ผู้เขียน หัวข้อ: รถไฟฟ้าเล็ก FOMM 5.5 แสน ขายต้นปีหน้า เริ่ม 5 พันคัน คุณว่าขายได้ไหมครับ  (อ่าน 12465 ครั้ง)

ออฟไลน์ Sacrifice

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 590

อ้างถึง
“ฟอมม์” ปลุกกระแสรถไฟฟ้า “อีวี”ลงทุนพันล้านตั้งโรงงานในไทย ผลิตเฟสแรก5,000 คัน รองรับตลาดในประเทศและส่งออก ขายต้นปีหน้า ราคา 5.5 แสนบาทจับมือปั๊ม “บางจาก” สลับแบตเตอรี่ลูกใหม่ให้ลูกค้าแบบเร่งด่วน
รัฐบาลใส่เกียร์เดินหน้าแจ้งเกิดรถพลังงานไฟฟ้า คลอดแพกเกจพิเศษออกมาจูงใจการลงทุน หวังสร้างความแข็งแกร่งให้อุตสาหกรรมยานยนต์ที่กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยี ขณะที่ค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นและยุโรป เด้งรับนโยบายด้วยเทคโนโลยีต่างกันไปตามที่ตนเองถนัด ไม่ว่าจะเป็น “ไฮบริด” “ปลั๊ก-อินไฮบริด” ส่วนรถพลังงานไฟฟ้า หรือ “อีวี” ยังเร็วเกินไปสำหรับค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่
แม้ค่ายรถยนต์เมเจอร์แบรนด์ ยังไม่ขยับเทคโนโลยีไปถึง “อีวี” เพราะมีลำดับขั้นตามพิมพ์เขียวให้วิ่งตาม แต่นี่ถือเป็นโอกาสการทำธุรกิจของค่ายรถยนต์น้องใหม่จากญี่ปุ่นอย่าง “ฟอมม์” (FOMM) โดย “ฮิเดโอะ ซุรุมากิ”ประธานกรรมการบริหารและเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท ฟอมม์ คอปอร์เรชัน ชาวญี่ปุ่นเตรียมแผนการลงทุนครั้งสำคัญ ใช้ไทยเป็นฐานการผลิตแห่งแรก หลังจาก 2 ปีที่แล้วนำต้นแบบยานยนต์ไฟฟ้ามาอวดโฉมที่งานบางกอกมอเตอร์โชว์ 2558 (ฟอมม์ไม่มีฐานการผลิตและไม่ได้ทำตลาดที่ญี่ปุ่นมาก่อน)
จุดเด่นของฟอมม์คือ เป็นรถพลังงานไฟฟ้ามีมอเตอร์สองตัวฝังอยู่ในดุมล้อซ้ายขวา สามารถลอยและวิ่งบนน้ำได้ และเคลมว่าเป็น “อีวี” (EV-Electric Vehicle) แบบ 4 ที่นั่งที่ขนาดเล็กที่สุดในโลก
ฟอมม์ใช้เวลาพัฒนาให้รถพลังงานไฟฟ้าถูกต้องตาม พ.ร.บ.รถยนต์ของไทย หรืออยู่ในพิกัดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง (รย.1) มีส่วนควบครบ ขณะที่กำลังมอเตอร์ไฟฟ้ากระทรวงคมนาคมเพิ่งปรับลดลงมาให้เหลือ 4-15 กิโลวัตต์ ดังนั้นจึงจดทะเบียนวิ่งบนท้องถนนได้อย่างถูกกฎหมาย
“จุดเด่นของฟอมม์คือ ต้นทุนต่อหน่วยการวิ่งถูกกว่ารถยนต์ทั่วไปถึง 10 เท่า และค่าดูแลรักษาระหว่างการใช้งานถูกกว่า 100 เท่า สามารถวิ่งบนน้ำได้ หมดความกังวลเรื่องน้ำท่วม พร้อมราคาที่สามารถเป็นเจ้าของได้ง่าย โดยจะเปิดขายอย่างเป็นทางการในงานบางกอกมอเตอร์โชว์ต้นปีหน้า ด้วยราคาประมาณ 5.5 แสนบาท” นายธนานันต์ กาญจนคูหา ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอฟโอเอ็มเอ็ม (เอเซีย) จำกัด หรือ “ฟอมม์” กล่าวและว่า
ตอนนี้ฟอมม์กำลังระดมเครื่องจักรและพัฒนาสายการผลิตที่โรงงงานในนิคมอุตสาหกรรม อมตะนคร จ.ชลบุรี โดยใช้ชิ้นส่วนนำเข้า 30% และชิ้นส่วนภายในประเทศ 70% ซึ่งรวมถึงแบตเตอรีจากบริษัทคนไทย “เบต้า เอ็นเนอยีร์ โซลูชัน” กำลังผลิตรวมเฟสแรก 5,000 คันต่อปี
โดยกลุ่มเป้าหมาย มีทั้งองค์กร หน่วยงานรัฐบาล เอกชน และขายบุคคลทั่วไป เน้นจับกลุ่มคนรุ่นใหม่ อายุ 20-30 ปี ตั้งเป้าครองส่วนแบ่งการตลาดในเซกเมนต์รถยนต์นั่งของเมืองไทย 1% ภายใน 3 ปี ด้านตลาดส่งออกจะเริ่มในอาเซียนก่อน ส่วนช่องทางการขาย 50% จะเน้นไปที่ออนไลน์ แต่ยังมีโชว์รูมต้นแบบที่ทองหล่อ และหัวเมืองใหญ่ๆทั่วประเทศ
“เราเป็นยานยนต์ไฟฟ้ารักษาสิ่งแวดล้อมที่อยากให้คนไทยเป็นเจ้าของได้ง่าย เช่นวางเงินดาวน์ 1 แสนบาท และผ่อน 5,000 บาทต่อเดือน หรือใช้รถไปแล้ว 5 ปีเราจะรับซื้อคืน 1.5 แสนบาท ขณะเดียวกันยังรับประกันอายุแบตเตอรีนาน 10 ปี แต่ในอนาคตจะมีแบตเตอรีเจเนอเรชันใหม่ที่ทำให้รถวิ่งได้ไกลขึ้นและราคาถูกลงแน่นอน”
บริษัทยังมั่นใจว่าการขยายสถานีชาร์จไฟทั่วประเทศของรัฐบาลจะเป็นไปตามเป้าหมาย(ระยะแรก 100 แห่ง) ซึ่งบริษัทได้เซ็นบันทึกความร่วมมือ (MOU) กับสถานีบริการน้ำมันบางจาก เพื่อให้เป็นศูนย์รับบริการเปลี่ยนแบตเตอรีให้แก่ลูกค้าที่ไม่สะดวกเสียบปลั๊กชาร์จไฟ ในเบื้องต้นจะมี 50 แห่งทั่วประเทศ
สำหรับรถพลังไฟฟ้า“ฟอมม์”ใช้เวลาชาร์จไฟเต็มที่ 6 ชั่วโมง รถสามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุด 150 กิโลเมตร ซึ่งรถหนึ่งคันจะมีแบตเตอรี 4 ชุด ราคารวมประมาณ 2 แสนบาท หรือคิดเป็น 30% ของราคารถ

