ทำไมยอดขายของ B-seg และ Eco car (ต่ำกว่า 7.5 แสน) ถึงยังไม่ตกเท่า C D-seg ครับ

e:smart Hybrid

ผมเห็นยอดขายมา 12 เดือน ดูมาตั้งแต่มกราคม แล้ว

มีข้อสงสัยครับ ว่า รถราคาต่ำกว่า 7.5 แสน ในยุคนี้เราเริ่มมีตัวเลือกมากขึ้น เช่น
กลุ่ม B-MPV ก็มี Mobilio รุ่นกลางและล่าง ราคา ไม่เกิน 7 แสน
Avanza Ertiga ที่นำเข้าจากอินโด
หรือ B-SUV เช่น Ecosport ตัวกลางหรือล่าง
หรือกระบะ cab ยกสูงตัวล่าง กลาง หรือกระบะ 4 ประตูตัวล่าง

แต่ทำไมยอดขายของรถในกลุ่มต่ำกว่า 7.5 แสนก็ยังคงเป็นรถเก๋งครับ

หรือว่าคนในกลุ่มที่ซื้อรถพวกนี้ เขาไม่นิยมรถยกสูง รถอเนกประสงค์ที่สามารถนั่งได้หลายคนครับ
หรือตัวเลือกมันน้อยเกินไปไม่เท่ารถราคา 7 - 1 ล้านกว่าๆ หรือรถอื่นนอกจากเก๋ง ทำได้ไม่น่าใช้พอครับ

อยากให้ทุกท่านช่วยวิเคราะห์ด้วยครับ ว่า กลุ่มรถเก๋งราคาต่ำกว่า 7.5 แสน ทำไมถึงยังขายได้ดีแตกต่างจากรถเก๋งราคา 7.5 - 2 ล้าน ที่ยอดขายรถเก๋งไปกองอยู่กับเจ้าตลาด 2 รายเท่านั้น



rtong

   รถยนต์เป็นสิ่งฟุ้มเฟือย  แต่รถระดับนี้คนที่ซื้อส่วนใหญ่จะซื้อเพราะมันเป็นรถคันแรกๆของบ้าน  ของคนที่พึ่งทำงานหาเงินด้วยตัวเองครับ  ทั้งประหยัดน้ำมัน  ประหยัดค่าใช้จ่าย  ค่าดูแลรักษาอีก  จริงอยู่ที่ทุกคนต้องการรถคันใหญ่  นั่งสบาย  ปลอดภัย  แต่กว่าจะซื้อได้มันไม่ง่ายเลย 
   ส่วนที่ถามว่าทำไมไม่ซื้อรถ mini mpv ที่นั่งได้หลายๆคน  ขอตอบว่า  พอจะซื้อรถที่นั่งได้หลายๆคนปุ๊บ  รถกระบะมันก็ลอยเข้ามาในความคิดก่อนเลย  ทั่งนั่งได้เยอะขนของได้แยะ  ตลาดนี้จึงไม่เกิด
   ถ้าเปลี่ยนวิธีการคิดภาษีรถกะบะเมื่อไหร่  การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นมากกว่านี้แน่นอน   แต่มันคงไม่มีวันนั้น  เพราะมันถูกบิดเบือนมานานเกินไปแล้ว  แก้ยาก



SM.

B-Seg เป็นรถที่เหมาะกับบ้านเรานะครับ ทั้งขนาด ราคา

คนจำนวนมาก เก็บเงินซื้อรถคันแรก ก็เอา B-Seg นี่แหละครับ ถ้าไม่ไหวจริงๆ ค่อยลงไป Eco car



เต๋า AV

มันไปเยอะตอนโครงการรถ คันแรก แล้วไงคับ
คนส่วนใหญ่ก็มีรถใช้กันแล้ว
คนรุ่นใหม่ที่พึ่งเริ่มทำงาน ก็เงินเดือนพอซื้อ Eco Car

