ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
Headlight Magazine : community
»
General
»
Discussion Forum
(ผู้ดูแล:
admin
,
J!MMY
,
DR!VE by J!MMY
,
HLM
) »
ทำไมยอดขายของ B-seg และ Eco car (ต่ำกว่า 7.5 แสน) ถึงยังไม่ตกเท่า C D-seg ครับ
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
หน้า: [
1
]
ผู้เขียน
หัวข้อ: ทำไมยอดขายของ B-seg และ Eco car (ต่ำกว่า 7.5 แสน) ถึงยังไม่ตกเท่า C D-seg ครับ (อ่าน 4765 ครั้ง)
e:smart Hybrid
Hero Member
กระทู้: 3,701
ทำไมยอดขายของ B-seg และ Eco car (ต่ำกว่า 7.5 แสน) ถึงยังไม่ตกเท่า C D-seg ครับ
«
เมื่อ:
มกราคม 26, 2017, 19:59:33 »
ผมเห็นยอดขายมา 12 เดือน ดูมาตั้งแต่มกราคม แล้ว
มีข้อสงสัยครับ ว่า รถราคาต่ำกว่า 7.5 แสน ในยุคนี้เราเริ่มมีตัวเลือกมากขึ้น เช่น
กลุ่ม B-MPV ก็มี Mobilio รุ่นกลางและล่าง ราคา ไม่เกิน 7 แสน
Avanza Ertiga ที่นำเข้าจากอินโด
หรือ B-SUV เช่น Ecosport ตัวกลางหรือล่าง
หรือกระบะ cab ยกสูงตัวล่าง กลาง หรือกระบะ 4 ประตูตัวล่าง
แต่ทำไมยอดขายของรถในกลุ่มต่ำกว่า 7.5 แสนก็ยังคงเป็นรถเก๋งครับ
หรือว่าคนในกลุ่มที่ซื้อรถพวกนี้ เขาไม่นิยมรถยกสูง รถอเนกประสงค์ที่สามารถนั่งได้หลายคนครับ
หรือตัวเลือกมันน้อยเกินไปไม่เท่ารถราคา 7 - 1 ล้านกว่าๆ หรือรถอื่นนอกจากเก๋ง ทำได้ไม่น่าใช้พอครับ
อยากให้ทุกท่านช่วยวิเคราะห์ด้วยครับ ว่า กลุ่มรถเก๋งราคาต่ำกว่า 7.5 แสน ทำไมถึงยังขายได้ดีแตกต่างจากรถเก๋งราคา 7.5 - 2 ล้าน ที่ยอดขายรถเก๋งไปกองอยู่กับเจ้าตลาด 2 รายเท่านั้น
บันทึกการเข้า
rtong
Hero Member
กระทู้: 3,187
Re: ทำไมยอดขายของ B-seg และ Eco car (ต่ำกว่า 7.5 แสน) ถึงยังไม่ตกเท่า C D-seg ครับ
«
ตอบกลับ #1 เมื่อ:
มกราคม 26, 2017, 20:13:14 »
รถยนต์เป็นสิ่งฟุ้มเฟือย แต่รถระดับนี้คนที่ซื้อส่วนใหญ่จะซื้อเพราะมันเป็นรถคันแรกๆของบ้าน ของคนที่พึ่งทำงานหาเงินด้วยตัวเองครับ ทั้งประหยัดน้ำมัน ประหยัดค่าใช้จ่าย ค่าดูแลรักษาอีก จริงอยู่ที่ทุกคนต้องการรถคันใหญ่ นั่งสบาย ปลอดภัย แต่กว่าจะซื้อได้มันไม่ง่ายเลย
ส่วนที่ถามว่าทำไมไม่ซื้อรถ mini mpv ที่นั่งได้หลายๆคน ขอตอบว่า พอจะซื้อรถที่นั่งได้หลายๆคนปุ๊บ รถกระบะมันก็ลอยเข้ามาในความคิดก่อนเลย ทั่งนั่งได้เยอะขนของได้แยะ ตลาดนี้จึงไม่เกิด
ถ้าเปลี่ยนวิธีการคิดภาษีรถกะบะเมื่อไหร่ การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นมากกว่านี้แน่นอน แต่มันคงไม่มีวันนั้น เพราะมันถูกบิดเบือนมานานเกินไปแล้ว แก้ยาก
บันทึกการเข้า
SM.
