ผู้เขียน หัวข้อ: มีคนบอกว่า อีก 5 -6 ปีรถน้ำมันอาจขายไม่ออก เพราะคนหันไปใช้รถไฟฟ้ากันหมด?  (อ่าน 11860 ครั้ง)

ออฟไลน์ Mp4_007

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 787
5555 เป็นเรื่องตลกที่สุดแล้วที่ได้ยินมา   
ราคารถคือคำตอบด่านแรกเลย   ตราบใดก็ตามที่มันยังเป็นแบบปัจจุบันมันคงเกิดขึ้นไม่ได้ในประเทศไทย
รถไฟฟ้าขนาด b segmentธรรมดาๆ แต่ราคาเท่ากับหรือแพงกว่า ppv suv d segment มันไม่มีทางขายดีหรอก

ออฟไลน์ Smith686

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,935
    • อีเมล์
อันนี้ใครบอกหรอ?

ยอดผลิตรถยนต์ ไฟฟ้า จะเป็น 50% ภายใน 5 ปี

http://community.headlightmag.com/index.php?topic=70989.0
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 16, 2019, 11:28:07 โดย Smith686 »

ออฟไลน์ Smith686

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,935
    • อีเมล์
         แนวโน้มที่เป็นไปได้มากที่สุดคือในอีก 5-6 ปีข้างหน้า ยอดขายรถยนต์ในต่างประเทศจะมีรถไฟฟ้ามากกว่ารถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์  ส่วนในประเทศไทยยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าจะสูงขึ้นมาใกล้เคียงกับรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์  ผู้ที่ซื้อรถยนต์ในช่วงนั้นจะเสี่ยงต่อการตกยุคเพราะซื้อรถที่ใช้เครื่องยนต์มาแล้วใช้ไปสัก 7-8 ปี  พอจะขายต่อจะหาคนซื้อยาก  เพราะฉะนั้นเหตุการณ์ที่ จข.กท.กล่าวถึงน่าจะเป็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในสิบกว่าปีข้างหน้า  ไม่ใช่ 5-6 ปีข้างหน้า

ออฟไลน์ kabokaboh

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 321
วันที่ lpg ถูก  คนก็หันไปใข้ จนราคาขึ้น

อีกหน่อยคงจะมี

วันที่ ราคาค่าไฟบ้าน ส่งใบเรียกเก็บมา แล้วมีหน้ามืดกันบ้าง


ปล ข้อจำกัด ของ รถไฟฟ้าคือ การชาร์ทแบตเตอรี่ 

เอาแค่ชาร์ทปรกติ คิดถึงจังหว่ะชาร์ท

คันนึง หม้อคงอุ่นๆ แต่ถ้าสองคันพร้อมกัน หม้อคงระเบิด  อ่ะนะ

ปล2 ที่เค้าชาร์ทเร็วๆ เพราะเค้ามีความสามารถในการจ่ายไฟ หรือ ใช้ไฟจากแบตเตอรี่ จากเครื่องขาร์ท (มีแบตอีกชุด ในที่ชาร์ท) ถึงจะทำชาร์ทเร็วพอไหว ค่าที่ชาร์ทเร็ว ราคาคงไม่หนี กับซื้อรถธรรมดาได้อีกคัน

ปล3 ไม่ต้องห่วงเจ้าตลาด เพราะ เค้าทำรถ hybrid ยากกว่าเยอะ

ถ้ารถไฟฟ้า ขายดี เค้าเสกได้แป็บเดียว มาเป็นฝูง (ถ้าหาแบตได้มากพอ) แต่ที่ไม่ทำตอนนี้ เพราะเค้าอาจจะกลัว เจ้งอ่ะนะ

เพื่อนนิสสัน ออกโน๊ตมานานมากกกก ยังไม่รุ่ง แลัวค่ายอื่นจะรีบทำไม

ออฟไลน์ wiriya1144

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 43
ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นครับ  ;D

