ผู้เขียน หัวข้อ: @@ ถ้าคนที่ขับรถไม่เร็ว (80-110 km/hr ) จะรับทราบถึงสมรรถนะจริงๆของรถแต่ละคันได้ชัดไหมครับ @@  (อ่าน 8095 ครั้ง)

ออฟไลน์ Red Bicycle

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 849
 :) :) :) ผมขับไม่เร็วครับ ในเมืองก็ไม่จี้ไม่มุด ไม่เร่งเครื่องกระชาก ทางไกลก็อยู่ที่ 80-110 แต่จะอยู่ในเลนที่เหมาะสมกับความเร็วและสถานการณ์ขณะนั้นตลอด ไม่ขับแช่ขวา จะใช้แซงแล้วกลับเข้ามา เว้นระยะเบรคเผื่อไว้ค่อนข้างเยอะ ค่อยๆเร่งเครื่อง ถ้าไม่มีภาวะกดดัน ไม่ชอบสลับเลนไปมา เวลาเห็นเหตุการณ์ไม่น่าไว้ใจก็จะชลอแต่เนิ่นๆ ถ้าฝนตกก็จะขับช้ากว่าเดิมมากๆ ไม่ไหวก็หาที่ปลอดภัยจอดก่อน / ขับรถยนต์มายี่สิบกว่าปีผมยังไม่เคยเหยียบเบรคเต็มแรงเกิดซักที ยังไม่เคยรู้เลยครับว่าถ้า ABS มันทำงานมันเป็นอย่างไร รถ Under หรือ over สเตียร์มันรู้สึกอย่างไร / ไม่เคยรู้สึกว่า VSC TRC มันทำงานตอนไหนครับ

 :) :) :) อยากถามท่านที่ขับรถเร็วๆหน่อยนะครับ ถ้าคนขับแบบผมนี่ จะสามารถรัรู้ถึงสมรรถนะที่แท้จริงของรถแต่ละรุ่นที่เราใช้ขนาดไหนครับ / แฮะๆรู้สึกว่าขับรถมานานแต่ดูทักษะไม่ค่อยพัฒนาเท่าไรเลยครับ 555

ออฟไลน์ Auto

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,642
ก็รู้นะครับ  แต่คงไม่เต็มที่เท่าไหร่
เปรียบเทียบอย่างผมขับ Fortuner 4x4

 1. ในเมืองน้ำท่วมฝนตก ไปได้หมด
 2. วิ่งขึ้นเขาขึ้นดอยสมรรถนะเหลือเฟือ   แม้จะเ็ป็นเครื่องเบนซินก็ตาม  คิดว่าแรงมันยังเหลือให้เหยียบต่อ
 3.วิ่งขึ้นลงดอย ทางลื่น  ๆ  ไม่แฉลบไม่ลงข้างทาง สมรรถนะดีกว่าเห็น ๆ
 4.วิ่งช้า 90 แต่ไม่เบรค    ยังไงก็สมรรถนะดีกว่าขับเก๋งเล็ก  ๆ   
 5. วิ่งลุยป่า ลุยท้องนาได้หมด  ไม่ต้องขับเร็ว
 6. ขับ 90 จริง แต่คิดว่ามีแรงต่อไปได้สบาย  ๆ
 7.อื่น  ๆ

ออฟไลน์ yukirin

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 31
ทราบครับ

ทราบสมรรถนะช่วงนั้นของรถ อาจจะไม่ใช่สมรรถนะสูงสุด

แต่ถ้าเราไม่เคยใช้ความเร็วสูงสุดของรถคันนั้น ผมว่าการตอบสนองช่วงความเร็วที่เราใช้บ่อยนั่นแหละสำคัญ

ออฟไลน์ akewizard

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,620
ถ้าสมรรถนะที่ความเร็วสูงๆ ก็คงไม่ทราบครับว่ามันเป็นอย่างไร

แต่สมรรถนะปกติตามความเร็วมาตรฐาน ผมว่าก็คงจะรับรู้กันได้เช่น เวลาคันหน้าเบรคกระทันหันแล้วเบรคตามเราก็จะรู้แล้วว่าระยะเบรคเป็นยังไง
หรือถ้าเคยโดนรถคันอื่นตัดหน้าแล้วต้องหักหลบถ้าเราผ่านเหตุการณ์นั้นมาได้เราก็จะรู้ว่าช่วงล่างและการทรงตัวของรถที่ความเร็วปกติมันควบคุมรถได้อยู่รึเปล่า เป็นต้น
คงไม่จำเป็นต้องไปขับเสี่ยงๆเพื่อให้รับรู้ถึงสมรรถนะสูงสุดของรถ

ก็เหมือนกับที่คุณ jimmy มักจะย้ำเสมอในทุกๆ review และในคลิป ว่าทีมงานเขาไปเสี่ยงลองสมรรถนะแต่ละคันมาให้ดูแล้ว คนอื่นไม่จำเป็นต้องไปลองเองให้มันอันตราย....

