เครื่องยนต์Civic ES มีเครื่องยนต์ 3 แบบ ได้แก่ D17Z1 SOHC, D17A2 SOHC VTEC, และ K20A3 i-VTEC DOHC
ซึ่งรถของผมใช้เครื่องยนต์รหัส D17Z1 แบบ Single Over Head Camshaft ไม่มีระบบแปรผันวาล์ว VTEC
รายละเอียดทางเทคนิคคร่าวๆคือ
-4 สูบ 16 วาล์ว
-ความจุ 1,668 cc (ไม่ใกล้เคียง 1,700 cc ด้วยซ้ำ)
-อัตราส่วนกำลังอัด 9.5:1 (ของ VTEC 9.9:1)
-120 แรงม้า ที่ 6,200 รอบต่อนาที (ของ VTEC 130 ที่ 6,300)
-แรงบิดสูงสุด 150 นิวตัน-เมตร ที่ 4,500 รอบต่อนาที (ของ VTEC 155 ที่ 4,800)
-เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด แบบ Torque Converter พร้อมระบบ Grade Logic Control และ Direct Control
ดูๆแล้วตัวเลขไม่ค่อยต่างจากเครื่อง D17A2 VTEC ใช่ไหมล่ะครับ ซึ่งสมรรถนะจริงๆต่างกันที่อัตราสิ้นเปลืองเป็นหลักเลย
ซึ่งเจ้า D17A2 มันเป็น VTEC-E ที่ทำมาเน้นประหยัดน้ำมันเป็นหลัก ไม่ได้เน้นแรง แต่ก็พอจะแรงได้
ถ้าขับรอบต่ำระบบ VTEC-E จะสั่งการให้วาล์วเปิดแค่ 12 ตัวครับ ก็คือไอดีทำงานแค่ครึ่งเดียว ทำให้อากาศที่ไหลเข้าลูกสูบหมุนเป็นวงกลม
ทำให้ D17A2 ได้อัตราสิ้นเปลืองดีกว่าและไอเสียน้อยกว่า D17Z1 ที่วาล์วทำงานหมดทุกตัวครับ
แต่ช่วงรอบต้น D17Z1 จะแรงดีกว่านะ แต่จะไปด้อยกว่าตอนช่วงปลายเพราะตัวเลขแรงบิดและแรงม้าน้อยกว่านิดหน่อยครับ
การขับขี่ด้วยความที่รถมันก็วิ่งมากว่า 290,000 กม. แล้ว ความฟิตมันก็ลดลงไป อุปกรณ์รอบๆเครื่องก็กินแรงเพิ่มขึ้น ผมก็จะบอกเล่าสมรรถนะตามสภาพนะครับ
อัตราเร่ง ไม่เคยจับเวลาจริงๆจังๆนะครับ
- 0-100 ก็อยู่ที่ประมาณ 14 วินาที
- 80-120 ก็ 11 วินาทีอยู่
ซึ่งผมก็ถือว่าไม่ขี้เหร่นะ สำหรับคนขับรถใช้งานทั่วไปก็สบายๆ แต่ขาซิ่งคงต้องยับยั้งชั่งใจหน่อย รถมันเก่าแล้ว
แต่โดยรวมก็เป็นเครื่องที่ตอบสนองได้ดีเลยแหละ เป็นธรรมชาติ ไม่มีความรู้สึกของระบบไฟฟ้าเข้ามาช่วย
เพราะคันเร่งของรุ่นนี้เป็นแบบสายสลิงครับ เราเหยียบคันเร่งเท่าไหร่ มันก็เปิดเท่านั้นทันทีเลย ถ้าเป็นคันเร่งไฟฟ้าแบบรถใหม่ๆก็มีดีเลย์กันบ้างอ่ะเนอะ
ขับขี่ในเมือง-ความเร็วต่ำ เกียร์จะน่ารำคาญครับ ช่วง 1-2 มีอาการเย่อนิดๆ ยิ่งเวลาคอมแอร์ทำงานจะรู้สึกได้ชัดเจนว่าเครื่องโดนฉุดกำลัง
