ผู้เขียน หัวข้อ: เมื่อ B-segment 1.0T ในการใช้งานแรงและประหยัดกว่า C-segment 1.8/2.0 NA  (อ่าน 43541 ครั้ง)

ออฟไลน์ mamaman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,423
    • อีเมล์
ไม่มีใครขับรถรอบ 4,000 + ตลอดเวลา
ผู้ใช้รถทั่วไป สามารถรับรู้ พละกำลังรถ ตั้งแต่ ออกตัว ไม่เกิน 3,000 รอบ


2.0 NA ทั้วไป
HP 15X / 6,X00 RPM
Max Torque 19X / 4,X00 RPM
Torque 17X / 3,X00 RPM

1.0T ค่ายนึง
HP 122 / 5,500 RPM
Max Torque 173/ 2,000-4,500 RPM

หากมองตามนี้ เครื่อง 1.0 ตัวนี้แรงกว่า 1.8 ในย่านใช้งานจริงถึง 4,500 รอบ แรงจึกตก
สำหรับ คนชอบ รถ พุ่งๆ คงไม่ต้องคิดอะไรมาก แรง และ ประหยัด ถุกใจ วัยรุ่น สร้างตัว

รวมถึงผมเช่นกัน ที่เริ่มเบื่อ รถเก่งขนาด กลาง เพระามันไม่คล่องตัว หากจะหาสายมุด สักคัน คงไม่พ้น เครื่องตัวนี้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 08, 2019, 09:06:02 โดย mamaman »

ออฟไลน์ Pegasus7700

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,815
อืมม จริงด้วยคับ
...ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป...

MERCEDES BENZ W212 '12
FORD FOCUS 2.0 Gdi '13
HONDA Civic RS '20
VOLVO XC60 Hybrid Inscription '19
FORD EVEREST 2.0 Bi Turbo '22

ออฟไลน์ Magl

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,558
    • อีเมล์
เอาแบบใช้งานในเมืองคล่องตัวกว่าแน่ๆ ช่วงความเร็วกลางๆขึ้นทางด่วนสบายๆ ของAlmera ก็ด้วยแรงบิดพอๆกับซิลฟี่ 1.6 ถ้าไม่จูนเพิ่ม ขับสบายประหยัดกว่าแน่ๆ อนาคตอยากได้เครื่องเทอร์โบมาลองใช้สักคัน

ออฟไลน์ AboveGod

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,040
ถ้าโจทย์สายมุด ก็คง c-seg ช่วงล่างดีกว่า แค่กว้างฐานล้อก็ต่างแล้ว เครื่องมันทำแรงได้ตอนหลัง

ออฟไลน์ Tien.W

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,225
    • อีเมล์
ในการใช้งานจริง เราไม่ได้มองแค่อัตราเร่ง อัตราสิ้นเปลือง เท่านั้นนะครับ

ความสบายของเบาะ การเก็บเสียง การทรงตัว ระบบเบรค พวกนี้มักจะไปตามราคาของรถครับ ในเมืองรถเล็กคล่องตัวจริง แต่เดินทางไกลยังไงรถใหญ่ก็สบายกว่า เพลียน้อยกว่าครับ

ออฟไลน์ TeslaX

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,765
ช่วงล่างคือคำตอบ ต่อให้ใส่สตรัทสู้แบบอิสระไม่ได้

ออฟไลน์ Disk™

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,153
  • High Society Sallon Gallery
ถ้าโจทย์สายมุด ก็คง c-seg ช่วงล่างดีกว่า แค่กว้างฐานล้อก็ต่างแล้ว เครื่องมันทำแรงได้ตอนหลัง

+1 ครับ เครื่องได้ แต่ฐานล้อต่างกันก็หนักอยู่ ส่วนตัวผมว่าขนาด C-Segment มุดสนุกสุดครับ
User Review : ฟิล์มเซรามิค SolarFX (รีวิวแรกของผมครับ)
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=53654.0

User Review : Remap ECU Toyota Fortuner ที่ ECU Thailand by RPT
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=71384.0

ออฟไลน์ wiriya1144

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 43
เอาพอหอมปากหอมคอได้อยู่ครับ
แต่ถ้าซิ่งประจำไม่ดีแน่ ยังไงก็ไม่ปลอดภัยครับ
เพราะช่วงล่าง การทรงตัว ระบบเบรค
มันไม่ได้ถูกเซ็ทมาให้เป็นรถซิ่งครับ