จาก  facebook Thai Electric Car
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 14, 2017, 10:34:10 โดย Sacrifice »

ออฟไลน์ The Mechanics of Emotions

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,681
5.5 แสน มันแพงมากนะครับ สำหรับรถที่ไม่ได้ใช้น้ำมันแล้วดูคันจิ๋วนึง เป็นผมซื้อมือ1 ดีกว่าครับได้ยาริส มาสด้า2 เยอะแยะไปหมด
พวกนี้ได้มาตรฐานผ่านคนใช้มามากมาย ใครจะกล้าเอาเงิน 5.5 แสนไปซื้อรถที่ไม่น่าจะไปรอด อะไหล่พาร์ทที่ต้องเปลี่ยนประจำอีกอ่ะครับ
จะหาตามร้านอะไหล่ก็ยาก แสนนึงผมยังคิดดูก่อนเลย เปิดมา 5.5 ต้องมั่นใจขนาดไหนว่าจะขายได้ครับเนี่ย
2010 BMW 325i M Sport
2016 Mazda CX-5 2.0S

ออฟไลน์ Krongbun

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,408
    • อีเมล์
200k ผมว่าได้ ;)
เพราะคนไทยเน้นคุ้มค่าเป็นหลัก
ส่วนใหญ่ ซึ่งรวมผมด้วย
จะคิดว่าเงิน 500k ไปเล่นรถน้ำมัน ได้อะไรเยอะกว่า

