สวัสดีครับ ช่วงนี้ผมได้เข้าไปดูราคาขายปลีกของรถยนต์แต่ละยี่ห้อในแต่ละประเทศ ไม่ว่าจะเป็นประเทศในแถบเอเซีย ออสเตรเลีย ยุโรป หรืออเมริกา แล้วพบว่าราคาจำหน่ายรถยนต์ในบ้านเรานั้นค่อนข้างสูงมาก ตัวอย่างเมื่อเปรียบเทียบกับอเมริกา (ใช้อัตราแลกเปลี่ยนวันที่18/02/60) 1 USD = 35.01 บาท
1.รถยนต์แบรนด์ตลาดๆทั่วๆไป
1.1 toyota corolla ที่อเมริกามีราคาจำหน่ายเริ่มต้นอยู่ที่ 18,500 USD หรือประมาณ 645,685 บาท ในขณะที่ประเทศไทยมีราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 799,000 บาท หรือเราแพงกว่าประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์
1.2 toyota camry ที่อเมริกามีราคาจำหน่ายเริ่มต้นอยู่ที่ 23,070 USD หรือประมาณ 807,680 บาท ในขณะที่ประเทศไทยมีราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 1,399,000 บาท หรือเราแพงกว่าประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์
2.รถยนต์พรีเมี่ยมแบรนด์
2.1 Mercades-Benz C-Class ที่อเมริกามีราคาจำหน่ายเริ่มต้นอยู่ที่ 39,500 USD หรือประมาณ 1,382,895 บาท ในขณะที่ประเทศไทยมีราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 2,570,000 บาท หรือเราแพงกว่าประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์
2.2 Mercades-Benz E-Class ที่อเมริกามีราคาจำหน่ายเริ่มต้นอยู่ที่ 52,150 USD หรือประมาณ 1,825,771 บาท ในขณะที่ประเทศไทยมีราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 3,390,000 บาท หรือเราแพงกว่าประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์
2.3 Mercades-Benz S-Class ที่อเมริกามีราคาจำหน่ายเริ่มต้นอยู่ที่ 96,600 USD หรือประมาณ 3,381,966 บาท ในขณะที่ประเทศไทยมีราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 5,990,000 บาท หรือเราแพงกว่าประมาณ 75 เปอร์เซ็นต์
2.4 Lexus LS ที่อเมริกามีราคาจำหน่ายเริ่มต้นอยู่ที่ 72,520 USD หรือประมาณ 2,538,925 บาท ในขณะที่ประเทศไทยมีราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 9,950,000 บาท หรือเราแพงกว่าเกือบ 4 เท่า
(อันนี้เข้าใจว่าเราไม่มีการประกอบLexusภายในประเทศ ทำให้โดนภาษีแบบนำเข้าทั้งคันราคาเลยมหาโหด)
3.รภยนต์แบรนด์ระดับ super luxury
Rolls-Royce Phantom ที่อเมริกามีราคาจำหน่ายเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 460,000 USD หรือประมาณ 16,104,600 บาท ในขณะที่ประเทศไทยมีราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 39,500,000 บาท หรือเราแพงกว่าประมาณ 2.5 เท่า
เมื่อเปรียบเทียบราคาขายปลีกรถยนต์ในบ้านเราจะพบว่า
1. หากเป็นรถยนต์ในระดับเริ่มต้น (พวก eco car) เครื่องยนต์ประมาณ1.2-1.5 ลิตร เราจะมีราคาขายแพงกว่าต่างประเทศไม่มาก คือประมาณ 10-15 เปอร์เซ็นต์ (เฉพาะรถประกอบในประเทศ)
2. รถยนต์ทั่วๆไปที่เครื่องยนต์ 1.6-2.0 ลิตร เราจะมีราคาขายแพงกว่าต่างประเทศประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ (เฉพาะรถประกอบในประเทศ)
3. รถยนต์ d-segment เราจะมีราคาขายแพงกว่าต่างประเทศ คือประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ (เฉพาะรถประกอบในประเทศ)
4. ส่วนรถยนต์พรี่เมี่ยมแบรนด์ และ super luxury บ้านเรามีราขาแพงกว่าขายถึง 2-4 เท่า แล้วแต่รุ่น (รุ่นระดับนี้เป็นรถนำเข้าทั้งนั้น)
และนี่ยังไม่นับรวม เรื่องค่าครองชีพ และรายได้ ซึjงประเทศที่ยกตัวอย่างๆอเมริกา ถึงค่าครองชีพเขาจะสูง แต่รายได้เฉลี่ยต่อหัวเขาสูงว่าเราอยู่โข
ผมเคยอ่านในอินเตอร์เน็ตเจอมีคนพูดไว้ว่า ด้วยการที่ประเทศเราไม่ใช่ประเทศผู้ผลิต แต่รับจ้างผลิต อีกทั้งสินค้าหลักของประเทศเราคือสินค้าเกษตร ซึ่งมีมูลค่าเพิ่มต่ำ เมื่อเทียบกับสินค้าพวกเทคโนโลยี
ทำให้เราต้องใช้ภาษีรถยนต์ที่สูง เพื่อไม่ให้ประเทศเข้าสู่ภาวะขาดดุลการค้า ซึ่งก็เป็นเหตผลที่โอเค (แต่ก็ยังรุ้สึกว่าราคามันยังแรงไปนิสอยู่ดี)
จึงอยากถามความเห็นของท่านๆว่า..
1.ท่านคิดว่าราคาขายปลีกรถยนต์ในบ้านเราตอนนี้ สูงเกินไปหรือไม่
2.ราคารถยนต์ที่ขายกันในบ้านเรา หากไปนับเรื่องแบรนด์และหน้าตาทางสังคม ท่านคิดว่ารถยนต์พรีเมี่ยมแบรนด์บ้านเรามีราคาคุ้มค่าที่จะจ่ายไหมครับ ตัวอย่างเช่น เปรียบเทียบ camry รุ่นท็อปกับ c-class และ e-class ในรุ่นเริ่มตัน (1,849,000 vs 2,570,000 และ 1,849,000 vs 3,390,000) เปรียบเทียบกันในด้านสมรรถนะ ความสะดวกสบาย และความปลอดภัย
ทั้งนี้ไม่นับสิงขโปร์ที่รถบ้านเค้าราคาโหดกว่าบ้านเรามากในรถระดับเริ่มต้น แต่ราคากลับใกล้เคียงกับบ้านเรามากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อระดับรถสูงขึ้น