การที่คุณไม่ขับเร็วเกินกฏหมายกำหนด ควบคุมตัวเองให้ขับด้วยความระมัดระวังไม่ประมาท ก็ถือว่าเป็นคนที่มีทักษะการขับรถที่ดีมากแล้วครับ
บางคนขับรถมุดซ้ายมุดขวาเก่ง ขับรถเร็วๆไม่ได้แปลว่าขับรถเก่งเสมอไปนะครับ แต่เป็นกลุ่มคนประเภทที่ขับรถประมาท วุฒิภาวะไม่เพียงพอที่จะควบคุมตนเองได้ ขับรถไปตามอารมณ์ใจโดยที่ไม่คำนึงถึงการใช้ถนนร่วมกับคนอื่น

ออฟไลน์ tnp_super

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,924
    • อีเมล์
สำหรับผม ผมทราบครับว่ากระบะดีแม็ก 116 แรงโม้ของผมเนี่ยออกตัวสู้อีโคคาร์เครื่องพันสองไม่ได้ เวลาจะเร่งแซงเลนสวนต้องเติมคันเร่งเยอะหน่อย เผื่อระยะเพิ่ม กับลดเกียร์ลงก่อนแซงถ้าต้องมีผ่อนคันเร่งก่อน

ออฟไลน์ หมีขับสี่

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 661
ถ้าเทียบต่าง segment ผมว่ารู้สึกได้ชัดเจน
แต่ถ้า segmentเดียวกัน ผมว่าค่อนข้างยาก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 15, 2017, 14:10:18 โดย หมีขับสี่ »

ออฟไลน์ Newhang

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,333
รู้นิดหน่อยถ้าเอาไปคิดต่อยอด
แต่จริงๆก็เกือบจะไม่รู้แล้วล่ะ

ออฟไลน์ Odrecranon

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 403
    • อีเมล์
ถ้าความเร็วระดับนี้
ผมว่าน่าจะเน้นไปทางการซับแรงสะเทือน การเก็บเสียงมากกว่านะครับ
เน้นความรื่นรมย์ขณะขับขี่
เป็นช่วงความเร็วถนนชานเมือง อาจไม่ต้องเน้นช่วงล่างที่เกาะถนนมาก ๆ ก็ได้

ส่วนมากรถที่เกาะถนนที่ความเร็วสูงดี ๆ มันซับแรงสะเทือนที่ความเร็วต่ำไม่ค่อยดี มีติดตึงตัง
ขับความเร็วขนาดนี้ รถ C-segment ทั่วไปน่าจะตอบโจทย์นะครับ

สำหรับผม
อารมณ์บนรถแต่ละคันที่ขับก็ต่างกัน
วันไหนขับ Focus ก็เหยียบ ๆ มุด ๆ เพราะมันขับสนุก
แต่ถ้า Camry ก็ขับเรื่อย ๆ ไม่เร็วมากครับ

แบบจขกท ลองไป test drive ดูครับ

ออฟไลน์ Tan Int

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,708
    • อีเมล์
ทราบแต่ไม่ชัดมาก เพราะจากที่ผมใช้มา ถ้าขับไม่เกิน 100 จริง ถ้ารถไม่ได้สภาพแย่มาก จะรถรุ่นไหนก็เหมือนกันไปหมด
จะต่างตรงการหักเลี้ยวกะทันหัน ความนิ่งของพวงมาลัย การขับผ่านถนนไม่เรียบ แค่นั้นที่ชัดๆ
แต่จะไม่รู้ลิมิตช่วงล่าง การเข้าโค้งด้วยความเร็ว การเก็บเสียง อะไรแบบนั้น
1994 Civic EH9 (4dr) VTi (Made in Japan)
1998 Civic EK 1.6VTi-E Special Edition
2011 Corolla Altis E CNG (Come back)

ออฟไลน์ Carrera

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,339
ขับเร็วจริงๆก็ใช่ว่าเค้นกันเต็มสมรรถนะรถครับ 

ที่วิ่งๆกันแรงๆบนถนนนี่ใช้คุ้มแล้ว?  ไอ้การวิ่งตรงๆนิ่งๆ สมัยนี้ รถบ้านคันไหนๆมันก็เหยียบได้ 200 ทั้งนั้น

เก่งๆ เจ๋งๆที่ว่ากัน บนถนนที่ว่ากัน พอลงสนามเจอของจริงใน trackday อย่างพวก Im Evo ก็จ๋อยแล้วครับ  หรือพอจะไปแข่งทางตรง ไปสนาม Drag เจอของจริงก็โดนทิ้งไม่เห็นฝุ่น

การขับเร็วๆ นิ่งๆ ตรงๆ 140-150 หรือไอ้การมุดแบบบ้านๆแว้นๆ แบบบางคนบนถนน  ผมไม่เรียกว่าทำได้เต็มสมรรถนะช่วงล่างหรอก  ต้องเล่นกันจนออกอาการโน่นละครับถึงจะคุ้ม

