ผมทำใจแล้วละคับ ไม่รู้จะแก้ไขอย่างไร
พยายามมองในแง่ดีว่า ถือซะว่า เงินที่จ่ายไปก็เอาไปพัฒนาประเทศ เช่น โครงการต่างๆ หรือพวกกองทุนหลักประกันสุขภาพครับ
อีกอย่าง มันก็พอมีข้อดีครับ คือ รถบ้านเราราคาไม่ตกมาก (ถ้าเป็นรถตลาดๆ)
แต่ว่ากันว่า ภาษีเราหายไปครึ่งๆ เวลาลงพื้นล่าง
ข้*****กินกันเป็นทอดๆ นั***** ก็กิน
ผมว่าบ้านเราไม่ควรมีภาษีเลย ทุกอย่างปลอดภาษี
แล้วไปเก็บกับภาษีบุคคลธรรมดาเอาอย่างเดียวได้มั้ย
คือวัดกันไปเลยว่า ถ้าคนในประเทศรวย รัฐถึงจะมีเงิน ดังนั้นรัฐต้องทำยังไงก็ได้
ให้คนในประเทศรวย ซึ่งก็คือการดูแลใส่ใจการศึกษา คุณภาพชีวิตมนุษย์ เน้นการกระจายรายได้
มาเก็บภาษีกับราคาสินค้าเหมือนได้กินเปล่าๆ สถานะของคนส่วนใหญ่จะเป็นยังไงไม่ค่อยใส่ใจ
ขอให้แค่มีคนมาลงทุนเยอะๆ แล้วก็ดักเก็บภาษีไปเรื่อย ซึ่งคนที่ซื้อก็อาจจะแค่กลุ่มเล็กๆ
ฮึ่ม ทำไมต้องจ่ายภาษี ถ้ามี corruption ขนาดนี้ แถมคนส่วนใหญ่ก็จน
ลองไม่เก็บภาษีเลยดีมั้ย จะได้กระตุ้นเศรษฐกิจ เงินสำหรับโกงกินก็น้อยลง
เหลือแต่ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กับภาษีนิติบุคคล (ที่เก็บบริษัท เกือบลืม) แต่ไม่มีภาษีที่บวกมากับสินค้า
ถ้าอยากได้เงินโกงกินเยอะๆ ก็ต้องพัฒนาคนส่วนใหญ่ให้รวยขึ้นให้ได้ ถ้าคนในประเทศส่วนใหญ่
รวยนี่แหล่ะคือดีที่สุด พอราชการรวยตามเอกชนส่วนใหญ่ เรื่อง corruption ก็อาจจะน้อยลงไปได้
อยาก change แบบสุดโต่งแบบนี้บ้าง ทดลองดูว่าถ้าลองทำจริงจะเป็นยังไง
ชิบหายครับผมบอกได้เลยถ้าทำแบบที่คุณว่ามา ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาซึ่งเป็นภาษีทางตรงทุกวันนี้ก็เก็บได้น้อยมากอยู่แล้ว เพราะคนรายได้ไม่ถึงเกณฑ์มีเยอะมาก รัฐเลยต้องมาเก็บภาษีทางอ้อมต่างๆกันแทน(เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของประชากร) แต่ถ้ายกเลิกภาษีทางอ้อมทั้งหมดไปแล้วมารีดภาษีเงินได้จากทุกคนแทน ผลจะออกมาเป็นสินค้าราคาถูกแต่คนก็ไม่มีปัญญาซื้อเหมือนเดิมเพราะโดนรีดไปกับภาษีหมดแล้ว เผลอๆจะแย่กว่าเดิมสำหรับคนที่รายได้เดิมไม่ถึงเกณฑ์เสียภาษีเพราะเงินเดือนหายไปจากเดิม แล้วไม่นับว่าถ้าคุณไปรีดภาษีคนรวยหรือบริษัทข้ามชาติมากๆเข้าเค้าก็ย้ายไปที่อื่น ประเทศขาดรายได้ไปอีกเท่าไหร่ ประเทศชาติของจริงไม่ใช่เกมส์ Simcity หรือ Tropico นะครับ ที่จะได้ลองทำอะไรไปเรื่อยๆชิบหายไปก็รีเซ็ตใหม่เอา แต่ของจริงชิบหายแล้วชิบหายเลยแก้ไขยังไงมันก็ดึงไม่ขึ้นแล้ว
