// Toyota C-HR เวอร์ชั่นไทย มีให้เลือกทั้งเบนซิน 1.8 - 1.8 Hybrid //

Arm

สิ่งที่พี่โตขี้เหนียวไม่ยอมใส่ให้รถที่ราคาต่ำกว่า 1 ล้านคือ

"ที่พักแขนกลางของเบาะหลัง"  :( :( :( :( :( :(
นั้นสิ ไม่รู้เป็นโรคอะไร

เหมือนจัดโปรกับเบาะหลังพับได้

ถ้ามีก็มีทั้งคู่ ไม่มีก็ไม่มีทั้งคู่เลย
88' Accord CA 2.0 LX M/T
90' Bluebird U12 2.0 Super Select A/T
92' Corona 2.0 GLI A/T
07' Corolla Altis 1.8 E Limited
09' Corolla Altis 2.0 V Navi
12' Vios 1.5 G
12' Corolla Altis 2.0 V Navi
25' MG S5



gorilla

อยากรู้ว่าจะขายดีเหรอครับ  ข้างหลังก็แคบ  เห็นคนด่า CX-3 กับ Juke ซะยับเรื่องความแคบ

CHR มองๆแล้วน่าจะได้แค่ความสด ภายในดูล้ำสมัยผิดวิสัยพี่โต  ประโยชน์ใช้สอยไม่น่าจะได้เรื่องได้ราวเท่าไหร่



SM.

รอกันต่อไป  ::) ::) ::) ::)



Symphonic

เบนซิน 1.8

2ZR-FBE ขนาด 1.8 ลิตร 1,798 ซีซี.กำลังสูงสุด 141 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 177 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที

เบนซิน 1.8 Hybrid
2ZR-FXE ขนาด 1.8 ลิตร 1,798 ซีซี. ให้กำลังสูงสุด 98 แรงม้า ที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 142 นิวตันเมตร ที่ 3,600 รอบ/นาที

ถ้าเทียบเฉพาะเครื่อง ทำไมม้าหายไป40กว่าตัวเลย แรงบิดหายไปอีก35 เป็นเพราะต้องการประหยัดสุดๆ หรือ ระบบมอเตอร์ไฟฟ้ามันกินกำลังไป หรืออื่นๆ
พวกเครื่องยนต์ในระบบ hybrid จะเป็น Atkinson cycle ซึ่งเน้นที่ความประหยัด (ไม่เข้าใจหลักการอ่ะ อ่านแล้วงง) เลยต่างกับเครื่องยนต์ธรรมดา

เครื่องยนต์แบบทั่วไปเป็น otto  cycle  ดูด-อัด-ระเบิด-คาย
- ระยะชัก ดูด-อัด, ระเบิด-คาย ยาวเท่ากัน
- Crankshaft จะต้องหมุน 2 รอบ ถึงจะครบวงจรการทำงานของลูกสูบทั้ง 4 จังหวะ ดูด-อัด-ระเบิด-คาย
  ดังนั้นลูกสูบในจังหวะ ดูด-อัด จะกินแรงเฉื่อยของ crankshaft มาทำงานตรงนี้

เครื่องยนต์แบบ Atkinson cycle  ดูด-อัด-ระเบิด-คาย
- ระยะชัก ดูด-อัด จะสั้นกว่า ระยะชักในจังหวะ ระเบิด-คาย  นั่นคือกินน้อยแต่ได้งานมากกว่า
- การทำงานของลูกสูบ สามารถครบ 4 จังหวะได้ในการหมุนของ crankshaft เพียงรอบเดียว

แต่กลไกในส่วนของ ก้านสูบและ crankshaft มันมากกว่า otto จึงไม่เน้นรีดความแรง แต่รีดเอาประสิทธิ
ภาพในการใช้เชื้อเพลิงมากกว่าครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 24, 2017, 21:12:35 โดย Symphonic »



Jacob

งงที่บอกว่าได้งานมากขึ้น กำลังอัดก็สูงขึ้น แต่ทำไมแรงม้าแรงบิดลดลง
หรือจงใจลดความแรงเพื่อความคงทนของกลไก



Nonlamer

ทำไม ทำไมเครื่องไฮบริดมันแรงน้อย  :(



khin7710

เบนซิน 1.8

2ZR-FBE ขนาด 1.8 ลิตร 1,798 ซีซี.กำลังสูงสุด 141 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 177 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที

เบนซิน 1.8 Hybrid
2ZR-FXE ขนาด 1.8 ลิตร 1,798 ซีซี. ให้กำลังสูงสุด 98 แรงม้า ที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 142 นิวตันเมตร ที่ 3,600 รอบ/นาที

