ผู้เขียน หัวข้อ: 🚗สรุปยอดขายรถยนต์ 2559 นิสสัน ติดลบหนักสุด ฟอร์ด บวกสูงสุด  (อ่าน 11664 ครั้ง)

ออฟไลน์ Staples

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,668
Mg หายไปจากสารบบ แพ้เชฟได้ไง

JONNY

  • บุคคลทั่วไป
อยากได้ส่วนแบ่งการตลาดมาก ก็จะต้องเติบโตเยอะๆ ก็ถูกต้องแล้วนิครับ ถ้าส่วนแบ่งการตลาดถดถอย ต้องพิจารณาแล้วละครับ

ออฟไลน์ TheZero

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 594
    • อีเมล์
บ้านเรา เน้นยอดขายกระบะเป็นหลัก


ออฟไลน์ bigrocket

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 173
เดือน ธันวาคม เห็นข่าวว่า Ranger ขายได้ 5 พันคัน ไม่รู้จริงหรือเปล่า

ออฟไลน์ watnu

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 434
โตโยต้ายอดร่วง3ปีซ้อน สรุปขายรถปี59‘มาสด้า-ซูซูกิ’ดาวรุ่ง
www.thansettakij.com/2017/01/17/124776



โฟกัส ขายดีขนาดนั้นเลยเหรอครับ  :-X

ออฟไลน์ sayuno

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 102
เสียดาย Nissan ... ยอดร่วง เพราะทำตัวเองแท้ๆ

Product : ไม่เปรี้ยงปร้างซัก segment (ทั้งเรื่องการเลือก Model มาขาย / การจัด option + ราคาขาย ในแต่ละรุ่น (ดูกั๊กๆไปหมด) / การสื่อสารไปยังผู้บริโภคก็ดูไม่ดีนัก)
Dealer :  มีปัญหาเรื่องการฉ้อโกง และ มาตรฐานของแต่ละ dealer ไม่พัฒนาไปตามที่ควรจะเป็น
After Service & parts. : ศูนย์บริการ เหมือนย่ำอยู่กับที่ ไม่ก็ถอยหลังลงคลอง (สวนทางกับ Mazda ที่พยายามพัฒนาขึ้นมาจนใกล้จะแซงได้แล้ว)
                                    ความทนทานของรถ และอะไหล่ต่างๆ จากที่เคยทนทาน บำรุงรักษาง่าย ไม่แพ้ toyota ... กลับด้อยลงค่อนข้างชัดเจน

อันนี้ขอคอนเฟิรม์ ใช่เลย ทำตัวเองแท้ๆ ประสบการณ์ตรงเหมือนกัน เลิกคบแล้วนิสสันจบกันแค่นี้พอแล้ว เมื่ออาทิตย์ที่แล้วพิ่งไปโว๊ยที่ศูนย์นิสสัน SMT มาเหมือนกัน เรื่องอะไหล่ที่ห่วยมากๆ ของนิสสัน ตัดสินในแล้วจะขายทิ้ง เพราะซ่อมไม่ไหวแล้ว เจ้งกันเป็นรายเดือนแย่มาก ฝากผู้บริหารนิสสันไว้ด้วย อะไหล่รถของคุณห่วยมากๆ

ออฟไลน์ Darkart

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,191
    • อีเมล์
Ford ได้ Ranger กับ Everest ขายได้เป็นกำลังหลัก
ตกใจกับ Nissan มากกว่า ไม่มีรถรุ่นใหม่บ้างเลยเหรอ
Suzuki มาเงียบๆ เรื่อยๆครับ


ผู้ไม่มีแผลเป็น คือ ผู้ไม่มีประสบการณ์

ออฟไลน์ Noncyclopedia

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,200
ตัวอย่าง

ยี่ห้อ A
ปี 59 ขาย 10,000 คัน -> ปี 60 ขาย 11,000 คน = +10% (เพิ่มมา 1,100 คัน)

ยี่ห้อ B
ปี 59 ขาย 500 คัน -> ปี 60 ขาย 550 คน = 10% (เพิ่มมา 50 คัน)

อัตราการเติบโต ใน chart เขาคิดแบบนี้ป่าว??

