ผู้เขียน หัวข้อ: C Segment --> D segment  (อ่าน 10239 ครั้ง)

ออฟไลน์ 3RP4T

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 155
C Segment --> D segment
« เมื่อ: พฤศจิกายน 05, 2018, 10:56:29 »
อันนี้แค่อยากสอบถามถามความคิดเห็นปัจจุบันของเพื่อนๆนะครับ โดยส่วนตัวแล้วผมคิดว่าความต่างของ 2 segment นี้มากกว่าแต่ก่อน ทั้งๆที่ไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงอะไรมากเท่าไร ซึ่งราคาตัวกลางๆของ C-Segment อยู่ที่ประมาณ 8-9 แสน ส่วนราคาเริ่มต้นของ D-Segment อยู่ที่ประมาณ 1.4 ล้านหรือมากกว่า ซึ่งต่างกันถึงประมาณ 5-6 แสน ซึ่งสามารถซื้อ ECO CAR หรือ B-SEGMENT ตัวล่างๆได้หนึ่งคันกันเลยทีเดียว โดยส่วนตัวท่านๆคิดว่ามันคุ้มไหมครับ ? กับสิ่งที่ได้มาคือ ความหรูหรา ที่เพิ่มมากขึ้น และ ประสิทธิภาพ การขับขี่ที่ดีมากขึ้น

ปล. ผมอาจจะเทียบราคาเมื่อ 4-5 ปีที่แล้วซึ่งราคา C-Segment ก็ไม่ได้หนีไปจากช่วงนี้มากเท่าไร แต่ราคา D-Segment เริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 1.2 - 1.3 ล้าน ซึ่งต่างกันประมาณ 3-4 แสน

ออฟไลน์ kez

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,585
Re: C Segment --> D segment
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: พฤศจิกายน 05, 2018, 11:01:58 »

  ความคุ้มมันอยู่ที่ว่าใช้คุ้มหรือเปล่า  เช่น ซื้อ d seg แต่นั่ง 2 คนตลอด ช่วงหลังอันใหญ่โตไม่ได้ใช้ มันเรียกว่าคุ้มหรือเปล่า

 มันไม่มีคันไหนที่ซื้อแล้วคุ้ม ถ้าคุณใช้งานมันไม่เต็มที่

 แต่ถ้าคุณจะมองเรื่อหรูอน่างเดียว อันนี้มันไม่เกี่ยวกับความคุ้ม

ออฟไลน์ pladaek

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,943
  • FF1.5SMG
Re: C Segment --> D segment
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: พฤศจิกายน 05, 2018, 11:05:16 »
เรื่องความคุ้มค่า
มันอยู่ที่ความพอใจของผู้ซื้ออ่ะครับ..
ไม่ได้ขับรถเพื่อทำเวลาที่ดีที่สุด.. แต่ขับรถเพื่อเจอช่วงเวลาที่ดีที่สุด..

ออฟไลน์ Magl

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,333
    • อีเมล์
Re: C Segment --> D segment
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: พฤศจิกายน 05, 2018, 11:06:23 »
ความภูมิฐานด้วยครับ

ออฟไลน์ Gordon Freeman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,066
Re: C Segment --> D segment
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: พฤศจิกายน 05, 2018, 11:08:52 »
ผมก็ว่ามันแพงขึ้นไปจริงๆ ครับ

มันควรจะมีช่วงรอยต่อของ Segment บ้าง

อย่าง C Segment ตัวท๊อป อาจจะราคาพอๆ กับ D Segment ตัวล่างสุด

อย่าง Eco -> B Segment -> C Segment พวกนี้จะมีรอยต่อของแต่ละ Segment เหมือนๆ กัน
2011 Kawasaki Ninja 650 (Sold)
2012 Ford Fiesta 1.6 Sport Ultimate (Sold)
2013 Suzuki Swift Eco GLX 1.25 (Sold)
2015 Honda Civic 1.8 (Sold)
2017 Toyota Fortuner 2.4 (Sold)
2019 Honda Jazz S MT (Sold)
2020 Nissan Almera VL 1.0T
2022 Isuzu D-Max Cab 4 1.9 AT
2023 Neta V

ออฟไลน์ +@ Krishna @+

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,366
  • *_* รถที่ดี คือ รถที่ใช้แล้วมีความสุข ^_^
Re: C Segment --> D segment
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: พฤศจิกายน 05, 2018, 11:09:47 »
สำหรับผม  D segment ราคาควรจะแตะ ๆ  c นะครับ เริ่มต้นสัก 1.19 ประมาณนี้ครับ