ดูแล้วนั่งได้สองคน ขนของได้น้อยด้วย
มีคนซื้อแน่นอนแต่ผมว่าน้อย
สำหรับคนที่เก็นเงินแสนมาอย่างยากลำบากคงไปเล่นรถน้ำมัน ที่ซื้อแล้วมันใช้งานได้หลากหลายกว่านี้

ออฟไลน์ Dark Overlord

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,804
  • Hail to the darkside


ขอให้ออกแบบมาสวยประมาณ Mitsubishi i ได้มั้ยครับ
เพราะถ้าได้หน้าตาแบบในภาพ ผมว่ามันดูตลกๆ ยังไงไม่รู้
รถก็เหมือนเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย มันต้องดูดีระดับที่น่าพอใจด้วยครับ

ออฟไลน์ recycleman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,570
มันเหมือนรถกอล์ฟที่เพิ่มอุปกรณ์ให้สามารถวิ่งบนถนนได้อย่างถูกกฎหมายมากกว่า

พูดง่ายๆมันดูเหมือนของเล่นมากกว่ารถที่จะเอาใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างจริงจังน่ะผมว่า

ออฟไลน์ khunpan33

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 737
  • ขับหน้า-ขับหลัง-ขับสี่ ไม่เท่าขับรถดีมีน้ำใจ
    • อีเมล์
ปรับแบบให้สวยกว่านี้ กดราคาลงเหลือสัก 4.5 แสน ผมว่าพอได้นะ ค่าบำรุงห่วงแค่อะไหล่ตัวถังพอ นอกนั้นไม่มีอะไรน่าห่วงเลย

ออฟไลน์ I-PULSE

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 977
ต้องดูว่าทำรถมาดีแค่ใหนก่อนครับ ถ้าห้าแสนแล้วรถดีจริง วัสดุดี ทนทาน สวยงาม ผมว่าก็พอขายได้แหล่ะ แต่ถ้าดูห่วยๆ สี่แสนก็คงขายไม่ออก

ออฟไลน์ euro

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 252
    • อีเมล์
คิดว่าขายยากมาก ราคานี้ ทบทวน รสนิยมการใช้รถคนไทย แล้ว ยากกกกกกกกก

ออฟไลน์ nin122

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 610
    • อีเมล์
ผมว่าใน โบว์ชัวร์ ดูโฆษณาเกินจริง
ที่ว่า ค่าบำรุงประหยัดกว่า 100 เท่า ถึงจะไม่รวมแบตที่ประกันแบต 10 ปีก็เถอะ

ออฟไลน์ bahamu

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 687
หน้าตาต่างจากต้นแบบมาก แถมแพงกว่าที่บอกที่ยุ่นอีก
ถ้าสามแสนตามที่ประธานยุ่นบอก หรือสี่แสนแต่ได้หน้าตา กระจกหน้า ประตูเลื่อน
แบบที่ออกรายการ ยังพอไปได้ แต่นี่กระจกหน้าทรงธรรมดา ประตูบานพับ
หน้าตา ลดความงามลงมาก สู้ขายแต่โครงรถแล้วให้คนซื้อเลือกใส่เองตามกำลังเงินดีกว่า

รถจิ๋วประกอบไม่ยาก และคงไม่ได้ทำเยอะขนาดมาตกแต่งรายคันไม่ได้
คนซื้ออยากได้รถที่ไม่แพง แอร์เย็น วิ่งนาน ทนทาน ซ่อมถูก อะไหล่เกลื่อน ประกันยาว

ส่วนเรื่องลอยน้ำได้ เป็นจุดขายที่น่าสนใจ แต่ไม่ใช่สิ่งที่จะมาฟันคนซื้อ เพราะน้ำไม่ได้ท่วมหนักทุกวัน
แต่ระยะทางวิ่งน้อย ความเร็วสูงสุดต่ำ เป็นปัญหาใหญ่ และจะอัพเกรดภายหลังได้ดีขึ้นรึเปล่า

ถ้าต่อไปสามารถเปลี่ยนมอเตอร์ อินเวอร์เตอร์ แอร์ ถ่าน ระบบไฟเป็นรุ่นใหม่ได้
แต่งแรงได้ เช่น มอเตอร์สี่ล้อ เลี้ยวล้อหลัง ตูดเป็ดปรับแปรผัน อย่างนี้รถจะดีในระยะยาว
เป็นรถแรงในเมือง และรถจ่ายกับข้าว รับส่งลูกทุกเช้า ได้ไม่ยาก

ออฟไลน์ Lancer

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 372
ห้าแสนห้า  น่าจะต้องเป็นคนรวยๆหน่อย ซื้อไว้ขับเล่นที่บ้านครับ แบบจะทิ้งก็ไม่เสียดาย
ถ้าคนทั่วไป บ๊าย

ออฟไลน์ kiwiwi

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,858
พูดถึงรถกอล์ฟ...