ความเหมือนที่แตกต่าง

ปล.อันดับไม่ต่างกับที่คาด

ใช่ครับเขาคิดแบบนี้แหละครับ

บริษัทรถ ส่วนใหญ่เขาไม่สนยอดการเติบโตหรอกครับ
ที่เขาสนใจจริงๆคือ ส่วนแบ่งตลาด เขาต้องการยอดตรงนี้โตขึ้น ต่อให้ยอดขายติดลบก็ไม่แคร์ครับ

ไปอยุ่ไหนมาครับ เอาหลักคิดแบบนี้จากสิ่งที่น่าเชื่อถือจากไหนอ้างอิง

ออฟไลน์ warez

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 702
ตัวอย่าง

ยี่ห้อ A
ปี 59 ขาย 10,000 คัน -> ปี 60 ขาย 11,000 คน = +10% (เพิ่มมา 1,100 คัน)

ยี่ห้อ B
ปี 59 ขาย 500 คัน -> ปี 60 ขาย 550 คน = 10% (เพิ่มมา 50 คัน)

อัตราการเติบโต ใน chart เขาคิดแบบนี้ป่าว??

ความเหมือนที่แตกต่าง

ปล.อันดับไม่ต่างกับที่คาด

ใช่ครับเขาคิดแบบนี้แหละครับ

บริษัทรถ ส่วนใหญ่เขาไม่สนยอดการเติบโตหรอกครับ
ที่เขาสนใจจริงๆคือ ส่วนแบ่งตลาด เขาต้องการยอดตรงนี้โตขึ้น ต่อให้ยอดขายติดลบก็ไม่แคร์ครับ

สลับกันแล้วครับ ธุรกิจเกือบทั้งหมดในโลก เขาต้องการยอดเติบโตครับ  (ปกติ เขามีเป้ามาตรฐาน 10-15% ต่อปีด้วยซ้ำ)

Market Share ไว้เป็นอีก view นึง และเป็น Benchmark เท่านั้น  ว่าเราโตน้อย หรือ มากกว่าตลาด

ยิ่งถ้าบริษัทนั้น อยู่ในตลาดหุ้น  ไม่มีใครสน Market Share หรอกครับ  เขามีแต่พยายามทำให้กำไรโตต่อเนื่องเท่านั้น จะลดคน ลด Cost   จนเสีย Market Share ก็ได้  ถ้ากำไรเพิ่มขึ้น

ในเวลาที่เศรษฐกิจมันเติบโต ผลของมันก็จะทำให้คุณเห็นแบบนั้นนั่นแหละครับ
ในทางกลับกันเช่นตอนนี้ ที่โตโยต้าสนใจ คือส่วนแบ่งตลาด ถ้าเขาเป็นเจ้าตลาดอยู่มันก็โอเค ยอดขายติดลบไปบ้างก็ธรรมดา

ถ้าคุณไม่มี Market Share สนใจแต่ GP สักพักสินค้าของคุณจะหายไปจากตลาดในที่สุด พอเข้าใจไหมครับ

ธุรกิจมันดูกำไรขาดทุนเป็นหลัก ส่วนที่จะทำให้มันมีกำไรอยู่ได้ยาวนานคือการครองตลาด
ไปดู Blackberry สิครับ เขาทำกำไรต่อเครื่องได้สวยขนาดไหน สุดท้ายตายเพราะครองตลาดไม่ได้ เหมือนกับ Nokia

ทำไม Windows ต้องแจกฟรีในสถานศึกษาในประเทศที่พัฒนาแล้ว เขากำไรเหรอครับ
เขาสร้างความคุ้นชิน เพื่อที่จะครองและคุมกำเนิด Market Share ของรายอื่นๆไม่ให้ได้เกิดกันเลย
Windows มีอะไรดีกว่า Mc OS ผมบอกได้เลย ข้อเดียวและล้มยากมาก คือมันมี Market Share สูงที่สุดไงครับ

