ผู้เขียน หัวข้อ: ท่านเห็นว่าควรเพิ่มเติมบทลงโทษเจตนาฆ่าเข้าไปด้วยไหม  (อ่าน 11497 ครั้ง)

ออฟไลน์ MUK

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,999
ผมว่า ไม่ควรเป็นเรื่องว่าเจตนาฆ่า
แต่ควรเพิ่มโทษให้มากกว่านี้ เช่น ก่อนชน ขับด้วยความเร็วเท่านี้ ส่งผลให้เสียหายเท่านี้ เท่านั้น ก็ว่ากันไปครับ
ผมคนหนึ่งที่ไม่ได้ขับรถเร็ว  แต่ต้องมองว่า คนเราจำเป็นต่างกัน แต่คนขับรถเร็วคงไม่มีใครจะไปฆ่าใครมั้งครับ :)
ยกเว้นเป็นการวางแผนฆ่าครับ

ออฟไลน์ Ji.Cl.

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 680
    • อีเมล์
มาตั้งกระทู้ว่าคนขับรถเร็วในนี้ ก็โดนรุมยำดิคับ

จริงแหละ ในนี้ คำถามที่ดีคือ ผมขับเร็วประมาณ 140 รถคันไหนช่วงล่างดี เอาอยู่
ไม่ก็ ทำไงกับรถช้าชิดขวาดีครับ
ไม่ก็ จะต้องไปทำอะไรเพิ่มถ้าชอบขับมุด
อะไรประมาณนี้

ความเห็นผมในนี้ คือ ผมมองว่า การตั้งกระทู้ในสิ่งที่ไม่เหมาะแบบขับมุด ขับความเร็วสุง
แล้วมาให้ความเห็นกันว่า ควรจะทำแบบนั้นแบบนี้เพิ่ม มันไม่ใช่ทางแก้ปัญหา
แต่ทางแก้คือ ไม่มุด ไม่ขับเร็วเกินถ้าไม่จำเป็น ประเภทขับจนชินเป็นปกติควรจะแก้ไข
การที่เราไม่เคยขับชน ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุที่ความเร็วสูง หรือจากการขับขี่ที่สุ่มเสี่ยง
ไม่ได้เป็นการบอกว่า ในอนาคตมันจะไม่เกิดเหมือนในอดีต
ก็อาจจะมีรถที่เก่า รถที่คนขับรถหลับใน ขับไม่ปลอดภัยอยู่ข้างๆมาชนก็ได้

ในทางกลับกัน เวลาเห็นกระทู้ทำนองนี้ ในฐานะของคนใช้รถใช้ถนน
ผมมองว่า เราไม่ควรสนับสนุน และควรว่ากล่าวตักเตือนกันไปมากกว่าครับ
ก็จริงครับ แต่การพยายามจำกัดความต้องการของคน มันอาจจะไม่ตรงจุดเท่าไหร่ ยกตัวอย่างเช่น

สำนักงานคุณต้องการประหยัดค่าไฟจากการใช้เครื่องปรับอากาศ คุณบอกว่า อยากประหยัดก็ต้องปิดแอร์ หรือเปิดแอร์ 28 องศา

ซึ่งแน่นอนว่าคุณไม่สามารถแก้ไขได้ยั่งยืน คุณละสายตาเมื่อไหร่ พนักงานก็จะมาเร่งแอร์ทันที

แต่แปลกตรงที่คุณไม่สนใจว่า แอร์ตัวนั้นมีเบอร์ 5 รึเปล่า สเปกเป็นอย่างไร ทั้งๆ ที่หากคุณไปใส่ใจเรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพของตัวเครื่อง

เลือกแอร์อินเวอร์เตอร์ ค่าประสิทธิภาพดีๆ ล้างแอร์ตามระยะ บำรุงรักษาดีๆ

คุณอาจจะสามารถให้พนักงานเปิดแอร์ฉ่ำๆ โดยที่ใช้ไฟเท่ากับแอร์ประสิทธิภาพห่วยๆ ที่เปิด 28 องศาก็ได้ครับ

"รถคันไหนวิ่ง 140 แล้วช่วงล่างเอาอยู่" = แอร์รุ่นไหน เปิด 24 แล้วยังประหยัดไฟที่สุดครับ

"ขับ 80 สิครับ ปลอดภัย" = เปิด 28 องศาสิครับ ประหยัดไฟ

ถ้าประเทศไทยมีข้อหา "ใช้พลังงานสิ้นเปลืองเกินเหตุ"

คนที่ใช้แอร์สเปกห่วยๆ ไม่เคยล้าง ตันแล้วตันอีก แต่เปิด 28 กับคนที่แอร์ดี บำรุงถึงๆ แล้วเปิด 24?

จริงๆ แล้ว คนที่ควรถูกตั้งข้อหา คือทั้งคู่ล่ะครับ แต่ถ้าจะมีแค่คนเดียวที่รอด ผมว่าคนหลังควรรอดกว่าครับ

การสร้างสังคมที่ดี ผมว่าไม่จำเป็นต้องสร้างแรงกดดันให้คนอึดอัดครับ แต่ต้องสร้างโครงสร้างเน้นไปที่ประสิทธิภาพของอุปกรณ์

และไม่ฝืนความต้องการของมนุษย์จนเกินไป

ออฟไลน์ @MIN

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 475
  • Life is beautiful
โหดเกินไป  ผมว่าเราไม่ควรคิดแบบนี้นะ
I have enough of making money. Now I want to make time.

ออฟไลน์ Yangyang

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 465
ป้ายบอก limit 80
ขับมาทางตรง 85 คนขับรถ 20km/h กลับรถแบบมึนๆ ตัดหน้ากระชั้นชิด
ด้วย common sense ใครเป็นต้นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุ??
คนขับ 85 ต้องโดนโทษเจตนาฆ่า??

ออฟไลน์ Carrera

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,340
มาตั้งกระทู้ว่าคนขับรถเร็วในนี้ ก็โดนรุมยำดิคับ

จริงแหละ ในนี้ คำถามที่ดีคือ ผมขับเร็วประมาณ 140 รถคันไหนช่วงล่างดี เอาอยู่
ไม่ก็ ทำไงกับรถช้าชิดขวาดีครับ
ไม่ก็ จะต้องไปทำอะไรเพิ่มถ้าชอบขับมุด
อะไรประมาณนี้

ความเห็นผมในนี้ คือ ผมมองว่า การตั้งกระทู้ในสิ่งที่ไม่เหมาะแบบขับมุด ขับความเร็วสุง
แล้วมาให้ความเห็นกันว่า ควรจะทำแบบนั้นแบบนี้เพิ่ม มันไม่ใช่ทางแก้ปัญหา
แต่ทางแก้คือ ไม่มุด ไม่ขับเร็วเกินถ้าไม่จำเป็น ประเภทขับจนชินเป็นปกติควรจะแก้ไข
การที่เราไม่เคยขับชน ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุที่ความเร็วสูง หรือจากการขับขี่ที่สุ่มเสี่ยง
ไม่ได้เป็นการบอกว่า ในอนาคตมันจะไม่เกิดเหมือนในอดีต
ก็อาจจะมีรถที่เก่า รถที่คนขับรถหลับใน ขับไม่ปลอดภัยอยู่ข้างๆมาชนก็ได้

ในทางกลับกัน เวลาเห็นกระทู้ทำนองนี้ ในฐานะของคนใช้รถใช้ถนน
ผมมองว่า เราไม่ควรสนับสนุน และควรว่ากล่าวตักเตือนกันไปมากกว่าครับ
ก็จริงครับ แต่การพยายามจำกัดความต้องการของคน มันอาจจะไม่ตรงจุดเท่าไหร่ ยกตัวอย่างเช่น

สำนักงานคุณต้องการประหยัดค่าไฟจากการใช้เครื่องปรับอากาศ คุณบอกว่า อยากประหยัดก็ต้องปิดแอร์ หรือเปิดแอร์ 28 องศา

ซึ่งแน่นอนว่าคุณไม่สามารถแก้ไขได้ยั่งยืน คุณละสายตาเมื่อไหร่ พนักงานก็จะมาเร่งแอร์ทันที

แต่แปลกตรงที่คุณไม่สนใจว่า แอร์ตัวนั้นมีเบอร์ 5 รึเปล่า สเปกเป็นอย่างไร ทั้งๆ ที่หากคุณไปใส่ใจเรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพของตัวเครื่อง

เลือกแอร์อินเวอร์เตอร์ ค่าประสิทธิภาพดีๆ ล้างแอร์ตามระยะ บำรุงรักษาดีๆ

คุณอาจจะสามารถให้พนักงานเปิดแอร์ฉ่ำๆ โดยที่ใช้ไฟเท่ากับแอร์ประสิทธิภาพห่วยๆ ที่เปิด 28 องศาก็ได้ครับ

"รถคันไหนวิ่ง 140 แล้วช่วงล่างเอาอยู่" = แอร์รุ่นไหน เปิด 24 แล้วยังประหยัดไฟที่สุดครับ

"ขับ 80 สิครับ ปลอดภัย" = เปิด 28 องศาสิครับ ประหยัดไฟ

ถ้าประเทศไทยมีข้อหา "ใช้พลังงานสิ้นเปลืองเกินเหตุ"

คนที่ใช้แอร์สเปกห่วยๆ ไม่เคยล้าง ตันแล้วตันอีก แต่เปิด 28 กับคนที่แอร์ดี บำรุงถึงๆ แล้วเปิด 24?