ส่วน C D seg ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่หา รถคันที่ 2 หรือขยับ อัพเกรด จากรถคันที่มีอยู่
และก็ในราคา 1 - 2 ล้านส่วนใหญ่พอมีฐานะขึ้นมา ก็จะข้ามไป รถยุโรป มือ 2 มากกว่า
เพราะใช้แล้วดู ภูมิฐานกว่า รถญี่ปุ่น ไงคับ

ยอดขายก็เป็นไปตามสัดส่วนฐานนะ ของคนในประเทศคับ



jztang

ตอบแบบภาพรวมของประเทศเรานะครับ

ถ้าให้แบ่งชนชั้นทางรายได้การทางเงิน ก็ต้องบอกว่า คนรายได้น้อยในประเทศเราเยอะมาก รวมไปถึงรายได้ปานกลาง

ก็เป็นที่มาของการซื้อรถนั่นแหละครับ รายได้ประมาณไหน ซื้อได้ประมาณไหน และก็เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าครับ A-seg และ B-seg เพราะแบรนด์ต่างๆ ต่างก็เริ่มเข้ามาหาผู้บริโภคมากขึ้น รู้ความต้องการ และเจาะกลุ่มคนกลุ่มนี้ และก็แข่งขันเรื่องราคาออปชั่น ความสวยงาม ก็ว่ากันไป จะขายแพงก็ซื้อยาก ทำมาให้ขายได้ แล้วพัฒนาเทคโนโลยีให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม




mobgang33

คนเริ่มทำงาน ไม่อยากมีหนี้ หรืออยากเก็บเงินไปลงทุน
ก้อเริ่มที่เราผ่อนไหวครับ หรือแค่ความจำเป็นครับ ยอดขายจึงอยุ่ที่รถกระบะ, ecocar ,b segment
คนซื้อกระบะ คงเอาไว้ทำมาหากิน
คนใช้รถเก๋งเล็ก ก็คงเอาไว้ทำมาหากินเช่นกัน ครับ
อีกทั้งคนที่ไม่เคยมีรถมาก่อน ก้อคงเริ่มที่รถคันเล็กหรือกระบะก่อนครับ



ps000000

พิกัด5-6แสนนี่หละ พอผ่อนไหว ในชีวิตจริง



TheRealMeaw

ก็แค่เพราะว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะมีเงินซื้อรถคันละมากกว่า 600,000 ได้บ่อยๆครับ อีกอย่างคือผู้สูงวัยจำนวนไม่น้อยที่เป็นกลุ่มลูกค้ารถหรูใหญ่เดิม ก็ตัดสินใจที่จะลดขนาดลง ไม่ว่าจะด้วยความสะดวกหรืออะไรก็ตามแต่ อันนี้สังเกตได้ อาจจะไม่ชัดมาก แต่ลองสังเกตดูครับ

อ๋อ แล้วอีกเหตุผลหนึ่งคือ รถ B-Seg กับ Eco Car เดี๋ยวนี้คันมโหฬารมากๆครับ รู้หรือไม่ Toyota Vios อีอ้วน ขนาดตัวถังมันใหญ่กว่า Toyota Corolla ตูดเป็ด Hi-Torque Altis ตัวแรกสุดอีกนะครับ ผู้ใช้งานรถยนต์ในทุกยุคมีขนาดรถที่ตัวเองชอบอยู่ครับ แล้วมันมักจะหยุดนิ่งเสียด้วย ซึ่งในไทยผมมองว่ามันก็ระดับประมาณ B-Seg Vios Almera เนี่ยแหละ ลองสังเกตดู รถที่ขายได้ดี เห็นบ่อยที่สุดมักจะมีขนาดเท่านี้เอง ในเมื่อรถทุกรุ่นมันมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ แต่ความชอบของคนมันหยุดนิ่ง คนเราก็ต้องลดลำดับ Segment ไปแทนครับ