บางท่านสงสัยว่าผมไปฟังมาจากไหน
ผมเองก็จำไม่ได้นะครับ เปิดวิทยุในรถแล้วได้ยินผ่านๆ
แต่พอมีข้อมูลสนับสนุนให้น่าเชื่อถือว่าเป็นไปได้อยู่เหมือนกัน
คือโตโยต้าเองซึ่งเป็นเจ้าตลาด พยายามผลักดันเรื่องนี้
และต้องการให้รถครึ่งหนึ่งที่ขาย เป็นพวกไฮบริดและไฟฟ้าภายในปี 2025


อ้างอิงจาก

https://www.autodeft.com/deftreport/toyota-plan-to-launch-small-ev-car-in-2020

โตโยต้า คาดการณ์ล่วงหน้าว่า ในช่วงปี 2025 จะสามารถสร้างยอดขายรวมทั้งโลกเป็นรถยนต์ไฟฟ้าครึ่งหนึ่ง แบ่งเป็นแบบ Hybrid และ Plug-in Hybrid ราว 4.5 ล้านคัน และเป็นแบบ Electric Car และ Fuel-Cell (FCEV) อีกราว 1 ล้านคัน

แต่จากที่หาข้อมูลเพิ่มเติมจากความเห็นหลายท่าน
และความเห็นของพี่ๆในบอร์ดแห่งนี้
สรุปแล้วทุกฝ่ายยังคงเชื่อว่าภายใน 5 ปี
รถไฟฟ้าจะมีคนใช้"มากขึ้น" แต่ไม่ถึงกับ"ครองเมือง"
และเป็นไปไม่ได้ที่รถยนต์ที่ใช้น้ำมันเป็นหลักจะสูญพันธุ์
ต่อให้มีการสนับสนุนจากภาครัฐอย่างเต็มที่
และมีการตั้งสถานีไฟฟ้าขึ้นทั่วประเทศ
ก็เป็นเพียง"ทางเลือก"ให้ใช้รถไฟฟ้ามากขึ้นเท่านั้น
แต่ด้วยข้อจำกัดหลายๆอย่าง ยังทำให้น้ำมันยังคงต้องถูกใช้ต่อไป

ขอบพระคุณที่มาช่วยกันวิเคราะห์นะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 16, 2019, 13:38:33 โดย wiriya1144 »

ออฟไลน์ punn

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,588
  • may the force lead your way ...
จากที่จขกทบอกออกมา ถ้าผลักให้รถไฮบริด ไปอยู่กลุ่มรถไฟฟ้า
ตัวเลขก็อาจจะเป็นไปได้อย่างที่จขกทบอกมาครับ  :o

เพราะไฮบริดจะเริ่มลงมารถล่างขึ้นเรื่อยๆ
ตั้งแต่ mild hybrid ไปจน plug-in hybrid
คือแทนที่จะใช้ turbo เพื่อดาวน์ไซซิ่งเครื่อง ก็มาใช้ hybrid แทน

ไม่ใช่เพราะกระแส แต่เพราะกฏหมายทางยุโรปที่เข้มงวดไล่หลังไปเรื่อยๆ
อีกทั้งรถน้ำมันล้วนไม่ได้กำไรจากส่วนต่างภาษีเท่ากับพวกไฮบริดครับ

ส่วนหลายท่านที่มองคำว่ารถไฟฟ้า คือรถไฟฟ้าล้วนก็ถูกครับ ยังอีกนาน  ::)
เป็นคนโลกปกติธรรมดา :)
ไม่โลกสวย และไม่โลกมืด อยู่กับความเป็นจริงและพลังงานบวก ..