หรือบางคนที่ชอบการเล่นถึงลิมิตของรถจริงๆ ชอบการใส่โค้งจนลิมิต  ถึงได้ชอบ 86 brz มากกว่า GTI ไง  เพราะชีวิตมันมีมากกว่าโลกแคบๆที่อยู่แค่การกดคันเร่งในทางตรง

Heel and toe
Scandinevian flick
 Over Steer
การอ่านไลน์
และเทคนิคอีกเยอะแยะมากมาย  ที่จะสนุกกับลิมิตของรถ

ที่เห็นๆกระทืบแรงๆๆๆๆๆ กระทืบเร็วๆๆๆๆ เด็กมันก็ทำได้ คนที่ขับรถพึ่งขับได้ใหม่ๆมันก็ทำได้  ก็แค่กดคันเร่งเยอะๆ   แต่สักกี่คนที่คุมรถเก่งๆ ในตอนถึงลิมิตได้   เหมือนเป็นร่างกายตัวเองบ้าง  รู้ถึงสมรรถนะรถจริงๆบ้าง  ผมว่า น้อย  ถ้าไม่ใช่พวกแข่งรถจริงๆจังๆ  หรือขับมาแล้วเยอะๆ

ส่วนระบบที่ทำๆมาเนี่ย  เพื่อเหตุไม่คาดฝันจริงๆ

บนถนน มันไม่มีทางขับให้ถึงลิมิตโดยไม่ไปรบกวนชาวบ้านได้หรอกครับ  เลยขอทำตามกฎ ใจเย็นๆขับสบายๆ  มีอะไร ค่อยไปวัดในสนามครับ   ยอมเสียเงินหน่อย  แต่ความสนุกมันก็คุ้มค่านะ 

จริงๆว่าอยากลองลง Toyota Racing School ดูเหมือนกัน จะได้ลองฝึกเทคนิคหลายๆอย่างเผื่อมาประยุกต์ใช้บนถนน 

อย่างผมเคยอ่านเรื่องพื้นฐานการถ่ายน้ำหนักรถ   ก็เอามาประยุกต์ในชีวิตจริง   จนตอนนี้โดนบังคับให้เป็นคนขับรถประจำที่บ้านไปแล้ว  ถ้าไปไหนคือต้องรถผมตลอด ทุกคนพูดตรงกันว่า  ขับได้นิ่มนวลมาก  ไม่เมารถเลย 

่หลังๆเลยใส่ใจกับอะไรที่มันเห็นผลในการใช้งานจริงๆมากกว่า  เช่น ความสวยของภายนอก และบรรยากาศภายใน ความเงียบ  พื้นที่โดยสาร  สัมภาระ เสียงเครื่อง  เครื่องเสียง   ฟีลลิ่งพวงมาลัยดีพอประมาณ นิ่งๆไม่ต่องคอยเลี้ยง หรือสะบัดแรงๆ เกินไป  ช่วงล่างนิ่มๆ แต่แน่นๆ พอจะคุมท้ายจะไม่รีบาวหนักๆเวลาเจอคอสะพาน   เอาว่ารถที่ขับไกลๆไม่เหนื่อยและสุนทรีย์ไปกับมัน  น่าใช้สุดละครับ   เพราะเป็นอะไรที่ได้ใช้ทุกวันมากกว่า  ::)

พวกฟีลสปอร์ตเต็มขั้น  คันต่อไปผมเล็งๆ GC ไม่ก็ MX5 ไว้ละครับ กะทำไว้ Trackday สถานเดียว   (หรืออาจจะ RX8 เพราะยังไงก็ไม่ได้ขับทุกวันอยู่แล้ว + ชอบขับหลังเป็นทุนเดิม)

เล่นกันแรงๆแตะลิมิต มันต้องแบบนี้ครับ   โครตมันส์


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 15, 2017, 17:11:13 โดย Butterzai »

ออฟไลน์ HLRx

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,282
    • อีเมล์
ผมมองว่า จขกท.ใช้รถที่สมรรถนะ ทำได้แค่นั้น
ถ้า จขกท.เปลี่ยนรถที่ สมรรถนะดีขึ้น ความเร็วในการใช้รถก็จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน อย่างผมขับสลับอยู่ 2 คัน  ใช้ความเร็วไม่เท่ากันแม้วิ่งในเส้นทางเดิมๆ เพราะเรารู้ ลิมิต ของรถ แต่ละคันว่ามันได้แค่ใหน ระยะเบรคเท่าไร

ออฟไลน์ Pegasus7700

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,814
อาจจะไม่ทราบสมรรถนะที่แท้จริงได้แต่สามารถ
แยกได้ว่า.  กับคุ้แข่งมันต่างกันอย่างไร. เข่น110 civic กับ altis ต่างกัน
...ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป...