Hero Member
กระทู้: 27,505
Re: ทำไมยอดขายของ B-seg และ Eco car (ต่ำกว่า 7.5 แสน) ถึงยังไม่ตกเท่า C D-seg ครับ
«
ตอบกลับ #2 เมื่อ:
มกราคม 26, 2017, 21:15:29 »
B-Seg เป็นรถที่เหมาะกับบ้านเรานะครับ ทั้งขนาด ราคา
คนจำนวนมาก เก็บเงินซื้อรถคันแรก ก็เอา B-Seg นี่แหละครับ ถ้าไม่ไหวจริงๆ ค่อยลงไป Eco car
บันทึกการเข้า
เต๋า AV
Hero Member
กระทู้: 1,393
Re: ทำไมยอดขายของ B-seg และ Eco car (ต่ำกว่า 7.5 แสน) ถึงยังไม่ตกเท่า C D-seg ครับ
«
ตอบกลับ #3 เมื่อ:
มกราคม 26, 2017, 21:35:41 »
มันไปเยอะตอนโครงการรถ คันแรก แล้วไงคับ
คนส่วนใหญ่ก็มีรถใช้กันแล้ว
คนรุ่นใหม่ที่พึ่งเริ่มทำงาน ก็เงินเดือนพอซื้อ Eco Car
ส่วน C D seg ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่หา รถคันที่ 2 หรือขยับ อัพเกรด จากรถคันที่มีอยู่
และก็ในราคา 1 - 2 ล้านส่วนใหญ่พอมีฐานะขึ้นมา ก็จะข้ามไป รถยุโรป มือ 2 มากกว่า
เพราะใช้แล้วดู ภูมิฐานกว่า รถญี่ปุ่น ไงคับ
ยอดขายก็เป็นไปตามสัดส่วนฐานนะ ของคนในประเทศคับ
บันทึกการเข้า
jztang
Hero Member
กระทู้: 1,728
Born To Race
Re: ทำไมยอดขายของ B-seg และ Eco car (ต่ำกว่า 7.5 แสน) ถึงยังไม่ตกเท่า C D-seg ครับ
«
ตอบกลับ #4 เมื่อ:
มกราคม 26, 2017, 21:37:31 »
ตอบแบบภาพรวมของประเทศเรานะครับ
ถ้าให้แบ่งชนชั้นทางรายได้การทางเงิน ก็ต้องบอกว่า คนรายได้น้อยในประเทศเราเยอะมาก รวมไปถึงรายได้ปานกลาง
ก็เป็นที่มาของการซื้อรถนั่นแหละครับ รายได้ประมาณไหน ซื้อได้ประมาณไหน และก็เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าครับ A-seg และ B-seg เพราะแบรนด์ต่างๆ ต่างก็เริ่มเข้ามาหาผู้บริโภคมากขึ้น รู้ความต้องการ และเจาะกลุ่มคนกลุ่มนี้ และก็แข่งขันเรื่องราคาออปชั่น ความสวยงาม ก็ว่ากันไป จะขายแพงก็ซื้อยาก ทำมาให้ขายได้ แล้วพัฒนาเทคโนโลยีให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
บันทึกการเข้า
mobgang33
Full Member
กระทู้: 176
Re: ทำไมยอดขายของ B-seg และ Eco car (ต่ำกว่า 7.5 แสน) ถึงยังไม่ตกเท่า C D-seg ครับ
«
ตอบกลับ #5 เมื่อ:
มกราคม 26, 2017, 21:40:36 »
คนเริ่มทำงาน ไม่อยากมีหนี้ หรืออยากเก็บเงินไปลงทุน
