ตอนนี้ผมใช้มาสด้า 2 1.5D มาได้ครบ 60,000 km มาได้พักหนึ่งแล้ว
ผมเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ที่ศูนย์ตอน 40,000 km ครับ เขาบอกว่าเปลี่ยนทุก 50,000 km ดีกว่า แต่ผมก็ขอเปลี่ยนที่ 40,000 km ซึ่งศูนย์ก็ตกลง แล้วก็เปลี่ยนให้ตามนั้น น้ำมันเกียร์ออโตของมาสด้าก็ไม่ได้วิเศษอะไรหรอกครับ
ประเด็นคือ เกียร์มันเป็นระบบปิดคล้ายๆกับเกียร์แมนนวล เวลาจะถ่ายน้ำมันเกียร์แล้วเติมใหม่มันต้องใช้เครื่องมือเฉพาะ มันไม่เหมือนกับเกียร์ออโต้รุ่นเก่าที่ดึงก้านวัดน้ำมันเกียร์ออกมาเช็คระดับได้ แล้วก็กรอกสายยางเข้าไปแล้วเติมกันทางนั้น ศูนย์บริการก็มีหลากหลายประเภทครับ สังเกตดูก็แล้วกัน ศูนย์ไหนลูกค้าเยอะ จะเข้าทีก็ต้องจองคิวกันนานๆ แปลว่าศูนย์นั้นต้องมีอะไรที่ดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการกัน
ตราบใดที่เกียร์อัตโนมัติยังใช้ระบบ multiple disc clutch ตราบนั้นก็จะย่อมมีเศษผงclutch หลุดออกมา เศษผงเหล่านั้นจะถูกกรองไว้ด้วยfilter นั่นก็แปลว่า สักวัน filter ก็ควรจะตัน อุณหภูมิน้ำมันเกียร์ในขณะใช้งานวิ่งยาวๆ จะขึ้นมาแถวๆ 90 กว่าองศาซี ซึ่งมันก็ร้อนมากพอสมควร ถามว่ามันจะไม่เสื่อมหรือลดทอนคุณสมบัติกันบ้างหรือ
สมาชิกในกลุ่มที่ใช้ Mazda2 หลายคนก็เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ พร้อมกรองเกียร์ ต่างก็บรรยายความสกปรกที่ทิ้งเอาไว้บนกรองเกียร์ รวมถึงสีของน้ำมันเกียร์ที่ถูกถ่ายออกมา เทียบกับ น้ำมันเกียร์ใหม่
บางศูนย์อาจจะไม่อยากจะเปลี่ยน เพราะมันอาจจะไม่ง่ายเหมือนกับเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ข้ออ้างและเหตุผลก็มีเยอะแยะไป คู่มือไม่ระบุอายุการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ ไม่ได้แปลว่า life time ซะหน่อย
ในอดีต ก็มีรถยุโรปยี่ห้อหนึ่ง ที่ไม่ระบุอายุการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์เช่นกัน เหตุผลเดียวกันคือ เกียร์เป็นระบบปิด แล้วเพื่อนผมก็สมองเกียร์พังที่ 8 หมื่นกม. ( มันอาจจะไม่ได้พังเพราะไม่เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ก็ได้นะ แต่เทียบกับ Honda Accord G7 2.4L ที่แฟนผมใช้มาตั้งแต่ปี 2004 เดิมถ่ายน้ำมันเกียร์ทุก 40,000 กม. พอใช้มาครบ 100,500 กม. ( 10 ปี ) ผมก็เอาไปติด LPG แล้วเอามาใช้เอง จากนั้นถ่ายน้ำมันเกียร์ทุกๆ 20,000 กม. ตอนนี้ก็ ครบ 251,000 กม. แล้ว เกียร์ยังเปลี่ยนนุ่มนวลไม่มีกระตุก ยังลากเกียร์ได้ยาวๆไม่มีอะไรพัง
ไม่รู้นะครับ เงินเป็นของเรา เราอยากจะจ่าย(เปลี่ยนน้ำมันเกียร์) เขา(ศูนย์)ไม่อยากได้เงินเราก็แปลกดีเหมือนกัน