Review ของเล่นชิ้นโปรด MINI Cooper S R53 เกียร์ MT

[paulmerc]

สวัสดีครับ 

ก่อนหน้านี้ผมได้รีวิว Ecoupe C207 ไปแล้ว ในกระทู้นี้ผมขอ Review รถอีกคันที่ผมใช้อยู่ เป็นรถคันโปรดที่มีความสุขทุกครั้งที่ได้หยิบกุญแจมาสตาร์ทมันออกไป  Mini Cooper S R53 MT รถ minorchange ปี 2005 ในเรื่องของสเปครถ ผมอ้างอิงจาก UK Spec  รายละเอียดคร่าวๆดังนี้ครับ

Engine  :  1598cc  4 สูบ Supercharged
Max Power  :  168 bhp @ 6000 prm
Max Torque  :  155 bhp @ 4000 rpm
Weight  :  1140 kg
Power to weight  :  143 bhp/ton
0-62 mph  :  7.2 second
Top speed  :  135  mph  (ประมาณ 217 km/h)

[paulmerc]

ข้อมูลทั่วไป

ตัว Mini R53 นี้เป็นโมเดล Hatch/ Hardtop ที่อยู่ในสายการผลิตระหว่างปี 2001 - 2006 โดยมีรุ่นย่อยหลายรุ่น คือ one, cooper, cooper s รวมถึง John Cooper Works ตัวแรงในอนุกรม 

ซึ่งสำหรับคันของผมเป็น Cooper S เป็นสเปค UK โดยเป็นรถสีขาว ตกแต่งคุมโทน ขาว-ดำ ได้ตกแต่งเพิ่มเติมโดยเปลี่ยนกระจังหน้าใหม่ หุ้ม wrap สีดำตามจุดที่เป็นโครเมียมต่างๆ (มือจับ ครอบไฟหน้า ฝาถังน้ำมัน เป็นต้น) ติดใส่กระต่ายเพิ่มเติม ล้อ Jcw 17" R112 Cross Spoke Challenge สีดำ เปลี่ยนเบรคเป็น D1 spec สีเหลือง

ส่วนภายในห้องเครื่อง  ได้เปลี่ยนกรองเดิม เป็นกรองของ BMC ติดค้ำโช้คหน้าของ clos เพิ่มเติมครับ

[paulmerc]

ห้องโดยสารภายในรถ


ถึงแม้ว่ารถมินิดูภายนอกจะมีขนาดเล็ก แต่ด้วยการออกแบบทำให้เมื่อเข้าไปนั่งภายในรถแล้วไม่อึดอัดเลยครับ ตัวผมเองสูงประมาณ 180 แต่ก็สามารถนั่งได้ปกติ headroom มีเหลือประมาณเกือบฟุตได้ ไม่มีโถงเกียร์ตรงกลางรถแบบพวก bmw benz ที่จะมาเบียดขาซ้ายให้รู้สึกอึดอัดเปล่าๆ

ตำแหน่งที่นั่ง มีความสูงพอๆกับรถเก๋งยุโรปทั่วไป แต่พอเวลามาขับเกียร์ธรรมดาแล้ว ตำแหน่งที่นั่งสบายที่สุดและทำให้เข้าเกียร์ได้ง่ายที่สุด คือการปรับเบาะให้ต่ำสุด และให้ชิดเข้าหาแป้นเหยียบ

มุมมองด้านหน้า เสา A มีขนาดเล็ก และหน้ารถมีระยะสั้นมาก ทำให้มุมมองดีมาก สามารถมองเห็นหน้ารถได้เกือบ 180 องศา มุมมองด้านหลัง กระจกมีความกว้าง โปร่งตลอดทั้งคัน และด้วยเป็นรถท้ายสั้น ก็ทำให้การกะยะท้ายรถทำได้ง่ายมากเช่นกันครับ

แผงคอนโซลและดีไซน์ภายใน  ผมค่อนข้างชอบมากกว่าคันใหม่ เช่น R56 เพราะตัว r53 เส้นสายมันดูคม  มีความสปอร์ต ดูไม่นุ่มนวลน่ารักแบบตัว r56 บวกกับผมไปทำพวงมาลัยใหม่ จับหุ้มผ้า Kevlar เข้าไป ทำให้ยิ่งดูสปอร์ตมากขึ้นกว่าเดิม

