS ได้ไม่ทันครบปี แถมยังเพิ่งจะกระตุ้นตลาดด้วยรุ่น 1.5 Turbo
จู่ๆ ฝั่งจีน ปล่อยรุ่น Minorchange ออกมากันแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยแบบนี้ ลูกค้าใน
เมืองไทย ที่เพิ่งซื้อ GS ไป หรือรอรับรุ่น 1.5 Turbo อยู่ ก็ด่า MG เละเทะกันพอดี
งานออกแบบภายนอกถูกปรับเปลี่ยนใหม่ โดยเฉพาะกระจังหน้า เพิ่มแถบโครเมี่ยม
คาดกลางมาให้ จนดูคล้ายกระจังหน้าของ Toyota Corolla Altis Minorchange
แถมยัง เปลี่ยนกันชนหน้าใหม่ เว้นที่ว่างให้โลโก้มากขึ้น พร้อมออกแบบช่องดักลม
ด้านหน้า ให้ดูเรียบง่ายกว่าเดิม
อีกความเปลี่ยนแปลงสำคัญอยู่ที่ การเปลี่ยนแผงหน้าปัดใหม่แบบยกชุด อัพเกรด
ให้ดูดีขึ้น ด้วยวัสดุหนังหุ้ม พร้อมบุน่มเสริมด้านหลัง ลดขนาดช่องแอร์ตรงกลาง,
เปลี่ยนหน้าจอสัมผัส และวัสดุรอบหน้าจอใหม่, เรียงสวิตช์เครื่องปุ่มปรับอากาศ
และปุ่มที่จำเป็นให้ใช้งานง่ายขึ้น, เปลี่ยนคอนโซลกลางใหม่, เปลี่ยนช่องแอร์ทั้ง
ซ้ายและขวาใหม่ รวมทั้งเปลี่ยนทรงพวงมาลัยใหม่แบบ Flat Bottom
กำหนดเปิดตัวของ GS Minorchange เวอร์ชันไทย น่าจะต้องรอกันไปอีกประมาณ
1 ปี ถึง 1 ปีครึ่ง ดังนั้น ใครที่รีบใช้รถ รุ่น 1.5 Turbo ก็ยังน่าจะเหลือเวลาทำตลาด
อีกราวๆ 1 ปี แต่ถ้ายังไม่รีบ ควรรอไปก่อน
อีกรุ่นหนึ่งที่น่าจับตามองของ แบรนด์ MG เป็น Crossover SUV น้องเล็กรุ่นใหม่
ที่มีขนาดเล็กกว่า MG GS นั่นคือ MG ZS ซึ่งเพิ่งจะเผยเรือนร่างในงาน กวางโจว
มอเตอร์โชว์ เมื่อ 20 พฤศจิกายน 2016 ที่ผ่านมา จุดเด่นอยู่ที่การนำเส้นสายหรือ
Design Theme ใหม่ มาใช้กับรถยนต์ MG เป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นการพลิกโฉมงาน
ออกแบบของ MG รุ่นก่อนๆไปโดยสิ้นเชิง
MG ZS จะวางเครื่องยนต์ 2 ขนาด ทั้งแบบ เบนซิน 1.0 ลิตร Turbo 125 แรงม้า (PS)
แรงบิดสูงสุด 170 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ และเกียร์อัตโนมัติ
Dual Clutch 7 จังหวะ อีกรุ่นหนึ่งเป็นขุมพลังเบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 1.5 ลิตร
ไม่มีระบบอัดอากาศใดๆมาให้ 120 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 150 นิวตัน-เมตร เชื่อม
กับเกียร์อัตโมัติ Dual Clutch 7 จังหวะ
กำหนดออกสู่ตลาดโลก จะเกิดขึ้นในช่วง ไตรมาส 1 ของปีนี้ โดยเริ่มจากประเทศจีน
เป็นแห่งแรก จากนั้น น่าจะตามด้วย สหราชอาณาจักร ส่วนลูกค้าชาวไทย เจอกันได้
ในช่วงปลายปีนี้ ที่งาน Motor Expo 2017
นอกเหนือจากนี่้ MG ยังสนใจที่จะร่วมกระโจนเข้าสู่ตลาดรถกระบะขนาดกลาง อัน
โหดหฤหรรษ์ อีกด้วย โดยในช่วงปี 2015 2016 ที่ผ่านมา พวกเขาลงประกาศว่าจ้าง