MERCEDES BENZ W212 '12
FORD FOCUS 2.0 Gdi '13
HONDA Civic RS '20
VOLVO XC60 Hybrid Inscription '19
FORD EVEREST 2.0 Bi Turbo '22

ออฟไลน์ Slipknot`

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 21,846
  • *** HLM.COM ***
พอได้แต่ไม่สุดครับ มันต้องแล้วแต่รุ่นรถอีกอ่ะ ถ้า110อีโค่คาร์นี่เบาแล้ว
ถ้าพวกรถยุโรปหรือพวกช่วงล่างเทพๆ 110นี่เหมือน60 ของรถทั่วๆไป

ออฟไลน์ Dark Overlord

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,803
  • Hail to the darkside
ก็ได้อยู่นะครับ กับอาการของรถที่แสดงออกในช่วงความเร็วนั้นๆ
เช่นการซึมซับแรงกระแทก อาการโยนตัวตอนเข้าโค้ง ความตึงตัง

แต่ถ้าถามว่าสมรรถนะจริงๆ ของรถแต่ละคัน
ว่าใกล้จะหลุดโค้งตอนไหน เหวี่ยงแรง over/understeer พวกนี้มันยังไม่ออกอาการแน่ครับ

PKS8

  • บุคคลทั่วไป
สำหรับผมแทบไม่แตกต่างเลยครับ ถ้า....

รถสภาพสมประกอบ ไม่ถึงขนาดต้องสมบุรณ์ ขับทางตรงๆ 80-110 เจอโค้งก็เบรค ผมลองขับที่ย่านความเร็วนี้ตั้งแต่ Swift/Brio จนไปถึง SClass (แต่ไม่เคยขับกระบะนะครับ) แทบไม่แตกต่างกันจนรู้สึกได้เลยครับ แม้กระทั่งการเก็บเสียง การเก็บแรงสะเทือน

มันจะมาออกออกอาการถ้าเราเริ่มใส่โค้งแรงๆ เจอโค้งหักๆต่อเนื่อง หรือหักหลบอะไรบางอย่างครับ อันนี้เห็นอาการชัดๆเลยครับ

ออฟไลน์ Nerdys

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 700
ขับบนถนน 2 เลนรถสวนครับ เอาเส้นที่มีรถเยอะๆ ต้องเค้นกำลังเร่งแซงบ่อยๆ เช่นถนนเชื่อมระหว่างจังหวัดเกือบทุกสายในภาคอีสาน

ส่วมมากคนที่ขับในเมือง เช้าทางด่วน เย็นทางด่วน ถนน 4 เลนตลอดจะไม่ค่อยทราบอะไรมาก
เพราะมันไม่กดดันในการแซง อย่างมากแซงไม่พ้นก็แช่ขวาไปเรื่อยๆ แบบนั้นแหละ ใครจะทำไม ถถถ+
B-seg Eco ส่วนมากก็วิ่งไปเรื่อยๆก็ได้ ไม่รู้สึกอะไร แต่เมื่อออกต่างจังหวัดถนน 2 เลน เมื่อไหร่ความรู้สึกคนละเรื่องเลย

ออฟไลน์ ยิ้มละไม

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 989
ขับธรรมดา บ้าน ๆ ใน กทม ความเร็ว 40-60 น่าจะไม่ค่อยได้ทราบสมรรถนะจริง ๆ ได้แค่รู้สึกเรื่องระยะเบรค ความนุ่มนวล ความคล่องตัว

ถ้าพอได้ขับ ตจว.ทางไกล ทางโค้ง โค้งหักศอก โค้งตัว S ขึ้นเขา จังหวะการเร่งแซง ฯลฯ
จะทราบเองครับว่า เป็นอย่างไร ? 

พวกที่ลองขับใกล้ ๆ นี้ ไม่ค่อยรู้เท่าไหร่ ต้องลองไกลหน่อย แล้วจังหวะเข้าโค้ง เพื่อจับความรู้สึก

ออฟไลน์ koko86

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,591
    • อีเมล์
ถ้าขับอย่างที่  จขกท ว่า คงสัมผัสลิมิตรถ ยากครับ
ยกเว้นโชคไม่ดีเจอคนเมา หรือหลับในข้ามเลนมาชน ซึ่งอาจต้องหักหลบ+เบรคเร็วๆ แต่โอกาสคงเป็นไปได้น้อยมากๆ

ทีนี้ถ้าอยากสัมผัสลิมิตรถจริงๆ โดยที่ไม่ต้องใช้ความเร็ว ใกล้ๆก็ไปที่สนามนครไชยศรีเลยครับ สุดทางตรงถ้ารถแรงม้าไม่มากน่าจะซัก120  ทางโค้งก็40-60 ได้รู้อาการรถทุกอย่างแน่นอน แล้วขับในชีวิตประจำวัน จะมั่นใจขึ้นครับ






ออฟไลน์ tarahlm

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 915
ถ้าจขกท.ขับลํกษณะเช่นนั้น คงจะไม่ทราบถึงสมรรถนะที่แท้จริงของรถล่ะครับ
คงได้เพียงสมรรถนะการใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน

แต่ถ้าหากถามว่า จำเป็นต้องเรียนรู้สมรรถนะที่แท้จริงของรถด้วยตัวเองหรือไม่?
หรือเพื่อพัฒนาทักษะให้ขับเก่งๆหรือไม่?