ก้อเริ่มที่เราผ่อนไหวครับ หรือแค่ความจำเป็นครับ ยอดขายจึงอยุ่ที่รถกระบะ, ecocar ,b segment
คนซื้อกระบะ คงเอาไว้ทำมาหากิน
คนใช้รถเก๋งเล็ก ก็คงเอาไว้ทำมาหากินเช่นกัน ครับ
อีกทั้งคนที่ไม่เคยมีรถมาก่อน ก้อคงเริ่มที่รถคันเล็กหรือกระบะก่อนครับ
บันทึกการเข้า
ps000000
Hero Member
กระทู้: 7,768
Re: ทำไมยอดขายของ B-seg และ Eco car (ต่ำกว่า 7.5 แสน) ถึงยังไม่ตกเท่า C D-seg ครับ
«
ตอบกลับ #6 เมื่อ:
มกราคม 26, 2017, 22:37:18 »
พิกัด5-6แสนนี่หละ พอผ่อนไหว ในชีวิตจริง
บันทึกการเข้า
TheRealMeaw
บุคคลทั่วไป
Re: ทำไมยอดขายของ B-seg และ Eco car (ต่ำกว่า 7.5 แสน) ถึงยังไม่ตกเท่า C D-seg ครับ
«
ตอบกลับ #7 เมื่อ:
มกราคม 26, 2017, 22:56:26 »
ก็แค่เพราะว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะมีเงินซื้อรถคันละมากกว่า 600,000 ได้บ่อยๆครับ อีกอย่างคือผู้สูงวัยจำนวนไม่น้อยที่เป็นกลุ่มลูกค้ารถหรูใหญ่เดิม ก็ตัดสินใจที่จะลดขนาดลง ไม่ว่าจะด้วยความสะดวกหรืออะไรก็ตามแต่ อันนี้สังเกตได้ อาจจะไม่ชัดมาก แต่ลองสังเกตดูครับ
อ๋อ แล้วอีกเหตุผลหนึ่งคือ รถ B-Seg กับ Eco Car เดี๋ยวนี้คันมโหฬารมากๆครับ รู้หรือไม่ Toyota Vios อีอ้วน ขนาดตัวถังมันใหญ่กว่า Toyota Corolla ตูดเป็ด Hi-Torque Altis ตัวแรกสุดอีกนะครับ ผู้ใช้งานรถยนต์ในทุกยุคมีขนาดรถที่ตัวเองชอบอยู่ครับ แล้วมันมักจะหยุดนิ่งเสียด้วย ซึ่งในไทยผมมองว่ามันก็ระดับประมาณ B-Seg Vios Almera เนี่ยแหละ ลองสังเกตดู รถที่ขายได้ดี เห็นบ่อยที่สุดมักจะมีขนาดเท่านี้เอง ในเมื่อรถทุกรุ่นมันมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ แต่ความชอบของคนมันหยุดนิ่ง คนเราก็ต้องลดลำดับ Segment ไปแทนครับ
หรืออย่าง Toyota Altis เดี๋ยวนี้ก็คันเท่าๆกับ Corona ท้ายโด่งแล้วครับ ทั้งๆที่ท้ายโด่งเป็นรถ D-Segment จริงๆ Altis หน้าแบน มันก็เป็นเหมือนกับ Corona ท้ายโด่งกลับชาติมาเกิดอยู่แล้วครับ รถขนาดเท่ากัน เครื่อง 1.6 4 สูบ ซ่อมง่าย คันใหญ่พอ มันคล้ายกันกว่าที่คิด เมื่อก่อน Corona ท้ายโด่งก็ขายดี ทั้งๆที่เป็น D-Seg แล้วในปัจจุบัน C-Seg ที่ขนาดเท่ากันก็ยังขายดีใช้ได้ แต่ D-Seg Camry ที่มีขนาดใหญ่กว่า ก็ยอดตกลงไป เป็นสัญญาณบอกได้ว่า D-Seg