ออฟไลน์ Noncyclopedia

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,200
ตัวอย่าง

ยี่ห้อ A
ปี 59 ขาย 10,000 คัน -> ปี 60 ขาย 11,000 คน = +10% (เพิ่มมา 1,100 คัน)

ยี่ห้อ B
ปี 59 ขาย 500 คัน -> ปี 60 ขาย 550 คน = 10% (เพิ่มมา 50 คัน)

อัตราการเติบโต ใน chart เขาคิดแบบนี้ป่าว??

ความเหมือนที่แตกต่าง

ปล.อันดับไม่ต่างกับที่คาด

ใช่ครับเขาคิดแบบนี้แหละครับ

บริษัทรถ ส่วนใหญ่เขาไม่สนยอดการเติบโตหรอกครับ
ที่เขาสนใจจริงๆคือ ส่วนแบ่งตลาด เขาต้องการยอดตรงนี้โตขึ้น ต่อให้ยอดขายติดลบก็ไม่แคร์ครับ

สลับกันแล้วครับ ธุรกิจเกือบทั้งหมดในโลก เขาต้องการยอดเติบโตครับ  (ปกติ เขามีเป้ามาตรฐาน 10-15% ต่อปีด้วยซ้ำ)

Market Share ไว้เป็นอีก view นึง และเป็น Benchmark เท่านั้น  ว่าเราโตน้อย หรือ มากกว่าตลาด

ยิ่งถ้าบริษัทนั้น อยู่ในตลาดหุ้น  ไม่มีใครสน Market Share หรอกครับ  เขามีแต่พยายามทำให้กำไรโตต่อเนื่องเท่านั้น จะลดคน ลด Cost   จนเสีย Market Share ก็ได้  ถ้ากำไรเพิ่มขึ้น

ในเวลาที่เศรษฐกิจมันเติบโต ผลของมันก็จะทำให้คุณเห็นแบบนั้นนั่นแหละครับ
ในทางกลับกันเช่นตอนนี้ ที่โตโยต้าสนใจ คือส่วนแบ่งตลาด ถ้าเขาเป็นเจ้าตลาดอยู่มันก็โอเค ยอดขายติดลบไปบ้างก็ธรรมดา

ถ้าคุณไม่มี Market Share สนใจแต่ GP สักพักสินค้าของคุณจะหายไปจากตลาดในที่สุด พอเข้าใจไหมครับ

ธุรกิจมันดูกำไรขาดทุนเป็นหลัก ส่วนที่จะทำให้มันมีกำไรอยู่ได้ยาวนานคือการครองตลาด
ไปดู Blackberry สิครับ เขาทำกำไรต่อเครื่องได้สวยขนาดไหน สุดท้ายตายเพราะครองตลาดไม่ได้ เหมือนกับ Nokia

ทำไม Windows ต้องแจกฟรีในสถานศึกษาในประเทศที่พัฒนาแล้ว เขากำไรเหรอครับ
เขาสร้างความคุ้นชิน เพื่อที่จะครองและคุมกำเนิด Market Share ของรายอื่นๆไม่ให้ได้เกิดกันเลย
Windows มีอะไรดีกว่า Mc OS ผมบอกได้เลย ข้อเดียวและล้มยากมาก คือมันมี Market Share สูงที่สุดไงครับ
ความคิดคับแคบไปครับ. Intention ของการแจกฟรีในสถานศึกษา ไม่ใช่สิ่งที่คุณอธิบายมาแน่นอนครับ
มันคือความเห็นของคุณที่"เดา" จากพื้นฐานของคุณ

อีกทั้งwindows มีดีกว่าOS X ข้อเดียวยิ่งbias มาเต็ม
ส่วนที่บอกว่าARPU ของ Bb ยิ่งmislead ไปไกลมากมาย


ออฟไลน์ warez

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 702
ตัวอย่าง

ยี่ห้อ A
ปี 59 ขาย 10,000 คัน -> ปี 60 ขาย 11,000 คน = +10% (เพิ่มมา 1,100 คัน)

ยี่ห้อ B
ปี 59 ขาย 500 คัน -> ปี 60 ขาย 550 คน = 10% (เพิ่มมา 50 คัน)

อัตราการเติบโต ใน chart เขาคิดแบบนี้ป่าว??

