รถ EV ระยะทางวิ่งต่อการชาร์จ 1 ครั้ง เขาคิดที่ความเร็วเท่าไหร่

AgentMolder

ช่วงนี้ ประเด็นรถ EV กำลังมา เห็นหลายๆค่าย และหลายๆท่าน มักจะพูดถึงตัวเลขระยะทางการวิ่ง ต่อการชาร์จไฟแต่ละครั้งจนเต็ม

ผมอยากทราบว่าตัวเลขที่เขาบอกเนี่ยมันวัดจากไหนครับ ที่ความเร็วเท่าไหร่ ลักษณะการขับคือไม่เร่งเลยยาวๆไปจนไฟหมดหรือเปล่าครับ

ถ้าเป็นแบบนั้น เวลาเรามาใช้ในชีวิตจริง มีเร่งบ้าง กดบ้าง รถติดบ้าง ระยะทางมันก็จะสั้นลงไปอีกใช่ไหมครับ แล้วแบบนี้เราจะรู้ว่าจริงๆแล้วมันจะใช้ได้ตามที่โฆษณาหรือเปล่า หรือจะน้อยกว่านั้นเท่าไหร่ยังไง
2005 Toyota Vios 1st Gen
2012 Honda Civic FD
2018 Toyota Camry ACV70
2023 Toyota Yaris Cross
2024 Porsche 718 Cayman Style Edition
2025 MB E-Class E220d W214



YenChar

ระยะวิ่งเฉลี่ยตามมาตราฐานทดสอบครับ
มีเร่งบ้าง เดินทางไกล จอดเฉยๆ หรือวิ่งความเร็วคงที่

ดังนั้นรถยนต์ไฟฟ้า ถ้าใช้ตามตจว. ที่มีโอกาสเบรคยาวๆ (ชาร์ตไฟ)
หรือทำความเร็วสูงๆ แล้วมีโอกาสชลอรถบ้าง ก็มีโอกาสย้อนเก็บพลังได้

เคยอ่านรีวิว ไม่แน่ใจของ HLM หรือเปล่า
เอา Leaf ไปทดสอบบนเขา ขาลงกลับมา ระยะวิ่งเพิ่มขึ้นหลายสิบโล เพราะมันไหลลงเขายาวๆ



ToryJung

ลองดูทดสอบ Nissan Leaf วิ่งจริง Fast charge ที่80% จนแบตเกือบหมดครับ




Mp4_007

วิ่งจริง ได้ไม่ถึง 200 โลเลย ชาร์จที่80% nissan leaf นะ zs ev ผมว่าต่างไม่เยอะหรอก ได้น้อยกว่าที่เครมไว้พอสมควรเลย



ttcl

ต้องดูว่าค่ายรถบอกว่าใช้มาตรฐานอะไรครับ ปกติแล้วค่ายรถจะบอกไว้ เช่น
รถปกติ บอกว่า 15 กม/ลิตร ตามมาตรฐาน jc08 (ญี่ปุ่น)
รถ ev บอกว่า 400 กม ตามมาตรฐาน WLTP

เมื่อก่อน จะมีหลักๆ 3 มาตรฐาน อเมริกา , ยุโรป (eco sticker ไทยตั้งแต่แรกใช้มาตรฐานยุโรป) , ญี่ปุ่น
เป็นการวัดในห้องแลป มีเร่ง มีเบรค มีหยุด แต่ละมาตรฐานก็มี loop ที่ต่างกัน
สมัยนี้ใช้มาตรฐาน WLTP (worldwide harmonized light vehicles test procedure) เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน

ถ้าตาม WLTP มีการจำลอง speed ให้มีทั้งช่วง low , medium , high และ extra high และมีช่วงหยุดนิ่งด้วย มีทั้งเพิ่มความเร็วและเบรคลดความเร็ว

pattern การขับเป็นไปตามรูปข้างล่างครับ

รูปแรก แกนตั้งคือความเร็ว (กม/ชม) , แกนนอน คือ วินาทีที่
รูปสอง ตารางสรุปทั้ง 4 ช่วงความเร็ว ( low , medium , high , extra high )

