ปัญหาคือการชนแล้วต้องเครมครับ...ไม่ใช่การทำตอนแรกหรอก เพราะรถป้ายแดงแล้วทำมันไม่มีปัญหา แต่ถ้าคุณชนมาแล้วเครมสี
แล้วถ้าเครมออกมาสีไม่เท่ากับทั้งคัน คิดง่ายๆ คุณก็จะหงุดหงิดใจต้องแก้ไขชิ้นงานที่เครม แล้วก็เสียเวลามาเคลือบแก้วอันนี้อีก
แล้วอนาคตถ้ามีเครมชิ้นอื่้่นๆ คุณอาจจะตัดใจ เอาวะ เครมมันทั้งคันแล้วกัน เพราะกลัวว่าสีมันจะไม่เท่ากันทั้งคัน (พวกโรคจิตอย่างกระผม
นี่คิดนะครับ...ว่าถ้าเครมไม่เท่ากันปวดหัวเลย) ดังนั้น รถใช้งานผมว่าไม่อาจจะไม่ได้เหมาะสำหรับการทำเคลือบแก้วแบบนี้
แต่ถ้าเป็นรถสปอร์ต รถที่เป็นรถไม่ได้วิ่งทุกวัน ผมว่ามันทำก็ำไม่เสียหายครับ อยากให้ดูองค์ประกอบของการใช้รถประกอบกันด้วย
การชนไม่ได้แปลว่าเราประมาทนะครับ เราไม่ประมาทแต่อุบัติเหตุมันก็เกิดขึ้นได้ ทำให้เราต้องมาห่วงอะไรพวกนี้อีกเยอะเลย
แนะนำหุ้มสติ๊กเกอร์ดีกว่ามั๊ย ไม่พอใจสักสองสามปีก็ลอกทิ้ง ข้อดีคือช่วยป้องกันรอยขูดขีดเล็กๆได้ดีกว่าเคลือบแก้วด้วยครับ
และถ้าเกิดอุบัติเหตุบางครั้งถ้าไม่แรงนี่ไม่เข้าเนื้อสีรถนะ มันต่างกับเคลือบแก้วตรงนี้นี่แหละ เพราะมันจะติดบนผิวสติ๊กเกอร์ครับ
แต่ส่วนตัวผม ผมเคยคุยกับคนที่เป็นคาร์แคร์ที่ทำพวกนี้...และคุยกับคนที่ใช้บริการพวกนี้(เพื่อนผมขับเฟอร์ฯ F430 ครับมันก็ไปทำหล่ะ ตามกระแส)
มันก็ไม่ได้เงางามมากมายไปกว่าการขัดเคลือบสีธรรมดาเลยครับ ไปลูบเฟอร์เพื่อนมันก็ไม่ได้ลื่นไปกว่าฮอนด้าผมที่หมั่นเคลือบสีเลยครับ
การทำงานของเคลือบแก้ว ตามที่คาร์แคร์ที่รู้จักได้อธิบายไว้คือ ถ้ารถใหม่รอยน้อยๆ การขัดลบรอยก่อนเคลือบสำคัญที่สุด คือพยายามขจัดรอย
ให้ได้มากที่สุด เพื่อบูสต์ชั้นแล็คเกอร์ของรถ แล้วเคลือบแข็ง ขั้นตอนมันไม่ได้ดีไปกว่าการขับเคลือบสีัทั่วไปเลย
นั่นหมายความว่า ชั้นแก้วที่เคลือบ มันก็อยู่บนเคลียร์โค้ตของรถนั่นเอง ไม่ได้ซึมลึกอะไรมากมายครับ อันนี้อยากให้เข้าใจตรงกัน
ข้อดีคือมันเกาะได้ทนทานนานปีกว่า น้ำยาเคลือบสีธรรมดาครับ ส่วนราคาก็ว่ากันไปครับ หลักสองหมื่น
การขัดเคลือบสีธรรมดา อยู่บนชั้นเคลียร์โค้ตเหมือนกันครับ แต่อยู่ได้ไม่นานเท่า ส่วนค่าน้ำยากับค่าขัดที่ผมใช้บริการนะ
น้ำยาเฉลี่ยครั้งละ 100 ค่าขัดมากิต้านะครั้งละ 300 น้ำยาเคลือบครั้งละ 50 เห็นจะได้ ค่าแรง 100
แปลว่าถ้าผมทำแบบธรรมดาๆ ผมจะเสียค่าใช้จ่ายอยู่ราวๆ 600 บาทต่อครั้ง(รวมล้างรถดูดฝุ่น ลูบดินน้ำมันด้วยละกัน)
20,000 หารด้วย 600 แปลว่าผมจะขัดเคลือบสีแบบดีๆ เนี่ยได้ถึง 33 ครั้ง ซึ่งเยอะเกินความจำเป็นของการใช้รถด้วยซ้ำไปครับ
การขัดสีรถ ปีละ 2-3 ครั้งก็มากพอแล้ว ครั้งอื่นๆแค่เคลือบสีดีๆก็พอ ดังนั้น ผมเลือกแนวทางธรรมดา
คือหมั่นขัดและเคลือบสีรถ บ่อยๆหน่อย เดือนละครั้ง ดังนั้นด้วยเงินเท่ากัน
ผมก็สามารถมีรถที่มีสีสันสวยงาม เงาแว๊บ ไร้ร่องรอยตลอดเวลาได้เกินกว่า 3 ปีเช่นกันครับ
และผมกล้าท้าว่า การดูแลแบบเคลือบแก้ว และการหมั่นขัดเคลือบแบบธรรมดาแบบที่ผมอธิบาย
สุดท้ายผลลัพธ์นะครับ แบบธรรมดาแต่สม่ำเสมอ จะทำให้รถคุณดูสวยกว่ามากๆครับ
อย่าเชื่อ!! แต่จงลองพิสูจน์ด้วยตัวท่านเองครับ