ความเหมือนที่แตกต่าง

ปล.อันดับไม่ต่างกับที่คาด

ใช่ครับเขาคิดแบบนี้แหละครับ

บริษัทรถ ส่วนใหญ่เขาไม่สนยอดการเติบโตหรอกครับ
ที่เขาสนใจจริงๆคือ ส่วนแบ่งตลาด เขาต้องการยอดตรงนี้โตขึ้น ต่อให้ยอดขายติดลบก็ไม่แคร์ครับ

สลับกันแล้วครับ ธุรกิจเกือบทั้งหมดในโลก เขาต้องการยอดเติบโตครับ  (ปกติ เขามีเป้ามาตรฐาน 10-15% ต่อปีด้วยซ้ำ)

Market Share ไว้เป็นอีก view นึง และเป็น Benchmark เท่านั้น  ว่าเราโตน้อย หรือ มากกว่าตลาด

ยิ่งถ้าบริษัทนั้น อยู่ในตลาดหุ้น  ไม่มีใครสน Market Share หรอกครับ  เขามีแต่พยายามทำให้กำไรโตต่อเนื่องเท่านั้น จะลดคน ลด Cost   จนเสีย Market Share ก็ได้  ถ้ากำไรเพิ่มขึ้น

ในเวลาที่เศรษฐกิจมันเติบโต ผลของมันก็จะทำให้คุณเห็นแบบนั้นนั่นแหละครับ
ในทางกลับกันเช่นตอนนี้ ที่โตโยต้าสนใจ คือส่วนแบ่งตลาด ถ้าเขาเป็นเจ้าตลาดอยู่มันก็โอเค ยอดขายติดลบไปบ้างก็ธรรมดา

ถ้าคุณไม่มี Market Share สนใจแต่ GP สักพักสินค้าของคุณจะหายไปจากตลาดในที่สุด พอเข้าใจไหมครับ

ธุรกิจมันดูกำไรขาดทุนเป็นหลัก ส่วนที่จะทำให้มันมีกำไรอยู่ได้ยาวนานคือการครองตลาด
ไปดู Blackberry สิครับ เขาทำกำไรต่อเครื่องได้สวยขนาดไหน สุดท้ายตายเพราะครองตลาดไม่ได้ เหมือนกับ Nokia

ทำไม Windows ต้องแจกฟรีในสถานศึกษาในประเทศที่พัฒนาแล้ว เขากำไรเหรอครับ
เขาสร้างความคุ้นชิน เพื่อที่จะครองและคุมกำเนิด Market Share ของรายอื่นๆไม่ให้ได้เกิดกันเลย
Windows มีอะไรดีกว่า Mc OS ผมบอกได้เลย ข้อเดียวและล้มยากมาก คือมันมี Market Share สูงที่สุดไงครับ
ความคิดคับแคบไปครับ. Intention ของการแจกฟรีในสถานศึกษา ไม่ใช่สิ่งที่คุณอธิบายมาแน่นอนครับ
มันคือความเห็นของคุณที่"เดา" จากพื้นฐานของคุณ

อีกทั้งwindows มีดีกว่าOS X ข้อเดียวยิ่งbias มาเต็ม
ส่วนที่บอกว่าARPU ของ Bb ยิ่งmislead ไปไกลมากมาย