ปราชญ์สอนสิ่งไหน คนก็จะจำสิ่งนั้น
ประสบการณ์เจอแบบไหน คนก็จะคิดทางนั้น
ต่างคนต่างประสบการณ์เรียนรู้สิ่งเดียวกัน ก็จะออกมาแตกต่างกันไปครับ

ออฟไลน์ Abzolute

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,934
  • สวัสดีคนรักรถยนต์
15 ปียังไวไปเลย

ออฟไลน์ pjs6306

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,101
    • อีเมล์
ลีฟ.. คับไม่ใช่โน้ท

ออฟไลน์ Sacrifice

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 589
น่าจะเป็นของเล่นคนรวยไปอีก 20 ปี  ตอนนี้ ค่ายใหญ่ ยังไม่เริ่มเลย

ขนาด Hybrid ยังเป็นของเล่นคนรวยมา 10 กว่าปีตอนนี้ยังทำ ราคา 6-7 แสนไม่ได้เลย

ออฟไลน์ O_o"

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,329
ในไทย ก็ไม่แน่ครับ นโยบายเปลี่ยนแปลงได้ทุกปี ถ้าวิ่งเต้นดีๆอาจเกิดได้ไว

แต่ในต่างประเทศก็มีหลายๆประเทศออกนโยบายเกี่ยวกับรถไฟฟ้าออกมาแล้ว

ผู้ผลิตรถยนต์ค่ายต่างๆ ก็มีเทคโนโลยีรถไฟฟ้าอยู่ในมือแล้ว แค่รอเวลานำมาขาย


Nonlamer

  • บุคคลทั่วไป
นโยบายจากภาครัฐยังไม่คลอดเลย  :-\

ส่วนตัวก็อยากให้มาถึงวันนั้นซะทีครับ แต่ยังไงก็ยังมองไม่เห็นว่าจะเป็นเร็วๆนี้

ผมคิดว่าเมื่อถึงเวลามันก็มาครับ เมื่อไรก็เมื่อนั้น ไม่เดาอนาคต ปัจจุบันมีอย่างไรใช้อย่างนั้น ผู้บริโภคเป็นคนปรับตัวตามยุคตามสมัยครับไม่ใช่ผู้นำ

แต่ถ้าคุณเป็นคนที่คิดจะลงทุนและแข่งขันในธุรกิจนี้ ก็อีกเรื่องนึง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 16, 2019, 17:46:15 โดย Nonlamer »

ออฟไลน์ adiPureII

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 245
    • อีเมล์
เป็นไปไม่ได้ คนอยู่ในคอนโดกี่ล้านคน รถกี่ล้านคัน
คอนโด แค่ล้างรถยังเป็นไปไม่ได้เลย แล้วจะชาร์ตไฟยังไง

ออฟไลน์ Auto

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,620
เป็นไปได้ แต่ไม่น่าใช่ที่ไทย
นอกจากตัวรถเองแล้ว ยังต้องมี infrastructure รองรับอีก
แล้วพฤติกรรมการใช้รถบ้านเราอีก ใช้กันเกิน 5 ปี ช่างอู่นอกมีความพร้อมขนาดไหน

สำคัญสุด แบตที่เสื่อมสภาพแล้ว จะกำจัดทิ้งกันอย่างไร
  ฟังจากกูรูยานยนต์คนนึง     บริษัทกำจัดอยู่ที่ยุโรปเพียงแห่งเดียวไม่แน่ใจ  เบลเยี่ยม ฮอลแลนด์ โซนแถวนั้นละ

ออฟไลน์ Auto

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,620
  วิธีคิดง่าย  ๆ   คุณบอม  ให้ดูว่า   ในญี่ปุ่นเกิดรถไฟฟ้ามาก่อนเราเป็น 10 ปี ปัจจุบันมีรถไฟฟ้าเป็นจำนวนเท่าไหร่   
แล้วสถานีชาร์จไม่ต้องไปมองคนอื่น  มองที่ตัวเองพร้อมไหมดีกว่า        นั่นละคือคำตอบว่ารถไฟฟ้าจะเกิดในกี่ปี

ออฟไลน์ rtong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,162
    • อีเมล์
+20=25-26 ปี และไม่ใช่ 100%
เพราะความคลาสสิคของรถ  มันทำให้เราทวิลหาอดีต

ออฟไลน์ flat6

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 624
5 ปีเป็นไปไม่ได้ครับ ไทยยิ่งไม่ต้องพูดถึง
เบื่อเด็กน้อยพึ่งมีรถ