ถ้ากฏหมายไทยอนุญาติให้เอารถกอล์ฟมาวิ่งรับส่งลูกได้ ในราคา 1.5 แสน(ทุกวันนีิเสียภาษีแพงกว่าพวก buggy เพราะกฏหมายแทงให้เป็นภาษีสินค้าฟุ่มเฟือย ซะงั้น)

คงดีไม่น้อย

ฝนตกไม่เปียก(เอาผ้าใบคลุม) ขี่กลางวันก็เปิดผ้าใบ ไม่ต้องตากแดด ไม่ล้มง่ายเหมือนมอไซค์ ไม่มีมลพิษ ตะกั่วกรดรีไซเคิ่ลได้

ออฟไลน์ Sacrifice

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 590
ตอนแรก บอกจะขาย 3 แสนกว่า ปี 2015 แล้วก็มาออกข่าวล่าสุดจะขาย 5.5 แสน ต้นปี 2018 
ผมสงสัยว่า fomm คือ ธุรกิจ startup หลอกลวงหรือเปล่าว  ขายไม่ออกก็ปิด บริษัทหายไป
แต่ก็เก็บเงินลงทุนไว้เรียบร้อยแล้ว

5.5 แสน เพิ่มอีกไม่ถึง 4 หมื่น ได้ city ล่างสุดเกียร์ AT  หรือเพิ่มอีก หมื่นกว่าบาทได้ nissan march
ตัว top เลย  กลุ่มเป้าหมายคงไม่ใช่คนมีรายได้น้อย แต่ต้องเป็นคนมีเงินที่อยากลองเทคโนโลยีใหม่
เป็นรถคันที่ 3 ของบ้าน 

ออฟไลน์ Dark Overlord

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,804
  • Hail to the darkside
เขาอาจจะไม่ได้ทำเยอะขนาด mass production ได้ก็เลยต้นทุนต่อหน่วยสูง
บวกกับค่าเงินเฟ้อ สุดท้ายจากที่เคยตั้งเป้าราคา 3 แสนกว่า ก็กลายมาเป็น 5 แสนกว่า
ผมว่าเขาทำจริงครับ แต่อาจประสบการณ์และเงินทุนไม่พอขนาดที่จะทำให้ไปรอด
Tesla รัฐบาลสหรัฐก็ยังต้องช่วยในช่วงแรก ชนาด product ชั้นยอดขนาดนั้น
ผมสงสัยว่า FOMM คงไม่รอดถ้าขายราคา 5.5 แสนครับ
3-4.5 แสนยังคิดหนัก
2.5-3.5 แสน โอเค น่าลองดีมั้ย โอกาสซื้อ 50/50

ออฟไลน์ รักเธอเสมอ

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,222
น่าตาสภาพแบบนี้ ผมให้เต็มที่ 2 แสน
แต่ 2 แสน ผมก็ไม่ซื้อนะ

ออฟไลน์ Ty ESC

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,786
ไปดูคันจริงที่จอดโชว์ ในงาน start up นึกไม่ออกว่าคนจะไปซื้อทำไม ไปซื้อ Yaris / Mazda 2 ดีกว่าเยอะ

ข้างนอกยังไม่เท่าไหร่ ภายใน นี่ เอิ่ม

ถามคนขายก็ตอบได้เหมือนคนขายผัก มากกว่าขายรถ




ออฟไลน์ Jacob

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,803
ตัวรถเปล่าตัดค่าแบตสองแสนออกไป มันราคาสามแสนเลยเหรอ ดูแล้วแค่แสนนึงก็มากละ คันนิดเดียว
สำหรับผมรอเทสล่าหรือนิสสันลีฟราคาเหลือล้านเดียวยังน่าใช้กว่า
ปล. เคยเห็นการไฟฟ้าเค้าเอารถเก่าที่ใช้เครื่องยนต์มาแปลงเป็นรถไฟฟ้า ต้นทุนสองแสนเอง แบบนั้นยังคุ้มกว่าเลย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 14, 2017, 12:34:51 โดย Jacob »

