ผู้เขียน หัวข้อ: // ประเทศไทย ในอนาคต น่าเป็นห่วง จริงหรือ? //  (อ่าน 17492 ครั้ง)

ออฟไลน์ MyName

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 8,145
  • I'm............................
Re: // ประเทศไทย ในอนาคต น่าเป็นห่วง จริงหรือ? //
« ตอบกลับ #30 เมื่อ: สิงหาคม 06, 2010, 22:30:33 »
เราก็เป็นเยาวชนคนหนึ่ง ก็จะน้อมรับฟังความคิดเห็นของผู้ใหญ่ไว้แล้วกันคับ
บางอย่างที่คุยกันในกระทู้ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่
ทั้งๆ ที่มันไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลยแม้แต่น้อยแหะ
Cars
2022 - Nissan Almera 1.0 Turbo VL
2016 - Mazda 2 1.5XD High Plus L
2008 - Mitsubishi Space Wagon 2.4 GLS Ltd. !User'Review Click here!
1997 - Daihatsu Mira

Motorcycles
2023 - Vespa Sprint S 150 i
2012 - Yamaha Mio 125 GTX

ออฟไลน์ 6162002

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,089
Re: // ประเทศไทย ในอนาคต น่าเป็นห่วง จริงหรือ? //
« ตอบกลับ #31 เมื่อ: สิงหาคม 06, 2010, 23:10:11 »
อะไรๆ เมื่อมันเลวร้ายถึงที่สุดแล้ว มันก็จะดีขึ้นอีกครั้งครับ >_<

ออฟไลน์ FyGI

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,307
Re: // ประเทศไทย ในอนาคต น่าเป็นห่วง จริงหรือ? //
« ตอบกลับ #32 เมื่อ: สิงหาคม 06, 2010, 23:17:00 »
หลายๆ ความเห็นในนี้ โดนใจพอสมควร

และมันเป็นเรื่องจริง ของสังคมไทย

ขณะที่อ่าน หัวผมความคิดก็วิ่งเพียบเลย

แต่ไม่สามารถเรียบเรียงออกมาเป็นตัวอักษรได้



ผมเคยคิดว่า เยาวชนเราเก่งๆ เยอะ

ได้รางวัลเหรียญทอง เงิน วิทย์ คณิต ชีวะ ทั้งหลาย

ได้มาทุกปี ชนะกี่สิบประเทศ

แต่ทำไมบ้านเรายังย่ำอยู่ที่เดิม

เ็ด็กที่ได้รับรางวัลมา มันสมองเค้าไปอยู่ที่ไหนหมด

ได้ข่าวแต่นักเรียนตีกัน เผาโรงเรียน ฯลฯ



เมื่อตอนผมอายุ 16-17 ผมได้ทราบว่าเราเป็นประเทศกำลังพัฒนา ก็รู้สึกดีใจเล็กๆ

ตอนนี้ผมอายุ 29 ย่าง 30 ผมก็ยังได้ยินคำๆ เดิม

เมื่อไหร่เราจะได้ถือว่าเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วสักที

ออฟไลน์ jobbabys

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 156
Re: // ประเทศไทย ในอนาคต น่าเป็นห่วง จริงหรือ? //
« ตอบกลับ #33 เมื่อ: สิงหาคม 06, 2010, 23:38:30 »
เห็นด้วยอย่างยิ่ง กับ หลายๆความคิดเห็น และไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับบางความส่วน ของบางความคิดเห็น

เรื่องการ design หรือ R&D จริงๆ ตอนนี้ มีครับ มีอยู๋ที่นึงเท่าที่ผมรู้

เพราะเคยทำงานที่นี่มาก่อน รู้จักไหมครับ SONY Mobile ครับ (เครื่องเสียงติดรถยนต์ครับ) มีแผนก engineer design

ถึงแม้ว่าฝ่ายของวิศวกรรมเครื่องกล ในเรื่องของทำ part จะยังคงพึ่งพาทางญี่ปุ่นอย่างชัดเจน

แต่ทางวิศวกรรมไฟฟ้าแล้ว  ที่นี่ ญี่ปุ่นยอมรับมากพอสมควรครับ  ให้คิดวงจรเอง ทำเองครับ

แต่พอถึงเวลาแต่ละช่วง ก่อนขายจริง ซึ่ง จะมี 4 ช่วง 2 ช่วงท้าย ญี่ปุ่นจะมาเช็คครับ ว่ามาตรฐานทุกอย่างผ่านหรือไม่

ถึงวิศวกรออกแบบที่นี่ จะไม่ได้เป็นเหมือน R&D ของเกาหลี เช่น LG หรือ Samsung ครับ
เพราะ R&D แบบนี้จะเป็นอย่างความเห็นก่อนหน้าที่พูดนั้นจริงๆ แต่แก้ไขปัญหาเล็กน้อย ติดตามเรื่อง part คุยกับ vender เรื่อง part
แก้ปัญหาไป จนออกขาย

แต่กับโซนี่ ไม่ครับ ออกแบบเอง แก้ปัญหาเอง แล้วค่อยรายงานให้ทางญี่ปุ่นรับทราบเท่านั้นครับ

( ป.ล. โซนี่รุ่นแรกที่ อ่าน USB ได้ ที่เป็นรุ่น filp down เปิดได้ทั้งหน้ากาก ผมก็อยู่ในส่วนทีมนั้น และช่วยกันออกแบบวงจรครับ )

ผมยังเห็นอนาคตในทางที่ดีได้ ถ้าคนไทยช่วยกัน

แต่ในความหวังนั้นดูริบหรี่เหลือเกินครับ

ุทั้งวัยรุ่นสมัยนี้ แต่สติของคนสมัยนี้ ไปไหนหมดครับ  สติ

อย่างบางความเห็นที่ยกเรื่อง นายกกี่คน รัฐประหารกี่ครั้ง เลือกตั้งกี่ครั้ง  ไม่ต้องโทษระบบครับ

โทษตัวเราเองทั้งนั้น  คนไทย ทำตัวเอง ทั้งนั้น

ไม่ว่าจะคุณ หรือผม ผิดทั้งนั้น

บางที ผมเริ่มมีความคิดบางอย่างเหมือนกันนะ

คือ ผมเพิ่งได้ไปเที่ยวพม่ามา  ก็จะมีเรื่องพิพาทที่ว่า พม่าเผาทองของเราไป

ตอนนี้ผมเริ่มคิดว่า ไม่ใช่แล้วละ

อาจจะเป็นคนไทยเองนี่ละ  ที่เผาทองเอาไปเอง แล้วไปว่าพม่า

เพราะกี่ยุค กี่ สมัย คนไทย จะมีคนขายชาติเสมอ

ความเจริญ ไม่ต้องเรียกหาครับ

ถ้านิสัยคนไทย ยังห่วยแบบนี้อยู่

ช่วยกันเถอะครับ

จับมือกัน

ไม่ว่าสีใด มีสติ  อยู่ในหลักพุทธศาสนา

อย่ามัวแต่เอาผลประโยชน์ส่วนตน

แค่นี้ ไทยแลนด์ จะสู้ได้ครับ

คนไทย ไม่แพ้ชาติใดในโลกครับ (หวังว่านะ)