ในปัจจุบันขนาดใหญ่เกินกว่าที่คนไทยจะชอบแล้วครับ ซึ่งผมมองว่า C-Seg ในอนาคตจะตามไปในอีกไม่ไกล เพราะ C-Seg ปัจจุบันมันช่างมโหฬารคันเท่าบ้าน Honda Civic ปัจจุบันฐานล้อเท่ากับ Legend ตัวแรกแล้ว และความยาวเท่าๆกับ Vigor มันอาจจะใกล้ถึงจุดที่เกินความชอบของคนไทยแล้วครับ ไม่นับเรื่องความกว้างนะ ขับรถใหม่ๆมันกว้างมุดยาก พอไปขับรถเก่าๆซัก 20 ปี ต่อให้เป็น D-Seg หรือ E-Seg ก็ตาม มุดง่ายต่างกันเห็นๆครับ
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 26, 2017, 23:05:15 โดย TheRealMeaw
»
บันทึกการเข้า
~BK นะแจ๊ะะะะะ~
Full Member
กระทู้: 283
Re: ทำไมยอดขายของ B-seg และ Eco car (ต่ำกว่า 7.5 แสน) ถึงยังไม่ตกเท่า C D-seg ครับ
«
ตอบกลับ #8 เมื่อ:
มกราคม 26, 2017, 23:01:47 »
คนไทยชอบรถเก๋งครับ เพราะมันดูดี สี่ที่นั่งกำลังดี เอาไปแต่งแล้วดูสวย ก็แค่นั้น
บันทึกการเข้า
~~
mamaman
Hero Member
กระทู้: 6,419
Re: ทำไมยอดขายของ B-seg และ Eco car (ต่ำกว่า 7.5 แสน) ถึงยังไม่ตกเท่า C D-seg ครับ
«
ตอบกลับ #9 เมื่อ:
มกราคม 26, 2017, 23:25:33 »
คนไทยชอบรถเก๋ง
แต่ รายได้ต่ำ
รถเก๋ง ดดนภาษี 30 % + 7 % จบละ
บันทึกการเข้า
ariazero
Sr. Member
กระทู้: 618
Re: ทำไมยอดขายของ B-seg และ Eco car (ต่ำกว่า 7.5 แสน) ถึงยังไม่ตกเท่า C D-seg ครับ
«
ตอบกลับ #10 เมื่อ:
มกราคม 26, 2017, 23:38:45 »
มันพอครับ (สำหรับการใช้งานในเมือง)
ถ้าอยากให้มองว่าส่วนใหญ่คนไทยซื้ออะไรจริงๆ
"รถกระบะ" ครับ
สำหรับคนทำงานในเมืองออกต่างจังหวัด "บ้าง" และหรือไม่ไกลจากที่อยู่ตัวเองมากตามความเหมาะสม ก็ B-Segment Eco - Car
3 ตัวเลือกนี้ เป็นตัวเลือกของคนส่วนใหญ่ตามยอดขายครับ
ดูจากยอด C-Segment Vs. Small Crossover SUV กับ D-Segment และ Compact SUV (คือในช่วงราคาที่เท่ากันนะครับ) ก็สามารถบอกได้ทันทีว่า ถ้าจะให้เลือกจริงๆยังไงก็ "รถเก๋ง" ครับ
บันทึกการเข้า
'8X Familia, '91 TFR ,
'94 Sunny B13, '98 520i (E28), '99 Sunny B14,
'08 Vios, '08 C200, '08 Vitara
'15 Vios, '17Accord G9 MC, '17 X1 18i
Saul Goodman
Full Member
กระทู้: 223
Re: ทำไมยอดขายของ B-seg และ Eco car (ต่ำกว่า 7.5 แสน) ถึงยังไม่ตกเท่า C D-seg ครับ
