ผศ.ดร.มนตรี สว่างพฤกษ์อาจารย์ประจำสำนักวิชาวิทยาการพลังงาน สถาบันวิทยสิริเมธี (VISTEC) ได้พัฒนาวัสดุกราฟีนแอโรเจลที่มีพื้นที่ผิวและรูพรุนจำเพาะสูง ลดการซ้อนทับกันของแผ่นกราฟีน เมื่อนำไปประยุกต์ใช้ในอุปกรณ์ตัวเก็บประจุไฟฟ้าเคมียิ่งยวด แบตเตอรี่ชนิดลิเทียมซัลเฟอร์ และอุปกรณ์กักเก็บพลังงานแบบผสมที่มีประสิทธิภาพสูง พบว่าให้ค่าการเก็บประจุสูงที่สุดเมื่อเทียบกับวัสดุตั้งต้น
โดยภายใน 2 ปีนับจากนี้ ผศ.ดร.มนตรี มีความมุ่งมั่นที่จะผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมซัลเฟอร์ ที่สามารถกักเก็บพลังงานไฟฟ้าได้มากกว่าแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนที่ใช้ในปัจจุบันสูงถึง 3 5 เท่า ซึ่งจะทำให้แบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้ามีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น จากปัจจุบัน 5-6 ปี เป็น 10 ปี และจะพัฒนาแบตเตอรี่ลิเทียมซัลเฟอร์ ที่ทำให้ยานยนต์ไฟฟ้าวิ่งได้ระยะไกลขึ้นถึง 1,000 กิโลเมตร ขณะที่แบตเตอรี่ลิเทียมไอออน วิ่งได้ระยะ 400-500 กิโลเมตร และมีต้นทุนที่ต่ำกว่าถึง 5 เท่า โดยคาดว่าภายใน 5 ปีจากนี้ แบตเตอรี่ลิเทียมซัลเฟอร์ จะเข้ามาแทนที่แบตเตอรี่ลิเทียมไอออน และหากเทคโนโลยีพัฒนาจนทำให้ต้นทุนต่ำลง จะมีผลทำให้ราคายานยนต์ไฟฟ้าถูกลง สามารถต่อยอดสู่การผลิตยานยนต์พลังงานไฟฟ้าของไทยได้เอง ลดการนำเข้าจากต่างประเทศปีละนับแสนล้านบาท
โดยราคาแบตเตอรี่ในประเทศไทยจากในตอนนี้อยู่ที่ 20,000 บาทต่อกิโลวัตต์ อาจจะลดลงเหลือ 5,000 บาทต่อกิโลวัตต์ เพราะซัลเฟอร์เป็นวัตถุดิบที่สามารถหาได้ทั่วไปและมีราคาถูก
ที่มา
http://www.thaitribune.org/contents/detail/306?content_id=36145&rand=1565071579นอกจากนี้ผมได้หาข้อมูลการตีพิมพ์เชิงวิชาการ พบว่าตอนนี้ยังมีปัญหาด้านการปล่อยประจุ แต่ดูแล้วมีความเป็นไปได้ที่จะพัฒนาต่อยอดได้จริง ไม่เหมือนรถเติมน้ำเปล่าวิ่งได้พันกิโลแน่นอน
ซึ่งเทคโนโลยีนี้มี Potential ที่จะแซงหน้าแบตเตอรี่ของทั้งจีนและญี่ปุ่น ที่เป็น Solid State Battery แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูว่าจะสามารถต่อยอดไปได้ไกลแค่ไหนและนำมาใช้จริงได้ไวแค่ไหนเช่นกัน
โปรเจ็คนี้ปตท.กำลังเตรียมที่จะซื้อลิขสิทธิ์จากทาง Vistec (ซึ่งปตท.เป็นผู้ก่อตั้ง Vistec) ทำให้คิดว่าดูแล้วมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นจริงในอีก 5-10 ปีข้างหน้าครับ