ออฟไลน์ redsun

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,101
น่าจะเป็นลักษณะการใช้งานในละแวกใกล้ๆ หาที่จอดยากๆ
ถ้าทำให้รถดูดีกว่านี้(อีกเยอะๆเลย) ทำให้สวยล้ำๆ(อีกเยอะๆเลย)
ถ้าได้รับความนิยมมากจริงๆ ก็มีสิทธิเกิดได้เหมือนกัน

แต่ถ้าขายรถคันนี้ให้คนมีตังค์ (ประเภทกล้าทิ้งเงิน 5 แสน โดยไม่เดือดร้อน)
ให้เขาเอารถจิ๋วมากๆ แลดูจะปกป้องชีวิตเขาไม่ได้ ให้ไปใช้งานจริงๆบนท้องถนนทั่วไป
แบบนี้ก็คงขายลำบากครับ
(ยังไม่รวมความเสี่ยง จากรถประเภทที่ไม่เหมือนใคร  ระบบการทำงานใหม่ๆ
 หรือความไม่สะดวกที่จะต้องพบจากการใช้งานจริงๆ ที่จะต้องพบและปรับตัวกันอีกครับ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 14, 2017, 13:35:16 โดย redsun »

ออฟไลน์ nin122

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 610
    • อีเมล์
ห้าแสนห้า  น่าจะต้องเป็นคนรวยๆหน่อย ซื้อไว้ขับเล่นที่บ้านครับ แบบจะทิ้งก็ไม่เสียดาย
ถ้าคนทั่วไป บ๊าย

รวยอย่างเดียวอาจจะไม่พอนะครับ

ออฟไลน์ gorilla

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,462
น่าตาสภาพแบบนี้ ผมให้เต็มที่ 2 แสน
แต่ 2 แสน ผมก็ไม่ซื้อนะ

+1

ออฟไลน์ Mighty-X

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,016
แป้กกก แน่นอนครับ

ราคานี้คนหนีไป Eco กันหมด ชัวร์...

ออฟไลน์ SLuang

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,816
สำหรับเมืองไทย  มิราจ โน็ต ไฟฟ้าล้วน
ขายราคาเดิม
ก็ยังมีคนบ่นแพง เชื่อไหม?

ออฟไลน์ CarameLon

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,387
เป็นรถไฟฟ้า ที่น่าจะมาก่อนกาล มาในเวลาที่คนซื้อยังไม่ได้ทำใจไว้ซื้อ  8)
TOYOTA WISH SPORT 2.0>>>CRV-2.4L 4WD GEN3>>>TOYOTA Camry 2.4 2010>>>BMW 520 ตาเหยี่ยว>>>BMW X3 2011 >>>BMW 520D 2010 >>>BMW 525D ก่อน LCI >>>BMW 116i M-sport >>>BMW X1 2.0 S-drive 2016 >>>Mercedes GLA200 >>>Mercedes C Class C350e >>> BMW330e+BMWS1000R

ออฟไลน์ Zachary C

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,254
  • Beauty is in the Eyes of the Beholder
    • อีเมล์
ขออนุญาตถามในสิ่งที่คาใจผมมานาน...

เราต้องการรถ EV ไปทำไมครับ?

เพื่อลดปัญหาด้านมลภาวะ เปลี่ยนจากน้ำมัน เป็นไฟฟ้า ดังนั้น จึงพูดได้ว่า การผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น ก่อให้เกิดมลภาวะน้อยกว่าหรือครับ?
Hopefully, my old grande dame, the CRV G.1, will eventually become a classic!

2017 Honda BR-V SV telematics (Amber Brown)
2015 Honda Mobilio RS telematics (Pearl White)
1998 Honda CRV EXI G1 (Metallic Bronze)

ออฟไลน์ Sacrifice

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 590
อ้างถึง
เราต้องการรถ EV ไปทำไมครับ?

เพื่อลดปัญหาด้านมลภาวะ เปลี่ยนจากน้ำมัน เป็นไฟฟ้า ดังนั้น จึงพูดได้ว่า การผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น ก่อให้เกิดมลภาวะน้อยกว่าหรือครับ?