ออฟไลน์ Magl

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,558
    • อีเมล์
ช่วงล่างคือคำตอบ ต่อให้ใส่สตรัทสู้แบบอิสระไม่ได้
สาวกMazda ก็เคยพูดแบบนั้น ตอนนี้เป็นไงละครับ new mazda3 ออกมาใช้คานบิด แต่เซ็ทมาดีกว่าอิสระเดิม แสดงว่ามันก็มีทางของมันละ แต่ผมก็เชื่อว่าไม่เท่าอิสระเหมือนกัน

ออฟไลน์ mamaman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,423
    • อีเมล์
ช่วงล่างคือคำตอบ ต่อให้ใส่สตรัทสู้แบบอิสระไม่ได้

ช่างล่างแบบ อิสระให้ความสบายครับ
หากเซ้ทรถแข่ง เค้าจะเซ้ทแข็งๆ ครับ สปริง โช้ค เปลี่ยนหมด ไม่ค่อยได้ใช้ระยะ ยุบมากเท่าไหร่
ประเด็นผมคือไม่ได้ จะไปแข็งครับ แค่ มุดๆ โยก ๆ ในเมือง รถ ยิ่งเล้ก ฐานล้อสั้่น เบา ยิ่งมุดสบายกว่าครับ

ออฟไลน์ mamaman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,423
    • อีเมล์
ในการใช้งานจริง เราไม่ได้มองแค่อัตราเร่ง อัตราสิ้นเปลือง เท่านั้นนะครับ

ความสบายของเบาะ การเก็บเสียง การทรงตัว ระบบเบรค พวกนี้มักจะไปตามราคาของรถครับ ในเมืองรถเล็กคล่องตัวจริง แต่เดินทางไกลยังไงรถใหญ่ก็สบายกว่า เพลียน้อยกว่าครับ

อันนี้ก็น่าคิดครับ ไม่ได้ ขับ B car ช่วงล่างคานบิด มา 10 กว่าปีแล้ว

ออฟไลน์ mamaman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,423
    • อีเมล์
เอาพอหอมปากหอมคอได้อยู่ครับ
แต่ถ้าซิ่งประจำไม่ดีแน่ ยังไงก็ไม่ปลอดภัยครับ
เพราะช่วงล่าง การทรงตัว ระบบเบรค
มันไม่ได้ถูกเซ็ทมาให้เป็นรถซิ่งครับ

ไม่ได้จะเอามาซิ่งครับ 55 แค่อยาก ออกตัว ปรูดปราด เพราะ  C -D segemnt  ผมมองว่า รถหนัก ฐานล้อกว้าง ทำให้ วงเลี้ยวกว้างตาม เทอะทะ
แค่ ใช้งาน ประจำวัน มุดๆ ในคงวามเร็วไม่สูง

ออฟไลน์ apinui

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,941
    • อีเมล์
ถ้าตัวเลขตามด้านบน ผมไม่แน่ใจว่า ตัวเลขของเครื่อง 2.0 เอามาจาก CX3 หรือเปล่า ...

แต่ถ้าใช่ CX3 ถ้าวัดกันทั้งทางตรงและทางโค้ง ยังไง city ใหม่ก็สู้ไม่ได้ครับ โดนตั้งแต่ต้นยันปลายบอกเลย ...

และถ้าสุ้กันแบบสายมุด City ยังไงก็ไม่ทันครับ ถ้าคนขับ CX3 เล่นเกียร์เองจับจังหวะเข้าออกได้ถูกต้อง ซึ่ง CVT มันทำไม่ได้  .....

ออฟไลน์ mamaman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,423
    • อีเมล์
ถ้าตัวเลขตามด้านบน ผมไม่แน่ใจว่า ตัวเลขของเครื่อง 2.0 เอามาจาก CX3 หรือเปล่า ...

แต่ถ้าใช่ CX3 ถ้าวัดกันทั้งทางตรงและทางโค้ง ยังไง city ใหม่ก็สู้ไม่ได้ครับ โดนตั้งแต่ต้นยันปลายบอกเลย ...

และถ้าสุ้กันแบบสายมุด City ยังไงก็ไม่ทันครับ ถ้าคนขับ CX3 เล่นเกียร์เองจับจังหวะเข้าออกได้ถูกต้อง ซึ่ง CVT มันทำไม่ได้  .....