คนทำงานในแผนก Product Planning เพื่อดูแลการทำตลาดรถกระบะโดยเฉพาะ และ
ไม่เพียงเท่านั้น SAIC และ MG ยังแอบดอดไปสำรวจ ตลาดไทย อันเป็นศูนย์รวม
ของผู้ใช้รถกระบะ ในภาคการขนส่ง และภาคธุรกิจส่วตัวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
มาแล้วเรียบร้อย แสดงให้เห็นถึงความเอาจริงเอาจัง ว่าพวกเขา ตั้งใจบุกตลาดอย่าง
แน่นอนแล้ว
ก่อนหน้านี่้ มีรายงานจากเว็บไซต์ GoAuto ว่า รัฐบาลไทย โดยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์
รองนายกรัฐมนตรี (ในตอนนั้น) เข้าร่วมประชุมโรดโชว์ชักจูงการลงทุนอุตสาหกรรม ณ
นครเซี่ยงไฮ้ เมื่อ เดือนมิถุนายน 2016 จนได้ข้อสรุปว่า SAIC Motor จะลงทุนตั้งโรงงาน
ผลิตรถยนต์ และรถกระบะในบ้านเรา ด้วยกำลังการผลิตสูงมากถึง 1 แสนคัน/ปี เพื่อเป็น
ฐานการส่งออกไปยังภูมิภาคอื่น เช่น Australia / New Zealand จึงมีความเป็นไปได้ว่า
รถกระบะ Maxus จาก SAIC คันนี้จะเป็นรถที่จะเตรียมขึ้นสายการผลิตในไทยเร็ว ๆ นี้
ล่าสุด บริษัทในเครือของ SAIC อย่าง Maxus เพิ่งพัฒนารถกระบะ Maxus T60 เสร็จสิ้น
และออกจำหน่ายในแดนมังกร เมื่อ 6 พฤศจิกายน 2016 ที่ผ่านมา
T60 มีตัวถังยาว 5,365 มิลลิเมตร กว้าง 1,900 มิลลิเมตร ความสูงรุ่นกระบะส่งของ 1,722
มิลลิเมตร รุ่น Cab และ 4 ประตู ตัวเตี้ย 1,809 มิลลิเมตร รุ่น 4×4 สูง 1,845 มิลลิเมตร หาก
เป็นรุ่นฐานล้อยาวพิเศษจะเพิ่มความยาวตัวถังอีก 315 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อรุ่นช่วงสั้น
ยาว 3,155 มิลลิเมตร รุ่นช่วงยาว 3,470 มิลลิเมตร พื้นที่กระบะของรุ่น 4 ประตู ฐานล้อ
มาตรฐานจะมีความยาว 1,485 มิลลิเมตร กว้าง 1,510 มิลลิเมตร สูง 530 มิลลิเมตร
รูปลักษณ์ ภายนอกไม่แตกต่างจากรถกระบะในท้องตลาดมากนัก เสริมความโดดเด่นด้วย
การติดตั้งไฟหน้า LED พร้อม Daytime Running Light และระบบปรับมุมองศาจานฉาย
ตามการเลี้ยวของพวงมาลัย AFS
ขุมพลังมีให้เลือกเพียงแบบเดียว เป็นแบบ VM Diesel 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 2.8 ลิตร
ฉีดจ่ายเชื้อเพลิงด้วยระบบ Common-Rail 3rd Generation จาก BOSCH พ่วงด้วยระบบ
Turbocharger มีให้เลือก 2 ระดับความแรง ทั้งแบบมาตรฐาน136 แรงม้า (PS) ที่ 3,200
รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 310 นิวตัน-เมตร (31.5 กก.-ม.) ที่ 1,500 3,000 รอบ/นาที และ
แบบ Hi-Output 150 แรงม้า (PS) ที่ 3,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 360 นิวตัน-เมตร
(36.68 กก.-ม.) ที่ 1,600 2,800 รอบ/นาที จับคู่เกียร์ธรรมดา 5 หรือ 6 จังหวะ และเกียร์
อัตโนมัติ 6 จังหวะโดย Punch Powertrain ซัพพลายเออร์ระบบเกียร์จากเบลเยี่ยม กับ