ออฟไลน์ XyteBlaster

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,289
    • อีเมล์
ลองดูปั้ม NGV ขาออกต่างจังหวัด ช่วงเทศกาลครับ    นี่แค่เติมคันนึงราว 5-10 นาที ยังรอจนรถติดออกมานอกปั้ม 

รถไฟฟ้ายังไงก็เติมนานกว่านั้น นอกจากเทคโนโลยี super charger มันจะราคาถูกมากๆ จนพอที่จะลงทุนนู่นแหละครับ

เอางี้ครับ ประเทศพัฒนาแล้วที่มีเงินเยอะมาก  ราคารถ ถูกมากเทียบกับค่าครองชีพ มันยังไม่ค่อยบูมเลย

บ้านเรารถราคาแพง ยังไงก็อีกนานครับ

สำหรับผมดีซะอีกคนหันไปเล่นรถไฟฟ้ากัน น้ำมันไม่มีใครต้องการก็ต้องลดราคา อยากเติมลิตรละ 5 บาท เหมือนกันครับ

ออฟไลน์ Smith686

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,935
    • อีเมล์
ลองดูปั้ม NGV ขาออกต่างจังหวัด ช่วงเทศกาลครับ    นี่แค่เติมคันนึงราว 5-10 นาที ยังรอจนรถติดออกมานอกปั้ม 

รถไฟฟ้ายังไงก็เติมนานกว่านั้น นอกจากเทคโนโลยี super charger มันจะราคาถูกมากๆ จนพอที่จะลงทุนนู่นแหละครับ

เอางี้ครับ ประเทศพัฒนาแล้วที่มีเงินเยอะมาก  ราคารถ ถูกมากเทียบกับค่าครองชีพ มันยังไม่ค่อยบูมเลย

บ้านเรารถราคาแพง ยังไงก็อีกนานครับ

สำหรับผมดีซะอีกคนหันไปเล่นรถไฟฟ้ากัน น้ำมันไม่มีใครต้องการก็ต้องลดราคา อยากเติมลิตรละ 5 บาท เหมือนกันครับ

     ประเทศที่เขาส่งเสริมรถไฟฟ้า  รถไฟฟ้าผลิตไม่ทันขายนะครับ  ต้องจองประมาณปีกว่าถึงสองปีกว่าจะได้รถ

ออฟไลน์ toonze

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,967
    • อีเมล์
5-6 ปี ประเทศไทยไม่มีทางครับ  เดียว MG ลองขายดูครับในราคาจับต้องได้

ออฟไลน์ koko86

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,593
    • อีเมล์
ในต่างประเทศมันเป็นอย่างนั้นไปแล้วครับ
-นอร์เวย์ ยอดขายรถไฟฟ้ามากกว่ารถใหม่ไปแล้ว
-อเมริกา ยอดขาย เทสล่า มากกว่า ซีรี่ยส์3 c class
-เสิ่นเจิ้น รถไฟฟ้าขายดีมาก
-สเปน มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า วิ่งกันเยอะมาก