แน่นอนครับ มลภาวะทางอากาศดีขึ้นแน่นอน ถ้ารถทุกคันในกรุงเทพฯ เป็น EV หมด  ส่วนมลภาวะที่เกิดจากโรงไฟฟ้า
เดียวนี้มีเทคโนโลยีที่ ควบคุมโรงไฟฟ้าได้ดีกว่าสมัยก่อนเยอะครับ  ไหนจะยังมี solar farm ที่ไม่เกิดมลภาวะอีก
ส่วนมลภาวะจากแบตเตอร์รี่ ก็ไปจัดการที่โรงงานเอามันง่ายกว่า มาจัดการ ตรวจปรับไอเสียที่รถทุกคัน

ออฟไลน์ Dark Overlord

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,804
  • Hail to the darkside
อ้างถึง
เราต้องการรถ EV ไปทำไมครับ?

เพื่อลดปัญหาด้านมลภาวะ เปลี่ยนจากน้ำมัน เป็นไฟฟ้า ดังนั้น จึงพูดได้ว่า การผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น ก่อให้เกิดมลภาวะน้อยกว่าหรือครับ?

แน่นอนครับ มลภาวะทางอากาศดีขึ้นแน่นอน ถ้ารถทุกคันในกรุงเทพฯ เป็น EV หมด  ส่วนมลภาวะที่เกิดจากโรงไฟฟ้า
เดียวนี้มีเทคโนโลยีที่ ควบคุมโรงไฟฟ้าได้ดีกว่าสมัยก่อนเยอะครับ  ไหนจะยังมี solar farm ที่ไม่เกิดมลภาวะอีก
ส่วนมลภาวะจากแบตเตอร์รี่ ก็ไปจัดการที่โรงงานเอามันง่ายกว่า มาจัดการ ตรวจปรับไอเสียที่รถทุกคัน

ใช่ครับ ถ้าเป็น EV ทั้งหมดบนถนน
ก็ไม่ต้องคอยเอาฟองน้ำที่เรียกว่าปอดมาคอยซับฝุ่นควันมลพิษ
แบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบันด้วยครับ
พวกเด็กๆ ที่ต้องไป รร และคนที่ไม่มีรถ คนที่ใช้ชีวิตใกล้ถนนก็รับไปเต็มๆ
ควันพิษพวกนี้มีผลต่อร่างกายหลายอย่างครับ อายุขัยสั้นลง มะเร็ง
เซลสมองถูกทำลายไปเรื่อยๆ ความฉลาดลดลง ความจำสั้นลง โอ้ย เยอะครับ

ออฟไลน์ prai

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,154
ส่วนตัวคิดว่า เขากำหนดทิศทางผิด น่าจะเริ่มที่ราคาสูงกว่านี้ เพราะกดราคาต่ำไม่ได้เพราะเรื่องจำกัดของเทคโนโลยี เราก็ต้องเปลี่ยนขนาดรถใหม่ เปลี่ยนกลุ่มลูกค้าใหม่ เป็นผมจะเริ่มที่ B SUV ไว้ขายประชาชน และ C Segment ไว้ขายองค์กรเอกชนหรือภาครัฐ ในกรณีมี connection ที่ดี

ออฟไลน์ Nikle_pk

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,678
ไม่รอดแน่ครับ ต่อให้ลดเหลือ 2 แสน ก็ตาม
My Review !!! New Vellfire 2.5ZG Edition !!!
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=44242.0

ออฟไลน์ Ty ESC

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,786
ขออนุญาตถามในสิ่งที่คาใจผมมานาน...

เราต้องการรถ EV ไปทำไมครับ?

เพื่อลดปัญหาด้านมลภาวะ เปลี่ยนจากน้ำมัน เป็นไฟฟ้า ดังนั้น จึงพูดได้ว่า การผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น ก่อให้เกิดมลภาวะน้อยกว่าหรือครับ?