จากลักษณะการใช้งานมา20ปีของจขกท.ที่เป็นการขับขี่ที่ดี ปลอดภัย ถนอมตัวรถไปด้วย
ดีมากๆอยู่แล้วครับ ไม่จำเป็นต้องรับความเสี่ยงไปในการลองสมรรถนะรถด้วยตัวเองเลย
อ่านรีวิวต่างๆเยอะๆมากมายแทนดีกว่าครับ ขอแค่ให้รู้พอ
ให้คนอื่นผู้ที่มีประสบการณ์เขารับความเสี่ยงแทนดีกว่า
(ส่วนใหญ่เขาชอบแนวทางนี้อยู่แล้วครับ จึงได้มาสายเส้นทางนี้)
ก็จะได้รับทราบสมรรถนะข้อมูลรถของตัวเองเหมือนกัน
และไม่จำเป็นต้องมาเปลี่ยนแนวทางวิธีขับขี่ที่ดีแล้วนั้น
ถ้าเร็วมากขึ้น ความเสี่ยงกับชีวิตตัวเองและคนข้างเคียงมากขึ้นโดยไม่จำเป็น
เพราะปกติก็ขับเช่นนั้นด้วยความสุข(+ความปลอดภัย)มาเนิ่นนานดีอยู่แล้ว

ผมคิดว่าจขกท.โชคดีมากครับ ถือว่าเหมือนพรสวรรค์ที่ดีส่งมาให้เลย ที่พอใจการขับขี่แบบนั้นมาตลอด
เหมือนเป็นการช่วยรับประกันความปลอดภัยปกป้องอตร.จากอุบัติเหตุได้ส่วนหนึ่งแล้ว

หลายท่านในจิตใจชอบขับเร็วกว่าจขกท. ชอบตื่นเต้นกว่า ทั้งรู้ว่าขับเร็วความเสี่ยงอตร.เพิ่มขึ้นแน่นอน
อาจให้เหตุผลต่างๆนานา เช่น ขับแค่นั้นแล้วง่วง  รีบไปทำธุระ กลัวไปสาย ไม่ทันนัดหมาย ฯลฯ
แต่จริงๆมันเหมือนแรงผลักดันจากภายในจนชนะความรู้สึกที่ว่ามันอตร.เพิ่มขึ้น
(ตัวผมก็เป็น แต่พออายุมากขึ่้นก็ช้าลงเอง กลัวมากขึ้นครับ)
กลุ่มนี้ก็ต้องถือว่ามีความโชคดีน้อยกว่าจขกท. ที่ต้องรับความเสี่ยงเพิ่มมากกว่า

แต่อย่างไรก็ตามแม้จะขับรถปลอดภัยอย่างไร ก้ไม่ใช่เลือกรถที่มีคุณสมบัติแค่นำเราจากจุดAไปจุดB 
(อย่างที่หลายท่านชอบกล่าวกัน)
ถ้าพอไหว ก็ขอให้เลือกรถที่มีสมรรถนะดีกว่า ปลอดภัยมากกว่า ตามกำลังที่เราจ่ายได้อย่างเหมาะสม
เวลาเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝัน รถสมรรถนะที่ดีกว่าย่อมปกป้องให้ผ่านสถานการณ์อันตรายได้ดีกว่า
ยิ่งมีหลายอุบัติเหตุที่เกิดจากควมผิดพลาดหรือความบกพร่อง ประมาทของบุคคลอื่น ทั้งที่เราขับขี่ปลอดภัยเต็มที่อยู่แล้ว




ออฟไลน์ Carrera

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,339
ถ้าขับอย่างที่  จขกท ว่า คงสัมผัสลิมิตรถ ยากครับ
ยกเว้นโชคไม่ดีเจอคนเมา หรือหลับในข้ามเลนมาชน ซึ่งอาจต้องหักหลบ+เบรคเร็วๆ แต่โอกาสคงเป็นไปได้น้อยมากๆ

ทีนี้ถ้าอยากสัมผัสลิมิตรถจริงๆ โดยที่ไม่ต้องใช้ความเร็ว ใกล้ๆก็ไปที่สนามนครไชยศรีเลยครับ สุดทางตรงถ้ารถแรงม้าไม่มากน่าจะซัก120  ทางโค้งก็40-60 ได้รู้อาการรถทุกอย่างแน่นอน แล้วขับในชีวิตประจำวัน จะมั่นใจขึ้นครับ




ตอนนี้ค่าใช้จ่ายคิดเท่าไหร่ยังไงครับต่อวัน / ครึ่งวัน   ผมสนใจอยากลองไปวิ่งเหมือนกันครับ  น่าสนุก  ;D ;D ;D ;D