หรืออย่าง Toyota Altis เดี๋ยวนี้ก็คันเท่าๆกับ Corona ท้ายโด่งแล้วครับ ทั้งๆที่ท้ายโด่งเป็นรถ D-Segment จริงๆ Altis หน้าแบน มันก็เป็นเหมือนกับ Corona ท้ายโด่งกลับชาติมาเกิดอยู่แล้วครับ รถขนาดเท่ากัน เครื่อง 1.6 4 สูบ ซ่อมง่าย คันใหญ่พอ มันคล้ายกันกว่าที่คิด เมื่อก่อน Corona ท้ายโด่งก็ขายดี ทั้งๆที่เป็น D-Seg แล้วในปัจจุบัน C-Seg ที่ขนาดเท่ากันก็ยังขายดีใช้ได้ แต่ D-Seg Camry ที่มีขนาดใหญ่กว่า ก็ยอดตกลงไป เป็นสัญญาณบอกได้ว่า D-Seg ในปัจจุบันขนาดใหญ่เกินกว่าที่คนไทยจะชอบแล้วครับ ซึ่งผมมองว่า C-Seg ในอนาคตจะตามไปในอีกไม่ไกล เพราะ C-Seg ปัจจุบันมันช่างมโหฬารคันเท่าบ้าน Honda Civic ปัจจุบันฐานล้อเท่ากับ Legend ตัวแรกแล้ว และความยาวเท่าๆกับ Vigor มันอาจจะใกล้ถึงจุดที่เกินความชอบของคนไทยแล้วครับ ไม่นับเรื่องความกว้างนะ ขับรถใหม่ๆมันกว้างมุดยาก พอไปขับรถเก่าๆซัก 20 ปี ต่อให้เป็น D-Seg หรือ E-Seg ก็ตาม มุดง่ายต่างกันเห็นๆครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 26, 2017, 23:05:15 โดย TheRealMeaw »



~BK นะแจ๊ะะะะะ~

คนไทยชอบรถเก๋งครับ เพราะมันดูดี สี่ที่นั่งกำลังดี เอาไปแต่งแล้วดูสวย ก็แค่นั้น
~~



mamaman



คนไทยชอบรถเก๋ง
แต่ รายได้ต่ำ
รถเก๋ง ดดนภาษี 30 % + 7 % จบละ



ariazero

มันพอครับ (สำหรับการใช้งานในเมือง)

ถ้าอยากให้มองว่าส่วนใหญ่คนไทยซื้ออะไรจริงๆ

"รถกระบะ" ครับ

สำหรับคนทำงานในเมืองออกต่างจังหวัด "บ้าง" และหรือไม่ไกลจากที่อยู่ตัวเองมากตามความเหมาะสม ก็ B-Segment Eco - Car

3 ตัวเลือกนี้ เป็นตัวเลือกของคนส่วนใหญ่ตามยอดขายครับ

ดูจากยอด C-Segment Vs. Small Crossover SUV กับ D-Segment และ Compact SUV (คือในช่วงราคาที่เท่ากันนะครับ)  ก็สามารถบอกได้ทันทีว่า ถ้าจะให้เลือกจริงๆยังไงก็ "รถเก๋ง" ครับ

 

'8X Familia, '91 TFR ,
'94 Sunny B13, '98 520i (E28), '99 Sunny B14,
'08 Vios, '08 C200, '08 Vitara
'15 Vios, '17Accord G9 MC, '17 X1 18i



Saul Goodman

มันเป็นกลุ่มรถที่เข้าถึงง่ายสำหรับเราๆครับ
อีกอย่างขนาดกำลังดี ไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป



sakano

ราคา camry accord Teana ปรับตัวแพงขึ้นมามาก จนเกือบ 2 ล้านบาทแล้วครับ

คนที่มีเงินซื้อรถราคาประมาณนี้ และใช้งานเองคนเดียว หรือไม่ก็แค่มีแฟนนั่งด้วย

ก็มักจะเปลี่ยนใจไปซื้อรถยุโรป ราคาประมาณ 2 ล้านนิดๆ กันเยอะมากๆครับ

 :)