ถ้าเทียบเฉพาะเครื่อง ทำไมม้าหายไป40กว่าตัวเลย แรงบิดหายไปอีก35 เป็นเพราะต้องการประหยัดสุดๆ หรือ ระบบมอเตอร์ไฟฟ้ามันกินกำลังไป หรืออื่นๆ
พวกเครื่องยนต์ในระบบ hybrid จะเป็น Atkinson cycle ซึ่งเน้นที่ความประหยัด (ไม่เข้าใจหลักการอ่ะ อ่านแล้วงง) เลยต่างกับเครื่องยนต์ธรรมดา

เครื่องยนต์แบบทั่วไปเป็น otto  cycle  ดูด-อัด-ระเบิด-คาย
- ระยะชัก ดูด-อัด, ระเบิด-คาย ยาวเท่ากัน
- Crankshaft จะต้องหมุน 2 รอบ ถึงจะครบวงจรการทำงานของลูกสูบทั้ง 4 จังหวะ ดูด-อัด-ระเบิด-คาย
  ดังนั้นลูกสูบในจังหวะ ดูด-อัด จะกินแรงเฉื่อยของ crankshaft มาทำงานตรงนี้

เครื่องยนต์แบบ Atkinson cycle  ดูด-อัด-ระเบิด-คาย
- ระยะชัก ดูด-อัด จะสั้นกว่า ระยะชักในจังหวะ ระเบิด-คาย  นั่นคือกินน้อยแต่ได้งานมากกว่า
- การทำงานของลูกสูบ สามารถครบ 4 จังหวะได้ในการหมุนของ crankshaft เพียงรอบเดียว

แต่กลไกในส่วนของ ก้านสูบและ crankshaft มันมากกว่า otto จึงไม่เน้นรีดความแรง แต่รีดเอาประสิทธิ
ภาพในการใช้เชื้อเพลิงมากกว่าครับ

ขอบคุณมากครับ พอเข้าใจเลยครับ



Symphonic

ผมไปค้นข้อมูลเพิ่มเติมมาครับ 

เครื่องยนต์ที่ออกแบบมาใช้งานกับระบบ Hybrid นั้น แม้จะใช้ชื่อว่าเป็นวัฏจักร Atkinson
แต่ก็ไม่ได้มีลักษณะการทำงานแบบด้านบน 100% ครับ     

Atkinson ที่เป็นเครื่องยนต์ Hybrid จะออกแบบ Variable Valve timing ให้วาล์วไอดี
ปิดในขณะที่ลูกสูบกำลังดันขึ้นในจังหวะอัด เพื่อให้ลูกสูบถีบไล่ไอดีคืนกลับไปยังท่อร่วมไอดี
ซึ่งบางเครื่องออกแบบให้วาล์วไอดีปิดตอนที่ลูกสูบเลื่อนขึ้นได้ระยะ 20-30% ของระยะชักเลยทีเดียว
ซึ่งนั่นเท่ากับว่า เครื่องจะเอาน้ำมันมาใช้เทียบเท่ากับ 70-80% ของความจุของเครื่องยนต์ รวมถึง
กำลังอัดก็จะต่ำกว่าการปิดวาล์วไอดีที่ตำแหน่งลูกสูบอยู่ที่จุดต่ำสุดก่อนจะเลื่อนขึ้นในจังหวะอัดด้วย

แต่เมื่อน้ำมันจุดระเบิดเผาไหม้แล้ว ลูกสูบจะเลื่อนลงเต็ม ๆ ระยะชัก  ซึ่งมันก็เข้ากับหลักการของ
Atkinson เพียงแต่ไม่ได้ไปดัดแปลงกับกลไกของก้านสูบเลยครับ  นั่นจึงทำให้เครื่องแบบ
Atkinson มีแรงม้า แรงบิด น้อยกว่า otto

อันนี้ตามที่ผมเข้าใจนะ  สมมุติว่า เครื่องยนต์ 1.8L otto ตามปกติก็รีดกำลังม้าได้ตามนั้น
แต่ถ้าเครื่อง 1.8L แบบ Atkinson ทำให้วาล์วไอดีปิดหลังจากที่ลูกสูบดันขึ้นเป็นระยะ 30%
ของ stroke ดังนั้น เครื่อง 1.8L Atkinson นี้จะมีความจุห้องเผาไหม้เท่ากับเครื่อง 1.44L เอง (1.8L x 80%)
ซึ่งถ้าเทียบกับเครื่อง 1.8L otto แล้ว แรงม้า แรงบิดก็ย่อมน้อยกว่าเป็นธรรมดา เพราะมันกินน้อยกว่า