ถามผมว่าคุ้มมั้ย  ผมตอบเลยว่า ถ้าเป็นมือสอง สัก 3-4 ปี คุ้มมาก ราคาตกไปเยอะมาก
ถ้ามือ 1 ก็ นา ๆ จิตตังนะครับ  ถ้ามีเงินเหลือ ๆ ผม ก็ซื้อนะ ไม่อยากคิดมาก ดีกว่าพวกตัวล่าง ๆ ของรถยุโรป ที่โล้น ๆ
 
หรือ nissan teana ที่กำลังตกรุ่น ถ้าอัดโปรเยอะ ๆ (ให้ราคาแตะ c ) ผมก็ซื้อนะครับ
ชอบคันใหญ่เพราะมันขับ - นุ่มนั่งสบายกว่ากันเยอะ
อยู่ที่ความชอบ  8)

ออฟไลน์ Fong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,516
  • Make a Choice and Don't Look Back
    • อีเมล์
Re: C Segment --> D segment
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: พฤศจิกายน 05, 2018, 11:16:42 »
ถ้า Option รุ่นเริ่มต้นเท่ากัน ก็แล้วแต่ความชอบละครับ

เพียงแต่ว่า D-Seg รุ่นเริ่มต้นมักจะได้อะไรมากกว่า กว้างกว่า
เบาะใหญ่กว่า นั่งหลังดีกว่า
Isuzu มังกรทอง, Accord G4, Colorado, Hilux Tiger, Lancer MK I, Triton, D-Max Cab4, TiiDA, Mazda2 MK I, Mazda2 MK II, D-Max Space, Fortuner Champ, Sunny B14, Jazz GK, Accord G9, Mazda2 Sky, GLA200, Yaris, Alphard30, Lancer MK II, Lander MK III, Ranger MC, XL7, Forester SK, Swift

ออฟไลน์ Parinya Cha

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 143
Re: C Segment --> D segment
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: พฤศจิกายน 05, 2018, 11:41:30 »
เรื่องความคุ้มค่า
มันอยู่ที่ความพอใจของผู้ซื้ออ่ะครับ..

ใช่เลยครับ ถ้าท่านลอง altis แล้วมาลอง camry ถ้ารู้สึกไม่ได้ว้าวก็แสดงว่าไม่ค่อยคุ้มแล้วล่ะครับ
ส่วนตัวผมรู้สึกคุ้มมากครับ ความสุนทรีมันต่างกันครับ

ออฟไลน์ Odrecranon

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 417
    • อีเมล์
Re: C Segment --> D segment
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: พฤศจิกายน 05, 2018, 12:00:31 »
ผมใช้ C segment แล้วไป D Segment แล้วไป Entry Premium C segment

ส่วนตัวผมว่าต่างตรง Percieved quality
วัสดุที่ดีขึ้น ทำให้ความรู้สึกในการขับขี่พิเศษขึ้น
เครื่องยนต์ที่แรงขึ้น ทำให้การขับขี่สนุกขึ้น

ถ้าเอาความคุ้มค่า แต่ละคนคงต่างกัน
บ้านผม ต่างคนต่างทำงาน มีวันหยุดที่ออกไปทานข้าวนอกบ้านบ้าง ส่วนมากทานบ้าน เบาะหลังคนนั่งน้อย ผมเฉย ๆ กับ D segment

ผมไม่ได้มองว่าการใช้ D segment ดูมีฐานะ
ต้องระดับ E class หรือ Series 5 ขึ้นไป

ถ้าถามว่าเอาส่วนต่างไปซื้อ B Segment ดีไหม
ถ้ารถที่บ้านมีสำรองใช้ ผมว่าไม่จำเป็นครับ
และถ้ามีเงินเหลือเฟือ การเปลี่ยนเป็น รถกลุ่ม Premium
ให้ความรู้สึกที่พิเศษกว่าครับ





ออฟไลน์ Slow But Sure

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 648
Re: C Segment --> D segment
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: พฤศจิกายน 05, 2018, 12:05:39 »
บางคนก็ไม่สนใจเรื่องการขับขี่หลอกครับ แต่ภาพลักษณ์ มันต่างกันเยอะ
ขับ Altis บางคนมองว่าเป็น Sale บ้าง เหมือน Taxi บ้าง
พอเป็น Camry คิดว่าเป็นผู้จัดการบ้าง เป็นรถนายญี่ปุ่น บ้าง