ออฟไลน์ Red Bicycle

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 849
ผมมองว่า จขกท.ใช้รถที่สมรรถนะ ทำได้แค่นั้น
ถ้า จขกท.เปลี่ยนรถที่ สมรรถนะดีขึ้น ความเร็วในการใช้รถก็จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน อย่างผมขับสลับอยู่ 2 คัน  ใช้ความเร็วไม่เท่ากันแม้วิ่งในเส้นทางเดิมๆ เพราะเรารู้ ลิมิต ของรถ แต่ละคันว่ามันได้แค่ใหน ระยะเบรคเท่าไร

 :) :) :) ช่วงที่ผ่านมาใช้ Toyota wish และตอนนี้ ใช้ Camry HV MC 2015 อยู่ครับเวลาเดินทางไกล ครับ 555 อายจัง :-[กำลังรถมันยังไปได้อีกเยอะครับ แต่สารภาพตรงๆเลย ผมวิ่งแค่นั้นจริงๆครับ ใช้ Radar cru. Control กำกับความเร็วอีกต่างหาก...อายจริงๆ / แต่มันได้ประโยชน์ตอนต้องใช้กำลังตอนขึ้นเขา เร่งแซงทางสองเลนนะครับ / แต่การที่ผมวิ่งที่ความเร็วแค่นี้ ผมไม่ค่อยทราบว่าช่วงล่างรถผมมันเป็นอย่างไรชัดๆนะครับ 555 ดูมันก็เหมือนๆคันอื่นๆนะครับ แยกแยะไม่ค่อยออก / เวลาขับในเมืองก็สลับกับ Swift บ้างนะครับ ผมก็แยกไม่ค่อยออก

ออฟไลน์ koko86

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,591
    • อีเมล์
ถ้าขับอย่างที่  จขกท ว่า คงสัมผัสลิมิตรถ ยากครับ
ยกเว้นโชคไม่ดีเจอคนเมา หรือหลับในข้ามเลนมาชน ซึ่งอาจต้องหักหลบ+เบรคเร็วๆ แต่โอกาสคงเป็นไปได้น้อยมากๆ

ทีนี้ถ้าอยากสัมผัสลิมิตรถจริงๆ โดยที่ไม่ต้องใช้ความเร็ว ใกล้ๆก็ไปที่สนามนครไชยศรีเลยครับ สุดทางตรงถ้ารถแรงม้าไม่มากน่าจะซัก120  ทางโค้งก็40-60 ได้รู้อาการรถทุกอย่างแน่นอน แล้วขับในชีวิตประจำวัน จะมั่นใจขึ้นครับ




ตอนนี้ค่าใช้จ่ายคิดเท่าไหร่ยังไงครับต่อวัน / ครึ่งวัน   ผมสนใจอยากลองไปวิ่งเหมือนกันครับ  น่าสนุก  ;D ;D ;D ;D

ตอนผมไป1,500 ได้ทั้งวันครับ แต่ต้องวิ่งผลัดกับมอไซค์ รอบละ30นาที
โทรถามตารางว่างได้จากเบอร์ในเวปเลยครับ ตอนนี้ปรับปรุงสนามใหม่ด้วยน่าจะขับดีขึ้นไปอีก
โดยส่วนตัว ผมชอบสนามนี้มากกว่าพีระอีก ขับสนุกไม่โทรมรถ
http://www.thailandcircuit.racing/


ออฟไลน์ Red Bicycle

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 849
ถ้าจขกท.ขับลํกษณะเช่นนั้น คงจะไม่ทราบถึงสมรรถนะที่แท้จริงของรถล่ะครับ
คงได้เพียงสมรรถนะการใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน

แต่ถ้าหากถามว่า จำเป็นต้องเรียนรู้สมรรถนะที่แท้จริงของรถด้วยตัวเองหรือไม่?
หรือเพื่อพัฒนาทักษะให้ขับเก่งๆหรือไม่?

จากลักษณะการใช้งานมา20ปีของจขกท.ที่เป็นการขับขี่ที่ดี ปลอดภัย ถนอมตัวรถไปด้วย
ดีมากๆอยู่แล้วครับ ไม่จำเป็นต้องรับความเสี่ยงไปในการลองสมรรถนะรถด้วยตัวเองเลย
อ่านรีวิวต่างๆเยอะๆมากมายแทนดีกว่าครับ ขอแค่ให้รู้พอ
ให้คนอื่นผู้ที่มีประสบการณ์เขารับความเสี่ยงแทนดีกว่า
(ส่วนใหญ่เขาชอบแนวทางนี้อยู่แล้วครับ จึงได้มาสายเส้นทางนี้)
ก็จะได้รับทราบสมรรถนะข้อมูลรถของตัวเองเหมือนกัน
และไม่จำเป็นต้องมาเปลี่ยนแนวทางวิธีขับขี่ที่ดีแล้วนั้น
ถ้าเร็วมากขึ้น ความเสี่ยงกับชีวิตตัวเองและคนข้างเคียงมากขึ้นโดยไม่จำเป็น
เพราะปกติก็ขับเช่นนั้นด้วยความสุข(+ความปลอดภัย)มาเนิ่นนานดีอยู่แล้ว