ออฟไลน์ ฮิ ฮิ้วววว!!~~~

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 335
Re: // ประเทศไทย ในอนาคต น่าเป็นห่วง จริงหรือ? //
« ตอบกลับ #34 เมื่อ: สิงหาคม 06, 2010, 23:45:31 »

เราควรกระจายความเจริญจากเมืองให้ออกไปสู่ชนบทมากขึ้น เพื่อความเท่าเทียมกันของสังคม
แล้วชาวชนบทหรือต่างจังหวัด ก็จะค่อยๆ เรียนรู้วิถีชีวิต วิชาการ สังคม เองไปเลื่อยๆ
คนไทยน่ะมีนิสัยที่ไม่ดีอยู่ไม่กี่อย่างหรอกครับ มีขี้เกลียด ขี้โม้ ขี้โอ้ขี้อวด และก็ขี้อิจฉา
ถ้าแก้นิสัยพวกนี้ได้ประเทศไทยเราจะเจริญมากครับ
และผมอยากให้นักการเมืองทุกวันนี้ไม่ใช่นักการเมืองครับ ผมอยากให้พวกเขาเหล่านั้นเป็นผู้นำมากกว่าการเป็นนักการเมือง

และผมมองว่า ไม่ใช่แค่ยารักษาโรคอย่างเดียวที่อีกหน่อยประชากรโลกจะต้องการ
แต่มีอีกสิ่งที่ประกรโลกต้องการ นั่นคือ “อาหาร”
ประเทศเราเหมาะมากในการทำพืชผลทางการเกษตร แค่เราจัดทำชลประทานให้ดี ไม่ให้เกิดความแห้งแล้ง
และให้รัฐบาลสร้างห้องแลปวิจัย การเพิ่มผลผลิต การทนทานต่อศัตรูพืช และฤดูกาล เน้นให้เป็นของรัฐที่ไม่ให้เอกชนแทรงแซง
เพียงเท่านี้ประเทศเราก็ไม่อดตายแล้วครับ แล้วส่วนที่เหลือก็ส่งออกนอกประเทศเพื่อทำกำไร
โดยส่วนตัวผมเชื่อว่าอีกหน่อยอาหารคงต้องแพงมากแน่ๆ




หากมองจริงๆในเรื่องตามที่คุณ prai ได้พูดเอาไว้เกี่ยวกับเรื่องอาหาร และการเกษตร
จริงๆแล้วประเทศเราเนี่ย มีศักยภาพที่ทำได้นะครับ และก็สามารถทำได้อย่างดีด้วย จากพื้นฐานของเราที่เป็นประเทศเกษตรกรรม
มีแหล่งน้ำ มีผืนดิน มีอากาศที่ค่อนข้างเหมาะสม และอื่นๆอีกมากมาย
แต่สิ่งที่ขาดของประเทศเราจริงๆก็คือเรื่องของความมุ่งมั่น สม่ำเสมอ และจริงใจ

นโยบายที่ออกมาจากภาครัฐ ที่ออกจากคนที่อยู่แต่ในห้องแอร์ แล้วก็เขียนนโยบายออกมาโดยที่ไม่ได้ดูความต้องการว่าจริงๆแล้วเป็นอย่างไร
นึกอยากจะให้ส่งเสริมเลี้ยงอะไรก็ทำกันไป หรือให้ปลูกอะไรโดยที่ไม่ศึกษาให้ดีและขาดความถี่ถ้วน แล้วก็ส่งเสริมกันไป
พอรัฐบาลเปลี่ยนใหม่ พอเจ้ากระทรวงเปลี่ยนใหม่ นโยบายเก่าที่เคยตั้งไว้กลับกลายเป็นล้มไม่เป็นท่า ขาดการสานต่อที่จริงจัง
วันดีคืนดี อยากส่งเสริมโครงการ "วัวล้านตัว" ก็ส่งเสริมกันไป ไปๆมาๆก็มีปัญหาโกงกินกัน ล้มกันไม่เป็นท่า เกิดพับโครงการมา ขาดการสานต่อ
เกษตรกรเตรียมตัวดี เกษตรกรเริ่มเลี้ยง พอถึงเวลาที่จะขายได้ ก็กลับกลายเป็นว่า แล้วนี่ (gu) จะไปขายใคร??


พูดไปพูดมาก็เวิ่นเว้อ มาเข้าประเด็นกันดีกว่า
สิ่งที่อยากจะพูดจริงๆก็คือ "ช่วยกันกำหนดและส่งเสริมอะไรที่แน่นอนกันจริงๆจังๆ และมาแก้ปัญหากันให้ตรงจุดดีกว่าครับ"
ไม่ใช่ว่า ไข่ไก่แพง ก็ตรึงราคาไข่ไม่ให้ขึ้น ทั้งที่จริงแล้วส่วนต่างทั้งหลายทั้งปวงที่ทำให้แพง ก็คือ "พ่อค้าคนกลาง"
เกษตรกรผู้เลี้ยง กว่าจะได้ลืมตาอ้าปากมาได้ กว่าจะผ่านทั้งวิกฤตไข้หวัดนก ต้องลงทุนเลี้ยงกันใหม่ในระบบโรงเรือนปิด
พอเริ่มเลี้ยงได้ก็มาเจอวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่มีการขึ้นราคา แต่กลับต้องมาเจอกับระยะไข่ถูกๆ
พอถึงจังหวะที่พอจะลืมตาอ้าปากได้ ก็โดนกดราคา เนื่องจากรัฐบาลควบคุมราคาไว้ พ่อค้าคนกลางก็มากดกับฟาร์มอีกที
"เกาไม่ถูกที่คัน" แล้วมันจะหายได้อย่างไร

แล้วเมื่อไหร่บ้านเมืองจะได้เดินไปกันต่อสักที...
Master Degree of Science Program in Animal Science
Department of Animal Production Technology
Faculty of Agricultural Technology
King Mongkut’s Institute of Technology Ladkrabang (KMITL)

ออฟไลน์ jobbabys

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 156
Re: // ประเทศไทย ในอนาคต น่าเป็นห่วง จริงหรือ? //
« ตอบกลับ #35 เมื่อ: สิงหาคม 07, 2010, 00:05:37 »
ฝากนิดนึง

ผมเห็นด้วยกับเรื่องอาหาร และ การปลูกข้าวนะครับ

คือจริงๆแล้ว การปลูกข้าวเรา ไม่เคยพัฒนาเลยนะครับ

แพ้ชาติอื่นอย่างมโหฬาร เช่น ปีนึง เราปลูกได้ สาม ครั้ง

ประเทศอื่นปลูกได้มากกว่า

ในพื่นที่ 1 ไร่ ของไทย จะได้จำนวนข้าวน้อยกว่าประมาณ 3-4 เท่าตัวไปแล้ว

แล้วทำไม ถึงไม่มีวิจัยให้มันมีการพํฒนาที่ดีขึ้นนะ  ทั้งๆที่ ทุกอย่างเอื้ออำนวย

ความคิดในการพัฒนาการปลูกข้าว มี แต่ไร้การสนับสนุนจาก นักการเมือง ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง

มัวแต่ดีใจว่าไทยปลูกข้าวได้มากที่สุดในโลก ขอโทษเถอะ ใช้พื่นที่ในการเพาะปลูกเยอะที่สุดในโลกเช่นกัน