จริงๆ แล้ว คนที่ควรถูกตั้งข้อหา คือทั้งคู่ล่ะครับ แต่ถ้าจะมีแค่คนเดียวที่รอด ผมว่าคนหลังควรรอดกว่าครับ

การสร้างสังคมที่ดี ผมว่าไม่จำเป็นต้องสร้างแรงกดดันให้คนอึดอัดครับ แต่ต้องสร้างโครงสร้างเน้นไปที่ประสิทธิภาพของอุปกรณ์

และไม่ฝืนความต้องการของมนุษย์จนเกินไป

ขอแจมหน่อย ที่เปรียบเทียบมันคนละเรื่องคนละประเด็นกันเลยครับ

ขับรถช้าลง  ความรุนแรงตอนชนมันย่อมเบาลง  จากตายเป็นไม่ตาย  (ถ้ากรณีคาดเข็มขัด)  หรือจะเถียงข้อนี้ครับ รถเทพก็ฝืนหลักฟิสิกส์ไม่ได้หรอกครับ

แล้วก็การเปรียบเทียบแอร์บ้าน ค่าไฟ มันเทียบกับรถไม่ได้

การใช้รถ คือคุณใช้ถนน ซึ่งเป็น "สาธารณะสมบัติ"  ที่เป็นของประชาชนคนอื่นทุกคน  รัฐย่อมต้องมีการออกกฎหมายเพื่อจำกัด สิทธิ และ "ความต้องการส่วนบุคคล" เพื่อให้สังคมมันเกิดระเบียบวินัย  ถนนเกิดความปลอดภัยสูงสุด  และเกิดประโยชน์สูงสุด ความปลอดภัยสูงสุด แก่คนจำนวนมากที่สุด 

เมื่อคุณเลือกจะใช้ของส่วนรวม  หรือถนน ร่วมกับคนอื่น  ก็ควรจะเคารพกฎของของเขา   ไม่ควรจะเอาความต้องการส่วนตัวเป็นที่ตั้ง

อยากสนุกไปสนาม   อยากมีความต้องการ ไปสนาม  จะเร็วเสี่ยงตาย รถช่วงล่างเทพ เอาอยู่ ก็ทำไปคนเดียว ตายคนเดียว ไม่เดือดร้อนส่วนรวมครับ

ถนนก็เหมือนทางเท้า   ที่คนทุกคนจะต้องใช้ร่วมกันก็ควรจะเคารพกฎ  มีมารยาท ไม่มาเล่นโรลเลอร์เบลดบนทางเท้า  หรือขับมอเตอร์ไซค์บนทางเท้าครับ

กฎ+ มารยาท ผมหมายความรวมถึงทุกอย่าง  แช่ขวา  ปาด มุด ซิ่ง  ฝ่าไฟแดง  ขับรถเร็ว  แซงเส้นทึบ  รวมถึงมารยาท ทางเอกทางโท 

ถ้าลองสังเกตดีๆ  กฎจราจรที่เราๆเจอกันเนี่ย เค้าก็ออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยทั้งนั้น (แม้บางอย่างจะล้าสมัยไปนิดก็ตาม)

ห้ามแช่ขวา ในถนนหลวง 2 เลน เพราะช่องขวา มันมีจุดกลับรถ  และสี่แยก
คาดเข็มขัด ก็เพื่อตัวคนโดยสารปลอดภัย  เวลาเกิดการชน
จำกัดความเร็ว  เพื่อให้ความเร็วน้อยลง  เกิดอุบติเหตุความรุนแรงต่ำลง  ระยะเบรคมากขึ้น   คนเรามันพลาดกันได้ แต่การพลาดที่ความเร็วต่ำ กับสูง ผลลัพธ์  แรงกระแทก  มันต่างกัน
ช่องทางเดินรถต่างๆ  จุดห้ามจอด  ทั้งหมดก็เพื่อให้การจราจรเป็นไปได้โดยคล่องตัว  ไม่เกิดการกีดขวางการจราจร
และยังมีอีกหลายๆกฎระเบียบ   

สังเกตดีๆ มีไว้เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนนทั้งนั้นแหละครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 21, 2017, 20:30:29 โดย Butterzai »

ออฟไลน์ Barracuda

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,395
มาตั้งกระทู้ว่าคนขับรถเร็วในนี้ ก็โดนรุมยำดิคับ

ปรบมือรัวๆๆๆๆเลย แต่ลืมเสริมไปว่าพวกขับช้าแช่ขวายาวก็น่าจะโดนด้วย (นอกประเด็นนะครับ)

ออฟไลน์ Ji.Cl.

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 680
    • อีเมล์
ขอแจมหน่อย ที่เปรียบเทียบมันคนละเรื่องคนละประเด็นกันเลยครับ

ขับรถช้าลง  ความรุนแรงตอนชนมันย่อมเบาลง  จากตายเป็นไม่ตาย  (ถ้ากรณีคาดเข็มขัด)  หรือจะเถียงข้อนี้ครับ รถเทพก็ฝืนหลักฟิสิกส์ไม่ได้หรอกครับ

แล้วก็การเปรียบเทียบแอร์บ้าน ค่าไฟ มันเทียบกับรถไม่ได้

การใช้รถ คือคุณใช้ถนน ซึ่งเป็น "สาธารณะสมบัติ"  ที่เป็นของประชาชนคนอื่นทุกคน  รัฐย่อมต้องมีการออกกฎหมายเพื่อจำกัด สิทธิ และ "ความต้องการส่วนบุคคล" เพื่อให้สังคมมันเกิดระเบียบวินัย  ถนนเกิดความปลอดภัยสูงสุด  และเกิดประโยชน์สูงสุด ความปลอดภัยสูงสุด แก่คนจำนวนมากที่สุด 

เมื่อคุณเลือกจะใช้ของส่วนรวม  หรือถนน ร่วมกับคนอื่น  ก็ควรจะเคารพกฎของของเขา   ไม่ควรจะเอาความต้องการส่วนตัวเป็นที่ตั้ง

อยากสนุกไปสนาม   อยากมีความต้องการ ไปสนาม  จะเร็วเสี่ยงตาย รถช่วงล่างเทพ เอาอยู่ ก็ทำไปคนเดียว ตายคนเดียว ไม่เดือดร้อนส่วนรวมครับ

ถนนก็เหมือนทางเท้า   ที่คนทุกคนจะต้องใช้ร่วมกันก็ควรจะเคารพกฎ  มีมารยาท ไม่มาเล่นโรลเลอร์เบลดบนทางเท้า  หรือขับมอเตอร์ไซค์บนทางเท้าครับ

กฎ+ มารยาท ผมหมายความรวมถึงทุกอย่าง  แช่ขวา  ปาด มุด ซิ่ง  ฝ่าไฟแดง  ขับรถเร็ว  แซงเส้นทึบ  รวมถึงมารยาท ทางเอกทางโท 

ถ้าลองสังเกตดีๆ  กฎจราจรที่เราๆเจอกันเนี่ย เค้าก็ออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยทั้งนั้น (แม้บางอย่างจะล้าสมัยไปนิดก็ตาม)

ห้ามแช่ขวา ในถนนหลวง 2 เลน เพราะช่องขวา มันมีจุดกลับรถ  และสี่แยก
คาดเข็มขัด ก็เพื่อตัวคนโดยสารปลอดภัย  เวลาเกิดการชน
จำกัดความเร็ว  เพื่อให้ความเร็วน้อยลง  เกิดอุบติเหตุความรุนแรงต่ำลง  ระยะเบรคมากขึ้น   คนเรามันพลาดกันได้ แต่การพลาดที่ความเร็วต่ำ กับสูง ผลลัพธ์  แรงกระแทก  มันต่างกัน
ช่องทางเดินรถต่างๆ  จุดห้ามจอด  ทั้งหมดก็เพื่อให้การจราจรเป็นไปได้โดยคล่องตัว  ไม่เกิดการกีดขวางการจราจร
และยังมีอีกหลายๆกฎระเบียบ   