ออฟไลน์ Newhang

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,154
Re: C Segment --> D segment
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: พฤศจิกายน 05, 2018, 12:07:11 »
ขึ้นกับคนจะมองครับ ถ้ามีกำลังที่จะซื้ออาจจะมองว่าคุ้มค่า
แต่ถ้ามองว่าเราซื้อ c ดีกว่า ก็ซื้อ eco car เดี๋ยวนี้ได้เกือบ2คันเหมือนกัน แถมeco car บางค่ายออฟชั่นล้ำพอๆกับc หรือมากกว่าอีก
มองมุมไหนก็ได้ทั้งนั้นครับ

ส่วนตัวผมชอบรถ c segment เพราะมันกำลังดีในทุกๆด้าน เสียแค่ว่าช่วงที่ผ่านมาเป็นตลาดที่ไม่ค่อยน่าสนใจเพราะของเล่นน้อยไปหน่อย

ออฟไลน์ Sit: )

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,465
    • อีเมล์
Re: C Segment --> D segment
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: พฤศจิกายน 05, 2018, 12:11:02 »
C segment ราคาต่อบาทคุ้มกว่า
แต่d segment กว้างกว่า ทั้งขับทั้งนั่ง สบายกว่า และโดยปกติ d segment มักให้เครื่องยนต์ที่มีพละกำลังมากกว่า ช่วงล่าง d segment มักจะดีกว่า

ออฟไลน์ koko86

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,537
    • อีเมล์
Re: C Segment --> D segment
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: พฤศจิกายน 05, 2018, 12:13:34 »
การขับขี่ ช่วงล่างความมั่นคง ดีกว่าเป็นส่วนใหญ่


และมันได้คุณค่าที่มองไม่เห็นครับ
คือ ความป๋า กับคุณค่าทางใจหรือภาพลักษณ์ทางสังคมนั่นเอง
ซึ่งตรงนี้มันแล้วแต่มุมมองของคนจริงๆครับ


ออฟไลน์ mellifluous

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 156
Re: C Segment --> D segment
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: พฤศจิกายน 05, 2018, 12:28:32 »
D segment ผมมองว่ามันเหมาะสำหรับเป็นคนนั่งครับ
ถ้าขับเองจะมองข้ามไป

ถ้าขับเองมองแค่ C Segment หรือไม่ก็ SUV PPV แทน

ออฟไลน์ TeslaX

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,689
Re: C Segment --> D segment
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: พฤศจิกายน 05, 2018, 12:44:02 »
ราคา d seg คงหนีให้ห่างจาก c seg ให้มากที่สุดคงเพราะภาพลักษณ์หรูหรา ดูพรีเมี่ยม

ออฟไลน์ Smith686

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,832
    • อีเมล์
Re: C Segment --> D segment
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: พฤศจิกายน 05, 2018, 12:46:13 »
     ของแบบนี้ต้องลองขับดูเองครับ  สำหรับผมแล้วถ้าขับในกรุงเทพผมไม่ค่อยเห็นความแตกต่างนะครับ  กลับรู้สึกว่า D Seg เทอะทะ ขาดความคล่องตัว  แต่ถ้าขับออกต่างจังหวัดทางไกลๆยาวๆ ผมรู้สึกว่า D Seg ขับสบายกว่า นิ่งกว่า เหนื่อยน้อยกว่า ให้ความรู้สึกปลอดภัยกว่า

ออฟไลน์ NONT4477

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 9,577
  • Let the SKYFALL
Re: C Segment --> D segment
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: พฤศจิกายน 05, 2018, 12:52:18 »
ถ้ามีคนนั่งหลัง+ขับทางไกลบ่อยๆ คือสามารถใช้จุดเด่นของ d-segment ได้เต็มที่
ก็ถือว่าคุ้มนะครับ
Top Gear's Biggest FAN!!! (IN MY House)
I'm NAC1701  ^ ^

ออฟไลน์ siwakorn

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 383
    • อีเมล์
Re: C Segment --> D segment
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: พฤศจิกายน 05, 2018, 12:56:37 »
จากการที่เคยเปลี่ยนจาก altis ไป camry ราคาต่างกัน 500,000 ถามว่าคุ้มไหมจริงๆจะตอบว่าคุ้มก็ไม่เต็มปากสักเท่าไร คือสิ่งที่ได้มามันก็สมควรแหละครับ นั่งดีขับดีกว่ากัน แล้วตอนที่ซื้อ c-seg ไม่มีตัวไหนถูกใจเลยก็เลยจำเป็นต้องขยับขึ้น แต่คันต่อไปถ้าให้เปลี่ยนอีกผมคงรอดู c-seg รุ่นต่อๆว่าจะขับดีแค่ไหนกว้างขึ้นแค่ไหน ถ้ารับได้กลับมาคงใช้ c-seg เหมือนเดิมเพื่อประหยัดเงิน