ปล. พอมาขับจริง อัตราสิ้นเปลืองจะต่างจากที่ทดลองใน lab มากน้อยต่างกันไป เพราะแต่ละคนก็มี pattern การขับที่ไม่เหมือนกัน และไม่เหมือนในห้องทดลองครับ

(เคยตอบคล้ายๆกันไว้ใน http://community.headlightmag.com/index.php?topic=69815.0 )





Nonlamer

ต้องดูว่าค่ายรถบอกว่าใช้มาตรฐานอะไรครับ ปกติแล้วค่ายรถจะบอกไว้ เช่น
รถปกติ บอกว่า 15 กม/ลิตร ตามมาตรฐาน jc08 (ญี่ปุ่น)
รถ ev บอกว่า 400 กม ตามมาตรฐาน WLTP

เมื่อก่อน จะมีหลักๆ 3 มาตรฐาน อเมริกา , ยุโรป (eco sticker ไทยตั้งแต่แรกใช้มาตรฐานยุโรป) , ญี่ปุ่น
เป็นการวัดในห้องแลป มีเร่ง มีเบรค มีหยุด แต่ละมาตรฐานก็มี loop ที่ต่างกัน
สมัยนี้ใช้มาตรฐาน WLTP (worldwide harmonized light vehicles test procedure) เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน

ถ้าตาม WLTP มีการจำลอง speed ให้มีทั้งช่วง low , medium , high และ extra high และมีช่วงหยุดนิ่งด้วย มีทั้งเพิ่มความเร็วและเบรคลดความเร็ว

pattern การขับเป็นไปตามรูปข้างล่างครับ

รูปแรก แกนตั้งคือความเร็ว (กม/ชม) , แกนนอน คือ วินาทีที่
รูปสอง ตารางสรุปทั้ง 4 ช่วงความเร็ว ( low , medium , high , extra high )

ปล. พอมาขับจริง อัตราสิ้นเปลืองจะต่างจากที่ทดลองใน lab มากน้อยต่างกันไป เพราะแต่ละคนก็มี pattern การขับที่ไม่เหมือนกัน และไม่เหมือนในห้องทดลองครับ

(เคยตอบคล้ายๆกันไว้ใน http://community.headlightmag.com/index.php?topic=69815.0 )

ขอบคุณครับ คุณภาพมากๆ  :D



HHHsung

รถไฟฟ้ามันสามารถ regen ได้ ดังนั้นถ้าไม่ขับเกิน 80 กม/ชม. เทสรูปแบบไหน หยุดๆ จอดๆ ค่าก็ใกล้เคียงกัน

ข้อเสียรถไฟฟ้าคือยิ่งขับเร็วแบบยิ่งลงเร็ว อนาคตคงต้องมีชุดส่งกำลังมาช่วยในช่วงความเร็วสูง



NS

  เหมือนว่าจะเหมาะกับการใช้งานระยะสั้นแบบไม่เกิน 100กม มากกว่านะครับเนี่ย แบบไป-กลับได้
จะเลือกรถหรือเมีย....

...รถสิคร๊าฟ



SM.

ปัจจุบันนี้ผมว่าต้องมี 300 km ขั้นต่ำ ถึงจะขายได้



lay

รถไฟฟ้ามันสามารถ regen ได้ ดังนั้นถ้าไม่ขับเกิน 80 กม/ชม. เทสรูปแบบไหน หยุดๆ จอดๆ ค่าก็ใกล้เคียงกัน

ข้อเสียรถไฟฟ้าคือยิ่งขับเร็วแบบยิ่งลงเร็ว อนาคตคงต้องมีชุดส่งกำลังมาช่วยในช่วงความเร็วสูง

+1ครับ ขอสัก2ระดับก็พอ



XMSL

....