สังเกตดีๆ มีไว้เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนนทั้งนั้นแหละครับ
ออกตัวก่อนว่า 1 ปีให้หลังนี้ผมขับแทบจะไม่มีเกิน 80 (พูดจริงครับ จิ้ม Isuzu Insights ดูได้เลย)

ขับไปเที่ยวประจวบ 85 ตลอดทางก็ทำมาแล้ว (จริงๆ ไม่ใช่อะไร อยากประหยัดน้ำมันครับ ;D ;D ;D)

แต่ที่ผมเข้าข้างความเร็ว เพราะผมเห็นว่า มันเป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งของอุบัติเหตุเท่านั้น ซึ่งมีปัจจัยใหญ่ๆ ซ่อนอยู่อีกมาก

แต่กลับไม่ได้รับความสนใจ ทั้งๆ ที่บางทีมันเป็นเรื่องใหญ่กว่าการขับรถเร็วด้วยซ้ำ เช่น สภาพของรถ

ผมเห็นด้วยครับ ความช้ามันลดความรุนแรงของอุบัติเหตุ และถนนก็เป็นสาธารณสมบัติ โดยรถยนต์ เป็นทรัพย์สินส่วนตัวที่ใช้สมบัติสาธารณะ

(แต่ขอแทรกว่าที่ผมยกตัวอย่างนั้น "พลังงานไฟฟ้า" ก็เป็นสาธารณสมบัติเช่นกันนะครับ โดยมีเครื่องปรับอากาศ เป็นทรัพย์สินส่วนตัว จึงสามารถเทียบได้ครับ)

กฎหมาย สำหรับผม มีไว้เพื่อกำหนดขอบเขตของสิทธิเสรีภาพของตัวเองตราบเท่าที่ไม่เบียดเบียนคนอื่น

หากใครมีประสิทธิภาพที่จะใช้ขอบเขตนั้นอย่างคุ้มค่ากว่าคนอื่น ก็มีสิทธิที่จะได้ทำตามความต้องการเพิ่มครับ

ไม่ใช่ว่าใช้ประสิทธิภาพคุ้มค่าแล้วเราจะไปลดขอบเขตของคนๆ นั้นลง แบบนี้ไม่เป็นธรรมครับ

คนที่ขับ 80 แต่สภาพรถสมบูรณ์ กับคนที่ขับ 80 สภาพรถไม่สมบูรณ์ คนที่สภาพรถไม่สมบูรณ์ถือว่าละเมิดความปลอดภัยของผู้อื่นนะครับ

แต่คุณกำลังจะเปรียบเทียบ 2 คนนี้ให้มีค่าเท่ากัน แบบนี้ไม่ถูกครับ การจะตั้งกฎหมายบนพื้นฐานความปลอดภัยด้วยการกำหนดความเร็วเพียงอย่างเดียว

มันไม่เมคเซนส์ครับ ต้องนำด้วยสภาพรถ และตามด้วยความเร็ว

การจำกัดความเร็ว ไม่ใช่ไม่ควร ควรมีและทำอย่างจริงจัง แต่ไม่ใช่กำหนดไว้เป็นเต่าแค่ 80-90 ถ้าเกินนี้ให้ไปสนาม

(เหมือนสั่งให้ปรับแอร์ 28 เกินนี้จะไล่ไปอยู่บ้านข้างโรงไฟฟ้า??)

ซึ่งสุดท้ายแล้วมันเหมือนกฎที่ขึ้นหิ้งบูชาไว้เฉยๆ ไม่ศักดิ์สิทธิ์ ไม่สามารถบังคับและจับปรับกันอย่างจริงจังได้

หรือต่อให้ทำได้ เชื่อเถอะครับ อุบัติเหตุบนถนนไม่ได้ลดลงแบบวูบวาบอย่างที่คาดหวัง ในเมื่อยังมีรถที่ขาดการดูแลวิ่งกันกระจายอยู่แบบนี้

รถศูนย์ไม่ตรง ล้อไม่ถ่วง โช๊คไม่หนืด สปริงไม่เด้ง ยางไม่มีดอก ผมว่ารถพวกนี้ต่างหากที่เห็นแก่ตัว ไม่เคารพผู้อื่น

"ขัดต่อระเบียบวินัย  ทำให้ถนนไม่ปลอดภัย  ไม่เกิดประโยชน์สูงสุด แก่คนจำนวนมากที่สุด" ตามที่คุณกล่าวทุกประการ

พร้อมที่จะบินไปประสานงาคนอื่นที่อาจจะขับอยู่ดีๆ ได้ทุกเมื่อ ถึงแม้จะขับแค่ 60 ก็ตามที ในขณะที่รถสภาพสมบูรณ์ จะลดปัญหานี้ได้มากครับ

และหากเรามีเป้าหมายจะ "ลดอุบัติเหตุบนท้องถนน" อย่างจริงจัง ไม่ใช่แค่ซี๊ซั้วจับปรับเอาความสะใจ

เราควรเริ่มจาก "สภาพรถ" ก่อน ค่อยไปถึง "ความเร็ว" ครับ การเริ่มจากความเร็ว มันดูเป็นปิระมิดกลับหัวครับ

ออฟไลน์ Direct

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 43
ทำไมผมกลับไม่รู้สึกว่าการขับรถเร็ว เท่ากับเจตนาฆ่าคน

ถ้าคิดอย่างนั้นจริงๆ ไม่ให้ผู้ผลิตรถยนต์ทำกล่องออกมา Limit ความเร็วที่ 120 km/h เลยล่ะครับ

ตั้งแต่ผมขับรถมา สถานที่ที่ผมถูกชนมักจะเป็นในเขตชุมชนเมืองเสียมากกว่า (จาก ปสก.)
แบบนี้ผมสามารถพูดได้ไหมครับว่า ความเร็วเกิน 120 ไม่ได้เป็นแค่ปัจจัยเดียวของอุบัติเหตุ

อย่าเอาบรรทัดฐานตัวเองมาตั้งแล้วพลอยคนอื่นเสียครับ
รถเขาเทสชนที่ 60 เกินกว่านี้โลหะไหนก็เละทั้งนั้นแหละครับ จะมาก-น้อย อยู่ที่ว่ามันทำมาจากอะไรเท่านั้น

ออฟไลน์ BenzParagon

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 671
  • . . .
ทำไมผมกลับไม่รู้สึกว่าการขับรถเร็ว เท่ากับเจตนาฆ่าคน

ถ้าคิดอย่างนั้นจริงๆ
อ้างถึง
ไม่ให้ผู้ผลิตรถยนต์ทำกล่องออกมา Limit ความเร็วที่ 120 km/h เลยล่ะครับ

ภาครัฐ คำนึงถึงผลประโยขน์ที่จะได้รับ มากกว่า เห็นบ้านเมืองเป็นระเบียบ


ตั้งแต่ผมขับรถมา สถานที่ที่ผมถูกชนมักจะเป็นในเขตชุมชนเมืองเสียมากกว่า (จาก ปสก.)
แบบนี้ผมสามารถพูดได้ไหมครับว่า
อ้างถึง
ความเร็วเกิน 120 ไม่ได้เป็นแค่ปัจจัยเดียวของอุบัติเหตุ

ใช่ครับ

อย่าเอาบรรทัดฐานตัวเองมาตั้งแล้วพลอยคนอื่นเสียครับ
รถเขาเทสชนที่ 60 เกินกว่านี้โลหะไหนก็เละทั้งนั้นแหละครับ จะมาก-น้อย อยู่ที่ว่ามันทำมาจากอะไรเท่านั้น

เมื่อขับขี่ที่ความเร็วไม่สูงมาก ช่วงการตัดสินใจ ช่วงการเบรค จะมากขึ้น ครับ

หากเกิดการปะทะจริงๆ ความเร็วที่ไม่สูงมาก + เบรค จะทำให้ ความเสียหาย ต่อ ชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สิน จะน้อยกว่า ครับ

Hybrid Battery Of Mercedes-Benz Thailand https://goo.gl/3nn9sk

มาตรา 157 https://goo.gl/lIGkMt

lim n = 0 , n -> ...

0 = 1

?

ออฟไลน์ Ji.Cl.