ออฟไลน์ AMG GT

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,942
Re: C Segment --> D segment
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: พฤศจิกายน 05, 2018, 12:58:37 »
ผมว่า D-Segment มันนุ่มหนึบต่างจาก  c-segment เยอะเลยครับ 
เงียบกว่า กว้างกว่า  ขับแล้วรู้สึกมั่นใจกว่าครับเวลาเดินทางไกล

ออฟไลน์ !note!

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 137
Re: C Segment --> D segment
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: พฤศจิกายน 05, 2018, 13:34:38 »
คุ้มถ้ามีลูกครับ ถ้าขับแค่คนสองคนไม่คุ้ม
ติด Car Seat 1 ที่ด้านหลัง ถ้า C- Segment จะนั่งได้อีกคนเดียว
แต่ถ้าเป็น D-Segment จะนั่งได้สองคน ทำให้พาคนช่วยเลี้ยง หรืออากงอาม่าไปด้วยได้ ไม่ต้องแยกคันไป

ออฟไลน์ YZA

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 665
Re: C Segment --> D segment
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: พฤศจิกายน 05, 2018, 13:49:31 »
ผมเคยขับ D segment อยู่ปีนึง... ชอบมากกว่า C เพราะขับสบายกว่าครับ
ผมว่าคนที่ชอบน่าจะมีเงื่อนไขประมาณนี้

ทางที่ขับ รถไม่ติด
ขับไปเรื่อยๆ
ไม่ได้ออกตัวแรง
รับค่าน้ำมัน ค่าซ่อมบำรุงที่แพงขึ้นได้แบบสบายๆ

ออฟไลน์ palma

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,091
    • อีเมล์
Re: C Segment --> D segment
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: พฤศจิกายน 05, 2018, 13:55:27 »
สองรุ่นนั้นมีความเหมาะสมในการใช้งานแตกต่างกันครับ

ถ้าพิจารณาเฉพาะคุณสมบัติตัวรถ ไม่นับความหรูหราหน้าตาของรถ

D-seg จะได้เปรียบ C เมื่อขับ-นั่งทางไกลยาวๆ และ ใช้เป็นประจำด้วยครับ
- อาการอ่อนล้าทั้งคนขับ-นั่ง จะน้อยกว่า เพราะนิ่ง เงียบ กว่า
- คนขับควบคุมรถที่ความเร็วสูงได้อย่างผ่อนคลายกว่า
- ตัวรถขนาดใหญ่ให้ความมั่นใจในการขับขี่ และ หากเกิดเหตุย่อมปลอดภัยกว่า หากมีการปะทะ
- กำลังเครื่องที่ดี สามารถทำความเร็วได้ต่อเนื่อง
- ถ้าวิ่งยาวๆ การกินน้ำมันไม่แตกต่างจาก C ครับ

C seg จะได้เปรียบ
- ลงทุนค่าตัวถูกกว่า ค่าดูแลรักษา ซ่อมบำรุง ถูกกว่า
- ในเมืองรถติดๆ ประหยัดกว่า
- ขับขี่ในเมือง สะดวก เข้า-ออก จอดรถในอาคารง่ายกว่า
- การโดยสารระยะทางไม่ไกล ไม่แตกต่างจาก D ครับ

คุ้มหรือไม่ ผมว่าขึ้นกับการใช้งานของแต่ละท่านล่ะครับ ว่าใช้งานแบบไหนมากกว่ากัน
- ส่วนตัวผมใช้ทางหลวง ตจว. เป็นประจำ D-seg ถือว่าคุ้มค่าและดีกว่าแน่นอน
- ถ้าเลือกได้คันเดียวก็ต้องเป็น D
- กลับกันถ้าเลิกเดินทางเป็นประจำ อาจกลับมาใช้ C ซึ่งปัจจุบัน ขนาด กำลังเครื่อง option ก็ดีขึ้นมาก เพียงพอต่อการใช้งาน