แล้วจุดประสงค์หลักของการแจกฟรีของ Microsoft คืออะไรครับ
จริงๆจำขี้ปาก VP PepsiCo เขามาพูด เขาเป็นรุ่นพี่มาให้ความรู้รุ่นน้องในมหาลัย
เขาเป็นคนสอนให้พวกผมเข้าใจว่า ยอดขายไม่ได้สำคัญเท่ากับ Market Share ซึ่งผมเห็นว่ามันจริง

ข้อดีข้อเดียว คุณอ่านแต่คุณคงไม่เข้าใจ
ข้อดีข้อเดียวของ Windows คืออะไร ลองเดินไปถามคนหลายๆคนดูสิครับ ว่าแตกต่างจากที่ผมว่าไหม?
มันก็เหมือนข้อดีข้อเดียวของ Toyota ที่เขาแซวกันนั่นแหละครับ

ARPU ของ BB?? ผมว่าคุณหลงประเด็นไปนะครับ
BB เขาทำกำไร 2 ด้าน 1. กำไรจากการขาย Handset 2. กำไรจากการให้บริการ
ที่ผมพิมพ์ไปคือดูที่ กำไรจากการขาย เพราะในหัวข้อนี้เราพูดถึง ยอดขาย VS market Share
ไม่งั้นต้องเปลี่ยนชื่อกระทู้เป็น "ตะลึงยอดบริการหลังการขาย xxx ตกวูบ ส่วน sss มาแรง แทบอุ้มเข้าไป service"

ถ้าว่างก็ช่วยอธิบายเพิ่มให้ด้วยนะครับ ว่า "อินเท็นชั่ล" ที่แท้จริงของ Microsoft คืออะไร ผมอยากทราบเหมือนกันครับ

ออฟไลน์ SM.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 27,363
เพราะไม่มีรถใหม่มากระตุ้นตลาดเลย ผลเลยออกมาแบบนี้ เจ็บจริง Nissan เป็นปีที่ไม่ดีเลย

ส่วน Ford + Chev พวกผู้บริหารคงนั่งอมยิ้มกันอยู่ กับตัวเลขแบบนี้ ยังไงก็อย่าลืมแก้ปัญหาให้ลูกค้านะครับ ไม่งั้นเค้าจะเป็นลูกค้าคุณแค่ครั้งเดียว

ออฟไลน์ puo

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 547
มาสด้าเป็นค่ายรถที่น่าจับตามองมากในปีที่ผ่านมาได้อันดับ 6  ในปี 60 ขอเดาว่าไม่ต่ำกว่าอันดับ 5 แน่นอน

ออฟไลน์ Pegasus7700

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,815
ตัวอย่าง

ยี่ห้อ A
ปี 59 ขาย 10,000 คัน -> ปี 60 ขาย 11,000 คน = +10% (เพิ่มมา 1,100 คัน)

ยี่ห้อ B
ปี 59 ขาย 500 คัน -> ปี 60 ขาย 550 คน = 10% (เพิ่มมา 50 คัน)

อัตราการเติบโต ใน chart เขาคิดแบบนี้ป่าว??

ความเหมือนที่แตกต่าง

ปล.อันดับไม่ต่างกับที่คาด

ใช่ครับเขาคิดแบบนี้แหละครับ

บริษัทรถ ส่วนใหญ่เขาไม่สนยอดการเติบโตหรอกครับ
ที่เขาสนใจจริงๆคือ ส่วนแบ่งตลาด เขาต้องการยอดตรงนี้โตขึ้น ต่อให้ยอดขายติดลบก็ไม่แคร์ครับ

สลับกันแล้วครับ ธุรกิจเกือบทั้งหมดในโลก เขาต้องการยอดเติบโตครับ  (ปกติ เขามีเป้ามาตรฐาน 10-15% ต่อปีด้วยซ้ำ)

Market Share ไว้เป็นอีก view นึง และเป็น Benchmark เท่านั้น  ว่าเราโตน้อย หรือ มากกว่าตลาด