ทรัพยากรเมืองไทย ก็แทบไม่เหลืออะไรแล้ว พอคนไทยไม่มีที่ทำมาหากิน

ก็บุกรุกป่า  พอบุกรุกป่า ก็ครองกรรมสิทธิ์

พอครองกรรมสิทธิ์  ก็ได้โฉนด

พอได้โฉนด  ก็ขาย

พอขาย  ก็ใช้เงิน

พอเงินหมด  ก็มาทางป่าใหม่

ไร้ซึ่งความคิด

แล้วเรื่องมาตรฐานไม่เท่าเทียมกัน ไม่ต้องโทษใครหรอกครับ

โทษตัวเราเองนี่ละ ที่ทำ 2 มาตรฐานกันเอง

แค่ง่ายๆ ขับรถเก่าๆไป ไปจอดรถที่ดีๆ ข้างล่างพารากอน คงไม่ได้ ยามขับไล่

พอรถหรู ยามที่แทบจะเชิญมาจอด

แต่งตัวเสื้อเก่าๆ เน่าๆไปเดินห้าง ยามตามแจ

แต่งตัวดีๆ ไปเดินห้าง บริการ ใส่ใจอย่างดี

ตัวเราเองทั้งนั้น สังคมเราเองทั้งนั้น ที่สร้าง 2 มาตรฐาน ไม่ต้องโทษนักการเมืองหรอกที่สร้างมันขึ้นมา

ตัวเองทั้งนั้น

แล้ว ยังไง ก็แก้ไม่ได้หรอก ให้มันไม่มี 2 มาตรฐาน

ให้คนจน ได้มีรายได้ พอมีพอกิน ไม่ติดหนี้ หรือรวยขึ้นมา
แต่สิ่งที่หลายคนทำก็คือ

ขี้เกียจ

ติดการพนัน

กินเหล้า

ติดยาเสพติด

ติดบุหรี่

ติดการเสพสุข

แล้วเราจะรวยเหมือนคนอื่นได้อย่างไร

แต่ถ้าขยัน

ไม่ยุ่งเรื่องการพนัน

ไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย

อยากได้อะไร ไม่มีเงิน ก็ไม่ต้องเอา

ไม่เป็นหนี้

เราก็รวยได้แล้ว

ไม่ต้องไปง้อนักการเมือง

ไม่ต้องไปชุมนุม เรียกร้อง 

เพราะบางคน อยากรวย โดยไม่ต้องทำอะไร (คิดกันได้ไง)

ตามรอยเศรษฐกิจพอเพียง ตามรอยพ่อหลวง แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว

ส่วนเรื่องความไม่เป็นธรรมในสังคม ยังมีอยู่จริง เมื่อไร จะหายซํกที

เพราะคนจนบางคน  คนธรรมดา บางคน  ก็โดนคนมีอำนาจ ใช้วิธีบังคับ ขู่เข็ญต่างๆนาๆ

อันนี้ ผมเห็นใจ และเห็นด้วย  ให้คนใช้กฏหมาย ควรทำหน้าที่อย่างจริงจังซํกทีครับ

กฏหมายอะศักดิ์ แต่คนถือกฏหมายมาใช้ มันไม่ศักดิ์สิทธิ์เองมากกว่าครับ

ออฟไลน์ BBOnLY

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,235
    • เพจวิศวะท่องโลกการเงิน
Re: // ประเทศไทย ในอนาคต น่าเป็นห่วง จริงหรือ? //
« ตอบกลับ #36 เมื่อ: สิงหาคม 07, 2010, 00:47:29 »
ผมอ่านแล้ว เห็นด้วยทุกความเห็นครับ

ในฐานะที่ผมยืนมองในฐานะที่เด็กมหาลัยที่ยังเรียนไม่จบนะครับ ผมรู้สึกได้เลยว่าตอนนี้สิ่งที่ผมเห็นคือเด็กเก่งๆหลายคนโดนกดจากระบบการศึกษาที่พอมีเด็กถาม เด็กสงสัย มักโดนสิ่งมีชิวิตที่เรียกว่า "อาจารย์" ตอกกลับไปทุกครั้งทั้งๆที่บางเรื่องเค้าเองอาจจะสอนผิดก็ได้ เพราะบางอย่างมันขัดกับตำราที่เด็กๆอ่านมาด้วยซ้ำ

ในสังคมที่เด็กเรียนเก่ง เรียนปานกลาง หรือเรียนน้อยก็ตามพอเค้าถาม เค้าซักค้าน หรือตั้งข้อสงสัยต่อสิ่งที่อาจารย์สอน สิ่งที่เด็กเหล่านี้โดนกลับมาคืดโดนด่าหรือไม่ก็แถครับ ซึ่งมันตรงกันข้ามกับระบบขอต่างประเทศอย่างมหาศาล ด้วยเรื่องของ "อำนาจนิยม" และ "เคารพผู้ใหญ่(แบบที่เคารพทุกคนไว้ก่อน)"

เรื่องเคารพผู้ใหญ่ผมไม่เคยเถียงว่าเป็นสิ่งที่ดีนะครับ แต่เรื่องแบบนี้กลับกำลังถูก "ผู้ใหญ่" หลายๆคนยกมาอ้างเพื่อที่จะได้ "ปิดปาก" เด็กๆที่กำลังเสนอความเห็นที่ผู้ใหญ่เหล่านั้น "รับไม่ได้"

อย่าว่าแต่เรื่องเด็กผู้ใหญ่เลยครับ ผู้ใหญ่กันเองเดี๋ยวนี้แทบจะไม่ฟังอะไรกันแล้ว แค่พูดความเห็นที่ไม่เข้าหูกันแทบจะฆ่ากันตาย

ระเบียบวินัยของผู้ใหญ่บางคนผมว่ายัง "แย่" กว่าเด็กๆหลายๆคนที่เค้าถูกสอนให้เคารพด้วยซ้ำไป!!!!!
เอาง่ายๆเร่องระเบียบวินัยจราจรเนี่ยมันก็สะท้อนอะไรหลายๆอย่างแล้วนะ

ทุกครั้งที่ผมนั่งรถ BRT จากสถานีที่ท่าพระ สิ่งที่ผมเจอทุกครั้งคืออะไรรู้มั๊ยครับ รถส่วนตัวเฮโลกันกลับรถตรงสี่แยกถนนราชพฤกษ์ตัดกับถนนรัชดาภิเษก-ท่าพระตรงช่วงที่รถ BRT กำลังเลี้ยวออกมาเพื่อวิ่งเข้าชิดขอบกลางถนน ซึ่งบางทีเลี้ยวปาดหน้ารถ BRT กันจนต้องรถ BRT ต้องเบรกตัวโก่งมาแล้ว(ผมก็อยู่ในรถคันนั้นแหละ) นี่ยังไม่รวมพฤติกรรมแย่ๆที่รถบางคันเข้าไปใช้เลน BRT ที่เค้าลงทุนกั้นให้เฉพาะรถ BRT วิ่ง อาจจะด้วยความคิดที่ว่าเค้าคงไปเร็วกว่าละมั๊ง

เรื่องแบบนี้นอกจากสะท้อนเรื่องระเบียบวินัยแล้วยังสะท้อนถึงว่าสังคมไทยไม่เคยมีความคิอเรื่อง "จิตสาธารณะ" ทำอะไรเพื่อสังคม ประเทศชาติทั้งนั้น
แค่เรื่องง่ายๆว่าหลีกทางให้รถเมล์-รถฉุกเฉินยังไม่มีเลย นับประสาอะไรกับเรื่องอื่นๆในสังคมละครับ