** หลายคน ชอบรถขนาด C เพราะกะทัดรัด ใช้งานในเมืองสะดวก แต่อยากได้ความหนักแน่น นิ่ง เงียบ แบบที่ D ให้ได้ นั่นคือ premium C-seg ซึ่ง ญี่ปุ่นยังไม่มีขาย คงเพราะช่วงราคาคงทับกับ D ตัวล่างหรือกลางอย่างแน่นอน ถ้า option จ้ดเต็ม  สุดท้ายเลยต้องโดดไปใช้ D seg อยู่ดี
2023 : SK9 FB20 ES4.0 SAWD
2017 : NSP170R-2NR-FE+CVT
2015 : B17-MR16DDT+CVT-M6
2014 : L33-QR25DE+CVT-8
1995 : SXV10-3S-FE (sold)
1994 : AE101-4AFE+MT (sold)

ออฟไลน์ rut191

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,198
Re: C Segment --> D segment
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: พฤศจิกายน 05, 2018, 14:35:39 »
ขึ้นกับคนจะมองครับ ถ้ามีกำลังที่จะซื้ออาจจะมองว่าคุ้มค่า
แต่ถ้ามองว่าเราซื้อ c ดีกว่า ก็ซื้อ eco car เดี๋ยวนี้ได้เกือบ2คันเหมือนกัน แถมeco car บางค่ายออฟชั่นล้ำพอๆกับc หรือมากกว่าอีก
มองมุมไหนก็ได้ทั้งนั้นครับ

ส่วนตัวผมชอบรถ c segment เพราะมันกำลังดีในทุกๆด้าน เสียแค่ว่าช่วงที่ผ่านมาเป็นตลาดที่ไม่ค่อยน่าสนใจเพราะของเล่นน้อยไปหน่อย
เห็นด้วยครับ วันก่อนขับmazda3 ไปเจอเพื่อนขับ mazda2 1.3ตัวเริ่มมา ยังแอบคิดว่ามันคุ้มไหม ซื้อmazda2 ได้2คันเลยนะ

ออฟไลน์ 3RP4T

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 155
Re: C Segment --> D segment
« ตอบกลับ #23 เมื่อ: พฤศจิกายน 05, 2018, 15:14:58 »
อันนี้เสริมจากหัวข้อนะครับ พอดีไปหาข้อมูลรถยี่ฮ้อหนึ่งที่ขายในเมืองไทยทั้ง C และ D Segment จากเว็บไซท์ของผู้ผลิตใน USA ผมลองไปเลือกทั้งสองแบบนะครับ

1. ตัวเริ่มต้น C-SEGMENT และ ตัวเริ่มต้น D-SEGMENT ราคาตามลำดับดังนี้ครับ

C Segment ราคาไทย = 850 k THB, C Segment ราคา US = 700 k THB (21 k USD)
D Degment ราคาไทย = 1400 k THB, D Segment ราคา US = 820 k THB (24.5 k USD)

2. ตัวกลาง C-SEGMENT (พยายามปรับให้เข้ากับเสปคขายไทย) และ ตัวเริ่มต้น D-SEGMENT ราคาตามลำดับดังนี้ครับ

C Segment ราคาไทย = 950 k THB, C Segment ราคา US = 750 k THB (22.5 k USD)
D Degment ราคาไทย = 1400 k THB, D Segment ราคา US = 820 k THB (24.5 k USD)

จากทั้งสองกรณีศึกษาจะเห็นได้ว่า

1. ความแตกต่างราคา C-Segment และ D-Segment เมืองไทย แตกต่างประมาณ 5-6 แสน แต่เมืองนอกต่างเพียง 0.8-1.5 แสน
2. ราคาขายของ C-Segment ในไทยใกล้เคียงกับ US ซึ่งน่าจะใกล้เคียงกับต้นทุนที่แท้จริงมากกว่า D-Segment ซึ่งผมมองว่าการเซ็ทราคาของ D-Segment ในไทนเพื่อเอาใจความเป็นรถหรู ถึงต้องทำราคามาเป็นแบบนี้
3. กำไรของ D-Segment ในไทยคงจะมากกว่า US พอสมควรซึ่งเมื่อเทียบ C-->D (ไทย) = +55%, C-->D (US) = +13% แต่ด้วย Position ของ D-Segment ทำให้ความต่างของราคากลายเป็นความพรีเมี่ยมไป

สรุปแล้ว ผมว่าคนไทยบริโภค D-Segment แพงเกินไปครับ ถ้าเอาราคาที่เหมาะสมน่าจะเป็น C-->D = +20% ซึ่งผมว่าเหมาะสมเพราะกำไรมากกว่า US นิดหน่อย ซึ่งราคาน่าจะต่างแค่ประมาณ 200 k THB ครับ