ระบบขับเคลื่อนn 4 ล้อ จาก BorgWarner ส่วนช่วงล่างหลัง Maxus T60 เป็นตับแหนบ
ที่ถูกออกแบบจุดยึดโดยคำนึงถึงความสะดวกสบายในการขับขี่หากมีการบรรทุกเบาและ
สามารถรองรับการบรรทุกหนักได้ ด้านระบบความปลอดภัยจะติดตั้งระบบควบคุมการ
ทรงตัว และเสถียรภาพ ESP, ระบบเตือนเปลี่ยนเลย Lane Departure,กับ ถุงลมนิรภัย
มากถึง 6 ใบ เป็นต้น
ดังนั้น จึงพอมีความเป็นไปได้สูงว่า รถกระบะ T60 คันนี้ เมื่อส่งมาทำตลาดในบ้านเรา
อาจจะไม่ได้พะแบรนด์ Maxus และอาจจะใช้ตรา MG แทน แต่กว่าที่พวกเขาจะพร้อม
เปิดตัวรถกระบะรุ่นนี้ น่าจะเป็นปี 2018 ขึ้นไป มากกว่า
คัดลอกมาจากส่วนหนึ่งของบทความ New Cars in Thailand 2017 2020 :
สรุปรถใหม่ เปิดตัวในเมืองไทย พ.ศ.2560 2563 เข้าไปอ่านบทความตัวเต็มได้ที่
http://www.headlightmag.com/new-cars-in-thailand-2017-2020/J!MMY
สงวนลิขสิทธิ์ ทั้งบทความ โดยผู้เขียน
ลิขสิทธิ์ภาพถ่ายรถยนต์รุ่นที่เปิดตัวแล้วเป็นของ แต่ละบริษัทผู้ผลิต
ลิขสิทธิ์ภาพวาด Illustrator โดย คุณ KNK
ลิขสิทธิ์ภาพถ่าย Spyshot เป็นของ Automedia
ห้ามนำส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต
เผยแพร่ครั้งแรกใน
www.Headlightmag.com1 มกราคม 2017
Copyright (c) 2017 Text by J!MMY
Copyright (c) 2017 Photo by All Manufacturer
Copyright (c) Illustration By : KNK
Copyright (c) 2016 Spyshot by Automedia
Use of such content either in part or in whole
without permission is prohibited.
First publish in
www.Headlightmag.comJanuary 1st,2017
หมายเหตุ ข้อ 3 (บางส่วน จากทั้งหมด 5 ข้อ) ที่ควรทราบหลังจากอ่านบทความ
http://www.headlightmag.com/new-cars-in-thailand-2017-2020/ข้อมูลทั้งหมดในบทความนี้ ได้รับการตรวจสอบและยืนยันแล้วว่าถูกต้อง ตรงกับข้อมูล
ที่เราได้รับจากหลายแหล่งข่าว ณ วันที่นำบทความชิ้นนี้ ขึ้นเผยแพร่ ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไป
อาจมีข้อมูลดิบและ/หรือข้อมูลที่กลั่นกรองแล้วปรากฎขึ้นอีกได้ตลอดเวลา ข้อมูลเหล่านั้น
อาจคลาดเคลื่อนหรือเพิ่มเติมข้อมูลเดิมจากบทความชิ้นนี้ย่อมเป็นไปได้ เกิดขึ้นได้ทั้งสิ้น
เนื่องจากรายงานข่าวประเภทเจาะโครงการลับ หรือ Spyshot นั้น ไม่มีสื่อมวลชนเล่มใด
รายใดในโลก ที่รายงานได้ถูกต้อง ตรงกับความเป็นจริง 100% ต่อให้เป็นฝรั่งมังค่าก็ตาม
คุณผู้อ่านควรติดตามข่าว ด้วยวิจารณญาณ เหตุผลในเชิงตรรกะ หรือเกมการตลาดอย่าง
ปราศจากอคติ รวมทั้งศึกษาจากข้อมูลที่ปรากฎอยู่ในสื่ออื่นๆ ประกอบกันด้วยอยู่เสมอ
เพื่อความสดใหม่ของข้อมูล โดยเฉพาะ ช่วงหลังจากบทความนี้ เผยแพร่สู่สาธารณชนแล้ว