แต่ในทางกลับกัน ถ้าเทียบเครื่อง 1.8L Atkinson (20%) กับเครื่อง 1.44L otto
อันนี้แม้จะกินไอดีเท่ากัน แต่เครื่อง Atkinson จะได้เปรียบตรงที่ได้งานที่เกิดจาก Stroke ในจังหวะระเบิดที่ยาวกว่าครับ

ซึ่งพอผมหาข้อมูลได้มาแบบนี้ นั่นเท่ากับว่าความจริงแล้ว เครื่องธรรมดาที่มี variable valve ปัจจุบันนี้
มันก็เป็นได้ทั้ง Atkinson ในจังหวะที่ไม่ได้ต้องการเรี่ยวแรงมาก และเป็นได้ทั้ง otto ในจังหวะที่ต้องเค้นกำลังจากเครื่องยนต์

พี่ ๆ ลองพิจารณาดูนะครับ ผิดถูกยังไง ช่วยกันวิจารณ์ด้วยครับ





Nutcracker

ผมไปค้นข้อมูลเพิ่มเติมมาครับ 

เครื่องยนต์ที่ออกแบบมาใช้งานกับระบบ Hybrid นั้น แม้จะใช้ชื่อว่าเป็นวัฏจักร Atkinson
แต่ก็ไม่ได้มีลักษณะการทำงานแบบด้านบน 100% ครับ     

Atkinson ที่เป็นเครื่องยนต์ Hybrid จะออกแบบ Variable Valve timing ให้วาล์วไอดี
ปิดในขณะที่ลูกสูบกำลังดันขึ้นในจังหวะอัด เพื่อให้ลูกสูบถีบไล่ไอดีคืนกลับไปยังท่อร่วมไอดี
ซึ่งบางเครื่องออกแบบให้วาล์วไอดีปิดตอนที่ลูกสูบเลื่อนขึ้นได้ระยะ 20-30% ของระยะชักเลยทีเดียว
ซึ่งนั่นเท่ากับว่า เครื่องจะเอาน้ำมันมาใช้เทียบเท่ากับ 70-80% ของความจุของเครื่องยนต์ รวมถึง
กำลังอัดก็จะต่ำกว่าการปิดวาล์วไอดีที่ตำแหน่งลูกสูบอยู่ที่จุดต่ำสุดก่อนจะเลื่อนขึ้นในจังหวะอัดด้วย

แต่เมื่อน้ำมันจุดระเบิดเผาไหม้แล้ว ลูกสูบจะเลื่อนลงเต็ม ๆ ระยะชัก  ซึ่งมันก็เข้ากับหลักการของ
Atkinson เพียงแต่ไม่ได้ไปดัดแปลงกับกลไกของก้านสูบเลยครับ  นั่นจึงทำให้เครื่องแบบ
Atkinson มีแรงม้า แรงบิด น้อยกว่า otto

อันนี้ตามที่ผมเข้าใจนะ  สมมุติว่า เครื่องยนต์ 1.8L otto ตามปกติก็รีดกำลังม้าได้ตามนั้น
แต่ถ้าเครื่อง 1.8L แบบ Atkinson ทำให้วาล์วไอดีปิดหลังจากที่ลูกสูบดันขึ้นเป็นระยะ 30%
ของ stroke ดังนั้น เครื่อง 1.8L Atkinson นี้จะมีความจุห้องเผาไหม้เท่ากับเครื่อง 1.44L เอง (1.8L x 80%)
ซึ่งถ้าเทียบกับเครื่อง 1.8L otto แล้ว แรงม้า แรงบิดก็ย่อมน้อยกว่าเป็นธรรมดา เพราะมันกินน้อยกว่า

แต่ในทางกลับกัน ถ้าเทียบเครื่อง 1.8L Atkinson (20%) กับเครื่อง 1.44L otto
อันนี้แม้จะกินไอดีเท่ากัน แต่เครื่อง Atkinson จะได้เปรียบตรงที่ได้งานที่เกิดจาก Stroke ในจังหวะระเบิดที่ยาวกว่าครับ

ซึ่งพอผมหาข้อมูลได้มาแบบนี้ นั่นเท่ากับว่าความจริงแล้ว เครื่องธรรมดาที่มี variable valve ปัจจุบันนี้
มันก็เป็นได้ทั้ง Atkinson ในจังหวะที่ไม่ได้ต้องการเรี่ยวแรงมาก และเป็นได้ทั้ง otto ในจังหวะที่ต้องเค้นกำลังจากเครื่องยนต์