ทุกวันนี้เองผมก็อยากทำอะไรให้สังคมเหมือนกันนะครับ แต่ใจผมอีกด้าน ผมก็ล้ากับสิ่งรอบๆตัวเหลือเกิน ผมยังรู้สึกกับตัวเองที่ทำอะไรไม่ได้ด้วยซ้ำ 

สังคมเด็กมหาลัยทุกวันนี้ก็แย่ลงทุกวันๆ การทำกิจกรรมต่างๆก็ถูก "ผู้ใหญ่" มาตีกรอบเพื่อให้เป็นไปตามที่เค้าต้องการ ท้ั้งๆที่หลายๆกิจกรรมที่มีมามันถูกออกแบบมาเพื่อให้นักศึกษาได้เข้าใจโลกอย่างที่ควรจะเป็นมากขึ้นด้วยซ้ำ แต่กลับตัดออกหมด แถมไม่สนับสนุนงานที่ประเมินเแล้ว "ไม่เข้าเป้า" ที่พวกเค้าต้องการด้วย ยิ่งเรื่องงบประมาณไม่ต้องสงสัย ไม่มีการตรวจสอบด้วยซ้ำ ถ้าเด็กๆที่ทำงานเกี่ยวกับเรื่องนี้โดนเรื่องที่ "ผู้ใหญ่" ขอมา ก็ไม่มีใครที่จะลุกขึ้นค้านเลยด้วยซ้ำ

ขืนค้านสิครับจะโดนปลดออกจากตำแหน่งกันง่ายๆเลย ฟังดูคุ้นๆกับวิธีการบริหารคนในระบบราชการดีมั๊ยละครับ?

ทำไมละครับ วัฒนธรรม "การรับฟัง" ผู้น้อยหรือ "ความคิดต่าง" เป็นสิ่งต้องห้ามของสังคมนี้ไปแล้วหรอครับ

ทุกอย่างต้องถูก "บงการ" "สั่งการ" จากคนไม่กี่คนที่ตั้งตนแล้วบอกว่าตัวเองมี "อำนาจชอบธรรม" ตามสิ่งที่กระดาษที่พิมพ์ "กฎและข้อบังคับ" มันพิมพ์ไว้หรอครับ?

แล้วคนพวกนั้นเรามั่นใจหรือครับว่าคนพวกนั้นมี "วุฒิภาวะ" ที่ดีพอแล้ว


บางอย่าง "อายุ" มันก็ไม่ได้บอกนะครับว่าสิ่งที่คนๆนั้นทำมัน "ถูกต้องโดยสมบูรณ์"
ติดตามเพจ "วิศวะท่องโลกการเงิน" ได้นะครับ

https://www.facebook.com/engineerinsidefinanceworld

ให้ #แอดบอยดูแล ได้ครับ

Chariot

  • บุคคลทั่วไป
Re: // ประเทศไทย ในอนาคต น่าเป็นห่วง จริงหรือ? //
« ตอบกลับ #37 เมื่อ: สิงหาคม 07, 2010, 00:50:29 »

ผมไม่มีโปรไฟล์หรูหรา ไม่มีการศึกษาดีเยี่ยม ผมก็คงได้แค่เป็นน็อตตัวนึงที่ยึดเรือไม่ให้รั่วเท่านั้น คงไม่มีปัญญาจะทำอะไรได้

เป็นห่วงประเทศชาติ แต่ไม่รู้จะช่วยอะไรได้ อยากจะพิมพ์บ่นให้ยืดยาวแต่ก็กลัวไม่มีใครอ่าน และเห็นว่าไม่ได้ช่วยให้ประเทศชาติเจริญขึ้นแต่อย่างใด

บางครั้งก็เหนื่อยนะ เวลาเห็นคนอื่นๆ เอาประโยชน์ใส่ตัว ไม่สนใจว่าเรือมันเป็นยังไง...


ออฟไลน์ boyce

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 335
Re: // ประเทศไทย ในอนาคต น่าเป็นห่วง จริงหรือ? //
« ตอบกลับ #38 เมื่อ: สิงหาคม 07, 2010, 01:21:33 »
... ต้องรู้จัก "ปรับตัว" ครับ ปรับตัวช้า หรือ ไม่ปรับตัว ก็จะค่อย ๆ "สิ้นชาติ" ไปเองแหละครับ ผมว่า...

ที่เรายังพออยู่ได้ทุกวันนี้ ก็เนื่องด้วยมีส่วนน้อย น้อยจริง ๆ ปรับตัวพอได้แล้ว อย่างหลาย ๆ ท่านในที่นี้ครับ

ขอบคุณมาก ๆ ครับสำหรับสาระและข้อคิดที่ดีมาก ๆ อย่างนี้.

ออฟไลน์ car mood

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 248
    • อีเมล์
Re: // ประเทศไทย ในอนาคต น่าเป็นห่วง จริงหรือ? //
« ตอบกลับ #39 เมื่อ: สิงหาคม 07, 2010, 03:14:03 »
บางทีผมก็คิดๆ แล้วก้เครียด  มันรู้สึกท้อ เหมือนหมดหนทาง  อนาคตเมืองไทยมองไม่ค่อยเห็นว่ามันจะก้าวไปยังไง  ในเมื่อมัันมีวงจรอุบาทว์ที่ยากมากๆต่อการแก้ไข  มีกันทุกส่วน ทุกระดับ

ออฟไลน์ iKrit

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,724
  • Blue. Just BLUE.
Re: // ประเทศไทย ในอนาคต น่าเป็นห่วง จริงหรือ? //
« ตอบกลับ #40 เมื่อ: สิงหาคม 07, 2010, 03:31:08 »
ก็แค่ทำสิ่งนึงที่ดีที่สุดให้กับสังคมโดยไม่สนว่ามุมมองด้านลบจะเป็นอย่างไร

เปรียบดังน้ำหนึ่งหยดในมหาสมุทรก็พอครับ หากรวมกันหลายล้านหยดก็กลายเป็นบ่อน้ำใหญ่ๆ บ่อนึงที่คอยหล่อเลี้ยงสิ่งมีชีวิตต่างๆ ล่ะครับ ^^a

ผมยึดมั่นและทำสิ่งนี้อยู่เสมอครับ แม้ว่าคนข้างกายบางคนจะชอบพูดแง่ลบใส่ก็ตาม ^^"

ยกตัวอย่างเช่น......

ผม: "น่าทำระบบฐานข้อมูลของ lab ไว้ให้รุ่นน้องรุ่นต่อไปใช้เนอะ"
คนข้างกาย: "ทำให้ลำบากไปทำไม เดี๋ยวก็ถึงเวลา รุ่นน้องก็ทำเองแหล่ะ"
ผม: "อ้าว ไม่ดีเหรอ อย่างน้อยเราก็ได้เริ่มทำฐานให้รุ่นน้องได้สานต่อให้มันดีขึ้นน่ะ?"

