ทำไมรถเก๋ง 4 ประตูที่อินเดีย ถึงมีการออกแบบและ option ที่ดูหรูหรากว่าในไทยครับ

e:smart Hybrid

สวัสดีครับ

ผมสงสัยมาสักพักแล้ว จากการที่ตัวเองได้อ่านคอลัมภ์รถยนต์จากอินเดียมา ผมมีข้อสังเกตครับ

คือ รถ B-car ลงไปที่บ้านเขา ภายในจะสีครีมเบส ถ้าเป็นเก๋งจะมีลายไม้ กับที่วางแขนด้านหลัง

แบบ Brio amaze
รถ 1.5 เขามีเบาะหนัง แอร์หลัง โดยรวมดูหรูหรากว่าบ้านเรา

อย่าง City ก็มี Sunroof

Ativ ยังมีแอร์หลัง ครูส เบาะหนังมีที่วางแขน

คือ ทำไมรถบ้านเราถึงมีแต่ภายในสีดำ ไม่มีที่วางแขน แอร์หลัง (เว้น Ciaz) ไม่มีลายไม้ ดูราคาถูกมากเทียบกับ อินเดียครับ
กลุ่มเป้าหมายของอินเดีย ไม่เหมือนกับบ้านเราหรือครับ



Terng

สวัสดีครับ

ผมสงสัยมาสักพักแล้ว จากการที่ตัวเองได้อ่านคอลัมภ์รถยนต์จากอินเดียมา ผมมีข้อสังเกตครับ

คือ รถ B-car ลงไปที่บ้านเขา ภายในจะสีครีมเบส ถ้าเป็นเก๋งจะมีลายไม้ กับที่วางแขนด้านหลัง

แบบ Brio amaze
รถ 1.5 เขามีเบาะหนัง แอร์หลัง โดยรวมดูหรูหรากว่าบ้านเรา

อย่าง City ก็มี Sunroof

Ativ ยังมีแอร์หลัง ครูส เบาะหนังมีที่วางแขน

คือ ทำไมรถบ้านเราถึงมีแต่ภายในสีดำ ไม่มีที่วางแขน แอร์หลัง (เว้น Ciaz) ไม่มีลายไม้ ดูราคาถูกมากเทียบกับ อินเดียครับ
กลุ่มเป้าหมายของอินเดีย ไม่เหมือนกับบ้านเราหรือครับ

เดาล้วนๆจากที่เคยไปอินเดีย และมีเพื่อนเป็นอินเดียหลายคน

ที่นู่นคนซื้อแต่รถเล็ก คนทำงานแล้ว ผู้ใหญ่หน่อย ก็มักซื้อรถเล็กกัน ผมไปอยู่ 10 กว่าวันก็เห็นแต่พวกรถเล็กๆแบบนี้แทบไม่เห็นรถใหญ่เลย ขนาดพวก Corolla ยังหายาก เลยคิดว่า รถพวกนี้โจทย์น่าจะเน้นกลุ่มผู้ใหญ่

แต่เมืองไทย รถถูกๆพวกนี้ มีคนซื้อจำนวนไม่น้อยที่เป็นพวก First jobber เพิ่งเริ่มทำงานใหม่ๆ ซื้อเองบ้าง ที่บ้านซื้อให้บ้าง รถพวกนี้จึงทำภายในสีดำและไม่ค่อยใส่ลายไม้ (เพราะเดี๋ยวดูแก่) และมักจะไม่ค่อยเจอว่ามีแอร์หลังเพราะมักขับคนสองคน

เดาล้วนๆนะครับ จากที่สังเกต
=====================
รถที่ใช้เป็นประจำ
2013 Toyota Camry Extremo 2.0
2015 Ford Ranger T6 XLT Open Cab 2.2 MT
2018 Toyota CHR HV Mid
=====================



