ผู้เขียน หัวข้อ: มีคนบอกว่า อีก 5 -6 ปีรถน้ำมันอาจขายไม่ออก เพราะคนหันไปใช้รถไฟฟ้ากันหมด?  (อ่าน 11982 ครั้ง)

ออฟไลน์ Sympho

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 996
โรงกลั่นน้ำมัน ธุรกิจปิโตรเลียม ยังคงอยู่ไปอีกนานแสนนานครับ

แล้วรถไฟฟ้าที่พูดๆกัน มันก็แค่ Passenger Car กลุ่มเดียว

ยังมียาพาหนะอีกหลายกลุ่มที่ต้องใช้น้ำมันต่อไป เพราะคุณไม่สามารถไปตั้ง Power Station ที่พื้นที่เกษตรกรรม

แล้วหวังว่าจะให้รถคอก รถบรรทุก รถส่งของ มาจอดชาร์จไฟ

ดีไม่ดี แท็กซี่สหกรณ์ก็ไม่เอาด้วย ถ้าค่าบำรุงรักษา แล้ว Downtime ของรถมันสูงกว่าการเติมแก๊ส+ล้างรถ

ออฟไลน์ lay

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,270
ในต่างประเทศมันเป็นอย่างนั้นไปแล้วครับ
-นอร์เวย์ ยอดขายรถไฟฟ้ามากกว่ารถใหม่ไปแล้ว
-อเมริกา ยอดขาย เทสล่า มากกว่า ซีรี่ยส์3 c class
-เสิ่นเจิ้น รถไฟฟ้าขายดีมาก
-สเปน มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า วิ่งกันเยอะมาก

ที่เป็นแบบนี้ได้เพราะ
- เป็นที่ต้องการของประชาชน เพราะรถไฟฟ้า  ทนกว่า ราคาขายต่อดีกว่า อัพเกรดได้เรื่อยๆ ประหยัดกว่า ดีต่อโลกและสิ่งแวดล้อมมากกว่า แรงกว่า ถูกกว่า(ในระยะยาว) ประสิทธิภาพดีกว่า (Efficiency)
- รัฐบาลสนับสนุนเต็มที่ เช่น
      - ที่จีนรัฐสนับสนุนให้มีที่ชาร์จกระจายตามจุดต่างๆในเมือง นอกจากนี้รัฐยังช่วยออกเวลาซื้อรถยนต์ไฟฟ้าด้วย
      - ที่อเมริกา super charge ปัจจุบันเป็น V 3 สามารถหาได้ง่าย เพราะ tesla ลงทุนเรื่องนี้ไว้มาก แถมชาร์จฟรีอีกต่างหาก
      - ที่นอร์เวย์ รถไฟฟ้าได้สิทธิ์ เยอะมาก เช่น ขึ้นทางด่วนฟรี จอดบางที่ที่เป็นจุดชาร์จได้ฟรี ภาษีก็ถูกจนถูกกว่ารถน้ำมัน ที่ชาร์จกระจายตามที่ต่างๆ อย่างทั่วถึง
พอรัฐสนับสนุนเต็มที่อย่างนี้ก็เลยมีผลถึงภาคเอกชน เช่น
- รัฐบาลบางประเทศฟ้องบริษัทรถยนต์ ว่าพยายามเตะถ่วง ไม่ผลิตรถไฟฟ้าเสียที
- ภาคเอกชน เช่น บริษัทใหญ่ๆมีนโยบายสนับสนุนรถไฟฟ้าเต็มที่ เช่น เบนซ์ เลิกผลิตรเครื่องยนต์ปี 2030, วอลโว่ก็ดันโครงการรถไฟฟ้าเต็มที่ โตโยต้าที่เคยเมิน รถ bev ก็กลับมาผลิตจนตั้งเป้าไว้สูงตามลิ้งค์ข้อความข้างบน

ผมเองก็ไม่แปลกใจเลยถ้าดูจากสถิติการเติบโตของรถไฟฟ้า แล้ว อีกหน่อยประเทศต่างๆเหล่านี้อีกหน่อยรถน้้ำมันจะไม่มีคนซื้อ เพราะอาจจะโดนเก็บภาษีมลพิษมากขึ้น บางที่อย่างอังกฤษ ไม่อนุญาตให้เข้าเมือง หรือ จะเก็บเงินเพิ่มถ้ารถปล่อย CO2 เยอะ ร่วมกับการที่คนสนใจรถไฟฟ้ามากขึ้นจน รถน้ำมันขายไม่ออก อะไหล่ก็ไม่มี จนต้องเลิกผลิตไปเอง