มลภาวะจากตัวรถ น้อยลงมากครับ อันนี้น่าจะเห็นได้ชัด ส่วนนึงที่ไม่ค่อยมีพูดถึงคือ กำลังไฟฟ้าไปปั่นมอร์เตอให้รถยนต์วิ่งได้ความคุ้มค่ามากกว่าการใช้น้ำมันมาก คือสูญเสียน้อยกว่า ด้วยชิ้นส่วนที่น้อยกว่าและธรรมชาติของมันเอง

ส่วนการผลิตไฟฟ้า ต่อให้ผลิตด้วยน้ำมัน แต่ความสูญเสียในการผลิตน้อยกว่าการผลิตในเครื่องยนต์รถยนต์มากครับ คือน้ำมันเท่าๆกันไปปั่นไฟฟ้าในโรงผลิตไฟได้พลังงานมากกว่า และก่อมลภาวะน้อยกว่า เพราะในการผลิตไม่มีโหลดที่เปลี่ยนแปลงเหมือนในรถยนต์ครับ พูดง่ายๆว่าคุ้มกว่า อันนี้ยังไม่รวมถึงการลดมลภาวะในการขนส่งพลังงาน ที่ลดได้จากผลิตจากพลังงานทางเลือกอื่นๆ และpower grid คือไฟฟ้าเฉยๆไม่ใช่ทั้งหมดแต่เป็นการเปิดทางไปสู่ การใช้เทคโนโลยีอื่นๆได้ง่ายขึ้น


ส่วนที่น่าสนใจคือ มลภาวะ จาก ขยะแบตเก่าเมื่อหมดอายุ อันนั้นเป็นสิ่งที่ต้อง จัดการดีๆ ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนเรายังไม่มีมาตรการอะไรชัดเจน ส่วนนี้เป็นมลภาวะที่ต้อง คอนเซินครับ

ออฟไลน์ Sympho

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 996
ขออนุญาตถามในสิ่งที่คาใจผมมานาน...

เราต้องการรถ EV ไปทำไมครับ?

เพื่อลดปัญหาด้านมลภาวะ เปลี่ยนจากน้ำมัน เป็นไฟฟ้า ดังนั้น จึงพูดได้ว่า การผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น ก่อให้เกิดมลภาวะน้อยกว่าหรือครับ?

มลภาวะจากตัวรถ น้อยลงมากครับ อันนี้น่าจะเห็นได้ชัด ส่วนนึงที่ไม่ค่อยมีพูดถึงคือ กำลังไฟฟ้าไปปั่นมอร์เตอให้รถยนต์วิ่งได้ความคุ้มค่ามากกว่าการใช้น้ำมันมาก คือสูญเสียน้อยกว่า ด้วยชิ้นส่วนที่น้อยกว่าและธรรมชาติของมันเอง

ส่วนการผลิตไฟฟ้า ต่อให้ผลิตด้วยน้ำมัน แต่ความสูญเสียในการผลิตน้อยกว่าการผลิตในเครื่องยนต์รถยนต์มากครับ คือน้ำมันเท่าๆกันไปปั่นไฟฟ้าในโรงผลิตไฟได้พลังงานมากกว่า และก่อมลภาวะน้อยกว่า เพราะในการผลิตไม่มีโหลดที่เปลี่ยนแปลงเหมือนในรถยนต์ครับ พูดง่ายๆว่าคุ้มกว่า อันนี้ยังไม่รวมถึงการลดมลภาวะในการขนส่งพลังงาน ที่ลดได้จากผลิตจากพลังงานทางเลือกอื่นๆ และpower grid คือไฟฟ้าเฉยๆไม่ใช่ทั้งหมดแต่เป็นการเปิดทางไปสู่ การใช้เทคโนโลยีอื่นๆได้ง่ายขึ้น


ส่วนที่น่าสนใจคือ มลภาวะ จาก ขยะแบตเก่าเมื่อหมดอายุ อันนั้นเป็นสิ่งที่ต้อง จัดการดีๆ ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนเรายังไม่มีมาตรการอะไรชัดเจน ส่วนนี้เป็นมลภาวะที่ต้อง คอนเซินครับ

เครื่องผลิตไฟฟ้าในโรงไฟฟ้ามีประสิทธิภาพมากกว่าเครื่องยนต์ในรถยนต์ครับ

โรงไฟฟ้าที่ใช้แก๊สธรรมชาติรุ่นใหม่ๆ ประสิทธิภาพ 60%+

ส่วนเรื่องรถ คนไทยยังติดยี่ห้อ และคงมีไม่กี่คนยอมจ่าย 5.5 แสนกับรถที่ตัวเองไม่รู้จัก