«
ตอบกลับ #11 เมื่อ:
มกราคม 26, 2017, 23:47:18 »
มันเป็นกลุ่มรถที่เข้าถึงง่ายสำหรับเราๆครับ
อีกอย่างขนาดกำลังดี ไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป
บันทึกการเข้า
sakano
Sr. Member
กระทู้: 357
Re: ทำไมยอดขายของ B-seg และ Eco car ถึงยังไม่ตกเท่า C D-seg ครับ
«
ตอบกลับ #12 เมื่อ:
มกราคม 27, 2017, 08:50:48 »
ราคา camry accord Teana ปรับตัวแพงขึ้นมามาก จนเกือบ 2 ล้านบาทแล้วครับ
คนที่มีเงินซื้อรถราคาประมาณนี้ และใช้งานเองคนเดียว หรือไม่ก็แค่มีแฟนนั่งด้วย
ก็มักจะเปลี่ยนใจไปซื้อรถยุโรป ราคาประมาณ 2 ล้านนิดๆ กันเยอะมากๆครับ
บันทึกการเข้า
M-Titan Man@NacT
Full Member
กระทู้: 335
Re: ทำไมยอดขายของ B-seg และ Eco car (ต่ำกว่า 7.5 แสน) ถึงยังไม่ตกเท่า C D-seg ครับ
«
ตอบกลับ #13 เมื่อ:
มกราคม 27, 2017, 09:08:23 »
B seg วันนี้ ขนาดและราคาพอๆกับ c seg สมัยก่อน ซึ่งลูกค้าก็คนกลุ่มเดิม เช่นคนอายุ 30 เมื่อ 15 ปีที่แล้ว ซื้อ civic ตาโต ปีนี้ซื้อ city ห้องโดยสารและราคาก็พอๆกัน เขาไม่มีความจำเป็นต้องซื้อใหญ่ๆอย่าง new civic
ส่วน D seg 1.8 mb เจอ bm 2 ล้านต้นๆ ก็จบครับ
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 27, 2017, 09:10:31 โดย M-Titan Man@NacT
»
บันทึกการเข้า
sk-non
Sr. Member
กระทู้: 502
Re: ทำไมยอดขายของ B-seg และ Eco car (ต่ำกว่า 7.5 แสน) ถึงยังไม่ตกเท่า C D-seg ครับ
«
ตอบกลับ #14 เมื่อ:
มกราคม 27, 2017, 09:12:00 »
ผมใช้รถวิ่งเยอะ ยังชอบ พวก city vios เลย ครับ
ส่วนใหญ่ วิ่งสยาม สุขุมวิท
คชจ ต่อปี ไม่เยอะ
ตอนขาย ก็ ขาดทุนแบบรับได้
สมมติ ซื้อมา 650,000 ครบ 3ปี ใช้ 80,000 กม
ขายได้ 380,000-400,000 ผมรีบปล่อยเลย
บันทึกการเข้า
Weetting
Hero Member
กระทู้: 3,990
ช่วงล่าง+เครื่องยนต์
Re: ทำไมยอดขายของ B-seg และ Eco car (ต่ำกว่า 7.5 แสน) ถึงยังไม่ตกเท่า C D-seg ครับ
«
ตอบกลับ #15 เมื่อ:
มกราคม 27, 2017, 10:25:08 »
ส่วนนึงเพราะ กระบะเดี๋ยวนี้ 4 ประตูมันก็นั่งสบายแถมคันใหญ่ราคาถูก ลองเทียบดูในช่วงราคา 8 แสนถ้าไม่ใช้ในเมือง ผมไปออกกระบะ 4 ประตูดีกว่า