ปล. รุ่นที่ผมเอามาเทียบพยายามเลือกรุ่นที่ความจุกระบอกสูบและความกว้างตัวรถเท่าๆกันใน C Segment และ D Segment เพื่อพยายามตัดปัจจัยเรื่องการจ่ายภาษีออกไป
ปล2. ราคาที่ US ราคาตัวทอป C-Segement นี่แพงกว่าตัวเริ่มต้น D Segment อีกนะครับ น่าจะได้ กลาง-ล่าง ของ D Segement
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 05, 2018, 15:28:54 โดย bever1982 »

ออฟไลน์ XyteBlaster

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,287
    • อีเมล์
Re: C Segment --> D segment
« ตอบกลับ #24 เมื่อ: พฤศจิกายน 05, 2018, 15:20:42 »
ตอบตามกระแส ที่ใช้ c-seg -> d-seg -> premium c (merc)

ผมคิดว่าความคุ้มค่าอยู่ที่การใช้งานครับ   แน่นอน dseg โดยรวมแล้วมันดีกว่า c แน่ ๆ ยกเว้นบางสถานการณ์ เช่น ขับขึ้นตึกจอดรถในเมือง หรือเข้าซอยหาที่จอดแคบ ๆ  เพียงแต่ว่าเราต้องเทียบกับ c ตัว top ที่จะให้ข้าวของมาเท่า ๆ กับ d ตัวเริ่มนะครับ เอาไปเทียบ c ตัวกลาง ดูมันจะของโหวง ๆ ไปนิด ซึ่งถ้ามาเทียบ c top แล้วราคามันห่างกัน ราว 2-3 แสน ก็ถือว่าไม่มากเท่าไหร่นะครับ กับสิ่งที่ได้มาเพิ่ม

อุปกรณ์บางอย่างที่ผมชอบใช้ แต่ c ตัวกลางไม่มีมาให้ก็เช่น memory seat , ม่านหลัง ม่านข้าง , connected phone , แอร์แบครอบคัน(c บางรุ่นไม่รอบ) การใช้วัสดุภายในที่ดีกว่า แล้วก็คุณภาพการโดยสารเวลาขับไกล ๆ พร้อมสัมภาระ มหาศาลของเด็ก สำหรับผมแล้ว คุ้มค่าที่จะเพิ่มตังไป d seg ครับ


Nonlamer

  • บุคคลทั่วไป
Re: C Segment --> D segment
« ตอบกลับ #25 เมื่อ: พฤศจิกายน 05, 2018, 15:22:23 »
ถ้าเน้นความสบายในการโดยสาร จะระยะทางใกล้หรือไกล รถติดๆในเมือง วิ่งไกลๆระหว่างเมือง ความเร็ว 0-120 และมีคนนั่งด้านหลังเป็นประจำ D-Seg คือตอบโจทย์มากๆครับ

ถ้าตามโจทย์ด้านบน ผมไม่กลับไปมอง C Seg อีกเลย ถึงแม้ราคาจะห่างกันเกินไปอย่างที่เป็นอยู่

ปล. ส่วนตัวลองมาหมดครับก่อนซื้อ D-Seg ตั้งแต่ C-Seg SUV PPV  ไปจนถึงรถยุโรป จบที่ D-Seg โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย

ออฟไลน์ voyager

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 502
Re: C Segment --> D segment
« ตอบกลับ #26 เมื่อ: พฤศจิกายน 05, 2018, 15:43:09 »
แล้วแต่รุ่นเลยครับ
อย่าง BMW F30-->F10 ส่วนตัวคิดว่าไม่คุ้มเท่าไร
แต่ F30-->G30 นี่ขับดี้ดี นุ่มนวล เงียบ นั่งสบาย ติดใจ คุ้มค่าครับ

ออฟไลน์ PREM

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,106
Re: C Segment --> D segment
« ตอบกลับ #27 เมื่อ: พฤศจิกายน 05, 2018, 15:44:50 »
อันนี้เสริมจากหัวข้อนะครับ พอดีไปหาข้อมูลรถยี่ฮ้อหนึ่งที่ขายในเมืองไทยทั้ง C และ D Segment จากเว็บไซท์ของผู้ผลิตใน USA ผมลองไปเลือกทั้งสองแบบนะครับ