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 680
    • อีเมล์
ถ้าคิดอย่างนั้นจริงๆ
อ้างถึง
ไม่ให้ผู้ผลิตรถยนต์ทำกล่องออกมา Limit ความเร็วที่ 120 km/h เลยล่ะครับ

ภาครัฐ คำนึงถึงผลประโยขน์ที่จะได้รับ มากกว่า เห็นบ้านเมืองเป็นระเบียบ

ผมว่าไม่ใช่นะครับ การล็อกจากโรงงานแบบนั้นอาจทำให้อุบัติเหตุมากขึ้นในทางเลนสวนตามต่างจังหวัดครับ

เพราะจังหวะแซงไม่ขาด อาจประสานงากับรถที่สวนมาได้ง่าย เพราะการใช้ความเร็วในการแซงน้อยลงเพียง 5-10 km/h

ต้องใช้ระยะแซงเพิ่มขึ้นมหาศาลครับ กะระยะลำบาก ถ้าทำแบบนั้นจะเข้าข่ายเอาความสะใจมากกว่าเห็นบ้านเมืองปลอดภัยครับ

ออฟไลน์ bravo

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,469
    • อีเมล์
ถ้าคิดอย่างนั้นจริงๆ
อ้างถึง
ไม่ให้ผู้ผลิตรถยนต์ทำกล่องออกมา Limit ความเร็วที่ 120 km/h เลยล่ะครับ

ภาครัฐ คำนึงถึงผลประโยขน์ที่จะได้รับ มากกว่า เห็นบ้านเมืองเป็นระเบียบ


หมายถึง ภาครัฐของประเทศอื่นๆ ด้วยใช่มั๊ยครับ
หรือมีประเทศไหน ที่กำหนดให้รถที่จำหน่าย ล็อคความเร็วงที่ 120

ออฟไลน์ BenzParagon

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 671
  • . . .
ถ้าคิดอย่างนั้นจริงๆ
อ้างถึง
ไม่ให้ผู้ผลิตรถยนต์ทำกล่องออกมา Limit ความเร็วที่ 120 km/h เลยล่ะครับ

ภาครัฐ คำนึงถึงผลประโยขน์ที่จะได้รับ มากกว่า เห็นบ้านเมืองเป็นระเบียบ

ผมว่าไม่ใช่นะครับ การล็อกจากโรงงานแบบนั้นอาจทำให้อุบัติเหตุมากขึ้นในทางเลนสวนตามต่างจังหวัดครับ

เพราะจังหวะแซงไม่ขาด อาจประสานงากับรถที่สวนมาได้ง่าย เพราะการใช้ความเร็วในการแซงน้อยลงเพียง 5-10 km/h

ต้องใช้ระยะแซงเพิ่มขึ้นมหาศาลครับ กะระยะลำบาก ถ้าทำแบบนั้นจะเข้าข่ายเอาความสะใจมากกว่าเห็นบ้านเมืองปลอดภัยครับ

ผมมองประโยชน์สองต่อครับ (ถ้ามองไกลกว่านี้ หลายต่อครับ)

ต่อที่หนึ่ง ความเร็วสูงสุดของรถทุกคันบนท้องถนน คือ 120

ต่อที่สอง เนื่องจาก ความเร็วสูงสุดของรถทุกคันบนท้องถนน คือ 120

นั่นหมายความว่า ความเร็วรถทั่วไป จะอยู่ที่ประมาณ 80-90 เพื่อ ให้มีความเร็วมากพอ ในจังหวะเร่งแซง

ยังมี ต่ออื่น อีกนะครับ  8)

ไม่มีอะไรสะใจนะครับ ::)

ถ้าคิดอย่างนั้นจริงๆ
อ้างถึง
ไม่ให้ผู้ผลิตรถยนต์ทำกล่องออกมา Limit ความเร็วที่ 120 km/h เลยล่ะครับ

ภาครัฐ คำนึงถึงผลประโยขน์ที่จะได้รับ มากกว่า เห็นบ้านเมืองเป็นระเบียบ


หมายถึง ภาครัฐของประเทศอื่นๆ ด้วยใช่มั๊ยครับ
หรือมีประเทศไหน ที่กำหนดให้รถที่จำหน่าย ล็อคความเร็วงที่ 120


120 ไม่มั่นใจครับ แต่ จำกัดความเร็ว จากโรงงาน มีแน่ ครับ

ภาครัฐ ของประเทศอื่น เขากำหนด ลิมิตสปีด คนในประเทศเขา ยินดีทำตาม นานๆๆๆ มีไม่ทำตาม

ประเทศไทย ?  ::)

http://www.autodeft.com/deftscoop/scoop-car-speed-limited


อ้างถึง
โดยผู้ผลิตรถยนต์จากติดตั้งสัญญาณ ปี๊พ เตือนการทำความเร็วของผู้ขับขี่ หากใช้ความเร็วเกิน

ระบบนี้ คิดเห็นอย่างไรครับ

ผมเสนอเพิ่ม ให้มีเสียงเตือนน่ารำคาญดังมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อขับเกินความเร็วที่กฎหมายกำหนด

เสียงจะลดลงจนเงียบ เมื่อลดความเร็วมาอยู่ตามที่กฎหมายกำหนด คล้ายเสียงเตือนคาดเข็มขัดนิรภัย

หากใคร คันไหน แก้ไข ดัดแปลง ปิดระบบ(ไม่ใช่การตั้งค่า)

กรณีเกิดเหตุ โทษหนักกว่า คนที่เปิดระบบ ไม่ได้แก้ไข ไม่ได้ดัดแปลง มากๆๆๆ

ไม่ว่าคู่กรณี ประมาท เลินเล่อ ไม่ระมัดระวัง ไม่ตั้งใจ คนผิดคันผิด คือ ปิดระบบ ดัดแปลง แก้ไข

เพราะถือ เป็นผู้ จงใจ ตั้งใจ เจตนา กระทำผิด ก่อน

เนื่องจาก เห็นผลล่วงหน้าว่า ความปลอดภัยจะลดลง จากการกระทำดังกล่าว ในทุกครั้งที่ขับขี่

บริษัทประกันภัย มีสิทธิ์ ปฏิเสธการรับประกันภัย เพราะถือ ว่า จงใจ เจตนา กระทำผิด ก่อภัย

คิดเห็นอย่างไรครับ  ::)

Hybrid Battery Of Mercedes-Benz Thailand https://goo.gl/3nn9sk

มาตรา 157 https://goo.gl/lIGkMt

lim n = 0 , n -> ...

0 = 1

?

ออฟไลน์ Ji.Cl.

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 680
    • อีเมล์
ผมมองประโยชน์สองต่อครับ (ถ้ามองไกลกว่านี้ หลายต่อครับ)

ต่อที่หนึ่ง ความเร็วสูงสุดของรถทุกคันบนท้องถนน คือ 120

ต่อที่สอง เนื่องจาก ความเร็วสูงสุดของรถทุกคันบนท้องถนน คือ 120

นั่นหมายความว่า ความเร็วรถทั่วไป จะอยู่ที่ประมาณ 80-90 เพื่อ ให้มีความเร็วมากพอ ในจังหวะเร่งแซง

ยังมี ต่ออื่น อีกนะครับ  8)

ไม่มีอะไรสะใจนะครับ ::)
ผมว่าถ้าคนจะขับ 80-90 จะมีหรือไม่มีล็อกความเร็วเขาก็จะขับเท่านี้นะครับ อย่างผมงี๊ ทุกวันนี้ขับเป็นเต่า 80 ชิดซ้ายตลอด ทั้งๆ ที่รถไม่ได้ล็อกสปีด

แต่ถ้าอยู่ๆ รถผมล็อกความเร็วที่ 90 ผมก็ขับ 80 อยู่ดีครับ เพราะนั้นประโยชน์หลายต่อนั้นผมว่ามันไม่เกิดขึ้นจริงครับ

ทีนี้ผมขับ 80 รถคันหลังจะแซง แต่เหยียบได้แค่ 120 ในขณะที่รถสวนมาก็ขับ 120 ผมว่ามันอันตรายนะครับ ถ้าผมเห็นจะชลอให้ แต่ถ้าผมไม่เห็นล่ะ?