Nonlamer

ปกติครับ เรื่องพวกนี้อยู่ที่วิจัยการตลาดของ Local ครับ ค่านิยมแต่ละประเทศไม่เหมือนกันอยู่แล้ว



groovy

ว้าวยาริส มีเบาะปรับไฟฟ้าด้วย จริงๆของไทยตัวท๊อปก็น่าจะให้นะเด๊วนี้ต้นทุนไม่น่าแพง ::)



okashi

เหมือนที่อินเดีย บ้านเค้าจะนิยมเกียร์ MT มากกว่าใช่ไหมครับ
ดูจากขนาดรุ่น Top line ยังมีเกียร์กระปุกให้เลือก
Puma PoweR 🐯🐯



Peet Sayumpoo

ภาษีถูกกว่าไทย ทำให้ขายราคาได้ถูกกว่า หรือราคาเท่ากัน แต่อ๊อพชั่นมากกว่า

เครื่องก็มีตัวเลือกให้เยอะกว่า ในรถรุ่นเดียวกันครับ



HappyCar

ภาษีถูกกว่าไทย ทำให้ขายราคาได้ถูกกว่า หรือราคาเท่ากัน แต่อ๊อพชั่นมากกว่า

เครื่องก็มีตัวเลือกให้เยอะกว่า ในรถรุ่นเดียวกันครับ

เห็นด้วยครับ ภาษีอาจจะเป็นส่วนนึงในการตัดสินใจกำหนดต้นทุนในการผลิต



e:smart Hybrid

ภาษีถูกกว่าไทย ทำให้ขายราคาได้ถูกกว่า หรือราคาเท่ากัน แต่อ๊อพชั่นมากกว่า

เครื่องก็มีตัวเลือกให้เยอะกว่า ในรถรุ่นเดียวกันครับ

เห็นด้วยครับ ภาษีอาจจะเป็นส่วนนึงในการตัดสินใจกำหนดต้นทุนในการผลิต

ในไทยคงต้องหวังพึ่งภาษี Eco car กับ Hybrid อย่างเดียวเลยนะครับ

สวัสดีครับ

ผมสงสัยมาสักพักแล้ว จากการที่ตัวเองได้อ่านคอลัมภ์รถยนต์จากอินเดียมา ผมมีข้อสังเกตครับ

คือ รถ B-car ลงไปที่บ้านเขา ภายในจะสีครีมเบส ถ้าเป็นเก๋งจะมีลายไม้ กับที่วางแขนด้านหลัง

แบบ Brio amaze
รถ 1.5 เขามีเบาะหนัง แอร์หลัง โดยรวมดูหรูหรากว่าบ้านเรา

อย่าง City ก็มี Sunroof

Ativ ยังมีแอร์หลัง ครูส เบาะหนังมีที่วางแขน

คือ ทำไมรถบ้านเราถึงมีแต่ภายในสีดำ ไม่มีที่วางแขน แอร์หลัง (เว้น Ciaz) ไม่มีลายไม้ ดูราคาถูกมากเทียบกับ อินเดียครับ
กลุ่มเป้าหมายของอินเดีย ไม่เหมือนกับบ้านเราหรือครับ

เดาล้วนๆจากที่เคยไปอินเดีย และมีเพื่อนเป็นอินเดียหลายคน

ที่นู่นคนซื้อแต่รถเล็ก คนทำงานแล้ว ผู้ใหญ่หน่อย ก็มักซื้อรถเล็กกัน ผมไปอยู่ 10 กว่าวันก็เห็นแต่พวกรถเล็กๆแบบนี้แทบไม่เห็นรถใหญ่เลย ขนาดพวก Corolla ยังหายาก เลยคิดว่า รถพวกนี้โจทย์น่าจะเน้นกลุ่มผู้ใหญ่

แต่เมืองไทย รถถูกๆพวกนี้ มีคนซื้อจำนวนไม่น้อยที่เป็นพวก First jobber เพิ่งเริ่มทำงานใหม่ๆ ซื้อเองบ้าง ที่บ้านซื้อให้บ้าง รถพวกนี้จึงทำภายในสีดำและไม่ค่อยใส่ลายไม้ (เพราะเดี๋ยวดูแก่) และมักจะไม่ค่อยเจอว่ามีแอร์หลังเพราะมักขับคนสองคน