1. ตัวเริ่มต้น C-SEGMENT และ ตัวเริ่มต้น D-SEGMENT ราคาตามลำดับดังนี้ครับ

C Segment ราคาไทย = 850 k THB, C Segment ราคา US = 700 k THB (21 k USD)
D Degment ราคาไทย = 1400 k THB, D Segment ราคา US = 820 k THB (24.5 k USD)

2. ตัวกลาง C-SEGMENT (พยายามปรับให้เข้ากับเสปคขายไทย) และ ตัวเริ่มต้น D-SEGMENT ราคาตามลำดับดังนี้ครับ

C Segment ราคาไทย = 950 k THB, C Segment ราคา US = 750 k THB (22.5 k USD)
D Degment ราคาไทย = 1400 k THB, D Segment ราคา US = 820 k THB (24.5 k USD)

จากทั้งสองกรณีศึกษาจะเห็นได้ว่า

1. ความแตกต่างราคา C-Segment และ D-Segment เมืองไทย แตกต่างประมาณ 5-6 แสน แต่เมืองนอกต่างเพียง 0.8-1.5 แสน
2. ราคาขายของ C-Segment ในไทยใกล้เคียงกับ US ซึ่งน่าจะใกล้เคียงกับต้นทุนที่แท้จริงมากกว่า D-Segment ซึ่งผมมองว่าการเซ็ทราคาของ D-Segment ในไทนเพื่อเอาใจความเป็นรถหรู ถึงต้องทำราคามาเป็นแบบนี้
3. กำไรของ D-Segment ในไทยคงจะมากกว่า US พอสมควรซึ่งเมื่อเทียบ C-->D (ไทย) = +55%, C-->D (US) = +13% แต่ด้วย Position ของ D-Segment ทำให้ความต่างของราคากลายเป็นความพรีเมี่ยมไป

สรุปแล้ว ผมว่าคนไทยบริโภค D-Segment แพงเกินไปครับ ถ้าเอาราคาที่เหมาะสมน่าจะเป็น C-->D = +20% ซึ่งผมว่าเหมาะสมเพราะกำไรมากกว่า US นิดหน่อย ซึ่งราคาน่าจะต่างแค่ประมาณ 200 k THB ครับ

ปล. รุ่นที่ผมเอามาเทียบพยายามเลือกรุ่นที่ความจุกระบอกสูบและความกว้างตัวรถเท่าๆกันใน C Segment และ D Segment เพื่อพยายามตัดปัจจัยเรื่องการจ่ายภาษีออกไป
ปล2. ราคาที่ US ราคาตัวทอป C-Segement นี่แพงกว่าตัวเริ่มต้น D Segment อีกนะครับ น่าจะได้ กลาง-ล่าง ของ D Segement

เห็นด้วยตามนี้ครับ ว่า D-seg เมืองไทยตั้งราคาเวอร์ไป
ที่อเมริการถแต่ละ segment ราคาจะเหลื่อมๆ กัน คือรุ่นบน segment ล่าง ราคาแพงกว่ารุ่นล่าง segment บน

ของไทยนี่เปิดตัวรุ่นใหม่ก็ดันราคาขึ้นไปเรื่อยๆ เจอปรับภาษีปี 59 ก็ดันขึ้นไปอีก
Camry XV70 2.0 รุ่นใหม่ออกมา มลพิษลด เติม E85 ได้ ภาษีถูกลง 10% แต่ดันราคาขึ้นอีก 4.5 หมื่นซะงั้น
ลอง Camry 2.0, Accord 2.0 เหลือ 1,200,000 เหมือนเมื่อก่อนดู คงวิ่งกันเต็มเมือง
2014 Mazda CX-5 2.5 S
2016 Volvo XC60 D4 
2019 Honda Jazz RS+
2020 Volvo V60 T8 Inscription
2022 Mazda CX-30 SP

ออฟไลน์ h0661036

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 921
Re: C Segment --> D segment
« ตอบกลับ #28 เมื่อ: พฤศจิกายน 05, 2018, 15:54:29 »
ถ้าขับในเมืองเป็นส่วนใหญ่ ใช้ c segment  คล่องตัวกว่านะครับ   ประหยัดน้ำมันกว่าด้วย  หาที่จอดก็ง่าย

ออฟไลน์ Salmon

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 229
Re: C Segment --> D segment
« ตอบกลับ #29 เมื่อ: พฤศจิกายน 05, 2018, 16:30:28 »
อันนี้เสริมจากหัวข้อนะครับ พอดีไปหาข้อมูลรถยี่ฮ้อหนึ่งที่ขายในเมืองไทยทั้ง C และ D Segment จากเว็บไซท์ของผู้ผลิตใน USA ผมลองไปเลือกทั้งสองแบบนะครับ