-ขับในซอยที่ต้องเบรกให้เนินหลังเต่า แล้วเหยียบคันเร่งต่อ จะรู้สึกได้เลยว่าตัดต่อกำลังได้ไม่ต่อเนื่อง มีหายบ้าง มีเกินบ้าง เพราะบางทีมันก็ค้างที่เกียร์ 2 บางทีก็ลดลง 1 ทันทีตอนที่เราเติมคันเร่ง ก็จะมีความกระตุกนิดนึง
-ขับในซอยที่เร่งได้ต่อเนื่อง แต่เร็วไม่ได้ จะมีอาการอื้อๆ ค้างรอบไม่ยอมขึ้นเกียร์ 3 ให้ เหมือนอยากให้เราเหยียบคันเร่งลึกกว่าเดิมเพื่อให้ความเร็วเหมาะสมกับอัตราทดเกียร์
-ความเร็วปานกลาง 60-90 km/h ไม่มีอะไรน่ารำคาญครับ สมูทดี เพราะช่วงเกียร์ 2-3-4 ตัดต่อกำลังต่อเนื่องดี
ขับนอกเมือง บนทางหลวงหรือต่างจังหวัด-อัตราเร่งออกตัวไฟแดงใช้ได้ สูสึ B-segment 1.5 รุ่นใหม่ๆ
-ถ้าเร่งขึ้นต่อเนื่องเกียร์จะไม่กระตุกแบบตอนขับในเมือง
-สำหรับเครื่องตัวนี้จะขับสนุกช่วง 70-140 km/h ครับ
-แต่พอเกิน 140 km/h เครื่องตัวนี้จะออกอาการตื้อๆแล้ว เหยียบคันเร่งลึกลงไปบางทีก็คิกดาวน์เป็นเกียร์ 3 ให้ บางทีก็แค่เร่งรอบให้โดยยังอยู่เกียร์เดิม แต่ก็ไม่ได้มีแรงดึงอะไรครับ อยากทำ top speed ต้องปล่อยความเร็วไหลขึ้นเองอย่างเดียว
ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบ Toe Control Link Strut
ด้านหลังเป็นแบบ Reactive Double Wish Bone
ก็คืออิสระทั้ง 4 ล้อนั่นแหละ แต่ความพิเศษมันอยู่ที่รุ่น A "ไม่มีเหล็กกันโคลง" ทั้งหน้าและหลัง
ซึ่งก่อนหน้านี้ EXi มีเหล็กกันโคลงหน้ามาให้ แต่พอเป็นรุ่นปี 2003 เป็นต้นมาตัดเหล็กกันโคลงออกในรุ่นเครื่องธรรมดาหมดเลย
แล้วเอาเหล็กกันโคลงใส่ให้ทั้งหน้าและหลังในตัว VTEC "ทุกรุ่นย่อย" แทน
แต่โช๊คหน้าของปี 2003-2005 แกนจะใหญ่ขึ้นกว่าเดิม หนืดกว่าเดิม ก็อาจจะพอทดแทนกันได้
โช๊คหลังเหมือนจะเปลี่ยนสปริงให้เล็กลง อ่อนลง อาการเด้งน้อยลงกว่ารุ่นปีแรกๆ
พล่ามยาว มาเข้าเรื่องฟีลลิ่งการขับขี่ดีกว่า
ขับในเมือง-หลายๆคนเคยบอกว่า Civic ES รุ่นแรกๆ ขับแล้วตึงตัง กระด้าง กระเด้งกระดอน
-ซึ่งนั่นก็จริงส่วนนึง เพราะรุ่นปี 2001-2002 เหล็กกันโคลงหน้าใหญ่กว่า 2003-2005 ตึงตังกว่าก็ไม่แปลก
-แต่รุ่นที่ไม่มีกันโคลงล่ะเป็นไง สำหรับผม ด้านหน้าก็ไม่ตึงตังนะ แต่ก็ไม่ได้นุ่ม ยุบตัวคลายตัวได้กำลังดี ไม่มีคนบ่น