เดาล้วนๆนะครับ จากที่สังเกต

แสดงว่าคนอินเดียมีอายุมีปัญญาซื้อรถแพงๆ แต่เขาไม่ซื้อกันและมาเลือกรถที่ราคาไม่สูงมากแต่ option ดี ใช่ไหมครับ

หรือเพราะว่าถนนของเขาไม่ดี ขับรถแพงๆ ไม่คุ้ม



Arado_kung

เท่าที่จำได้ ที่นั่นนิยมรถเล็กเพราะถนนที่นั่นตรอก,ซอยเล็กๆเยอะครับ รถใหญ่เข้าไม่สะดวกเท่าไหร่ แล้วรถเล็กมันมุดสะดวกกว่าเวลารถติด การจราจรที่นั่นเรียกว่าจราจลเลยดีกว่าถ้าเป็นในเมือง คนซื้อรถ C-D Segment นี่ก็เป็นระดับคนมีเงินพอสมควรหรือผู้บริหารระดับสูงหน่อยแล้ว หมู่บ้านคนมีเงินถึงจะเจอรถ C-seg ขึ้นไปครับ



rotaryman

ประเด็นคือมีให้เยอะกว่าแต่ขายราคาเท่ากันนี่น่าคิดเลยนะครับ แต่ถ้าขายแพงกว่าก็ปล่อยเขาไป 555



Altima

ข้อสังเกดอีกอันนึงคือรถจะโหลดสูงกว่าบ้านเราเพราะลูกระนาดที่อินเดียขับรถธรรมดาๆก็ขูดได้



xman2029

การแข่งขันสูงกว่าบ้านเราด้วยมั้งครับ อย่าง h กับ t ในจีนยังให้ออฟชั่นมากกว่าบ้านเราแล้วขายในราคาถูกกว่าได้เลย แต่มาบ้านเรา เจ้าตลาดไม่ต้องดิ้นลนแข่งขันกันมากเหมือนที่จีนออฟชั่นก็เลยอย่างที่เห็น+ติ่งเจ้าตลาดบอกใส่ออฟชั่นหรูๆล้ำๆมาทำไมเสียแล้วซ่อมยากต้องออฟชั่นน้อยๆ ซ่อมง่ายๆ ทนๆ นี่ล่ะถึงถูกใจสาวกเจ้าตลาด



LoveYouToo

ผมคิดว่า ด้วยสภาพสังคม เศรษฐกิจ รายได้ต่อหัวของประชากร(PPP น้อยกว่าไทยประมาณ 2.5เท่า) ทำให้เป้าหมายกลุ่มลูกค้าของ B-Seg ต่างจากบ้านเรา กล่าวคือ B-Seg บ้านเราจะเป็นรถของคนที่พึ่งเริ่มทำงานได้ไม่นาน เป้าหมายของคนที่เริ่มประสบความสำเร็จในชีวิตการงานจะเริ่มที่ C-Seg ขึ้นไป(หรือรถที่ราคาเทียบเท่า) ซึ่งเป็น Class ที่เริ่มจะแสดงความหรูหราออกมา ส่วนอินเดียรถของคนที่พึ่งเริ่มตั้งต้นชีวิตจะเป็นรถขนาดเล็ก หรือ A-Seg ส่วน B-Seg จะเป็นรถของคนที่เริ่มมีเงินในอีกระดับ ไม่แตกต่างเมื่อเทียบไทยกับประเทศเจริญแล้ว ที่รถ Standard จะเป็น D-Seg (ไม่รวมประเทศเจริญขนาดเล็กๆที่ระบบขนส่งสาธารณครอบคลุม)

บ้านเรารถมีราคาแพงมาก(เมื่อเทียบกับรายได้)และรถเป็นเครื่องแสดงสถานะทางสังคม A-Seg ไม่ได้รับการยอมรับ ถึงราคาถูกก็ขายไม่ได้ ตัวเริ่มต้นเลยเป็น B-Seg(ทั้งแท้และที่สวม Bเป็นA) B-Seg เลยไม่จำเป็นต้องหรู แต่ต้องออกแนวทันสมัยโฉบเฉี่ยว ไม่ได้ใช้กันหลายคน อีกอย่างบ้านเราใช้กระบะพอๆกับเก๋ง(ราคาอยู่ในช่วง B-C Seg)