แล้วก็ยาว.........แต่แล้วก็ทำส่วนนึงของระบบจนสำเร็จ จนทุกวันนี้รุ่นน้องก็ยังใช้ฐานข้อมูล และระบบบางส่วนอยู่ แถมยังสานต่องานให้สมบูรณ์ขึ้นอีกด้วย ^^
"การไม่มีดราม่าเป็นลาภอันประเสริฐ"
แต่มนุษย์มาม่าบางคนก็ชอบเปิดประเด็นทุกที เอ้อ...แปลก

ออฟไลน์ boykung

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,174
  • ตอนเด็กๆ โคตรอยากเป็นจีบันเลย
Re: // ประเทศไทย ในอนาคต น่าเป็นห่วง จริงหรือ? //
« ตอบกลับ #41 เมื่อ: สิงหาคม 07, 2010, 10:02:07 »
เห็นด้วยนะครับว่า อนาคต ของเด็กไทยน่าเป็นห่วงมากๆ

เด็กสมัยนี้ รักสบาย ขี้เกียจ เห็นแก่ตัว ไม่ค่อยรู้จักคำว่า กตัญญูต่อพ่อแม่สักเท่าไหร

ไหว้พ่อแม่ไม่เป็น แต่ไหว้รุ่นพี่เก่งนักแหละ พ่อแม่บอกอะไรไม่ทำ รุ่นพี่บอกอะไร ทำถวายหัวให้เลย

ผมมีญาติโง่ๆคนหนึ่งขอยกตัวอย่าง รุ่นพี่โดนทำร้าย ต้องการแก้แค้นให้ ทำระเบิดปิงปองเอง ตอนกำลังจะขว้างใส่อริ ก็ระเบิดคามือซะงั้น ตอนนี้ก็เลยตาสว่างเมื่อสายไปแล้ว เป็นได้แค่คนพิการ

สังคม กลุ่มเพื่อนมีผลมาก เด็กดีๆเสียเพราะกลุ่มเพื่อนไม่ดีก็มีเยอะ
มันส่อให้เห็นถึงหลายๆอย่างว่าเด็กคิดไม่เป็น ลำดับความสำคัญยิ่งไม่เป็นใหญ่

ทุกปัญหาเราเห็น แต่บางอย่างเป็นสันดานฝังรากลึกเข้าไปในตัวเด็กเรียบร้อยแล้ว พูดตรงๆว่ายากที่จะแก้

ถ้าจะเริ่มต้องเริ่มที่เด็กรุ่นใหม่ ที่แบบ 2-3ขวบจริงๆ แล้วพ่อแม่ต้องเป็นแบบอย่าง เพราะจะให้เด็กคิดเองยากครับ

ผมกำลังคิดจะมีลูก ผมยังคิดมากเลยครับ ใจนะอยากมี แต่กลัวสังคมปัจจุบันนี้
Hyundai Grand Starex 2012
Kia Rio 2013
Volvo XC60 D4 Hybrid with Engine Oil 2013
Mercedes Benz S300Hybrid AMG 2014
BMW 420D Coupe M Sport 2016

ออฟไลน์ tsmart

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 132
    • อีเมล์
Re: // ประเทศไทย ในอนาคต น่าเป็นห่วง จริงหรือ? //
« ตอบกลับ #42 เมื่อ: สิงหาคม 07, 2010, 10:42:37 »
ผมเห็นด้วยนะที่ว่าน่าเป็นห่วง แต่การตามแบบตะวันตก การเน้นการศึกษา(วิชาการ)
ลูกเดียวมันอาจไม่เหมาะกับบ้านเราก็ได้   :(
จริงๆประเทศเรา ชาวพุธ ก็มีหลายๆอย่าที่ดีในตัวเองแต่ไม่ได้นำมาเผยแพร่ อย่งเรื่องวิธีชีวิต การคิดต่างๆ  สุดท้ายคนที่เห็นคุณค่ากลายเป็นพวกฝรั่ง หรือไม่ก็ต้องรอให้แก่ตัวกันก่อนถึงเริ่มสนใจ  ถ้าอีกหน่อยผมมีลูก คงจะไม่เน้นให้ต้องเข้ารร.ดังๆ เอ็นคณะดีๆ ตังใจว่าจะหา รร.ทางเลือก ที่เน้นการเรียนรู้ กระบวนการคิด ใช้ชีวิตในสังคมให้มีความสุขได้ มากกว่าวิชาการทั้งหลาย :P


ออฟไลน์ POPROCK

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 387
Re: // ประเทศไทย ในอนาคต น่าเป็นห่วง จริงหรือ? //
« ตอบกลับ #43 เมื่อ: สิงหาคม 07, 2010, 12:15:11 »
อยากบอกว่า
"ขี้เกียจอ่าน" ตาลาย

แต่ ทุกความเห็นก็ดีนะครับ
ช่วยกันพัฒนาประเทศ ---> โดยเริ่มจากตัวเราเอง
สังคมดีๆ...ไม่มีขาย
อยากได้...ต้องช่วยกันสร้าง
โดยเริ่มจาก...ตัวเราเอง

ออฟไลน์ tokyo

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 632
Re: // ประเทศไทย ในอนาคต น่าเป็นห่วง จริงหรือ? //
« ตอบกลับ #44 เมื่อ: สิงหาคม 07, 2010, 13:16:32 »
กลุ่มเพื่อนก็จริงครับผมเห็นด้วย อยู่บ้านยังไม่เคยได้ยินคำว่า กู มึง จากพ่อกับแม่เลย
แต่พวกเราก็รู้จักกับคำพวกนนี้ได้จากเพื่อน
07 mazda 3

ออฟไลน์ XL_SiZe

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,041
Re: // ประเทศไทย ในอนาคต น่าเป็นห่วง จริงหรือ? //
« ตอบกลับ #45 เมื่อ: สิงหาคม 07, 2010, 16:59:08 »
ดัชนีชี้วัดความเป็นไปของประเทศ
หลายคนบอกอยู่ที่ความเก่งของเด็ก ความเจริญด้านการปลูกข้าว ทำโน้นทำนี่

แต่ ผมกลับมองว่า สิ่งที่สำคัญกว่าความเก่ง ความฉลาด ความเจริญทั้งหลาย คือ

ความดี ในตัวคนครับ

ออฟไลน์ Pasakorndvm

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,310
Re: // ประเทศไทย ในอนาคต น่าเป็นห่วง จริงหรือ? //
« ตอบกลับ #46 เมื่อ: สิงหาคม 07, 2010, 20:29:43 »
เมื่ออ่านกระทู้นี้ครั้งแรก ผมคิดว่าตัวผมเองยังไม่น่าจะที่แสดงความคิดเห็นอะไรเพราะมีภูมิรู้ไม่มากพอ แต่พอดีมีประเด็น
ของ คุณปรู๋ ในเรื่อง การพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพ และ คุณฮิฮิ้ว.. ที่กล่าวถึงเรื่อง เกษตรอุตสาหกรรม
ซึ่งผมก็ทำงานที่เกี่ยวข้องในทั้ง 2 ส่วน เลยขออนุญาตแบ่งปันความคิดเห็นที่ค่อนข้างยาว ถ้าใครขี้เกียจอ่านก็ข้ามไปอ่านตอนท้ายดีกว่า

การพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพ      
      จริงๆ  แล้วประเทศไทยมีนักผลิต นักวิชาการ นักขายและการตลาดที่เก่งมาก ๆ
แต่การส่งเสริมจากภาครัฐ หรือเอกชนไทยด้วยกันเอง ยังไม่เต็มที่เท่าที่ควร แม้ว่ายังมีงานวิจัยที่นำไปผลิตสินค้าได้จริง
และมีนักขายและการตลาดที่เก่งมาก ๆ รอที่จะขาย
      ส่วนในกรณีของ Pfizer นั้นปัจจุบันเป็นบริษัทเวชภัณฑ์อันดับ 1 แต่กำลังจะแพ้บริษัท Merck ที่ควบรวมกับอีกหลาย ๆบริษัท
 ความสำคัญของประเด็นนี้คือ ตลาดสินค้าที่นำเคมีภัณฑ์มาผลิตเป็นยา หรือ สารออกฤทธิ์ต่าง ๆ จะถดถอยลง
แต่สินค้าที่เป็นผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ ประเทศไทยมีองค์ความรู้มากมายอยู่แล้วกลับไม่ได้รับการส่งเสริม เช่น จดทะเบียนยาก
ไม่มีสถาบันของรัฐรับรองสินค้า เอกชนต้องลงทุนพัฒนาเองทั้งหมด

ประเด็นเกษตรอุตสาหกรรม
     ถ้าทางผลิตสัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ ประเทศไทยไม่แพ้ชาติใดในโลกแน่นอน มีการพัฒนาอย่างยั่งยืน
แต่ในประเด็นเรื่องราคาสินค้าเหล่านี้กลับเป็นปัญหา เนื่องจากรัฐ ไม่เข้าใจกลไกตลาดของสินค้า และนโยบายรัฐ
บางประเด็นเอื้อให้พ่อค้าคนกลางได้เปรียบ และ NGO บางกลุ่มกลับนำประเด็นไปโจมตีเอกชนรายใหญ่ แต่ในความเป็นจริง
ปัญหาอยู่ที่ต้นน้ำ คือ พืชอาหารสัตว์ ที่ไม่เพียงพอกับการใช้เป็นอาหารสัตว์ ที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ที่เรา
ไปควบคุมราคามันไม่ได้ (โครงสร้างราคาไข่ จากอาหารสัตว์ และผู้เลี้ยงสัตว์ จนถึงล้งไข่ สามารถถามผมได้ส่วนตัว)


แต่ประเด็นที่จะกล่าวถึงที่สำคัญกว่า 2 ตัวอย่างข้างต้นคือ เรื่องทุนมนุษย์ ที่ประเทศเราอ่อนด้อยมาก ๆ
ซึ่งต้นน้ำของทุนมนุษย์ คือ เรื่องสถาบันครอบครัว ที่ปัจจุบันเลี้ยงเด็กรุ่นใหม่ได้น่าเป็นห่วงมาก ๆ
เน้นความสำคัญในเรื่องเงิน และ บริโภคนิยม การแก่งแย่งแข่งขัน ใช้เงินเลี้ยงแทนความอบอุ่นเอาใจใส่
เน้นส่วนตน มากกว่าประโยชน์ส่วนรวมของชาติ ศาสน์ กษัตริย์  แม้ปากจะบอกลูกหลานแบบนั้น แต่ตอนตัวเองปฏิบัติ
ส่วนใหญ่กลับกระทำอีกอย่าง

ประเทศไทยคนเก่งคนดี มีมากมายแต่พวกเขาไม่สามารถมีอำนาจ เข้ามาในส่วนการบริหารประเทศไม่ได้
หรือเข้ามาแล้ว อยู่กับคนอยู่ก่อนไม่ได้ และผมไม่อยากจะกล่าวความจริงจากเพื่อนผมที่เป็นญาติของรัฐมนตรีประเทศหนึ่ง
ที่ประเทศเขาโครงสร้างไม่ได้ดีเท่าเรา แต่ก็ส่งเสริมไปไกลระดับโลก กล่าว่า "นักการเมืองประเทศคุณ ไม่ส่งเสริมการศึกษา และ
การพัฒนา เนื่องจาก เมื่อคนในชาติพัฒนาเค้าจะหลอกคนเหล่านี้ไม่ได้อีก จะเอาอะไรมาขายก็ขายยาก "

    สรุปสุดท้าย ขอยกตัวอย่างการพัฒนาหรือเปลี่ยนแปลงต้องเริ่มจากตัวเรา เหมือนใน Ad ของพระมหาวุฒิชัย เรื่อง "เปลี่ยนประเทศไทย"
และทุกคนน้อมนำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในเรื่อง "การทำหน้าที่ของตน" และ "ความสามัคคี"
มาปฏิบัติ โดยไม่ใช้บรรทัดฐานจากความพอใจของตน แต่มองถึงประโยชน์ส่วนรวม ก็จะทำให้ประเทศพัฒนา
ทั้งในด้านวัตถุและจิตใจ เป็นประเทศพัฒนาแล้วจริง ๆ ได้สักที
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 07, 2010, 23:02:28 โดย Pasakorndvm »
'19 Honda Civic EL

ออฟไลน์ CRO

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 843
Re: // ประเทศไทย ในอนาคต น่าเป็นห่วง จริงหรือ? //
« ตอบกลับ #47 เมื่อ: สิงหาคม 07, 2010, 21:00:41 »
อ่านไปอ่านมาชักตาลายเหมือนกัน แต่มีเรื่องที่เหมือนกันคืือ

จริยธรรม และ ศีลธรรม 

2 ตัวนี้ค่อยๆหายไปจากเด็กรุ่นใหม่พอสมควร แต่ที่ผมสังเกตได้คือ คนดี ก็จะดีไปเลย คนแบบกลางๆนี่แล้วแต่สภาวะแวดล้อมชักจูงไป พวกล่างลงไปกว่านั้น พูดไป 2 ไพ่เบี่ย -_-

จริยธรรม < ใครเป็นคนถอดออกจากหลักสูตรการศึกษาอยากทราบไปค้นเอาเอง อุอุ
ศีลธรรม < หาได้ในจิตใจทุกคน ทำความดีละความชั่ว ก็มีศีลธรรม แต่ปัจจุบัน อะไรดีอะไรชั่วเด็กมันมั่วไปหมดแม้แต่ผุ้ใหญ่เองเตอะ เหมือนกัน

เรื่องประเทศฃาติจะไปได้อย่างไรนั้น ผมไม่ทราบแต่ มีรุ่งเรื่องก็มี เสื่อม
กรุงรัตนโกสิน เรารุ่งเรื่องมากที่สุดสมัย ร.5 ตอนนี้ โรยราและคิดว่ายังไม่ต่ำสุด

อย่าไปคิดมากอย่าไปเครียดเลยครับ อะไรจะเป็นไปก็ให้เป็นไป ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดเป็นพอ อะไรที่ทำแล้วไม่เดือดร้อนคนอื่นและตนเอง กลับบ้านสามารถนอนหลับได้สบายใจ ก็ทำไปเถอะครับ :>

ออฟไลน์ CaVoK

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 158
    • อีเมล์
Re: // ประเทศไทย ในอนาคต น่าเป็นห่วง จริงหรือ? //
« ตอบกลับ #48 เมื่อ: สิงหาคม 07, 2010, 21:34:03 »
เป็นกระทู้ที่ดีกระทู้หนึ่งครับ
แต่ด้วยความรู้ที่ยังไม่ตกผลึกพอ จึงไม่กล้าออกความเห็นครับ
แต่ดีใจที่มีคนคิดได้กันมากขึ้นครับ