ผมคิดว่าจขกท.โชคดีมากครับ ถือว่าเหมือนพรสวรรค์ที่ดีส่งมาให้เลย ที่พอใจการขับขี่แบบนั้นมาตลอด
เหมือนเป็นการช่วยรับประกันความปลอดภัยปกป้องอตร.จากอุบัติเหตุได้ส่วนหนึ่งแล้ว

หลายท่านในจิตใจชอบขับเร็วกว่าจขกท. ชอบตื่นเต้นกว่า ทั้งรู้ว่าขับเร็วความเสี่ยงอตร.เพิ่มขึ้นแน่นอน
อาจให้เหตุผลต่างๆนานา เช่น ขับแค่นั้นแล้วง่วง  รีบไปทำธุระ กลัวไปสาย ไม่ทันนัดหมาย ฯลฯ
แต่จริงๆมันเหมือนแรงผลักดันจากภายในจนชนะความรู้สึกที่ว่ามันอตร.เพิ่มขึ้น
(ตัวผมก็เป็น แต่พออายุมากขึ่้นก็ช้าลงเอง กลัวมากขึ้นครับ)
กลุ่มนี้ก็ต้องถือว่ามีความโชคดีน้อยกว่าจขกท. ที่ต้องรับความเสี่ยงเพิ่มมากกว่า

แต่อย่างไรก็ตามแม้จะขับรถปลอดภัยอย่างไร ก้ไม่ใช่เลือกรถที่มีคุณสมบัติแค่นำเราจากจุดAไปจุดB 
(อย่างที่หลายท่านชอบกล่าวกัน)
ถ้าพอไหว ก็ขอให้เลือกรถที่มีสมรรถนะดีกว่า ปลอดภัยมากกว่า ตามกำลังที่เราจ่ายได้อย่างเหมาะสม
เวลาเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝัน รถสมรรถนะที่ดีกว่าย่อมปกป้องให้ผ่านสถานการณ์อันตรายได้ดีกว่า
ยิ่งมีหลายอุบัติเหตุที่เกิดจากควมผิดพลาดหรือความบกพร่อง ประมาทของบุคคลอื่น ทั้งที่เราขับขี่ปลอดภัยเต็มที่อยู่แล้ว

 ::) ::) ::) ขอบคุณมากครับ / มันน่าจะมาจากการที่ขี้กลัว มากกว่าครับ และไม่อยากให้ลูกเมียอันตรายด้วยครับ และเพื่อนร่วมทาง แม้กระทั่งผู้คนข้างๆทางครับ / แต่ก็ชอบเรื่องราวเกี่ยวกับรถครับ เลยมาแฝงตัวเสพข้อมูลต่างๆจากเพื่อนสมาชิก ที่มีประสพการณ์หลากหลาย ทำให้เหมือนได้ชดเชย ด้านที่ไม่เคยสัมผัสจริงนะครับ / เห็นด้วยครับเรื่องการเลือกรถที่สมรรถนะที่เผื่อความปลอดภัยไว้หน่อย แม้จะขับไม่เร็ว ตอนนี้ก็เลยใช้ Camry HV premium MC 2015 อยู่ครับ เผื่อเอาไว้ครับ แต่ก็ไม่อยากใช้อะไรที่ต้องเสียวๆเลยครับ 555

ออฟไลน์ Red Bicycle

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 849
ถ้าขับอย่างที่  จขกท ว่า คงสัมผัสลิมิตรถ ยากครับ
ยกเว้นโชคไม่ดีเจอคนเมา หรือหลับในข้ามเลนมาชน ซึ่งอาจต้องหักหลบ+เบรคเร็วๆ แต่โอกาสคงเป็นไปได้น้อยมากๆ

ทีนี้ถ้าอยากสัมผัสลิมิตรถจริงๆ โดยที่ไม่ต้องใช้ความเร็ว ใกล้ๆก็ไปที่สนามนครไชยศรีเลยครับ สุดทางตรงถ้ารถแรงม้าไม่มากน่าจะซัก120  ทางโค้งก็40-60 ได้รู้อาการรถทุกอย่างแน่นอน แล้วขับในชีวิตประจำวัน จะมั่นใจขึ้นครับ




 :) :) :) สุดยอดเลยครับ

ออฟไลน์ Sit: )

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,478
    • อีเมล์
ที่ความเร็ว 80-110 กม/ชม
รถต่างกัน การตอบสนองแตกต่างแล้วครับ

เช่นที่ 80 แล้วต้องเร่งแซง  หรือ 80 แล้วจะหยุด
และ 80 แล้วหักหลบ

หรือวิ่ง 80ตรงๆ แต่ถนนไม่ได้เรียบสนิท แค่สะพานข้ามแยก ผมยกตัวอย่างสะพานหน้าโลตัสพระราม 3 มุ่งหน้าใต้สะพานแขวน ใช้รถคนละคัน มันกระเด้งกระดอนต่างกัน