ใครเคยไปอินเดียจะทราบว่า ประเทศเขาคนแยอะและยังลำบากอยู่มาก แต่คนมีเงินคือแบบว่ารวยมาก ตลาดมหึมาแต่คนที่ประสบความสำเร็จมีน้อยราย รถขนาดเล็กราคาประหยัดจึงตอบโจทย์ของตลาดที่นี่ B-Seg จึงเริ่มเป็นรถฟุ่มเฟื่อยเลยต้องจัดเต็ม บริษัทรถเขาต้องศึกษาและสำรวจตลาดเป็นอย่างดีก่อนทำรถออกมาขาย(ยกเว้นไม่เก่งมองตลาดไม่ขาด) อย่างปัจจุบันคนไทยเริ่มไม่ตอบรับรถที่มีระบบความปลอดภัยพื้นฐานไม่จัดเต็ม(ถุงลม/ระบบควบคุมการทรงตัว) ระบบเหล่านี้จึงเริ่มไปอยู่ในตัวเริ่มต้นของรถขนาดเล็ก สมัยก่อนถ้าไม่ใช่ตัว Top ของ C/D ยังไม่ได้เลย




poonshop

อะหือ  ยารีส แอร์หลัง(หลังคา)เท่ส์สุดๆ...



SM.

แล้วแต่ความต้องการของตลาดด้วยนะครับ รวมทั้งนโยบายที่เอิ้อของภาครัฐ



Sweettender

โอ้โหเห็น City ตัวท๊อปเกียร์ธรรมดา แล้วอยากได้เลย
2018 Honda Jazz S M/T
1989 Mazda 323 1.5 GLX M/T



Panerai II

ผมคิดว่า ด้วยสภาพสังคม เศรษฐกิจ รายได้ต่อหัวของประชากร(PPP น้อยกว่าไทยประมาณ 2.5เท่า) ทำให้เป้าหมายกลุ่มลูกค้าของ B-Seg ต่างจากบ้านเรา กล่าวคือ B-Seg บ้านเราจะเป็นรถของคนที่พึ่งเริ่มทำงานได้ไม่นาน เป้าหมายของคนที่เริ่มประสบความสำเร็จในชีวิตการงานจะเริ่มที่ C-Seg ขึ้นไป(หรือรถที่ราคาเทียบเท่า) ซึ่งเป็น Class ที่เริ่มจะแสดงความหรูหราออกมา ส่วนอินเดียรถของคนที่พึ่งเริ่มตั้งต้นชีวิตจะเป็นรถขนาดเล็ก หรือ A-Seg ส่วน B-Seg จะเป็นรถของคนที่เริ่มมีเงินในอีกระดับ ไม่แตกต่างเมื่อเทียบไทยกับประเทศเจริญแล้ว ที่รถ Standard จะเป็น D-Seg (ไม่รวมประเทศเจริญขนาดเล็กๆที่ระบบขนส่งสาธารณครอบคลุม)

บ้านเรารถมีราคาแพงมาก(เมื่อเทียบกับรายได้)และรถเป็นเครื่องแสดงสถานะทางสังคม A-Seg ไม่ได้รับการยอมรับ ถึงราคาถูกก็ขายไม่ได้ ตัวเริ่มต้นเลยเป็น B-Seg(ทั้งแท้และที่สวม Bเป็นA) B-Seg เลยไม่จำเป็นต้องหรู แต่ต้องออกแนวทันสมัยโฉบเฉี่ยว ไม่ได้ใช้กันหลายคน อีกอย่างบ้านเราใช้กระบะพอๆกับเก๋ง(ราคาอยู่ในช่วง B-C Seg)