-ส่วนข้างหลังก็ตามที่หลายๆคนว่านั่นแหละครับ เด้งดึ๋ง ขับช้าๆขึ้นเนินหลังเต่าก็เด้ง จั๊มคอสะพานอย่างกับท้ายรถลอยจากถนน
-เคยมีคนทำรีวิวไว้ว่านั่งเบาะหลัง คาดเข็มขัด แล้วเข็มขัดล็อกบ่อย เป็นเรื่องจริงครับ ต้องหยอดเบาๆ
ขับนอกเมือง ใช้ความเร็ว-หน้ารถแอบย้วยนิดๆ โคลงเคลงอ่ะแน่นอน เพราะไม่มีเหล็กกันโคลง
-เข้าโค้งด้วยความเร็วคือสิ่งที่ควรเลี่ยงสำหรับรุ่นนี้
-การขับปาดซ้ายปาดขวาก็ควรเลี่ยงเช่นกัน เพราะโคลงเคลงได้ค่อนข้างน่ากลัว และท้ายรถพร้อมไถลออกทุกเมื่อ
-ขับบนบูรพาวิถี เจอลมตีข้างรถก็โคลงน่ากลัว
-ส่วนท้ายรถย้วยมากมายครับ ขับช้าเด้ง ขับเร็วย้วย ไม่ต้องถามหาความมั่นคงจากท้ายรถเลย
-แต่ถามคนนั่งหลัง เขาก็บอกขับเร็วแล้วนั่งสบายกว่าในเมืองนะ มันนุ่มๆดี (เสียงจากเพื่อนที่ไม่ค่อยรู้เรื่องรถ) แต่หมอนรองศีรษะแข็งมาก จะรู้สึกถึงความกระเด้งกระดอนของรถที่หัวทุกเม็ดครับ
-ส่วนการเกาะถนนก็ไม่ขี้เหร่ แต่อย่าไว้ใจมันมาก
เบรก-ระยะเหยียบของแป้นก็กลางๆ ไม่ตื้น ไม่ลึกครับ ขับครั้งแรกปรับตัวแป๊บเดียว
-ถึงจะไม่มี ABS แต่ล้อก็ไม่ค่อยล็อกตายนะครับ ต้องเหยียบสุดจริงๆเท่านั้นถึงจะล็อก น่าจะด้วยความที่ด้านหน้าหนักพอสมควรด้วยครับ ล้อเลยล็อกยาก
-ขับมาเร็วๆแล้วเบรกกระทันหันเอาอยู่ไหม พึ่งจังหวะ ระยะ ทักษะคนขับ ผ้าเบรกและยางล้วนๆครับ
-รวมๆก็ไม่มีอะไรให้ติ ตอบสนองเป็นธรรมชาติดี เหยียบเท่าไหร่ ชลอให้เท่านั้น
พวงมาลัยCivic ES ใช้แบบ Rack and Pinion ปรับน้ำหนักด้วยพาวเวอร์น้ำมันครับ
-ตอบสนองเป็นธรรมชาติ
-หนืดมือทุกช่วงความเร็ว ความคมก็ไม่ได้มาก ขับสนุกใช้ได้
-แต่ยิ่งขับเร็ว พวงมาลัยยิ่งไวมากกกกกกกกกกกก คนขี้ตกใจไม่ควรขับรุ่นนี้เร็ว
-มีแรงต้านมือพอสมควรเวลาถอยเข้าซองหรือกลับรถ ผู้หญิงมีบ่นนิดหน่อย
-รอบการหมุนไม่ถึง 2 รอบ กลับรถสบายๆ และพวงมาลัยหมุนคืนให้เอง
-หมุนสุดจะมีเสียงวื้อออออ จากตัวปั๊มพาวเวอร์
เสียง-เสียงยางได้ยินชัดที่ซุ้มล้อหลังตั้งแต่ความเร็ว 60 ขึ้นไป
-เหยียบหิน เหยียบน้ำ ได้ยินที่ซุ้มล้อหลังทุกเม็ด
-เสียงหยาดฝนกระทบหลังคาดังอยู่แล้ว ตามประสารถฮอนด้า
-เสียงลมจะเริ่มชัดตอนขับประมาณ 100 และชอบดังที่ประตูหน้าฝั่งซ้ายมากกว่า