จริงอยู่ว่า หากเขารู้ว่ารถเขาถูกล็อกความเร็วเขาจะเผื่อระยะมากขึ้นหรือตัดสินใจไม่แซง แต่บางครั้งมันกรณีฉุกเฉินก็อาจทำให้เขาตัดสินใจพุ่งไปและประสานงาได้ครับ

120 ไม่มั่นใจครับ แต่ จำกัดความเร็ว จากโรงงาน มีแน่ ครับ

ภาครัฐ ของประเทศอื่น เขากำหนด ลิมิตสปีด คนในประเทศเขา ยินดีทำตาม นานๆๆๆ มีไม่ทำตาม

ประเทศไทย ?  ::)

http://www.autodeft.com/deftscoop/scoop-car-speed-limited[/size][/color]

ประเทศยุโรป มีกำหนดสปีดลิมิตครับ แต่ไม่เป็นเต่าเท่าประเทศไทย เช่น

รถธรรมดา ในพื้นที่หนาแน่นมากๆ 50 ถนนทั่วไป 100 ไฮเวย์ 130 ออโตบาห์นไม่กำหนด ซึ่งแนวโน้มสูงกว่าไทยชัดเจน อยู่ในระดับที่คนทั่วไปรับได้

และเขากำหนดมาตรฐานความปลอดภัยอื่นๆ ไว้หมดแล้ว เช่น รถที่ขายต้องมี Safety อะไรบ้าง รถโค้ชต้องจุดศูนย์ถ่วงต่ำแค่ไหน ฯลฯ

ซึ่งมันครอบคลุมคำว่า "ปลอดภัย" ได้ครบถ้วนแล้ว แล้วกฎหมายไทยล่ะ? Vios Altis ไม่มี ABS ลากขายยาวมายันปี 2016

รถเก่าขาดการบำรุงรักษาช่วงล่างและเบรคยังต่อ ตรอ. ได้ แบบนี้ต่อให้ติดระบบล็อกความเร็วทุกคัน ก็ลดอุบัติเหตุได้ไม่คุ้มค่าเสียเวลาของประเทศครับ

ผมเห็นด้วยนะถ้าจะติดระบบเตือนความเร็วให้รำคาญ...

แต่นั่นต้องหลังจากที่รถทุกคันมีเสียงเตือนที่น่ารำคาญยิ่งกว่าเมื่อช่วงล่างหรือเบรคอยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์ ร้องไปเรื่อยๆ จนกว่าคนขับจะไปซ่อมนั่นล่ะครับ ทำอันนี้ให้ได้ค่อยไปเรื่องความเร็ว

อันนี้คือความเห็นผมนะครับ (ย้ำอีกทีว่าทุกวันนี้ถนนโล่งผมขับ 80)

ไม่แน่ว่าถ้าทำเรื่องสภาพรถอันนี้ได้เราอาจจะรู้สึกได้ว่า Speed Limit ที่เหมาะสม อาจจะสูงกว่า 120 ที่เราใช้อยู่ก็เป็นได้ครับ

ออฟไลน์ BenzParagon

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 671
  • . . .
อ้างถึง
ผมมองประโยชน์สองต่อครับ (ถ้ามองไกลกว่านี้ หลายต่อครับ)

ต่อที่หนึ่ง ความเร็วสูงสุดของรถทุกคันบนท้องถนน คือ 120

ต่อที่สอง เนื่องจาก ความเร็วสูงสุดของรถทุกคันบนท้องถนน คือ 120

นั่นหมายความว่า ความเร็วรถทั่วไป จะอยู่ที่ประมาณ 80-90 เพื่อ ให้มีความเร็วมากพอ ในจังหวะเร่งแซง

ยังมี ต่ออื่น อีกนะครับ  8)

ไม่มีอะไรสะใจนะครับ ::)
อ้างถึง
ผมว่าถ้าคนจะขับ 80-90 จะมีหรือไม่มีล็อกความเร็วเขาก็จะขับเท่านี้นะครับ อย่างผมงี๊ ทุกวันนี้ขับเป็นเต่า 80 ชิดซ้ายตลอด ทั้งๆ ที่รถไม่ได้ล็อกสปีด

แต่ถ้าอยู่ๆ รถผมล็อกความเร็วที่ 90 ผมก็ขับ 80 อยู่ดีครับ เพราะนั้นประโยชน์หลายต่อนั้นผมว่ามันไม่เกิดขึ้นจริงครับ

ผมไม่รู้คุณJi.Cl.คิดแบบไหนแนวไหนนะครับ ส่วนผมคิดแบบใช้แนวคิดคณิตศาสตร์ประกันภัยครับ

อ้างถึง
ทีนี้ผมขับ 80 รถคันหลังจะแซง แต่เหยียบได้แค่ 120 ในขณะที่รถสวนมาก็ขับ 120 ผมว่ามันอันตรายนะครับ ถ้าผมเห็นจะชลอให้ แต่ถ้าผมไม่เห็นล่ะ?

ทำไมไม่เห็นครับ เพราะ ?

อ้างถึง
จริงอยู่ว่า หากเขารู้ว่ารถเขาถูกล็อกความเร็วเขาจะเผื่อระยะมากขึ้นหรือตัดสินใจไม่แซง แต่บางครั้งมันกรณีฉุกเฉินก็อาจทำให้เขาตัดสินใจพุ่งไปและประสานงาได้ครับ

กรณีฉุกเฉินที่ว่า เช่น ? เพื่อผมหรือท่านอื่นช่วยหาแนวทางแก้ครับ

อ้างถึง
120 ไม่มั่นใจครับ แต่ จำกัดความเร็ว จากโรงงาน มีแน่ ครับ

ภาครัฐ ของประเทศอื่น เขากำหนด ลิมิตสปีด คนในประเทศเขา ยินดีทำตาม นานๆๆๆ มีไม่ทำตาม

ประเทศไทย ?  ::)

http://www.autodeft.com/deftscoop/scoop-car-speed-limited[/size][/color]

ประเทศยุโรป มีกำหนดสปีดลิมิตครับ แต่ไม่เป็นเต่าเท่าประเทศไทย เช่น

รถธรรมดา ในพื้นที่หนาแน่นมากๆ 50 ถนนทั่วไป 100 ไฮเวย์ 130 ออโตบาห์นไม่กำหนด ซึ่งแนวโน้มสูงกว่าไทยชัดเจน อยู่ในระดับที่คนทั่วไปรับได้

และเขากำหนดมาตรฐานความปลอดภัยอื่นๆ ไว้หมดแล้ว เช่น รถที่ขายต้องมี Safety อะไรบ้าง รถโค้ชต้องจุดศูนย์ถ่วงต่ำแค่ไหน ฯลฯ

ซึ่งมันครอบคลุมคำว่า "ปลอดภัย" ได้ครบถ้วนแล้ว แล้วกฎหมายไทยล่ะ? Vios Altis ไม่มี ABS ลากขายยาวมายันปี 2016

รถเก่าขาดการบำรุงรักษาช่วงล่างและเบรคยังต่อ ตรอ. ได้ แบบนี้ต่อให้ติดระบบล็อกความเร็วทุกคัน ก็ลดอุบัติเหตุได้ไม่คุ้มค่าเสียเวลาของประเทศครับ

ผมเห็นด้วยนะถ้าจะติดระบบเตือนความเร็วให้รำคาญ...

แต่นั่นต้องหลังจากที่รถทุกคันมีเสียงเตือนที่น่ารำคาญยิ่งกว่าเมื่อช่วงล่างหรือเบรคอยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์ ร้องไปเรื่อยๆ จนกว่าคนขับจะไปซ่อมนั่นล่ะครับ ทำอันนี้ให้ได้ค่อยไปเรื่องความเร็ว

อันนี้คือความเห็นผมนะครับ (ย้ำอีกทีว่าทุกวันนี้ถนนโล่งผมขับ 80)

อ้างถึง
ไม่แน่ว่าถ้าทำเรื่องสภาพรถอันนี้ได้เราอาจจะรู้สึกได้ว่า Speed Limit ที่เหมาะสม อาจจะสูงกว่า 120 ที่เราใช้อยู่ก็เป็นได้ครับ

สภาพรถ ช่วงล่าง เบรค เป็นส่วนหนึ่งครับ แต่ก็มีปัจจัยตัวแปรอื่นๆอีกครับ อย่างเช่นหัวข้อหนึ่งที่จะทำสะพานยูเทิร์นนั่นก็เป็นส่วนหนึ่งวิธีหนึ่งครับ

ทั้งหมด เป็นเรื่องของ ผู้บริโภค ผู้ผลิต ตรอ. หน่วยงาน องค์กรต่างๆที่เกี่ยวข้อง ต้องให้ความร่วมมือ โดยมีภาครัฐควบคุม หรือไม่ครับ

ส่วน ออโตบาห์น กับ ถนนเมืองไทย ลองพิจารณาหลายๆตัวแปรดู ครับ

Hybrid Battery Of Mercedes-Benz Thailand https://goo.gl/3nn9sk

มาตรา 157 https://goo.gl/lIGkMt

lim n = 0 , n -> ...

0 = 1

?

ออฟไลน์ Ji.Cl.