[paulmerc]

รีวิวการขับขี่


อัตราเร่ง  :  จาก UK Spec ที่ระบุไว้ว่า 0-100 ภายใน 7.2 วินาที  ในชีวิตจริงก้สามารถเร่งได้ตามนั้นเลยครับ  จากที่ขับมา  มินิตัว supercharge จะแรงก็ต่อเมื่อรอบตั้งแต่ 3000 rpm ไปแล้วครับ ถ้าน้อยกว่านั้นก็คือรถบ้านดีดีนี่ละ ซึ่งถ้าเทียบกับตัว r56s ที่เป็น turbo แล้ว ต้องยอมรับว่าช่วงความเร็วต่ำๆ R53 สู้ r56 หรือรถเทอร์โบอื่นๆไม่ได้แน่  แต่ถ้าเป็นความเร็ว 80 km/h ขึ้นไปก็สามารถไล่สู้รถเทอร์โบได้สบายๆครับ (ต้องแรงม้าพอๆกันด้วยนะ ไปไล่พวก 911 ก็คงไม่ไหวครับ)

ความหนึบ การเกาะถนน  :  หนึ่งในชื่อเสียงของมินิตั้งแต่ยุค mini mark 1 จนถึง mark 7 (ตัวเก่าที่เล็กๆน่ารักนั่นละ) ก็คือการเกาะถนนที่ดีมาก เนื่องจากล้อของรถนั้นอยู่ที่มุมของรถทั้ง 4 ทำให้สามารถควบคุมได้ดั่งใดนึก เสมือนกับขับโกคาร์ทอยู่  และ dna นี้ก็สืบทอดต่อมายัง R53 และรุ่นใหม่อื่นๆ จนกลายเป็นการขับขี่ที่เป็นเอกลักษณ์ของยี่ห้อนี้ จากรถที่ผมเคยลองขับมา ทั้ง Audi bmw benz ฯลฯ  Mini เป็นรถที่นิ่งที่สุดในการขับขี่ด้วยความเร็วสูงครับ แต่จุดที่ต้องระวังคือเนื่องจากเป็นรถขับหน้า และมีท้ายสั้น ทำให้ถ้าเข้าโค้งเร็วเกินไปอาจมีอาการท้ายดิ้นเล็กน้อยครับ

ความนุ่มนวล  :  r53 ไม่นุ่มเลยครับถ้าเทียบกับ r56 หรือ f56 ที่ขับสบายกว่ากันเยอะ ซึ่งผมก็ได้ไปลองนั่ง r53 ของเพื่อนๆที่ใส่โช้คอื่นมา ทั้ง KW v1 v2 Tein Bil B12 B16 และอื่นๆ ซึ่งทำให้รถนุ่มขึ้นเยอะ แต่กลับรู้สึกว่าเวลาวิ่งไวๆมันไม่มั่นใจเท่าช่วงล่างเดิมติดรถ สุดท้ายก็เลยตัดสินใจว่าใช้ของเดิมนี่ล่ะ (ยกเว้นเงินถึงขนาด Ohlins DFV ที่เค้าบอกว่าดีสุดสำหรับมินิแล้วครับ ได้ทั้งนุ่มทั้งหนึบ) 

การบริโภคน้ำมัน  :  ขับแบบไม่ซิ่ง ผมได้ 7-10 km/litre สำหรับใช้งานในเมืองครับ (ย่านเลียบด่วน เกษตรนวมินทร์)  ถ้าซัดทางด่วนก็ประหยัดสุดได้แค่สุด 7 km/litre 55+