pattern การขับเป็นไปตามรูปข้างล่างครับ

รูปแรก แกนตั้งคือความเร็ว (กม/ชม) , แกนนอน คือ วินาทีที่
รูปสอง ตารางสรุปทั้ง 4 ช่วงความเร็ว ( low , medium , high , extra high )
แสดงว่าถ้าต้องการเช็คระยะก็จะวนทดสอบตามลูบข้างบน...จนกว่าแบตจะเกลี้ยงเลยใช่มั้ยครับ? สภาพการทดสอบจริงต่อให้ขึ้นไดโนทดสอบก็คงไม่สามารถคุมได้แบบในกราฟ...แต่คงทำได้แค่ใกล้เคียงจริงมั้ยครับ? อาจจะแค่กำหนดเพดานความเร็วและการจอดนิ่งคร่าวๆ ตามกรอบเวลาที่เป็นมาตรฐาน ซึ่งก็ใช้เป็นมาตรฐานอ้างอิงเพื่อทดสอบได้ แต่ชีวิตจริงอาจจะมากน้อยกว่าซึ่งก็คงมีปัจจัยอื่นๆอีกพอสมควร...



MUK

ถามแบบ ไม่รู้ครับ ทำไมไม่ชาร์จเข้าตลอดเวลาครับ



iKrit

ถามแบบ ไม่รู้ครับ ทำไมไม่ชาร์จเข้าตลอดเวลาครับ
เท่าที่ผมเข้าใจ คือ
1. กรณีมีมอเตอร์ลูกเดียว เมื่อรถวิ่งมอเตอร์ดึงไฟฟ้าจากแบต มอเตอร์ไม่สามารถเปลี่ยนตัวเองเป็นตัวปั่นไฟได้ขณะใช้งานอยู่
2. กรณีมีมอเตอร์สองลูกขึ้นไป เมื่อรถวิ่งมอเตอร์ตัวที่ 1 และ n ดึงไฟฟ้าจากแบต มอเตอร์ทั้งหมดไม่สามารถแบ่งตัวใดตัวหนึ่งไปปั่นไฟให้แบตได้ เนื่องจากแบตไม่สามารถใช้งานและชาร์ตพร้อมกันได้ในลูกเดียวกัน เว้นแต่รถจะมีแบตสองลูกที่ทำให้สลับกันใช้ สลับกันชาร์จได้ แต่ไม่รู้ว่าจะคุ้มหรือได้ผลดีหรือป่าว เพราะตอนมอเตอร์ทำหน้าที่ปั่นไฟให้แบต มันจะเกิดแรงหน่วงเยอะ ทำให้เสียพลังงานขืนกันไปมาระหว่างตัวขับเคลื่อนกับตัวปั่นไฟ
"การไม่มีดราม่าเป็นลาภอันประเสริฐ"
แต่มนุษย์มาม่าบางคนก็ชอบเปิดประเด็นทุกที เอ้อ...แปลก



koko86

ต้องดูว่าค่ายรถบอกว่าใช้มาตรฐานอะไรครับ ปกติแล้วค่ายรถจะบอกไว้ เช่น
รถปกติ บอกว่า 15 กม/ลิตร ตามมาตรฐาน jc08 (ญี่ปุ่น)
รถ ev บอกว่า 400 กม ตามมาตรฐาน WLTP

เมื่อก่อน จะมีหลักๆ 3 มาตรฐาน อเมริกา , ยุโรป (eco sticker ไทยตั้งแต่แรกใช้มาตรฐานยุโรป) , ญี่ปุ่น
เป็นการวัดในห้องแลป มีเร่ง มีเบรค มีหยุด แต่ละมาตรฐานก็มี loop ที่ต่างกัน
สมัยนี้ใช้มาตรฐาน WLTP (worldwide harmonized light vehicles test procedure) เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน

ถ้าตาม WLTP มีการจำลอง speed ให้มีทั้งช่วง low , medium , high และ extra high และมีช่วงหยุดนิ่งด้วย มีทั้งเพิ่มความเร็วและเบรคลดความเร็ว

pattern การขับเป็นไปตามรูปข้างล่างครับ

รูปแรก แกนตั้งคือความเร็ว (กม/ชม) , แกนว่านอน คือ วินาทีที่
รูปสอง ตารางสรุปทั้ง 4 ช่วงความเร็ว ( low , medium , high , extra high )

ปล. พอมาขับจริง อัตราสิ้นเปลืองจะต่างจากที่ทดลองใน lab มากน้อยต่างกันไป เพราะแต่ละคนก็มี pattern การขับที่ไม่เหมือนกัน และไม่เหมือนในห้องทดลองครับ

(เคยตอบคล้ายๆกันไว้ใน http://community.headlightmag.com/index.php?topic=69815.0 )

ขอบคุณครับ อยากรู้มานานแล้วว่าwltp นี่มันคืออะไร กระทู้คุณภาพมากๆครับ



ttcl

....

pattern การขับเป็นไปตามรูปข้างล่างครับ

รูปแรก แกนตั้งคือความเร็ว (กม/ชม) , แกนนอน คือ วินาทีที่
รูปสอง ตารางสรุปทั้ง 4 ช่วงความเร็ว ( low , medium , high , extra high )
แสดงว่าถ้าต้องการเช็คระยะก็จะวนทดสอบตามลูบข้างบน...จนกว่าแบตจะเกลี้ยงเลยใช่มั้ยครับ? สภาพการทดสอบจริงต่อให้ขึ้นไดโนทดสอบก็คงไม่สามารถคุมได้แบบในกราฟ...แต่คงทำได้แค่ใกล้เคียงจริงมั้ยครับ? อาจจะแค่กำหนดเพดานความเร็วและการจอดนิ่งคร่าวๆ ตามกรอบเวลาที่เป็นมาตรฐาน ซึ่งก็ใช้เป็นมาตรฐานอ้างอิงเพื่อทดสอบได้ แต่ชีวิตจริงอาจจะมากน้อยกว่าซึ่งก็คงมีปัจจัยอื่นๆอีกพอสมควร...

ใช่แล้วครับ บนถนนจริงคงมีความแตกต่างจากตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองตามมาตรฐานที่บริษัทรถบอกมา
wltp พึ่งใช้มาไม่นาน ผมไม่มีรถใหม่ๆ ยังไม่ทราบว่า loop wltp จะแตกต่างจากการใช้งานจริงของผมแค่ไหน
รถเก่าผมให้ตัวเลขมาเป็น loop ของยุโรป ผมใช้งานย่านรถติด บางคันกินน้ำมันกว่าตัวเลขที่ให้มา 26%
คาดว่าการใช้งานของผมก็คงได้ระยะทางน้อยกว่า loop wltp เช่นกัน เพราะเท่าที่ดูจากกราฟ wltp ไม่มีการหยุดนิ่งที่นานเกินกว่า 1 นาทีเลย แต่แถวบ้านผม ไฟแดงครั้งละ 5 นาที บางทีรอ 2-3 ไฟเขียวกว่าจะผ่าน

ตัวเลขที่บริษัทรถให้มา ผมเอาไว้ใช้ดูเปรียบเทียบคร่าวๆระหว่างรถรุ่นต่างๆ ว่าถ้าขับใน loop เดียวกัน  คันไหนกินน้ำมันมากน้อยกว่ากันเท่าไหร่น้ะครับ

ขอบคุณ คุณ Nonlamer และคุณ koko86 ที่ชมครับ จำได้สมัยก่อนผมดูแค่ 0-100 กม/ชม แต่พอมีอายุขึ้น เริ่มสนใจเรื่องอัตราสิ้นเปลือง เลยไปค้นข้อมูลวิธีการวัดในรูปแบบต่างๆมา เพราะอยากรู้ว่ารถตัวเองขับจริงจะแตกต่างจาก spec เท่าไหร่บ้าง ผลคือ กินน้ำมันกว่า spec ทุกคัน  ;D
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 28, 2019, 23:01:40 โดย ttcl »