ใครเคยไปอินเดียจะทราบว่า ประเทศเขาคนแยอะและยังลำบากอยู่มาก แต่คนมีเงินคือแบบว่ารวยมาก ตลาดมหึมาแต่คนที่ประสบความสำเร็จมีน้อยราย รถขนาดเล็กราคาประหยัดจึงตอบโจทย์ของตลาดที่นี่ B-Seg จึงเริ่มเป็นรถฟุ่มเฟื่อยเลยต้องจัดเต็ม บริษัทรถเขาต้องศึกษาและสำรวจตลาดเป็นอย่างดีก่อนทำรถออกมาขาย(ยกเว้นไม่เก่งมองตลาดไม่ขาด) อย่างปัจจุบันคนไทยเริ่มไม่ตอบรับรถที่มีระบบความปลอดภัยพื้นฐานไม่จัดเต็ม(ถุงลม/ระบบควบคุมการทรงตัว) ระบบเหล่านี้จึงเริ่มไปอยู่ในตัวเริ่มต้นของรถขนาดเล็ก สมัยก่อนถ้าไม่ใช่ตัว Top ของ C/D ยังไม่ได้เลย

เห็นด้วยกับท่านนี้ครับ
จากประสบการณ์ที่เคยไปทำงานที่อินเดีย (อุตสาหกรรมรถยนต์) และมีเพื่อนร่วมงานเป็นชาวอินเดีย นั่งตรงข้ามกันในออฟฟิศ
จริงอยู่ราคารถในอินเดียถูกกว่าประเทศไทยครับ แต่รายได้ประชากรเฉลี่ยแล้วเขายังสู้ไทยไม่ได้ครับ
(แต่ขนาดเศรษฐกิจรวมอินเดียใหญ่กว่าไทยมาก)

รถที่รายได้พอจับต้องได้คือ A segment ครับ ส่วน B-segment คือระดับชนชั้นกลางที่ประสบความราวๆ  young executive หรือ junior manager บ้านเขาครับ
รถ B-segment คือตลาดขายดีและแสดงความภูมิฐานของชนชั้นกลางที่ประสบความสำเร็จในอินเดียครับ
เพราะฉะนั้นรถกลุ่มนี้จึงมีความคาดหวังของยอดขายในอินเดียมากครับ ออฟชั่นแปลกๆที่มีในรถหรูจึงมาลงในรถระดับนี้กันครับ
เพื่อทำตลาดแย่งลูกค้ากันครับ

ส่วน C-segment กับ D-segment ถือเป็นรถสำหรับกลุ่มคน high profile อีกระดับนึงครับ (อันนี้เพื่อนร่วมงานบอกมา)

สังเกตได้ว่าขนาดเว็บไซต์รถเช่าใน India เช่นพวก Avis, Budget ฯลฯ จะจัดให้กลุ่ม Altis Civic เป็นรถ Luxury segment น่ะครับ

หรือคิดง่ายๆกว่ากลุ่ม D-segment บ้านเราทำไมออฟชั่นหรูจัง?
ในขณะที่ USA รถ Camry Accord Teana(Altima) กระจกหูช้างยังพับมือ ไม่มีคันไหนเบาะหลังปรับเอนไฟฟ้า หรือไฟตัดหมอกก็อยู่ในรุ่นท็อปมากๆ เลยครับ
ก็เพราะใน USA เขามอง D-segment แบรนด์ญี่ปุ่นเป็นรถตลาดบ้านๆ ครับ จึงไม่ผลักดันทำตลาดใน position รถหรูดูแพงแบบโซนบ้านเราครับ

มันอยู่ที่มุมมอง รายได้ ค่านิยม การใช้รถของคนแต่ละประเทศครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 11, 2018, 11:07:38 โดย Panerai II »



+@ Krishna @+

อันนี้ไม่แน่ใจนะ 
รู้แต่อินเดียระบบแอร์ จะเป็นออฟชั่นพิเศษอ่ะครับ
ไปที่ ตจว อินเดียมา ส่วนมากที่เห็นก็เป็นรถเล็ก  ถ้าเป็น suv ก็หรู ๆ เลย 8)