1. ตัวเริ่มต้น C-SEGMENT และ ตัวเริ่มต้น D-SEGMENT ราคาตามลำดับดังนี้ครับ

C Segment ราคาไทย = 850 k THB, C Segment ราคา US = 700 k THB (21 k USD)
D Degment ราคาไทย = 1400 k THB, D Segment ราคา US = 820 k THB (24.5 k USD)

2. ตัวกลาง C-SEGMENT (พยายามปรับให้เข้ากับเสปคขายไทย) และ ตัวเริ่มต้น D-SEGMENT ราคาตามลำดับดังนี้ครับ

C Segment ราคาไทย = 950 k THB, C Segment ราคา US = 750 k THB (22.5 k USD)
D Degment ราคาไทย = 1400 k THB, D Segment ราคา US = 820 k THB (24.5 k USD)

จากทั้งสองกรณีศึกษาจะเห็นได้ว่า

1. ความแตกต่างราคา C-Segment และ D-Segment เมืองไทย แตกต่างประมาณ 5-6 แสน แต่เมืองนอกต่างเพียง 0.8-1.5 แสน
2. ราคาขายของ C-Segment ในไทยใกล้เคียงกับ US ซึ่งน่าจะใกล้เคียงกับต้นทุนที่แท้จริงมากกว่า D-Segment ซึ่งผมมองว่าการเซ็ทราคาของ D-Segment ในไทนเพื่อเอาใจความเป็นรถหรู ถึงต้องทำราคามาเป็นแบบนี้
3. กำไรของ D-Segment ในไทยคงจะมากกว่า US พอสมควรซึ่งเมื่อเทียบ C-->D (ไทย) = +55%, C-->D (US) = +13% แต่ด้วย Position ของ D-Segment ทำให้ความต่างของราคากลายเป็นความพรีเมี่ยมไป

สรุปแล้ว ผมว่าคนไทยบริโภค D-Segment แพงเกินไปครับ ถ้าเอาราคาที่เหมาะสมน่าจะเป็น C-->D = +20% ซึ่งผมว่าเหมาะสมเพราะกำไรมากกว่า US นิดหน่อย ซึ่งราคาน่าจะต่างแค่ประมาณ 200 k THB ครับ

ปล. รุ่นที่ผมเอามาเทียบพยายามเลือกรุ่นที่ความจุกระบอกสูบและความกว้างตัวรถเท่าๆกันใน C Segment และ D Segment เพื่อพยายามตัดปัจจัยเรื่องการจ่ายภาษีออกไป
ปล2. ราคาที่ US ราคาตัวทอป C-Segement นี่แพงกว่าตัวเริ่มต้น D Segment อีกนะครับ น่าจะได้ กลาง-ล่าง ของ D Segement

เห็นด้วยตามนี้ครับ ว่า D-seg เมืองไทยตั้งราคาเวอร์ไป
ที่อเมริการถแต่ละ segment ราคาจะเหลื่อมๆ กัน คือรุ่นบน segment ล่าง ราคาแพงกว่ารุ่นล่าง segment บน

ของไทยนี่เปิดตัวรุ่นใหม่ก็ดันราคาขึ้นไปเรื่อยๆ เจอปรับภาษีปี 59 ก็ดันขึ้นไปอีก
Camry XV70 2.0 รุ่นใหม่ออกมา มลพิษลด เติม E85 ได้ ภาษีถูกลง 10% แต่ดันราคาขึ้นอีก 4.5 หมื่นซะงั้น
ลอง Camry 2.0, Accord 2.0 เหลือ 1,200,000 เหมือนเมื่อก่อนดู คงวิ่งกันเต็มเมือง

เห็นด้วยครับ ถ้าราคาไทยไม่ผิดเพี้ยน คนไทยคงได้ใช้รถดีๆ เหมือนไตหวัน หรือ จีน ที่ใช้แต่ C , D segment ไม่ค่อยเห็นวีออส ยาริส หรือแจ๊ส
ประเทศพวกนี้เขาไม่นิยมเลย แท็กซี่เป็น แคมรี่เต็มเมือง เบนซ์แท็กซี่ ก็มี
คนไต้หวันเขาไม่ได้มองแคมรี่เป็นรถหรูเลยเด็กๆวัยรุ่นบ้านๆก็เห็นขี่กันเต็มเมือง

ประเทศไทยอะไรก็เพี้ยนไปหมด อดใช้ของดีๆ