ที่เป็นแบบนี้ได้เพราะ
- เป็นที่ต้องการของประชาชน เพราะรถไฟฟ้า  ทนกว่า ราคาขายต่อดีกว่า อัพเกรดได้เรื่อยๆ ประหยัดกว่า ดีต่อโลกและสิ่งแวดล้อมมากกว่า แรงกว่า ถูกกว่า(ในระยะยาว) ประสิทธิภาพดีกว่า (Efficiency)
- รัฐบาลสนับสนุนเต็มที่ เช่น
      - ที่จีนรัฐสนับสนุนให้มีที่ชาร์จกระจายตามจุดต่างๆในเมือง นอกจากนี้รัฐยังช่วยออกเวลาซื้อรถยนต์ไฟฟ้าด้วย
      - ที่อเมริกา super charge ปัจจุบันเป็น V 3 สามารถหาได้ง่าย เพราะ tesla ลงทุนเรื่องนี้ไว้มาก แถมชาร์จฟรีอีกต่างหาก
      - ที่นอร์เวย์ รถไฟฟ้าได้สิทธิ์ เยอะมาก เช่น ขึ้นทางด่วนฟรี จอดบางที่ที่เป็นจุดชาร์จได้ฟรี ภาษีก็ถูกจนถูกกว่ารถน้ำมัน ที่ชาร์จกระจายตามที่ต่างๆ อย่างทั่วถึง
พอรัฐสนับสนุนเต็มที่อย่างนี้ก็เลยมีผลถึงภาคเอกชน เช่น
- รัฐบาลบางประเทศฟ้องบริษัทรถยนต์ ว่าพยายามเตะถ่วง ไม่ผลิตรถไฟฟ้าเสียที
- ภาคเอกชน เช่น บริษัทใหญ่ๆมีนโยบายสนับสนุนรถไฟฟ้าเต็มที่ เช่น เบนซ์ เลิกผลิตรเครื่องยนต์ปี 2030, วอลโว่ก็ดันโครงการรถไฟฟ้าเต็มที่ โตโยต้าที่เคยเมิน รถ bev ก็กลับมาผลิตจนตั้งเป้าไว้สูงตามลิ้งค์ข้อความข้างบน

ผมเองก็ไม่แปลกใจเลยถ้าดูจากสถิติการเติบโตของรถไฟฟ้า แล้ว อีกหน่อยประเทศต่างๆเหล่านี้อีกหน่อยรถน้้ำมันจะไม่มีคนซื้อ เพราะอาจจะโดนเก็บภาษีมลพิษมากขึ้น บางที่อย่างอังกฤษ ไม่อนุญาตให้เข้าเมือง หรือ จะเก็บเงินเพิ่มถ้ารถปล่อย CO2 เยอะ ร่วมกับการที่คนสนใจรถไฟฟ้ามากขึ้นจน รถน้ำมันขายไม่ออก อะไหล่ก็ไม่มี จนต้องเลิกผลิตไปเอง

....กลับมาดูที่ประเทศไทย ก็รู้สึกหมดหวัง

ทุกวันนี้รัฐไม่ได้สนับสนุนจริงจัง ลำพังแค่แบตมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นรถที่เหมาะกับการทำรถไฟฟ้ามากสุด เพราะสามารถถอดแบตไปชาร์จได้ ชาร์จได้ไม่นาน  ยังเก็บภาษีแบตเตอรี่ตั้ง60% ซึ่งผมเองก็ไม่แน่ใจว่าเป็นภาษีนำเข้าเลยแพงแต่ถ้าผลิตในประเทศจะถูกกว่านี้หรือเปล่า

ตอนนี้รถไฟฟ้าในประเทศไทย อนาคตน่าจะมีสองทางซึ่งขึ้นอยู่กับรัฐบาลเป็นหลัก

1. รัฐไม่สนับสนุนรถไฟฟ้าเลย อนาคตเมืองไทยก็ยังจะมีปัญหามลพิษอยู่ ประชาชนจะป่วยเป็นโรคหายใจมากขึ้นเรื่อยๆ เดี๋ยวรอหน้าหนาวไม่่มีลม PM 2. ก็กลับมา แต่คนที่ได้ประโยชน์คือ บริษัทปริโตรเลี่ยม ตั้งแต่โรงกลั่นยันปั๊ม บริษัทผลิตรถยนต์ที่ต้องการจะใช้เทคโนโลยีเก่าๆ ให้คุ้มเพราะลงทุนวิจัยมาเยอะก็จะเห็นเมืองไทยเป็นเป้าในการนำเครื่องยนต์เหล่านี้มาใช้ บริษัทผลิตอุปกรณ์ต่างๆของเครื่องยนต์ เช่น เกียร์ เครื่องยนต์  ก็จะไม่ปรับตัวเพราะ order ยังมีอยู่   แต่ถ้าสักวันนึงทั้งโลก ใช้รถไฟฟ้ากันหมด บริษํทเหล่านี้จะลำบากมากๆ และคนที่ลำบากที่สุดน่าจะเป็นประชาชนที่สุขภาพย่ำแย่ลง