ความสะดวกในการใช้งาน  :  Mini เป็นรถ Hatchback 2 ประตู เหมาะสำหรับครอบครัวขนาดเล็กครับ เบาหลังผู้ชายสูง 170 สามารถนั่งได้ เกินนั้นจะอึดอัด หัวติดเข่าติดเบาะหน้าครับ ส่วนเบาะหน้านั่งสบาย ไม่แคบอึดอัด ฝากระโปรงหลังเก็บของได้ไม่มากครับ ใส่กระเป๋าเดินทาง 20 kg กับ cabin bag ก็เต็มแล้วครับ ถ้าอยากบรรทุกเพิ่มก็ให้พับเบาะหลังได้ครับ 

ส่วนการขับขี่ในเมืองสะดวกมาก รถหน้าสั้นท้ายสั้น ซอกแซกตามซอยเล็กๆแบบเอกมัยทองหล่อได้สบายมาก ตัวรถถ้าตกแต่งดีดี บำรุงรักษาดีดี ยังดูเป็นรถราคาแพงอยู่ สถานที่บางแห่งยามยังยกกรวยเปิดเชือกกั้นยกให้จอดอยู่ครับ

[paulmerc]

สรุปครับผม

ความพึงพอใจ  :  เป็นรถที่ขับแล้วสนุกอย่างไม่น่าเชื่อครับ เป็น sleeper car ที่ดูติ๋มๆแต่ว่าขับได้มันกว่าหน้าตามาก  เสียง supercharge whining วี๊ดๆ เป็นเอกลักษณ์และไพเราะมากครับ เป็นเสียงที่เพราะมากซึ่งรถสมัยใหม่ที่เป็น turbo แล้วไม่สามารถให้ได้ครับ  การใช้งานในเมืองสะดวกมาก คล่องตัว ขับง่าย ภาพลักษณ์ดี เท่าที่สังเกตุผู้หญิงมองมากกว่าผู้ชาย และยังดูเป็นรถราคาแพงอยู่แม้จะอายุ 10 ปีแล้วก็ตาม

เกียร์ธรรมดาขับยากไม๊  :  ยากครับ  ถ้าไม่เคยขับมาก่อนอาจจะต้องใช้เวลาปรับตัวซักพัก  คลัช mini จะแข็งกว่ารถญี่ปุ่นเยอะครับ  ยิ่งรถติดนะเหมือนกับเข้าฟิตเนสไปเล่นกล้ามขาเลยครับ  แต่ข้อดีของเกียร์ธรรมดาคือคุณจะลากรอบได้มันมาก  ปกติถ้าผมซิ่งจะลากรอบไปเปลี่ยนเกียร์เล่นช่วง 4000-5000 รอบประจำครับ

การเล่นมือ 2 และราคาขายต่อ  :  ปัจจุบัน R53 ราคามือสองในตลาดอยู่ที่ 500,000 - 700,000 แล้วแต่ option สภาพรถ mileage และเป็นรถศุนย์ รถเกรย์ หรือรถจดประกอบครับ

การเล่น mini r53 นั้นมีรถจดประกอบจำนวนมากซึ่งถ้าเราไม่เก็บเช็ครายละเอียดรถดีดีจะอันตรายครับ ถ้าโชคดีอาจได้จดประกอบแบบถอดเครื่องออก chassis เดิม  ถ้าโชคร้ายอาจได้รถหั่นครึ่งแล้วมาเชื่อมใหม่ด้วยช่างไทยแถวๆ กทม.ครับ  ดังนั้นผมจึงแนะนำว่า ถ้างบไม่ใช่ปัญหา หารถศูนย์ไปเลยดีกว่าครับ ราคาต่างกันไม่กี่หมื่นบาท

ดังนั้นถ้าอยากเล่นจริงๆ ผมแนะนำดังนี้ครับ

1. ขอ service book  ถ้าไม่มี รถเข้าอู่นอก ก็ขอใบเสร็จที่เช็คระยะบำรุงรักษารถมาดู
2. หาอู่มินิ ขึ้นฮ้อย จิ้มคอม ค่าใช้จ่ายไม่แพงครับ 1000-2000 บาทเท่านั้น
3. ดูดีดี ว่าท้ายยับหน้ายับมาหรือเปล่า engine no. chassis no. ว่าตรงกับเล่มทะเบียบรถไม๊ ดูหัวน๊อตตามโครงรถว่าสีสม่ำเสมอ มีทาสีใหม่ มีเปลี่ยนชิ้นใหม่ไม๊  ดูสนิมภายนอกรถภายในรถด้วยครับ  เพราะรถอายุ 10 ปีแล้วถ้าดูแลไม่ดีมีสนิทแน่ๆครับ