....กลับมาดูที่ประเทศไทย ก็รู้สึกหมดหวัง

ทุกวันนี้รัฐไม่ได้สนับสนุนจริงจัง ลำพังแค่แบตมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นรถที่เหมาะกับการทำรถไฟฟ้ามากสุด เพราะสามารถถอดแบตไปชาร์จได้ ชาร์จได้ไม่นาน  ยังเก็บภาษีแบตเตอรี่ตั้ง60% ซึ่งผมเองก็ไม่แน่ใจว่าเป็นภาษีนำเข้าเลยแพงแต่ถ้าผลิตในประเทศจะถูกกว่านี้หรือเปล่า

ตอนนี้รถไฟฟ้าในประเทศไทย อนาคตน่าจะมีสองทางซึ่งขึ้นอยู่กับรัฐบาลเป็นหลัก

1. รัฐไม่สนับสนุนรถไฟฟ้าเลย อนาคตเมืองไทยก็ยังจะมีปัญหามลพิษอยู่ ประชาชนจะป่วยเป็นโรคหายใจมากขึ้นเรื่อยๆ เดี๋ยวรอหน้าหนาวไม่่มีลม PM 2. ก็กลับมา แต่คนที่ได้ประโยชน์คือ บริษัทปริโตรเลี่ยม ตั้งแต่โรงกลั่นยันปั๊ม บริษัทผลิตรถยนต์ที่ต้องการจะใช้เทคโนโลยีเก่าๆ ให้คุ้มเพราะลงทุนวิจัยมาเยอะก็จะเห็นเมืองไทยเป็นเป้าในการนำเครื่องยนต์เหล่านี้มาใช้ บริษัทผลิตอุปกรณ์ต่างๆของเครื่องยนต์ เช่น เกียร์ เครื่องยนต์  ก็จะไม่ปรับตัวเพราะ order ยังมีอยู่   แต่ถ้าสักวันนึงทั้งโลก ใช้รถไฟฟ้ากันหมด บริษํทเหล่านี้จะลำบากมากๆ และคนที่ลำบากที่สุดน่าจะเป็นประชาชนที่สุขภาพย่ำแย่ลง

2. รัฐสนับสนุนรถไฟฟ้าเต็มที่ ลดภาษี สนับสนุนที่ชาร์จตามที่ต่างๆ เช่นปั๊มน้ำมัน คอนโด ให้สิทธิ์พิเศษบางอย่าง ทำราคาราคาให้ถูกกว่ารถน้ำมัน หรือใกล้เคียง(เพราะเป็นไปได้ยากที่ รถไฟฟ้าที่มีลิมิตด้านระยะการวิ่งขายแพงกว่าแล้วคนมาซื้อจนทำตลาดได้) ผมว่าคนอยากใช้มีเยอะ จนจำนวนค่อยๆเพิ่มไปเอง อาจจะถึง 3-5% ใน5 ปี   ยิ่งภายใน 3 ปี จะมีแบตเตอรี่ solid stage ขึ้นมา การชาร์จจะทำได้เร็วขึ้นไปอีก จะทำให้ใช้รถไฟฟ้าได้สะดวกขึ้น เยอะครับ


ขอบคุณครับ+++

ออฟไลน์ lay

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,270
โรงกลั่นน้ำมัน ธุรกิจปิโตรเลียม ยังคงอยู่ไปอีกนานแสนนานครับ

แล้วรถไฟฟ้าที่พูดๆกัน มันก็แค่ Passenger Car กลุ่มเดียว

ยังมียาพาหนะอีกหลายกลุ่มที่ต้องใช้น้ำมันต่อไป เพราะคุณไม่สามารถไปตั้ง Power Station ที่พื้นที่เกษตรกรรม

แล้วหวังว่าจะให้รถคอก รถบรรทุก รถส่งของ มาจอดชาร์จไฟ

ดีไม่ดี แท็กซี่สหกรณ์ก็ไม่เอาด้วย ถ้าค่าบำรุงรักษา แล้ว Downtime ของรถมันสูงกว่าการเติมแก๊ส+ล้างรถ





อันนี้ผม มองตรงข้ามเลยครับ  แท็กซี่  รถบัส  และรถที่ใช้ในพื้นที่การเกษต  น่าจะเหมาะที่จะใช้พลังงานไฟฟ้ามากกว่ารถนั่งส่วนบุคคลเสียอีกนะครับ

ออฟไลน์ S6

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,134
Power Bank ขนาดจะใหญ่แต่ไหนนะ