-ตัวตาเหยี่ยวปรับปรุงยางกันเสียงลมประตูคู่หน้าให้ดีกว่าตาหวาน เสียงลมที่ขอบประตูหน้าจะเบากว่านิดหน่อยครับ
-เสียงเครื่อง ได้ยินตลอดเวลา เดินเบาจะได้ยินชัดก็ตอนคอมแอร์ทำงาน
-เสียงช่วงล่าง มีเสียงกุกๆบ้างจากยางรองเบ้าโช๊คหน้า มีเสียงถึกถักเป็นปกติเวลาเหยียบฝาท่อที่ไม่เรียบ
-ไม่มีเสียงจากพวกพลาสติกในรถ
-แต่มีเสียงจากสเกิร์ตข้างแก๊กๆ เวลาขับเร็วเกิน 110 แก้ได้ด้วยการเปลี่ยนกิ๊บล็อกใหม่ เพราะของเดิมแตกแล้ว
อัตราสิ้นเปลือง-ขับในเมืองค่อนข้างกินจุครับ เฉลี่ยแบบไม่เป๊ะ 7-8 กม./ลิตร ถ้าได้ 10 คือโคตรเก่ง
-ขับทางไกลคนละเรื่อง ทำไมประหยัดจังล่ะ แต่ก็ไม่เท่า Eco car หรอกครับ เฉลี่ยก็ 14-17 กม./ลิตร แล้วแต่เท้า
-ถังจุ 45 ลิตร วิ่งได้เกือบ 700 กิโลเมตร นอกเมืองนะ ถ้าในเมืองได้เกือบ 400 กิโลเมตร
-ยุคที่น้ำมันแพง รุ่นนี้คนเอาไปติดแก๊สกันเยอะเลย เพราะขับในเมืองเปลืองจริงๆ
ปัญหาที่พบเจอหลังแสนกิโล
-มอเตอร์ชดเชยรอบเดินเบาสกปรก ทำให้รอบเดินเบาไม่นิ่ง บางทีเครื่องดับ
-ปะเก็นฝาครอบวาล์วรั่วไว แสนกลางๆน้ำมันก็ซึมออกแล้วครับ
-ปั๊มพาวเวอร์รั่ว
-เซ็นเซอร์ TDC เสีย ทำให้เครื่องดับกลางอากาศ
-พวกบูชช่วงล่างข้างหน้าฉีกขาด
-เบ้าโช๊คมีรอยปริ ทำให้เวลาเจอทางไม่เรียบจะมีเสียงดังกุกๆ
-ลูกหมากต่างๆหมดอายุใช้งาน
-ยางลูกสูบเบรกเสื่อมสภาพ ทำให้เบรกติดขัดและค้าง
-มอเตอร์สลิงรางกระจกฝั่งคนขับค้าง ต้องแกะออกมาทำความสะอาดถึงใช้ได้ปกติ
ปัญหาที่พบเจอหลังสองแสนกิโล
-มอเตอร์ชดเชยรอบเดินเบาพัง
-ระบบระบายความร้อนเสื่อมสภาพทั้งระบบ หม้อน้ำ ปั๊มน้ำ วาล์วน้ำ ปะเก็นฝาสูบ ท่อยางต่างๆ เพราะรถคันนี้เติมแต่น้ำประปา
-หลังจากเปลี่ยนระบบระบายความร้อนเกือบทั้งระบบก็ใช้แต่น้ำหล่อเย็นครับ เหลือแต่ปะเก็บฝาสูบที่ยังไม่เปลี่ยน ถ้าขับอัดหนักๆหรือขึ้นเขาเข็มความร้อนขึ้นมากกว่าปกติครับ ขึ้นจนคอมแอร์ตัดการทำงาน
-แร็คพวงมาลัยรั่ว
-ปั๊มพาวเวอร์ก็รั่วอีก รั่วทุกแสนกิโล
-บูชช่วงล่างหลังเริ่มฉีกขาด
-ยางหุ้มหัวเพลาขับฉีดขาด จาระบีกระเด็นทั่วซุ้มล้อ
-ช่องเสียบกุญแจรอบตัวรถสึกหรอติดขัด แต่ตรงคอพวงมาลัยไม่เป็นอะไร
สิ้นสุดการรีวิวครับ