M-Titan Man@NacT

B seg วันนี้ ขนาดและราคาพอๆกับ c seg สมัยก่อน  ซึ่งลูกค้าก็คนกลุ่มเดิม เช่นคนอายุ 30 เมื่อ 15 ปีที่แล้ว ซื้อ civic ตาโต ปีนี้ซื้อ city ห้องโดยสารและราคาก็พอๆกัน เขาไม่มีความจำเป็นต้องซื้อใหญ่ๆอย่าง  new civic

ส่วน D seg 1.8 mb  เจอ bm 2 ล้านต้นๆ ก็จบครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 27, 2017, 09:10:31 โดย M-Titan Man@NacT »



sk-non

ผมใช้รถวิ่งเยอะ ยังชอบ พวก city vios เลย ครับ
ส่วนใหญ่ วิ่งสยาม สุขุมวิท
คชจ ต่อปี ไม่เยอะ
ตอนขาย ก็ ขาดทุนแบบรับได้
สมมติ ซื้อมา 650,000 ครบ 3ปี ใช้ 80,000 กม
ขายได้ 380,000-400,000 ผมรีบปล่อยเลย



Weetting

ส่วนนึงเพราะ  กระบะเดี๋ยวนี้  4 ประตูมันก็นั่งสบายแถมคันใหญ่ราคาถูก  ลองเทียบดูในช่วงราคา 8 แสนถ้าไม่ใช้ในเมือง ผมไปออกกระบะ 4 ประตูดีกว่า     

รวมถึง D-sEGMENT   คนหันไปใช้ PPV กันเยอะมากเพราะแม้จะนั่งไม่สบายเท่า D แต่มันไม่แย่และต้องห่วงอะไรกับสภาพถนนข้างหน้า ไปเถอะหลุมเท่าร่องน้ำ PPV ก็ฝ่าไปได้ 
THE Manual Gearbox Preservation Society
Drive diesel until last day



Auto

พิกัด5-6แสนนี่หละ พอผ่อนไหว ในชีวิตจริง
  จริง  ๆ ผมว่าแบบนั้นละ    คนส่วนใหญ่ตอนนี้มีอำนาจการผ่อนไม่มากนัก    งบจะซื้อรถตลาดกลุ่มนี้ไม่เกิน 7 แสนผมว่ามันกว้างที่สุดแล้วทำให้ตลาดกลุ่มนี้คึกคักมาก               ถ้าขยับไปราคา 1 ล้านบาทคู่แข่งดุเดือดกว่านี้อีกแต่ตลาดแคบลง  แถมกลุ่มคนที่ซื้อรถราคา 1 ล้านน่าจะศึกษาข้อมูลเปรียบเทียบมาก  ต้องเทียบให้คุ้มค่าที่สุด  ใครไม่แน่จริงคงอยู่ลำบาก ถ้าโดลงมาเล่นตลาดรถ 1 ล้านกว่าบาท 

 ตอนผมซื้อฟอร์จูเนอร์ราคา 1.2 ล้านช่วงนั้นเงินเดือนผมก็ยังไม่มาก     แต่ตอนนี้เงินเดือนมากกว่าเก่าเยอะ หนี้สินก็จะไม่มีแล้ว   แต่พร้อมอายุที่มากขึ้น รถที่จะซื้อแค่ 7 แสนผ่อน 5-6 พันบาทยังไม่กล้าซื้อ    บอกตัวเองใช้คันเดิมต่อ ให้ภรรยาใช้วีออสคันเดิมต่อ   

 



Slipknot`

ตอนแรกจะตอบ พอเห็นบรรรทัดสุดท้ายไม่รู้จะตอบยังไง



Seatar

กำลังซื้อโดยรวมของคนในประเทศจะได้รถประมาณราคานี้ครับ กับอีกกลุ่มใหญ่หน่อยที่มีกำลังซื้อรถCและD segmentก็หันไปซื้อพวกMuX Fortuner FordWTกันครับ