รวมถึง D-sEGMENT คนหันไปใช้ PPV กันเยอะมากเพราะแม้จะนั่งไม่สบายเท่า D แต่มันไม่แย่และต้องห่วงอะไรกับสภาพถนนข้างหน้า ไปเถอะหลุมเท่าร่องน้ำ PPV ก็ฝ่าไปได้
บันทึกการเข้า
THE Manual Gearbox Preservation Society
Drive diesel until last day
Auto
Hero Member
กระทู้: 4,645
Re: ทำไมยอดขายของ B-seg และ Eco car (ต่ำกว่า 7.5 แสน) ถึงยังไม่ตกเท่า C D-seg ครับ
«
ตอบกลับ #16 เมื่อ:
มกราคม 27, 2017, 15:00:31 »
อ้างจาก: ps000000 ที่ มกราคม 26, 2017, 22:37:18
พิกัด5-6แสนนี่หละ พอผ่อนไหว ในชีวิตจริง
จริง ๆ ผมว่าแบบนั้นละ คนส่วนใหญ่ตอนนี้มีอำนาจการผ่อนไม่มากนัก งบจะซื้อรถตลาดกลุ่มนี้ไม่เกิน 7 แสนผมว่ามันกว้างที่สุดแล้วทำให้ตลาดกลุ่มนี้คึกคักมาก ถ้าขยับไปราคา 1 ล้านบาทคู่แข่งดุเดือดกว่านี้อีกแต่ตลาดแคบลง แถมกลุ่มคนที่ซื้อรถราคา 1 ล้านน่าจะศึกษาข้อมูลเปรียบเทียบมาก ต้องเทียบให้คุ้มค่าที่สุด ใครไม่แน่จริงคงอยู่ลำบาก ถ้าโดลงมาเล่นตลาดรถ 1 ล้านกว่าบาท
ตอนผมซื้อฟอร์จูเนอร์ราคา 1.2 ล้านช่วงนั้นเงินเดือนผมก็ยังไม่มาก แต่ตอนนี้เงินเดือนมากกว่าเก่าเยอะ หนี้สินก็จะไม่มีแล้ว แต่พร้อมอายุที่มากขึ้น รถที่จะซื้อแค่ 7 แสนผ่อน 5-6 พันบาทยังไม่กล้าซื้อ บอกตัวเองใช้คันเดิมต่อ ให้ภรรยาใช้วีออสคันเดิมต่อ
บันทึกการเข้า
Slipknot`
Hero Member
กระทู้: 21,846
*** HLM.COM ***
Re: ทำไมยอดขายของ B-seg และ Eco car (ต่ำกว่า 7.5 แสน) ถึงยังไม่ตกเท่า C D-seg ครับ
«
ตอบกลับ #17 เมื่อ:
มกราคม 27, 2017, 15:02:56 »
ตอนแรกจะตอบ พอเห็นบรรรทัดสุดท้ายไม่รู้จะตอบยังไง
บันทึกการเข้า
Seatar
Full Member
กระทู้: 156
Re: ทำไมยอดขายของ B-seg และ Eco car (ต่ำกว่า 7.5 แสน) ถึงยังไม่ตกเท่า C D-seg ครับ
«
ตอบกลับ #18 เมื่อ:
มกราคม 27, 2017, 19:16:00 »
กำลังซื้อโดยรวมของคนในประเทศจะได้รถประมาณราคานี้ครับ กับอีกกลุ่มใหญ่หน่อยที่มีกำลังซื้อรถCและD segmentก็หันไปซื้อพวกMuX Fortuner FordWTกันครับ
บันทึกการเข้า
พิมพ์
หน้า: [
1
]
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
Headlight Magazine : community
»
General
»
Discussion Forum
(ผู้ดูแล:
admin
,
J!MMY
,
DR!VE by J!MMY
,
HLM
) »
ทำไมยอดขายของ B-seg และ Eco car (ต่ำกว่า 7.5 แสน) ถึงยังไม่ตกเท่า C D-seg ครับ