ออฟไลน์ DENTE

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 379
  • ชายใจสะออน
Re: // ประเทศไทย ในอนาคต น่าเป็นห่วง จริงหรือ? //
« ตอบกลับ #49 เมื่อ: สิงหาคม 09, 2010, 15:41:02 »
ผมขอให้ยึดหลักของศาสนาพุทธในการสั่งสอนลูกหลานครับ

โอวาท 3  การทำความดี ไม่ทำความชั่ว  ทำใจให้ผ่องใส

ชักนำให้เด็กรักการอ่าน  และยึดหลักพอเพียงครับ
ตังมีไม่มาก  แต่อยากขับรถดีดี

ออฟไลน์ Sacrifice

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 591
Re: // ประเทศไทย ในอนาคต น่าเป็นห่วง จริงหรือ? //
« ตอบกลับ #50 เมื่อ: สิงหาคม 10, 2010, 02:36:41 »
คุณ jobbabys ครับ

เรื่องข้าว วิทยาการเราก้าวหน้า มากครับ

ผมทำงานที่องค์กรนี้อยู่ http://dna.kps.ku.ac.th/ แต่ไม่ได้รู้เรื่องการวิจัย
และพัฒนา ข้าวของเขามากนัก แต่ก็ทำงาน support เขา ครับ

ที่เราไม่ทำอย่างประเทศอื่นให้ปลูกข้าวได้เยอะๆ เพราะว่า  มันไม่คุ้มครับ

เรามีที่ดิน มากมาย มีน้ำอุดมสมบูรณ์  ค่าแรงก็ถูก(ต่างจังหวัด) 
เราจึงไม่ใช้เทคโนโลยี ด้านที่คุณว่ามากนัก

แต่ไปพัฒนาพวก ข้าว ต้านทานโรคไหม้(Blast) ต้านภัยแล้ง(drought)
ตอนนี้เกษตรกรเรา มีปัญหาเรื่อง เพลี้ยกระโดด  มากๆ
กำลังพัฒนาโดยใช้ เทคนิค MAS แทน GMO กันอยู่


___________

เรื่องอนาคตเด็กไทย ผมว่ามันก็มีทั้งเด็กที่ดีและไม่ดีปะปนกันไปแหละครับ

สุดแท้แต่เส้นทางชีวิตของแต่ละคนครับว่าจะ ถึงจุดหมายแบบไหน
เด็กมันไม่ชอบอ่านหนังสือแต่มันชอบ เล่นดนตรี วันนึง มันอาจเป็นนักดนตรีระดับโลกก็ได้
หรือ หลายคนที่ผมเห็น ก็เรียน ไม่จบ แต่ชอบค้า ขาย ก็สามารถสร้างธุรกิจใหญ่โตได้
อู่ เก่งๆ หลายอู่ ไปถามเจ้าของสิครับ จบ  วิศวไหม? นั่งอ่าน text เครื่องยนตร์ไหม?
แต่ซ่อม รถ นี่อย่างเทพเลย ส่งศูนย์ ช่างจบ ปวส. ซ่อมไม่ได้  อู่เฮียแค่บอกอาการ รู้เลยเสียตรงไหน?

บางคนฝันว่าต้องรวย มีธุรกิจใหญ่โต ส่ง ลูกเรียนนอกได้หมด

บางคนขอแค่ ให้ลูกเรียนจบ ป.ตรี หมด ก็ สำเร็จแล้ว(อย่างพ่อผม)

บางคน มีเงินมากมาย แต่ขอแค่คู่ชีวิตที่รักและจริงใจซักคน อายุ จะ 70 กว่าแล้วก็ยังไม่มี

แล้วหลายคนที่ผมเห็น เขาทำงานวิจัย เพื่อผลของงานไม่ใช่เงิน (จบโท เงินเดือนไม่ถึง 15k)
เข้างาน 8 โมง แต่บางทีต้องเก็บผล การทดลอง ทุกชั่วโมง เป็นเวลา 1 เดือน  ก็ต้องมา
ที่ LAB ตลอด  เก็บข้อมูลเสร็จต้องมาวิเคราะห์  เตรียม รายงาน พูดถึงก็ปวดหัวแล้ว

ออฟไลน์ traveller

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 266
Re: // ประเทศไทย ในอนาคต น่าเป็นห่วง จริงหรือ? //
« ตอบกลับ #51 เมื่อ: สิงหาคม 10, 2010, 09:00:10 »
ความคิดเห็นหลากหลายแบ่งบาน ข้อมูลด้านลึกจากหลายแห่ง ก็ถูกแพร่ออกมาให้คนภายนอกเห็น
เพื่อนหลายคนทำงานหลายที่ แลกข้อมูลกัน
เชื้อไวรัสด้านดีกำลังทำงานในเวปที่ดีแห่งนี้ครับ
ประเทศไทยมีอนาคตที่ดีแน่ครับ ถ้าสังคมเวปแลกข้อมูลด้านลึกกันบ่อยๆ

คนอ่าน รู้ข้อมูลหลายด้าน เขาก็ตัดสินใจเลือกเส้นทางชีวิตทีเขาชอบได้
เมื่อมีเป้าหมายชีวิตที่ชอบ ก็จะขยันเรียน ตั้งใจทำทุกวันให้ดี ไม่เขว ไม่ออกนอกทาง เป็นคนดีได้ง่ายๆ เพราะใจแข็ง ทนสิ่งยั่วสิ่งเย้ายวน ที่ผู้ใหญ่ปัจจุบันคิดมาหลอกล่อคนรุ่นใหม่

หลักแห่งความสำเร็จ คือ อิทธิบาท 4
ทำสิ่งที่ชอบ แล้วจะขยัน ใจจดจ่อมุ่งมั่น ตรวจสอบว่ากำลังเดินทางใกล้หรือห่างเป้าหมายอยู่เสมอ
พระพุทธเจ้ารับรองไว้ว่า ใช้หลักอิทธิบาท 4 แล้ว จะประสบความสำเร็จตามเป้าหมายแน่นอน

แต่ ชีวิต จะดีได้ ต้องมีหลักอีกเรื่อง ที่ขาดไม่ได้ คือ
กัลยาณมิตร แปลว่า มิตรที่ดี หรือ เพื่อนที่ดี
เพื่อนดี หมายถึง คนที่ ติตำหนิตักเตือนเมื่อเพื่อนทำผิด และ ชื่นชมเมื่อเพื่อนทำถูก
เพื่อนดี จะชักชวนกันทำดี ไปหาคนดี บูชาคนดี และ ทำตามคำสอนของคนดี

คนดี คือ คนที่ชักชวนผุ้อื่นให้ทำดีตาม
คนดี ต้อง ตำหนิ คนชั่ว ทั้งต่อหน้าและลับหลัง
คนดี ต้อง ชื่นชม คนดี ทั้งต่อหน้าและลับหลัง

สังคมไทยมีหลักธรรมขั้นสูงแฝงอยู่นานแล้ว
พระพุทธชินราช สร้างโดยพระมหากษัตริย์แหล่งกรุงสุโขทัย พระยาลิไท เมื่อปี พศ 1905
เมืองพิษณุโลก ถูกพม่าบุกยึดหลายครั้ง
แต่ พม่า ไม่เคยเผา ไม่เคยปล้น ไม่เคยลอกทองคำออกจากองค์พระพุทธชินราชเลย
เป็น เรื่องน่าคิด ที่ เพื่อนของเราในเวป ตั้งข้อสงสัยว่า บางที คนไทยอาจเผาอาจปล้นกรุงศรี กันเอง ก็ได้