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 680
    • อีเมล์
ทำไมไม่เห็นครับ เพราะ ?
อ้าว? รถมาข้างหลัง ผมอาจจะไม่ได้เห็นได้ทุกครั้งนะครับ ประสิทธิภาพคนไม่ใช่ 100% ครับ

ผมไม่รู้คุณJi.Cl.คิดแบบไหนแนวไหนนะครับ ส่วนผมคิดแบบใช้แนวคิดคณิตศาสตร์ประกันภัยครับ
คิดแบบทั่วไปครับ ความเร็วเป็นปัจจัยต้นๆ ของอุบัติเหตุแต่ไม่ใช่สาเหตุทั้งหมด จริงๆ แล้วไม่ถึงครึ่งหนึ่งของอุบัติเหตุด้วยซ้ำ
(นี่ก็ข้อมูลจากสถิติกรมทางหลวง)
ผมคิดว่าเรื่อง สภาพรถไม่สมบูรณ์ ตัดหน้ากระชั้นชิด แซงผิดกฎหมาย ไฟสัญญาณไม่เปิด เป็นเรื่องที่ควรแก้ก่อนครับ
แล้วมาปิดจ๊อบด้วยความเร็ว

กรณีฉุกเฉินที่ว่า เช่น ? เพื่อผมหรือท่านอื่นช่วยหาแนวทางแก้ครับ
ปวดท้องหนัก ไปทำงานสาย ญาติป่วย ฯลฯ แล้วมีรถขับ 80 ข้างหน้า ผมว่าโอกาสที่ตัดสินใจแซงมีสูงครับ

สภาพรถ ช่วงล่าง เบรค เป็นส่วนหนึ่งครับ แต่ก็มีปัจจัยตัวแปรอื่นๆอีกครับ อย่างเช่นหัวข้อหนึ่งที่จะทำสะพานยูเทิร์นนั่นก็เป็นส่วนหนึ่งวิธีหนึ่งครับ

ทั้งหมด เป็นเรื่องของ ผู้บริโภค ผู้ผลิต ตรอ. หน่วยงาน องค์กรต่างๆที่เกี่ยวข้อง ต้องให้ความร่วมมือ โดยมีภาครัฐควบคุม หรือไม่ครับ

ส่วน ออโตบาห์น กับ ถนนเมืองไทย ลองพิจารณาหลายๆตัวแปรดู ครับ
ผมทราบครับว่าการควบคุมความเร็วมีผลดีเยอะ เพราะผมก็ทำอยู่ทุกวัน ทำไมจะไม่ทราบ และก็ทราบดีว่าไทยไม่มีถนนไหนที่จะให้วิ่งเร็วได้ตามใจแบบออโตบาห์นได้

สิ่งที่ผมจะสื่อก็เหมือนกับที่ผมพูดไปในความเห็นก่อนๆ ครับ การจ้องจะกำหนดความเร็วเป็นหลักแบบที่หลายท่านเสนอนั้น

เหมือนคุณต้องการประหยัดแอร์ แล้วบังคับให้พนักงานเปิดแอร์ 28 องศา แต่ไม่ล้างแอร์ ไม่มีซ่อมบำรุง ไม่เติมน้ำยา

มันก็ประหยัดได้ครับ เปิดแค่ 28 แต่เทียบกับการควบคุมปัจจัยอื่นนั้น... ผมว่ามันมีทางอื่นที่มีผลลัพธ์เท่ากันโดยที่ประชาชนแฮปปี้มากกว่าครับ

ออฟไลน์ BenzParagon

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 671
  • . . .
อ้างถึง
ทำไมไม่เห็นครับ เพราะ ?
อ้าว? รถมาข้างหลัง ผมอาจจะไม่ได้เห็นได้ทุกครั้งนะครับ ประสิทธิภาพคนไม่ใช่ 100% ครับ

ครับ สามารถฝึกพัฒนาได้ครับ

อ้างถึง
กรณีฉุกเฉินที่ว่า เช่น ? เพื่อผมหรือท่านอื่นช่วยหาแนวทางแก้ครับ
ปวดท้องหนัก ไปทำงานสาย ญาติป่วย ฯลฯ แล้วมีรถขับ 80 ข้างหน้า ผมว่าโอกาสที่ตัดสินใจแซงมีสูงครับ

ครับ เมื่อมีเหตุจำเป็นต่างๆ แม้ไม่มีช่วงจังหวะแซง ก็จะแซง หรือครับ



ปวดท้องหนัก ขับช้า มีโอกาส เลอะกางเกง เลอะรถ ขับเร็วมาก มีโอกาส ชน

เสียเวลา(ที่จะไปห้องน้ำ จังหวะชน อาจกลั้นไม่อยู่) เรียกประกันภัย ดำเนินคดี ขึ้นโรง ขึ้นศาล

เสียทรัพย์สิน เสียร่างกาย เสียชีวิต ทั้ง ผู้อื่น ตัวเอง

ไปทำงานสาย ขับช้า มีโอกาส ลดเงิน ลดชั้น ขับเร็วมาก มีโอกาส ชน

เสียเวลา(มากกว่าเดิม อาจต้องลางานวันอื่นอีก) เสียทรัพย์สิน เสียร่างกาย เสียชีวิต ทั้ง ผู้อื่น ตัวเอง

ญาติป่วย ขับช้า มีโอกาส ญาติเสียชีวิตบนรถ ขับเร็วมาก มีโอกาส ชน

เสียเวลา(โอกาสรอดชีวิตของญาติ) เสียทรัพย์สิน เสียร่างกาย เสียชีวิต ทั้ง ผู้อื่น ญาติ ตัวเอง


อ้างถึง
ผมไม่รู้คุณJi.Cl.คิดแบบไหนแนวไหนนะครับ ส่วนผมคิดแบบใช้แนวคิดคณิตศาสตร์ประกันภัยครับ
คิดแบบทั่วไปครับ ความเร็วเป็นปัจจัยต้นๆ ของอุบัติเหตุแต่ไม่ใช่สาเหตุทั้งหมด จริงๆ แล้วไม่ถึงครึ่งหนึ่งของอุบัติเหตุด้วยซ้ำ
(นี่ก็ข้อมูลจากสถิติกรมทางหลวง)
ผมคิดว่าเรื่อง สภาพรถไม่สมบูรณ์ ตัดหน้ากระชั้นชิด แซงผิดกฎหมาย ไฟสัญญาณไม่เปิด เป็นเรื่องที่ควรแก้ก่อนครับ
แล้วมาปิดจ๊อบด้วยความเร็ว

ขออภัยที่เข้าใจผิดครับ  ::)

http://community.headlightmag.com/index.php?topic=53365.msg925379#msg925379



สภาพรถ ช่วงล่าง เบรค เป็นส่วนหนึ่งครับ แต่ก็มีปัจจัยตัวแปรอื่นๆอีกครับ อย่างเช่นหัวข้อหนึ่งที่จะทำสะพานยูเทิร์นนั่นก็เป็นส่วนหนึ่งวิธีหนึ่งครับ

ทั้งหมด เป็นเรื่องของ ผู้บริโภค ผู้ผลิต ตรอ. หน่วยงาน องค์กรต่างๆที่เกี่ยวข้อง ต้องให้ความร่วมมือ โดยมีภาครัฐควบคุม หรือไม่ครับ

ส่วน ออโตบาห์น กับ ถนนเมืองไทย ลองพิจารณาหลายๆตัวแปรดู ครับ
ผมทราบครับว่าการควบคุมความเร็วมีผลดีเยอะ เพราะผมก็ทำอยู่ทุกวัน ทำไมจะไม่ทราบ และก็ทราบดีว่าไทยไม่มีถนนไหนที่จะให้วิ่งเร็วได้ตามใจแบบออโตบาห์นได้

สิ่งที่ผมจะสื่อก็เหมือนกับที่ผมพูดไปในความเห็นก่อนๆ ครับ การจ้องจะกำหนดความเร็วเป็นหลักแบบที่หลายท่านเสนอนั้น

เหมือนคุณต้องการประหยัดแอร์ แล้วบังคับให้พนักงานเปิดแอร์ 28 องศา แต่ไม่ล้างแอร์ ไม่มีซ่อมบำรุง ไม่เติมน้ำยา

มันก็ประหยัดได้ครับ เปิดแค่ 28 แต่เทียบกับการควบคุมปัจจัยอื่นนั้น... ผมว่ามันมีทางอื่นที่มีผลลัพธ์เท่ากันโดยที่ประชาชนแฮปปี้มากกว่าครับ

ผมรอดูผลลัพธ์จากทางเลือกอื่นๆแล้วกันครับ  :-*

Hybrid Battery Of Mercedes-Benz Thailand https://goo.gl/3nn9sk

มาตรา 157 https://goo.gl/lIGkMt

lim n = 0 , n -> ...

0 = 1

?

ออฟไลน์ Ji.Cl.