อาการเสียประจำตัว

1.  คอมแอร์  ทั้งระบบซ่อม 20000 - 30000
2.  ท่อน้ำมันพาวเวอร์ จะมี 2 ท่อ  ของแท้ 10000-15000 ของเทียบก็มี ถูกกว่าไม่กี่พัน
3.  supercharge  ซ่อมทั้งเป็นพูเล กับชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้อง มี 20000-30000
4.  ช่วงล่าง ปีกนก  แล้วแต่สภาพ  ราคาพอๆกันครับ
5.  เกียร์  ถ้า auto แจคพอตพังซ่อมแพงครับ  ส่วน manual  ช่างบอกซ่อมถูกครับ ของผมมีเจ้าของเดิมเปลี่ยนตัวชุดแผ่นคลัชแค่นั้น


รถยุโรปมือ 2 ไม่ยากอย่างที่คิดนะครับ แค่ต้องหาข้อมูลเยอะมากๆ  จากหลายๆแหล่ง อย่าให้ใครมาหลอกเราได้ และลองผิดลองถูกไปเรื่อยๆ แล้วคุณจะหลงเสน่มันครับ เพราะประสบการณ์ที่ตัวรถมอบให้มันคุ้มค่ามาก

[luxifer]

ขอบคุณที่มาแชร์ครับ ไม่ทราบคันนี้ได้มาตั้งแต่มือหนึ่งรึเปล่าครับ ค่าดูแลรักษาเทียบกับเบนซ์เป็นยังไงบ้างครับ

[paulmerc]

ขอบคุณที่มาแชร์ครับ ไม่ทราบคันนี้ได้มาตั้งแต่มือหนึ่งรึเปล่าครับ ค่าดูแลรักษาเทียบกับเบนซ์เป็นยังไงบ้างครับ

ซื้อมือสองมาครับ ส่วนบำรุงรักษานับเฉพาะค่าเปลี่ยนของเหลวนะครับ แพงกว่าเบนซ์เพราะมีประเภทของเหลวให้เปลี่ยนมากกว่า  แต่ถ้าพวกอะไหล่อื่นๆ ส่วนใหญ่ถูกกว่าครับ มีบางอย่างแพงกว่าเช่นพวก โช้คอัพ ช่วงล่าง เพราะของแต่งเริ่มหายากครับ

[หมีขับสี่]

ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับ รถสวยมาก แถมเป็นเกียร์ธรรมดาซะด้วย

MINI นี่เมียผมอยากขับมาก แต่กลัวค่าซ่อม ผมเลยต้องคอยเบรคไว้ตลอด ได้กระทู้นี้เป็นข้อมูลเพิ่มเติมพอดีเลย

 

[GaB]

เคยได้ครอบครองอยู่ประมาณหนึ่งปีครับ โดยรวมรถมันน่ารักดี ใครเห็นก็ชอบ ขับสนุกพอประมาณ (รถคันเก่าผมเป็นตัวไมเนอร์ฯ เกียร์ธรรมดา รถศูนย์ฯ) มีระบบความปลอดภัยครบครัน (DSC, Airbag ทั้งคู่หน้า ด้านข้าง เป็นต้น) เลยขอมาแชร์ข้อมูลด้วยคนครับ

เรื่องอู่ ถ้าหาที่คุยรู้เรื่อง ไม่ฟันจนเกินไป จะดีมาก แต่มินิมันเป็นรถที่ถูกมองว่าต้องมีตังค์แน่ๆถึงใช้ หรือไม่ก็ซื้อมาใช้เพราะความน่ารักของรถแต่ไม่มีความรู้เรื่องการซ่อมบำรุง จึงมักจะถูกอู่ฟัน ผมสารภาพเลยว่าขายไปเพราะหาอู่ที่ถูกใจไม่ได้ ผมต้องหาข้อมูลในเน็ตทั้งจากอเมริกาและอังกฤษ เอาง่ายๆ รถผมมี Parking Sensor หลังมา (ของแท้ติดรถ) แต่มันไม่ทำงาน ผมเอาเข้าอู่ซ่อมมินิที่ดังๆ 2-3 ที่ อู่แรกบอกว่าต้องรื้อสายไฟไล่วายริ่งใหม่?! อู่ที่สองบอกเซนเซอร์เสีย? สุดท้ายผมลองไล่หาข้อมูลเอง สรุปแค่ฟิวส์ขาด...