ไม่ใช่ครับ มันมีทางแก้อยู่ คือเราควรจะเก็บภาษีได้จากทุกๆ คนนะ
ทุกวันนี้มีคนจนมาก แล้วเราก็ต้องตั้งเกณฑ์ขึ้นเพื่อช่วยเหลือให้คนที่รายได้น้อยไม่ต้องเสียภาษี
แต่วิธีนี้ก็ไม่ได้ทำให้คนรวยขึ้น หรือพัฒนาฐานะตัวเองขึ้นมาได้
หรือบางคนรวยขึ้นมาได้จากการขายข้าวปลาอาหาร ก็ยังคงไม่ได้จ่ายภาษี
คนไหนไม่ได้จดทะเบียนการค้า ก็ไม่ต้องจ่ายอะไรแม้แต่บาทเดียว ซึ่งมันมีเยอะมาก
ถ้าคุณตั้งใจจะเก็บภาษีจากทุกๆ คน คุณจะได้ฐานข้อมูลที่ใหญ่มาก แล้วจะเข้าใจว่า
ใครกำลังทำอะไร ได้รายได้เท่าไหร่ ชีวิตเป็นยังไง มีอะไรที่ควรต้อง support มั้ย
งานของภาครัฐจะเพิ่มขึ้นมหาศาล แต่คุณก็จะเข้าถึงคนทุกคนได้ ในช่วงต้น
คนจะได้รายได้น้อย รายได้มาก ก็ควรจ่ายภาษี แล้วต้องมีข้อมูลว่าเขาทำอะไร
เรามี ID card เป็น smart card อยู่แล้ว ผมว่าข้อมูลพวกนี้จำเป็น
เราจะรู้เลย ความรู้ การศึกษา เพียงพอรึไม่ หรือแม้แต่ใครกำลังจะจน ใครกำลังจะรวย
ทุกคนควรต้องจ่าย เพื่อแลกกับการดูแลที่ทั่วถึง รัฐลงมาช่วยได้เลย ไม่ต้องมาลงทะเบียน
คนจนเลยด้วย
ที่ทำทุกวันนี้เหมือนเราจะช่วยให้คนรายได้น้อยไม่ต้องจ่ายภาษี
แต่สภาพเศรษฐกิจกลับแย่เอาๆ ช่องว่างฐานะมากขึ้นๆ
สิ่งนี้คือการช่วยจริงๆ รึเปล่า ใครจนมากจนน้อยรัฐยังต้องมาถาม ให้มาลงทะเบียน
เวลานี้เหมือนทำงานน้อย และไม่ใส่ใจ
เพราะอะไร
เพราะรัฐได้เงินภาษีทางอ้อมต่างๆ มาช่วยง่ายเกินไป เงินได้มาง่ายก็ถูกโกงกินไปง่าย
ประชาชนไม่ได้รับการดูแลใส่ใจ หนึ่งคือรัฐไม่รู้เรื่อง สองคือรัฐไม่ต้องแคร์ตรายใด
ที่ยังมีเงินภาษีพอกับงบประมาณที่ตั้งไว้ ถ้าขาดก็แค่กู้ คนไหนจนก็จนต่อไป ถือว่าก็ช่วยพวกเขาแล้ว
โดยการไม่ไปเก็บภาษี ซึ่งส่วนตัวผมคิดว่าน่าจะควรเก็บ คุณค่าขอ งความเป็นประชากรจะได้
เท่ากันด้วยไม่ได้มีสิทธิพิเศษต่างกัน จ่าย 10 บาทก็ยังถือว่าได้จ่าย
ถ้าเรามีข้อมูลการศึกษาเข้าไปด้วยก็ดี เราจะรู้ถึงกระทั่ง นักเรียนโรงเรียนนี้ส่วนใหญ่
จบออกมายากจน ไม่สามารถ upgrade ฐานะตัวเองได้ เราก็สามารถเข้าไปดูมาตรฐาน