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 680
    • อีเมล์
ครับ สามารถฝึกพัฒนาได้ครับ
ครับ แต่คนไม่ใช่เครื่องจักรครับ จะหวังให้ทุกคนเห็นรถทุกคันที่กำลังจะแซงแบบ 100% เป็นไปไม่ได้ครับ

ครับ เมื่อมีเหตุจำเป็นต่างๆ แม้ไม่มีช่วงจังหวะแซง ก็จะแซง หรือครับ

ปวดท้องหนัก ขับช้า มีโอกาส เลอะกางเกง เลอะรถ ขับเร็วมาก มีโอกาส ชน

เสียเวลา(ที่จะไปห้องน้ำ จังหวะชน อาจกลั้นไม่อยู่) เรียกประกันภัย ดำเนินคดี ขึ้นโรง ขึ้นศาล

เสียทรัพย์สิน เสียร่างกาย เสียชีวิต ทั้ง ผู้อื่น ตัวเอง

ไปทำงานสาย ขับช้า มีโอกาส ลดเงิน ลดชั้น ขับเร็วมาก มีโอกาส ชน

เสียเวลา(มากกว่าเดิม อาจต้องลางานวันอื่นอีก) เสียทรัพย์สิน เสียร่างกาย เสียชีวิต ทั้ง ผู้อื่น ตัวเอง

ญาติป่วย ขับช้า มีโอกาส ญาติเสียชีวิตบนรถ ขับเร็วมาก มีโอกาส ชน

เสียเวลา(โอกาสรอดชีวิตของญาติ) เสียทรัพย์สิน เสียร่างกาย เสียชีวิต ทั้ง ผู้อื่น ญาติ ตัวเอง

เดี๋ยวนะครับ "ความเป็นไปได้" ต้องพิจารณาคำนี้นะครับ

ถ้าขับช้า เสียโอกาสต่างๆ เกือบ 100% แต่ถ้าขับเร็ว โอกาสชน แค่ % นิดเดียว (และอย่าลืมว่าเร็วที่คุณว่า ไม่ใช่ 150+ นะครับ แค่ 80+ เท่านั้น ตามกฎหมาย)

ไม่ใช่ว่าขับ 80 = ตายเดี่ยว, 80+ = ตายหมู่ ไม่ใช่ครับ

80 = มีโอกาสตายเดียว, 80+ = 99% รอดหมดครับ มีโอกาสตายหมู่แต่นิดเดียว

ซึ่งถ้าเป็นเรื่องร้ายแรงอย่างไปดูใจญาติ ด้วยสัญชาตญาณมนุษย์ ผมว่าโอกาสที่ผู้ขับขี่จะ

จะประเมินสถานการณ์ยอมเอาชีวิตและทรัพย์สินของตัวเข้าแลกความเสี่ยงนั้นครับ เพื่อให้เหตุด่วนนั้นผ่านไปได้

ถ้าคุณไปจับคนที่วิ่ง 85 km/h ในเมืองพัทยา เพราะญาติโรคกำเริบขณะโดยสารแล้วรีบไปส่งโรงพยาบาล เสร็จแล้วถูกตั้งข้อหา? ความเป็นธรรมอยู่ไหนครับ?

ถ้าคุณล็อกความเร็ว 80 รถทุกคัน แล้วมีคนญาติเกิดโรคกำเริบขณะโดยสาร และเสียก่อนถึงมือแพทย์ 30 วินาที ทั้งๆที่ถ้าได้วิ่ง 90 จะรอด คุณควรตอบคำถามนี้อย่างไรครับ

คุณจะต้องพิจารณามนุษยธรรมและระดับจิตใจคุณทันทีถ้าไปห้ามผู้ที่มีธุระด่วนต่างๆ ให้ขับแค่ 80 โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับความเป็นความตาย

แต่คุณจะไม่ถูกตั้งคำถามดังกล่าว ถ้าคุณไปเข้มงวดมาตรฐานความปลอดภัยของรถโดยสาร เข้มงวดความสมบูรณ์ของรถ

เพราะนั่นคือสิ่งที่เจ้าของรถพึงกระทำโดยไม่มีข้อยกเว้น (หรือคุณจะบอกว่า ขับเร็วห้ามยกเว้น แต่รถโทรมอนุโลมได้?)

ขออภัยที่เข้าใจผิดครับ  ::)

http://community.headlightmag.com/index.php?topic=53365.msg925379#msg925379
ถ้าไม่ได้ประชดก็ขอโทษด้วยและข้ามความเห็นนี้ไป

แต่ถ้าประชด ผมขอให้คุณกลับไปอ่านคำว่า "ไม่ถึงครึ่งหนึ่ง" ครับ สถิตินั้นผมเห็นก่อนจะโพสต์ครับ

คุณตัดการขับรถเร็วออกได้ทั้งหมด กับคุณตัด "ห้ามล้อขัดข้อง ยางเสื่อม บังคับเลี้ยวขัดข้อง และอื่นๆ" ออก อยากให้คุณลองเปรียบเทียบดูครับ

ผมรอดูผลลัพธ์จากทางเลือกอื่นๆแล้วกันครับ  :-*
จริงๆ ผมกับคุณเถียงคนละเรื่องเดียวกันนะครับ ผมและคุณต้องการเห็นถนนที่ปลอดภัย

อย่างที่ผมพูดครับ การบังคับความเร็วอย่างเดียว ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ครบวงจรครับ

การบังคับความเร็วอย่างเดียวโดยวินัยข้ออื่นๆ ทั้งการเปลี่ยนเลน ตัดหน้า ให้สัญญาณไฟ รวมถึงสภาพรถ ยังไม่ถูกกวดขัน

สุดท้ายแล้วคุณก็จะยังไม่ได้สังคมที่ท้องถนนปลอดภัยอย่างที่คาดหวังไว้ แต่คุณจะได้แค่สังคมที่มีแต่การจับปรับพวกแว้นกวนเมืองกันเอามันส์

โดยที่ไม่ได้หันมามองเลยว่าในหมู่ผู้ขับขี่ทั่วไปนั้นอุบัติเหตุไม่ได้ลดลงเท่าที่ควรเลย

แต่ถ้านำด้วยสภาพรถ มาตรฐานความปลอดภัยในรถใหม่ สติของผู้ใช้รถ แล้วตามด้วยความเร็วปิดท้าย ผมว่าเราจะไปถึงเป้าหมายความปลอดภัยนั้นได้ครับ

ออฟไลน์ BenzParagon

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 671
  • . . .
อ้างถึง
ความเร็วสูงสุดของรถทุกคันบนท้องถนน คือ 120

ความเร็วรถทั่วไป จะอยู่ที่ประมาณ 80-90 เพื่อ ให้มีความเร็วมากพอ ในจังหวะเร่งแซง

เข้าใจว่าอย่างไรครับ

Hybrid Battery Of Mercedes-Benz Thailand https://goo.gl/3nn9sk

มาตรา 157 https://goo.gl/lIGkMt

lim n = 0 , n -> ...

0 = 1

?

ออฟไลน์ Ji.Cl.

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 680
    • อีเมล์
อ้างถึง
ความเร็วสูงสุดของรถทุกคันบนท้องถนน คือ 120

ความเร็วรถทั่วไป จะอยู่ที่ประมาณ 80-90 เพื่อ ให้มีความเร็วมากพอ ในจังหวะเร่งแซง

เข้าใจว่าอย่างไรครับ
ผมเข้าใจว่า เมื่อคันที่ขับเร็วที่สุด ขับได้ 120 รถที่ขับปกติ จะขับช้าลง เป็น 80-90 ครับ

ถ้าเข้าใจผิดรบกวนแก้ไขด้วยครับ

ปล. ถ้าเกี่ยวกับความเห็นผมด้านล่าง เพราะความเร็วสูงสุด 120 ตามกฎหมายนั้นมีแค่กาญจนาภิเษกและมอเตอร์เวย์ที่ใช้ได้

ถ้าจะพูดถึงการใช้งานของคนทั่วไป มันต้องอ้างอิงที่ 80 ซึ่งเป็นความเร็วสูงสุดตามกฎหมายในกรุงเทพ พัทยา และเขตเทศบาลครับ

ถ้าไม่เกี่ยว ไม่ต้องสนใจตรง ปล. ครับ

ออฟไลน์ BenzParagon

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 671
  • . . .
อ้างถึง
ความเร็วสูงสุดของรถทุกคันบนท้องถนน คือ 120