รุ่นนี้จุดอ่อนนอกจากที่ จขกท. บอกข้างต้นแล้ว ยังมีพัดลมตัวเล็กๆที่ไว้เป่าระบายความร้อนให้ปั๊มเพาเวอร์อีกอย่าง ถ้าพัดลมตัวนี้พัง เจ้าของรถจะมารู้ตัวอีกทีก็ตอนพวงมาลัยหนักเป็นเพาเยอร์นี่แหละครับ (ปั๊มระบายความร้อนไม่ได้ แล้วพังในที่สุด) ซึ่งด้วยความที่มันอยู่ใต้เครื่อง ดังนั้นถ้าต้องลุยน้ำท่วม มันก็จะต้องลุ้นๆหน่อย ไม่ก็ถ้าขับทับพวกถุงพลาสติกแล้วมองกระจกหลังแล้วมันไม่ลอดผ่านใต้ท้องรถไปก็อย่าลืมมุดไปตรวจสอบพัดลมที่ว่านี้ด้วย (ถุงพลาสติกมันอาจจะไปอุดพัดลม) ซึ่งถ้าให้ดีต้องไปหาแผ่นปิดใต้ท้องของ R53 ตัวท้ายๆมาใส่ ซึ่งจะมีแผ่นปิดพัดลมที่ว่า และมีช่องดักลมระบายความร้อนเรียบร้อย พัดลมที่ว่านี่เคยให้อู่เบิกร้านอะไหล่ให้ (ของ OEM) ล่อไป 7 พันบาท...

จุดอ่อนอีกข้อคือ หากใส่โช้คแต่งที่แข็งมากๆ หรือขับเล่นในสนามแล้วปีนแบงค์โหดๆ ระวังซุ้มโช้คหน้าฉีกครับ อาการนี้เกิดใน BMW ยุคนั้นด้วย (E46) แต่ BMW ยังทำแผ่น Reinforcement plate มาขายเพื่อแก้ปัญหา แต่มินิไม่มี ต้องไปหาของแต่งมาใส่แทน รถผมยังไม่ฉีกแต่ซื้อของมาเตรียมใส่แล้ว กะใส่ตอนเปลี่ยนโช้คแต่สุดท้ายขายรถไปก่อน

สรุปแล้ว

ข้อดี รถขับสนุก ความปลอดภัยครบ ไปไหนก็น่ารัก ใครๆก็ชอบ จอดง่าย รปภ.ยังพอช่วยหาที่จอดให้ไม่แพ้ Benz BMW

ส่วนข้อเสีย ต้องหาข้อมูลประกอบการซ่อมไว้ด้วย เพราะลองมาหลายอู่ ยังไม่เจออู่ที่รู้สึกถูกใจซักที (ข้อนี้ผมอาจจะโชคไม่ดีเอง) พยายามหาอู่ที่ไว้ใจได้ อะไหล่ใหม่กับมือสองหรือของแต่ง ถ้าเจอแหล่งแล้วราคาไม่แรงอย่างที่คิด (ผมมาเจอตอนที่ขายรถไปแล้ว...) ที่เก็บของข้างหลังเล็กมาก เบาะหลังนั่งระยะสั้นๆพอได้แต่นั่งนานๆแล้วลงมาจากรถเดินไม่เป็นแน่นอน

[ps000000]

เฟี้ยวฟ้าวน่าดูคันนี้

[SM.]

น่าใช้ดีครับ ผมว่า mini มันก็ต้อง model นี้แหละ ถึงจะเป็น mini จริงๆ

[koko86]

เด็ดมาก ขอบคุณครับ