โรงเรียนนั้นได้ว่าควรปรับปรุงอะไรยังไง ตัวเรียนก็ต้องขยันขึ้น เพราะผลงาน
มันฟ้องได้ว่า ดูแล สั่งสอนเด็กได้มาตรฐานแค่ไหน ถ้าผลงานไม่ดี คนก็จะไปเลือกเข้าโรงเรียน
ที่ผลงานดีกว่า แต่ค่าเทอมพอๆ กันได้
ผมว่ายังมีอีกหลายเรื่องมาประยุกต์ต่อได้อีก พอดีผมมีนัดหมอฟัน
ผมว่าถ้ารัฐผสานกันได้กับประชาชนแบบนี้ เราสามารถตามสิงคโปร์ได้
สิงคโปร์คือคนเอเชียเหมือนบ้านเรา ไม่มีข้ออ้างอะไรจะเอามาพูดได้ว่า
เชื้อชาติแตกต่าง วัฒนธรรมแตกต่าง ทำให้เราทำแบบนั้นไม่ได้
เดี๋ยวแค่นี้ก่อนกลับมาค่อยว่ากันใหม่ คุยต่อได้ครับ ชอบคุยเรื่องนี้
เพิ่มเติมคือ ถ้าของที่ผลิตในประเทศไม่มีภาษี
ยอดขายก็จะโตขึ้นมหาศาล ดึงดูดเงินลงทุน ให้ลงทุนเพิ่มหรือมีบริษัทใหม่มาลงทุน
การจ้างงานก็จะเพิ่มมหาศาล ภาษีตรงส่วนบริษัทและบุคคลธนชรรมดาก็จะได้เพิ่มเป็นกอบเป็นกรรม
กลายเป็น hub ของพวกเทคโนโลยี่ได้
พูดถึงว่าถ้าเรายังหยุด Corruption ไม่ได้ เพราะเป็นธรรมชาติของคนกลุ่ม
ใดกลุ่มหนึ่งในประเทศก็แล้วแต่ เราก็มีทางเลือกได้ว่า
ให้รัฐกินก่อนโดยการเก็บภาษีสินค้าอุปโภคบริโภค แล้วรอให้คนจนรวยขึ้นมา
หรือจะให้คนทุกคนรวยขึ้นมาจากการกระตุ้นแบบไม่มีภาษีทางอ้อม แล้วรัฐค่อยกิน
ไม่เก็บภาษีกับสินค้าที่ผลิตในประเทศนะ ไม่รู้ผมลืมพูดไปรึเปล่า
ถ้าทำวิธีนี้ไปได้ดี ต่อไปของที่ไม่เคยผลิตในประเทศก็จะอยากเข้ามา localize ละ
เราถึงจะกลายเป็น hub ทาง technology ได้ เงินลงทุนจะเข้ามาเยอะเลย
ธุรกิจรถผลิตในประเทศที่ปลอดภาษีก็เป็นตัว start up ที่ดีอย่างหนึ่งนะ
มัน change แบบ radical คือแบบว่าสุดๆ แต่ถ้าไปรอด คือรวยกับรวย
ยังไม่นับว่า corruption จะมีหรือไม่มีนะ ถ้าไม่มีก็ยิ่งดี ประเทศกลายเป็นประเทศพัฒนา
แล้วได้ภายในเวลาไม่นานแน่ แต่โดยปกติแล้วคนมีฐานะขึ้น การศึกษาดีขึ้น พวก
corruption จะเริ่มหายตายไปเอง โดยสรุป ผมว่าการเก็บภาษีสินค้า คือการสนับสนุน
ให้รัฐกินเปล่าจนชินแบบไม่ต้องทำงาน ตามมาด้วยการโกงกิน และนำไปสู่ความยากจนของ
คนในประเทศ
ทำไมประเทศพัฒนาแล้ว รถยนต์ถึงได้ถูก ยกเว้นประเทศที่เล็ก เพราะนั่นเขาผลิตเองไม่คุ้ม
ต้องนำเข้าอย่างเดียว แต่บ้านเรายังมีโอกาส มีคนมีพื้นที่มีทรัพยากรบ้านเรามีโอกาสเยอะมาก
แต่ตอนนี้กลับให้โอกาสกับคนกลุ่มนึงที่กินภาษีแบบได้เปล่าฟรีๆ