ความเร็วรถทั่วไป จะอยู่ที่ประมาณ 80-90 เพื่อ ให้มีความเร็วมากพอ ในจังหวะเร่งแซง

เข้าใจว่าอย่างไรครับ
ผมเข้าใจว่า เมื่อคันที่ขับเร็วที่สุด ขับได้ 120 รถที่ขับปกติ จะขับช้าลง เป็น 80-90 ครับ

ถ้าเข้าใจผิดรบกวนแก้ไขด้วยครับ

ปล. ถ้าเกี่ยวกับความเห็นผมด้านล่าง เพราะความเร็วสูงสุด 120 ตามกฎหมายนั้นมีแค่กาญจนาภิเษกและมอเตอร์เวย์ที่ใช้ได้

ถ้าจะพูดถึงการใช้งานของคนทั่วไป มันต้องอ้างอิงที่ 80 ซึ่งเป็นความเร็วสูงสุดตามกฎหมายในกรุงเทพ พัทยา และเขตเทศบาลครับ

ถ้าไม่เกี่ยว ไม่ต้องสนใจตรง ปล. ครับ

ไม่มีอะไรต้องแก้ไขครับ

เพิ่มเติม นั่นหมายถึงในจังหวะเร่งแซง และ/หรือ สถานการณ์ฉุกเฉิน สามารถทำความเร็วขึ้นไปจนถึง120

ซึ่งน่าจะเพียงพอต่อเหตุการณ์ต่างๆครับ

อ้างถึง
ถ้าคุณไปจับคนที่วิ่ง 85 km/h ในเมืองพัทยา เพราะญาติโรคกำเริบขณะโดยสารแล้วรีบไปส่งโรงพยาบาล

เสร็จแล้วถูกตั้งข้อหา ? ความเป็นธรรมอยู่ไหนครับ ?

ความเป็นธรรม อยู่ในคำถามครับ

อ้างถึง
เสร็จแล้วถูกตั้งข้อหา ?

เพราะ ถือว่าเราทำผิดกฎหมายครับ เราต้องรับผิดชอบในส่วนที่เราทำผิดกฎหมายครับ

ญาติถึงมือหมอทัน เราทำตามโทษที่ระบุไว้



ส่วน การตรวจสภาพรถ ก็ใช่ครับ

หรืออย่าง ใบอนุญาตขับขี่ ก็ใช่ครับ

คง มีอีกหลายอย่าง ครับ

ผมและคุณต้องการเห็นถนนที่ปลอดภัย

ตามนี้ครับ

Hybrid Battery Of Mercedes-Benz Thailand https://goo.gl/3nn9sk

มาตรา 157 https://goo.gl/lIGkMt

lim n = 0 , n -> ...

0 = 1

?

ออฟไลน์ Ji.Cl.

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 680
    • อีเมล์
ไม่มีอะไรต้องแก้ไขครับ

เพิ่มเติม นั่นหมายถึงในจังหวะเร่งแซง และ/หรือ สถานการณ์ฉุกเฉิน สามารถทำความเร็วขึ้นไปจนถึง120

ซึ่งน่าจะเพียงพอต่อเหตุการณ์ต่างๆครับ
ซึ่งข้อนี้ที่ผมไม่เห็นด้วยน่ะครับ จากมุมมองของตัวเองเลยที่ขับ 80 มาปีนึงแล้ว

ไม่จำกัดสปีด ผมขับ 80, จำกัด 120 ผมก็ขับ 80, จำกัด 90 ผมก็ขับ 80, จำกัด 80 ผมก็ขับ 80

เพราะนั้น ผมมองว่า ถ้ารถที่ไม่ต้องการแซง วิ่งด้วยความเร็วเดิม รถที่ต้องการแซง ควรมีความเร็วสูงกว่า 120 เพื่อแซงให้ขาดครับ

(ถ้าเห็นผมชลอให้ครับ แต่บางทีมันก็หลุด) แต่ไปจำกัดความเร็วมันทำให้จังหวะแซงน้อยครับ ถ้าไม่จำกัดเลย อย่างแย่ก็เท่าทุนครับ (เร็วขึ้นทั้งคู่) ไม่มีขาดทุน

เพราะ ถือว่าเราทำผิดกฎหมายครับ เราต้องรับผิดชอบในส่วนที่เราทำผิดกฎหมายครับ

ญาติถึงมือหมอทัน เราทำตามโทษที่ระบุไว้
กฎหมายที่ต้องมีคนตายโดยไม่จำเป็นเพื่อรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของมัน ผมว่ามันคือกฎหมายบูชายัญนะครับ ไม่เมคเซนส์ที่จะบังคับโดยเคร่งครัด

แล้วกรณีนี้ล่ะครับ

"ถ้าคุณล็อกความเร็ว 80 รถทุกคัน แล้วมีคนญาติเกิดโรคกำเริบขณะโดยสาร และเสียก่อนถึงมือแพทย์ 30 วินาที ทั้งๆที่ถ้าได้วิ่ง 90 จะรอด"

ออฟไลน์ BenzParagon

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 671
  • . . .
ไม่มีอะไรต้องแก้ไขครับ

เพิ่มเติม นั่นหมายถึงในจังหวะเร่งแซง และ/หรือ สถานการณ์ฉุกเฉิน สามารถทำความเร็วขึ้นไปจนถึง120

ซึ่งน่าจะเพียงพอต่อเหตุการณ์ต่างๆครับ
ซึ่งข้อนี้ที่ผมไม่เห็นด้วยน่ะครับ จากมุมมองของตัวเองเลยที่ขับ 80 มาปีนึงแล้ว

ไม่จำกัดสปีด ผมขับ 80, จำกัด 120 ผมก็ขับ 80, จำกัด 90 ผมก็ขับ 80, จำกัด 80 ผมก็ขับ 80

เพราะนั้น ผมมองว่า ถ้ารถที่ไม่ต้องการแซง วิ่งด้วยความเร็วเดิม รถที่ต้องการแซง ควรมีความเร็วสูงกว่า 120 เพื่อแซงให้ขาดครับ

(ถ้าเห็นผมชลอให้ครับ แต่บางทีมันก็หลุด) แต่ไปจำกัดความเร็วมันทำให้จังหวะแซงน้อยครับ ถ้าไม่จำกัดเลย อย่างแย่ก็เท่าทุนครับ (เร็วขึ้นทั้งคู่) ไม่มีขาดทุน

เพราะ ถือว่าเราทำผิดกฎหมายครับ เราต้องรับผิดชอบในส่วนที่เราทำผิดกฎหมายครับ

ญาติถึงมือหมอทัน เราทำตามโทษที่ระบุไว้
กฎหมายที่ต้องมีคนตายโดยไม่จำเป็นเพื่อรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของมัน ผมว่ามันคือกฎหมายบูชายัญนะครับ ไม่เมคเซนส์ที่จะบังคับโดยเคร่งครัด

แล้วกรณีนี้ล่ะครับ

"ถ้าคุณล็อกความเร็ว 80 รถทุกคัน แล้วมีคนญาติเกิดโรคกำเริบขณะโดยสาร และเสียก่อนถึงมือแพทย์ 30 วินาที ทั้งๆที่ถ้าได้วิ่ง 90 จะรอด"

ความเร็วเท่าไรที่เหมาะสมสำหรับการล็อกความเร็วสำหรับเมืองไทยครับ

Hybrid Battery Of Mercedes-Benz Thailand https://goo.gl/3nn9sk

มาตรา 157 https://goo.gl/lIGkMt

lim n = 0 , n -> ...

0 = 1

?

ออฟไลน์ Ji.Cl.

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 680
    • อีเมล์
ความเร็วเท่าไรที่เหมาะสมสำหรับการล็อกความเร็วสำหรับเมืองไทยครับ
ตัวเลขในใจสำหรับผม กำหนดกฎหมายที่ 100 ในเมือง 140 นอกเมือง

(และจับปรับจริงจังกว่านี้ เพราะจำนวนผู้กระทำผิดจะเป็นส่วนน้อยของสังคม)

และล็อกความเร็ว ECU ที่ 170 ครับ

ออฟไลน์ BenzParagon

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 671
  • . . .
ความเร็วเท่าไรที่เหมาะสมสำหรับการล็อกความเร็วสำหรับเมืองไทยครับ
ตัวเลขในใจสำหรับผม กำหนดกฎหมายที่ 100 ในเมือง 140 นอกเมือง

(และจับปรับจริงจังกว่านี้ เพราะจำนวนผู้กระทำผิดจะเป็นส่วนน้อยของสังคม)

และล็อกความเร็ว ECU ที่ 170 ครับ

ครับ 8)

Hybrid Battery Of Mercedes-Benz Thailand https://goo.gl/3nn9sk

มาตรา 157 https://goo.gl/lIGkMt

lim n = 0 , n -> ...

0 = 1

?