ยิ่งถ้าบริษัทนั้น อยู่ในตลาดหุ้น  ไม่มีใครสน Market Share หรอกครับ  เขามีแต่พยายามทำให้กำไรโตต่อเนื่องเท่านั้น จะลดคน ลด Cost   จนเสีย Market Share ก็ได้  ถ้ากำไรเพิ่มขึ้น

ในเวลาที่เศรษฐกิจมันเติบโต ผลของมันก็จะทำให้คุณเห็นแบบนั้นนั่นแหละครับ
ในทางกลับกันเช่นตอนนี้ ที่โตโยต้าสนใจ คือส่วนแบ่งตลาด ถ้าเขาเป็นเจ้าตลาดอยู่มันก็โอเค ยอดขายติดลบไปบ้างก็ธรรมดา

ถ้าคุณไม่มี Market Share สนใจแต่ GP สักพักสินค้าของคุณจะหายไปจากตลาดในที่สุด พอเข้าใจไหมครับ

ธุรกิจมันดูกำไรขาดทุนเป็นหลัก ส่วนที่จะทำให้มันมีกำไรอยู่ได้ยาวนานคือการครองตลาด
ไปดู Blackberry สิครับ เขาทำกำไรต่อเครื่องได้สวยขนาดไหน สุดท้ายตายเพราะครองตลาดไม่ได้ เหมือนกับ Nokia

ทำไม Windows ต้องแจกฟรีในสถานศึกษาในประเทศที่พัฒนาแล้ว เขากำไรเหรอครับ
เขาสร้างความคุ้นชิน เพื่อที่จะครองและคุมกำเนิด Market Share ของรายอื่นๆไม่ให้ได้เกิดกันเลย
Windows มีอะไรดีกว่า Mc OS ผมบอกได้เลย ข้อเดียวและล้มยากมาก คือมันมี Market Share สูงที่สุดไงครับ
ความคิดคับแคบไปครับ. Intention ของการแจกฟรีในสถานศึกษา ไม่ใช่สิ่งที่คุณอธิบายมาแน่นอนครับ
มันคือความเห็นของคุณที่"เดา" จากพื้นฐานของคุณ

อีกทั้งwindows มีดีกว่าOS X ข้อเดียวยิ่งbias มาเต็ม
ส่วนที่บอกว่าARPU ของ Bb ยิ่งmislead ไปไกลมากมาย
เห็นด้วยกับ การแจกfree license ในสถานศึกษาครับ ที่ผมเชื่อว่าเป็นการส่งเสริมให้นักศึกษาสามารถเข้าถึงได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายและลดปัญหาการใช้ของเถื่อนในองคกรนั้นๆ

ส่วนwindows นั้น ผมเห็นว่า.  อันตรายเหมือนกันกับการผูกขาด
วันนึงbill gate เกิดคึก. สั่งให้widows  is จอดำสัก2เดือนโลกคงป่วนน่าดู
...ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป...

MERCEDES BENZ W212 '12
FORD FOCUS 2.0 Gdi '13
HONDA Civic RS '20
VOLVO XC60 Hybrid Inscription '19
FORD EVEREST 2.0 Bi Turbo '22

ออฟไลน์ mothsan

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,559
ก็ไม่น่าแปลกที่นิสสันจะขายไม่ดี เพราะตัวที่ขายอยู่ก็ไม่ได้มีส่วนแบ่งการตลาดสูง ขายก็ไม่ได้ หรือ ไม่มีตัวเด่นตัวไหน ชูโรงสักตัว

ส่วน มาร์ช อัลเมล่า คนที่ใช้เก่า ก็เริ่มมีปัญหา รถราคาอีโค่ แต่ราคาอะไหล่ ไม่อีโค่ แถมไม่ทนอีกตะหาก ระยะยาวลูกค้าเข็ด ขยาด

ถ้าเทียบรถ Eco ด้วยกัน เรื่องคุณภาพอะไหล่ เนี่ยด้อยทั้งนิสสัม และ มิดซู แต่นิสสัมดีกว่ามิดซูนิดนึง