อีกเรื่องที่เจอคือ เสียงรบกวนครับ
ที่ 100 รถที่บ้านคันนึง ฟังเพลงไม่รู้เรื่องครับ
คันอื่นๆยังฟังได้ เสียงลมมันกวน จนไม่ได้ยินเสียงเพลง

เวลาเขาโค้ง แค่ 80ก็ต่างมากครับ บางคันเสียวแล้ว
บางคันมันเกาะไปกับโค้งจนอยากกดต่อ

สุดท้ายลองทดสอบดูครับ
ว่าร่างกายเราเหนื่อยล้า ต่างกันไหม
ไปทางเดียวกัน ใข้เวลาพอกัน
ลงจากรถแล้ว อยากนั่งพักหรือยังสดชื่นดี


ออฟไลน์ J_Serie5

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,206
ขับรถเหมือนชิมอาหารครับ ถ้าชิมแค่ช้อน2ช้อน ถามว่าจะเข้าถึงรสชาติที่แท้จริงได้มั้ย ตอบว่าไม่ครับ ถ้าจะให้ดีควรขับให้รู้ limit ของรถ หลักๆที่จำเป็นก็อัตราเร่ง 0-100 , 80-120 , 80-140 , 0-200 / ระยะเบรค 100-0 , 200-0 / อาการรถที่ความเร็วช่วงต่างๆ / การหักหลบกะทันหันที่ความเร็วต่างๆ สิ่งเหล่านี้ทำบ่อยๆจนชินจะทำให้เรามีสติเวลาเจออุบัติเหตุกะทันหันครับ

ออฟไลน์ SETTHASART

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,304
  • รักชาติ ไม่คลั่งชาติ
ความเร็ว 80-110 เราจะได้สัมผัสสมรรถนะของเกียร์และเครื่องยนต์ มากกว่าสมรรถนะของช่วงล่าง

ออฟไลน์ HLRx

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,282
    • อีเมล์


 :) :) :) ช่วงที่ผ่านมาใช้ Toyota wish และตอนนี้ ใช้ Camry HV MC 2015 อยู่ครับเวลาเดินทางไกล ครับ 555 อายจัง :-[กำลังรถมันยังไปได้อีกเยอะครับ แต่สารภาพตรงๆเลย ผมวิ่งแค่นั้นจริงๆครับ ใช้ Radar cru. Control กำกับความเร็วอีกต่างหาก...อายจริงๆ / แต่มันได้ประโยชน์ตอนต้องใช้กำลังตอนขึ้นเขา เร่งแซงทางสองเลนนะครับ / แต่การที่ผมวิ่งที่ความเร็วแค่นี้ ผมไม่ค่อยทราบว่าช่วงล่างรถผมมันเป็นอย่างไรชัดๆนะครับ 555 ดูมันก็เหมือนๆคันอื่นๆนะครับ แยกแยะไม่ค่อยออก / เวลาขับในเมืองก็สลับกับ Swift บ้างนะครับ ผมก็แยกไม่ค่อยออก
[/quote]
   ถ้าแบบนี้น่าจะเป็น limited ของผู้ใช้มากกว่า ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้ว  ผมก็ใช้ความเร็วมากกว่า จขกท.ประมาณ 20% เกินจากนี้ก็ไม่เอา แต่ถ้าได้มีโอกาสทดลองบนสนามแข่งรถ มีชุด safty พร้อมก็อยากลองขับ แบบ moose test,drift อะไรกับเขาบ้าง

ออฟไลน์ 2k

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,752
ไม่ต้องขับเกิน100แล้วทดสอบหักหลบแบบmoose testก็รับรู้ได้ถึงประสิทธิภาพของรถแล้วนะครับ  :-X
หมาเฝ้าบ้านแจกฟรีจ้า www.dogfindhome.com


ออฟไลน์ #อินเดียหน้าโจร

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,402
    • Need for slow - ดังแต่ท่อ ล้อไม่หมุน
    • อีเมล์
ผมมองว่า จขกท.ใช้รถที่สมรรถนะ ทำได้แค่นั้น
ถ้า จขกท.เปลี่ยนรถที่ สมรรถนะดีขึ้น ความเร็วในการใช้รถก็จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน อย่างผมขับสลับอยู่ 2 คัน  ใช้ความเร็วไม่เท่ากันแม้วิ่งในเส้นทางเดิมๆ เพราะเรารู้ ลิมิต ของรถ แต่ละคันว่ามันได้แค่ใหน ระยะเบรคเท่าไร

อันนี้จริงครับ อย่างผมขับอัลติสเดิมๆ ขับเกิน 80 ก็เริ่มเสียวแล้ว พอไปจับรถของน้า เป็นเบนซ์คลาส C ธรรมดา แค่ออกตัวไปจนเริ่มเสียว แหงะดูความเร็ว อ่าวเฮ้ย 140 แล้วเหรอเนี่ย ความนิ่งและอะไรๆมันรู้สึกพอๆกับตอนอัลติสขับ 80 เลย
Altis 1.6 AT 2004 (Swap 2zz-ge 6MT)
Mazda 1.3 Sky