กันดัม ที่ผมเสนอให้ลองดูแบบคิดลึก เพราะ หัวใจหลักของการอยู่รอดของชาติคือ เทคโนโลยี่พลังงานและการทหาร
ประเทศไทยไม่มีเทคโนโลยี่ด้านพลังงานและการทหารที่ทันยุคสมัยเลย
สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้นและกลาง ญี่ปุน จีน ต้องซื้อปืนใหญ่ จากไทย นะครับ
ชาติที่มีเทคโนโลยี่ทางทหารล้ำหน้า สามารถ ปล้นชิง อาหาร จาก ชาติผลิตอาหารได้ง่ายๆ
อาจจะไม่ได้ใช้วิธีส่งทหารมายึดแบบ มองโกล
แต่ ใช้วิธี ลดค่าเงินบาท ส่งคนมาคุมธนาคารชาติกระทรวงการคลัง คุมการใช้เงิน คุมการส่งออกอาหารในรูปแบบแฝง
เรื่องให้ต่างชาติ มาลงทุนทำนาในไทย ก็ เรื่องเริ่มต้นของเรื่องนี้ล่ะครับ

เด็กไทย อายุ 7 ขวบ ความฉลาดไม่ต่างจาก เด็กญี่ปุ่น จีน อเมริกา เยอรมัน ที่อายุไล่เลี่ยกันนะครับ
แต่ เรา เรียนหนังสือ ไม่เต็มหลักสุตร
ป1 สอนไม่จบเล่ม
ป2 สอนขาดอีกหลายบท
ป3 ยัง คูณ หาร ไม่คล่อง
ป4 เลย ทำ ครน หรม แยกตัวประกอบ ไม่ได้
ป5 เลยไม่รุ้จะเข้าสมการอย่างไร
ป6 มึนงง เรียนอะไรก็ไม่รู้เรื่อง
นับแต่นี้ไป เด็กไทย ก็ ถูก เด็กญี่ปุ่น จีน อเมริกา เยอรมัน ในโรงเรียนชั้นดีของเขา แซงไปหลายช่วงตัวแล้ว
แต่ ยังมี เด็กไทย ที่เก่งเอง เรียนพิเศษมาก ไปรวมตัวในโรงเรียนมัธยมชั้นดี แล้ว แข่งกัน จน ไปแข่ง ได้เหรียญทองวิชาการโอลิมปิก แล้ว เด็กเก่งพวกนี้ ก็ ไปเรียนเมืองนอก เรียนรวมกับ เด็กเก่งของชาติอื่น ใน มหาวิทยาลัยดี ของ ฝรั่ง หรือ ญี่ปุ่น
ทำงานวิจัยให้เขา เห็น เงินลงทุนที่ฝรั่งญี่ปุ่น ให้กับงานวิจัย
เห็นทีมงานวิจัยคุณภาพระดับนานาชาติ ต่างชาติ ต่างความเชื่อ ต่างสีผิว ต่างศาสนา ทำงานร่วมกันได้
เมื่อเด็กไทย กลับเมืองไทย ก็ จะพบกับ ความว่างเปล่า
งบประมาณส่วนใหญ่ ในหน่วยงานวิจัยไทย หมดไปกับการ สร้างตึก ดูงานต่างประเทศ จัดเลี้ยง จัดงานสัมมนา
หัวหน้าที่เคยเก่งสมัยอยู่ต่างประเทศ ทุกวันนี้ไม่ได้ทำงานวิจัยอะไรหนักๆ วันวัน เอาแต่ วิ่งตาม นักการเมือง หางบ หาตำแหน่ง
คนทำงานวิจัย คือหลักของวิชาการของประเทศ
ความมั่นคงของประเทศไทย มีพื้นฐานจากความรู้งานวิจัยของคนไทย

มีเหตุผลใด ที่กองทัพอากาศไทยเปลี่ยนการซื้อเครื่องบินขับไล่จากอเมริกาเป็นสวีเดน
ผมไม่ทราบด้านลึก แต่ ทหารไทยเขาบอกว่า สวีเดนให้โอกาสทหารไทยต่อยอดระบบรบของเครื่องบินเองได้
กองทัพอากาศไทยมีคนเก่งครับ ครั้งนี้ อาจจะได้แสดงฝีมือให้โลกได้เห็น ในการพัฒนาระบบรบของเครื่องบินสวีเดน
ไทยเป็นชาติแรกๆในโลก ที่สร้างเครื่องบินเอง
แหล่งถลุงเหล็กยุคแรกของมนุษย์ก็อยู่ในไทยด้วย
ดินแดนที่เราอยู่นี้ ไม่ใช่ ดินแดนของคนไม่มีเทคโนโลยี่ นะครับ
จึงเป็นหน้าที่ของ คนไทยทุกคน ไม่ว่าจะอายุมากหรือน้อย ฐานะอะไร ที่ต้อง ช่วยกัน สร้างองค์ความรู้แลกกันให้มากที่สุด
ทำกันในเวปของคุณจิมมี่ นี่ก็เหมาะนะครับ

ที่สำคัญ คนที่มีอายุมาก ก็ ต้องทำตัวให้ดีด้วย
ลูกชายของผมบอกว่า ครู สั่งให้นักเรียนถอดรองเท้าก่อนขึ้นตึกเรียน ห้ามใส่รองเท้าในห้องเรียน
แต่ ตัวครู ไม่ต้องถอดรองเท้า
ครู สวมรองเท้าเดินบนตึก ในห้องเรียนได้
รองเท้าครู เลอะโคลน ทำพื้นสกปรก แต่ ได้ ถุงเท้านักเรียนที่เดินผ่านเช็ดให้สะอาดครับ
สังคมไทย ให้ข้อยกเว้น ไม่ต้องทำตามกฎ มากเกินไปครับ
ครู ไม่ทำตัวเป็นตัวอย่างให้เด็ก
แล้วจะให้เด็กที่คิดเป็น เขาเคารพครูได้อย่างไรกัน

ไอน์สไตน์ ประสบความสำเร็จได้รางวัลโนเบิล ในช่วงอายุไม่เกิน 30 ปี
หลังจากนั้น เขาก็ไม่ประสบความสำเร็จอีกเลย
คนหนุ่ม ไฟแรง มักจะประสบความสำเร็จในเรื่องยากที่สุด ได้ดีกว่า คนมีอายุครับ
คนหนุ่มไทย ก็ เช่นกัน มีความคิด มีพลัง ก็ใช้ความขยันต่อเนื่อง มีเป้าหมายในชีวิตชัดเจน ต้อง สร้างสรรค์ประเทศไทยให้ดีกว่านี้ได้แน่ครับ

ผมก็รีบพิมพ์ก่อนหมดเวลา 60 นาที พยายามจะไม่ใช้เวลาในบอร์ดเกินนี้ เพราะจะเสียงานประจำไปครับ
ผิดพลาดประการใด แล้วจะกลับมาแก้ไขครับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 10, 2010, 09:08:30 โดย traveller »