พี่ ๆ ลองพิจารณาดูนะครับ ผิดถูกยังไง ช่วยกันวิจารณ์ด้วยครับ



ดูจากข้อมูล ผมขอเสริมแบบที่ผมเข้าใจง่ายๆแล้วกันครับผิดถูกยังไงต้องขออภัยครับ
AK เป็นการเอาแรงเฉื่อย(พลังงาน)ที่เสียไปในระบบ otto เดิมกลับมา
AK ไม่ปิดวาล์วไอดีทันที และ การยืดช่วงชักตอนระเบิด  ทำให้การเหวี่ยงของข้อเหวี่ยงสมูทขึ้น เพราะมีการชลอก่อนเปลี่ยนทิศทางแนวแรง ทำให้สูญเสียแรงเฉื่อยน้อยลง (ข้อพิสูจน์คือความร้อนกระบอกสูบน้อยลง )

ข้อเสียของ AK
-กำลังต่อซีๆน้อยลงเมื่อเที่ยบกับ  otto
-ชิ้นส่วนมากขึ้น การดูแลมากกว่า ต้นทุนผลิตเครื่องสูงกว่า ขนาดใหญ่หว่าเมื่อเทียบม้าเท่ากัน

เหตุที่ AK ให้กำลังน้อยกว่า
-เพราะกว่าจะครบ 1 cycle มันยืดยานใช้เวลานานกว่า ต้องแบ่งเวลามาตักตวงกำลังที่ไม่อยากเสียไปนั้นกลับมา ซึ่งก็ได้กลับมาซัก 10%=ส่วนที่ประหยัดขึ้น
-ช่วงรอบที่เหมาะสมกับเครื่องประเภทนี้เป็นช่วงไม่มาก ความยืดหยุ่นน้อยกว่า
-มันจึงเหมาะกับการทำงานร่วมกับมอเตอร์เพื่อแก้ปมด้อยไงครับ แล้วยังได้การประหยัดพลังงานต่อที่สองจากระบบ hybrid  อีกที

ส่วนถ้าเทียบความแรงกับ otto สรุปตามในหนัง
AK 1.8= otto 1.5
ความประหยัด
AK 1.8= otto 1.4

แต่ใน  chr hybrid ผมเชื่อว่า
ความแรงขับในเมืองบุคลิกน่าจะเทียบเท่าเครื่อง 2.0 ส่วนขับเกิน 80 น่าจะเทียบเท่าเครื่อง 1.6










Jacob

จากวิดีโอ
ช่วง intake AK ลูกสูบจะลงไปต่ำกว่าแบบ OT แต่เพราะวาล์วไอดีปิดช้ากว่าเลยยังใช้น้ำมันเท่ากับแบบ OT

นาทีที่ 2.13 บอกว่า AK..transfer more power.. หมายถึงว่า นอกจากลูกสูบจะถูกดันจากแรงระเบิดแล้วยังเคลื่อนต่อไปอีกด้วยแรงเฉื่อยจากกลไกทำให้ได้ระยะไกลขึ้น (การที่ลูกสูบเคลื่อนไปได้ไกลขึ้น ความร้อนกับความดันในกระบอกสูบจึงน้อยกว่า)

ดังนั้นใช้น้ำมันแบบ 1.4L เท่ากัน แต่ AK จะดันลูกสูบได้เท่า 1.8L ซึ่งได้ power output แบบ 1.5L(เพราะแรงจากจุดระเบิดก็เท่าเครื่อง 1.4 นั่นแหละรวมกับแรงเฉื่อยจากกลไก แถมก้านสูบก็ไม่หมุนเพลาล้อโดยตรง ต้องกระจายแรงไปในกลไกอีก ดังนั้นถึงปริมาตรกระบอกสูบจะเป็น 1.8 แต่กำลังออกมาจริงเลยเท่ากับ 1.5)

สรุป เครื่อง AK 1.8 จึงมีแรงม้าแรงบิดน้อยกว่าเครื่อง 1.8 ธรรมดา

ปล.ถ้าเทียบกับ 1.4 ติดเทอร์โบ อันไหนคุ้มกว่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 27, 2017, 03:15:20 โดย Jacob »



eaton fuller

Re: // Toyota C-HR เวอร์ชั่นไทย มีให้เลือกทั้งเบนซิน 1.8 - 1.8 Hybrid //
« ตอบกลับ #40 เมื่อ: พฤศจิกายน 02, 2017, 09:04:11 »
คุณ symphonic และ ต่อเนื่อง 2 ท่าน ยอดๆๆๆ ได้ความรู้เพิ่มเยอะเลย

เพิ่งรู้ว่ามีเครื่องทำงานครบ4จังหวะใน1รอบ