2. รัฐสนับสนุนรถไฟฟ้าเต็มที่ ลดภาษี สนับสนุนที่ชาร์จตามที่ต่างๆ เช่นปั๊มน้ำมัน คอนโด ให้สิทธิ์พิเศษบางอย่าง ทำราคาราคาให้ถูกกว่ารถน้ำมัน หรือใกล้เคียง(เพราะเป็นไปได้ยากที่ รถไฟฟ้าที่มีลิมิตด้านระยะการวิ่งขายแพงกว่าแล้วคนมาซื้อจนทำตลาดได้) ผมว่าคนอยากใช้มีเยอะ จนจำนวนค่อยๆเพิ่มไปเอง อาจจะถึง 3-5% ใน5 ปี   ยิ่งภายใน 3 ปี จะมีแบตเตอรี่ solid stage ขึ้นมา การชาร์จจะทำได้เร็วขึ้นไปอีก จะทำให้ใช้รถไฟฟ้าได้สะดวกขึ้น เยอะครับ



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 17, 2019, 06:49:50 โดย koko86 »

ออฟไลน์ Jacob

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,803
ถ้าติดแม่เหล็กที่ล้อ ขดลวดตรงซุ้มล้อ ต้นทุนจะเพิ่มอีกเท่าไหร่เหรอครับ จะได้วิ่งไปชาร์จไป ตอนนี้มีแต่ชาร์จตอนเบรค

ออฟไลน์ NINENOI

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,732
  • Nine & Knight
ไม่มีทางครับ 5  ปีก่อนก็มีคนพูดว่าไม่เกิน 10 ปีรถไฟฟ้าวิ่งเกลื่อน


ผมว่าสนับสนุนมอเตอร์ไซด์ไฟฟ้าก่อนดีกว่า เข้าถึงได้ทุกครัวเรื่อนแล้วก็ส่วนใหญ่เอาไว้ขับไกล้ๆจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องชาร์จมากนัก
ถ้าเราซื้อของที่ไม่จำเป็น สุดท้ายเราต้องขายของที่จำเป็น

ออฟไลน์ Jacob

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,803
คนไทยนี่ขี้กังวลจังแฮะ พวกรัฐบาลยุโรปเค้าบังคับแต่คนที่นั่นยังไม่เดือดร้อน นี่รัฐบาลเราไม่ได้บังคับอะไรเลยทำไมตื่นตูมกันจัง ห่วงแม้กระทั่งลิเธียมจะหมดโลก แต่น้ำมันหมดโลกไม่ห่วง  8)

ออฟไลน์ basterias

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,793
ผมก็ได้แต่หวังว่าถ้ามันยาวถึง 15-20 ปีจริงๆ ตอนนั้นบ้านเราจะมีขนส่งสาธารณะที่ดีขึ้นจนไม่ต้องพึ่งรถยนต์ส่วนตัวมากเท่าวันนี้  ;D
Current cars:
2018 - Volvo XC60 T8 R-design (Stock)
2020 - Mercedes C43 Sedan FL (tuned)
(Review https://community.headlightmag.com/index.php?topic=79186.0)
2021 - BMW 530e M sport LCI (Stock)
(Review https://community.headlightmag.com/index.php?topic=79736.0)

ออฟไลน์ Jacob

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,803
ฝรั่งเค้าไม่ได้พึ่งขนส่งสาธารณะอย่างเดียวครับ เค้าเดิน ปั่นจักรยานกันเยอะเลย(ว่ายน้ำไปทำงานยังมี)​ แต่คนไทยเมืองร้อนมั้งเลยใช้รถส่วนตัวกันตลอด
อยากให้ลดการพึ่งพิงรัฐ โทษแต่รัฐ แล้วช่วยกันคนละไม้คนละมือ ลดการใช้พลังงาน รักษาสิ่งแวดล้อม เลิกพฤติกรรมมักง่ายกันบ้าง (คงได้แค่ฝัน)​
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 17, 2019, 08:26:58 โดย Jacob »

ออฟไลน์ HHHsung

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,385
เกิด ไม่เกิด ต้องอยู่ที่ tuning point ครับ คอขวดตอนนี้คือ battery เมื่อไหร่ที่มันเบา ความจุสูง ราคาถูก ชาร์จไว เมื่อนั้นก็เป็นไปตามที่ จขกท. ว่ามา

แต่ต้องไม่ลืมว่า battery คือ หัวใจของพลังงาน ความต้องการมันสูงมาก ดังนั้นใครจ่ายไหวจะได้ใช้ก่อนเพื่อน ทำให้เราคนไทยอาจได้ใช้มันช้ากว่า ประเทศที่เงินเยอะกว่า

ต้นทุนหลักของรถไฟฟ้ามี 4 ส่วน ตัวถัง มอเตอร์ไฟฟ้า battery และชุดควบคุม จริงๆ ถ้าไม่นับ battery ต้นทุน 3 ส่วนที่เหลือค่อนข้างต่ำ

ดังนั้นถ้า battery มาเมื่อไหร่ ราคารถไฟฟ้าก้จะต่ำลงมาจนเราอยากได้ และใช้กันเยอะอย่างที่ จขกท. ว่ามาแน่นอน


ออฟไลน์ Jacob

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,803
ผมว่าอนาคตอาจไม่ใช่แค่เรื่องมีรถไฟฟ้าหรือไม่ ขนส่งมวลชนพัฒนามั้ย มันยังมีหลายประเด็นที่แก้ปัญหาได้ สมัยนี้ delivery เยอะแยะ คนสั่งของจากบ้านได้แทบไม่ต้องไปไหน  teleconference ก็มี ยุค 5g ก็จะมา มันลดการใชรถยนต์ส่วนบุคคลได้เยอะแล้ว
ลองหันมาพัฒนาระบบเหล่านี้บ้างก็ได้นะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 17, 2019, 08:35:27 โดย Jacob »

ออฟไลน์ CarameLon

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,387
ต่างประเทศครับ พอจะเป็นไปได้
TOYOTA WISH SPORT 2.0>>>CRV-2.4L 4WD GEN3>>>TOYOTA Camry 2.4 2010>>>BMW 520 ตาเหยี่ยว>>>BMW X3 2011 >>>BMW 520D 2010 >>>BMW 525D ก่อน LCI >>>BMW 116i M-sport >>>BMW X1 2.0 S-drive 2016 >>>Mercedes GLA200 >>>Mercedes C Class C350e >>> BMW330e+BMWS1000R

ออฟไลน์ XMSL

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 827
อยู่ที่ประเด็นความคุ้มทุนอย่างเดียวเลยครับ(economy of scale)...ลองถ้าพร้อมใจทำกันทุกค่ายมันก็พลิกได้ง่ายๆเหมือนกัน แต่ถ้าให้เดาคงเป็น 10 ปีแทนที่จะเป็น 5 ปี ความจริงเกิดได้ไม่ยากอย่างที่หลายคนคิด (เห็นยังมีความเข้าใจผิดๆค่อนข้างเยอะ) ค่ายรถอย่างวอลโว่เลิกออกรุ่นใหม่ที่เป็นดีเซล...และจะไม่ออกรุ่นใหม่ที่ไม่รองรับ EV อีกต่อไป หลายค่ายก็มีโรดแมพคล้ายๆแบบนี้ ส่วนตัวผมรถคันต่อไปคงเป็นรถไฟฟ้าแน่นอนครับ.

ออฟไลน์ Sit: )

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,453
    • อีเมล์
ก็ต้องฟังข่าวให้ชัดๆว่ารถไฟฟ้า รวมอะไรไม่รวมอะไร รถยุโรปตอนนี้จายเสียบปลั๊กเยอะรุ่นแล้ว รถญี่ปุ่น hybrid มี camry accord เป็นหลักถ้ามันขยายลงมาที่ altis civic แล้วลงมาต่อที่ vios city ถึงวันนั้นนับ hybrid เป็นไฟฟ้า
ก็จะเรียกได้ว่ารถส่วนมากเป็นรถไฟฟ้า