อันนี้ ผม รอ ดู รีวิว ทดลองขับ เลยครับ

ออฟไลน์ Aleister TJ

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,004
  • มีเงินเป็นล้านก็ซื้อเมื่อวานไม่ได้ แต่ถ้าร้อยล้านก็ช่างเมื่อวานมันเถอะ
    • อีเมล์
ส่วนใหญ่คนจะมองแค่ว่า​ รถแรง=รถดี​ จริงๆ

ส่วนตัวใช้​ C​ Seg​ ช่วงล่างหัวแถวรถยุ่น​ และ​ สลับมาใช้เก๋งเล็กเทอร์โบอีกคัน​ ถึงแม้ว่าอันหลังจะคล่องตัวกว่า​ แต่ยอมรับว่าขับทางไกล​ไม่กล้าขับโหดๆเลย​ คิดถึงรถใหญ่ขึ้นมาทันที​ การบังคับ, การควบคุม ความมั่นใจที่ความเร็วสูงก็คนล่ะเรื่อง​ ต่อให้บอกว่ารถเล็กเอาไปทำช่วงล่างเพิ่มก็จบ​ ฟังแล้วโคตรสงสารวิศวะกรยานยนต์เลย​ 555
My Car History ~

Honda City ZX
Toyota Yaris 1.2E
Mazda3 Skyactive 2.0S
Mazda 2 SkyActiv 1.5 High Plus L
Mitsubishi Pajero Sport 2.4 Elite

Turbocharger

  • บุคคลทั่วไป
ผมนี่ไม่อยากจะคิดเลยครับว่าเหล่าวัยรุ่นสายซิ่งที่ออก City 1.0T มาเนี่ย จะขับกันท้านรกขนาดไหน

ออฟไลน์ jame894561

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 538
แรงพอตัวเลย แต่ city วัสดุดู lookcheap ก้องแก๊งมาก เหมาะกับคนงบไม่มาก เน้นพลังเครื่องยนต์ คุ้มๆครับ

ออฟไลน์ lexus

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,236
ถ้าเอามาใช้ในชีวิตประจำวันทั่วๆไปไม่ได้เอาไปแข่งกับใคร
วัดแค่ความรู้สึกความคล่องตัว b seg turboน่าจะขับดีกว่าc naนะครับ ในกทมviosเห็บหมายังรู้สึกคล่องกว่าcamry2.4เลย

แต่ถ้าเอาไปขับทางไกล ความนั่งสบายรถใหญ่กว่าได้เปรียบอยู่ดี

Nonlamer

  • บุคคลทั่วไป
ในอนาคต รถไฟฟ้าที่แรงบิดมาตั้งแต่ต้นคงมุดกันนรกแตกแน่ๆ  :'(

ออฟไลน์ เต๋า AV

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,393
นิยามวัยรุ่นสร้างตัว รถต้องแรงไว้ก่อน

ขับในเมืองรถมีโบ รถเล็กยังไงก็คล่องกว่า

ขับไกล segment สบายกว่าเห็นได้ชัด

ออฟไลน์ apinui

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,941
    • อีเมล์
ถ้าตัวเลขตามด้านบน ผมไม่แน่ใจว่า ตัวเลขของเครื่อง 2.0 เอามาจาก CX3 หรือเปล่า ...

แต่ถ้าใช่ CX3 ถ้าวัดกันทั้งทางตรงและทางโค้ง ยังไง city ใหม่ก็สู้ไม่ได้ครับ โดนตั้งแต่ต้นยันปลายบอกเลย ...

และถ้าสุ้กันแบบสายมุด City ยังไงก็ไม่ทันครับ ถ้าคนขับ CX3 เล่นเกียร์เองจับจังหวะเข้าออกได้ถูกต้อง ซึ่ง CVT มันทำไม่ได้  .....

อันนี้ ผม รอ ดู รีวิว ทดลองขับ เลยครับ

หลายคนอาจจะคิดว่า 122 แรงม้านั้น มันคงแรงมากๆจนใกล้เคียงหรือมากกว่า C-segment เครื่อง 2.0

แต่เรามาวิเคราะตามหลักความจริงครับ ด้วยกรอบของ Ecocar เฟส2 ที่กำหนดไว้ว่า
1.ประหยัดน้ำมันไม่ต่ำกว่า 23.25 km/l
2.ต้องปล่อย CO2 ไม่เกิน 100g/km

ขนาด Civic turbo ยังปล่อยไอเสียที่ 134g/km เลย ส่วน CX3 ปล่อยไอเสียที่  145g/km

แล้วมันเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนครับ กับรถที่ต้องประหยัดเบอร์นี้และปล่อยไอเสียไม่เกิน 100g ....

ผมกลัวแต่ว่า 122แรงม้า จะเป็นเพียงตัวเลขการตลาด ที่เวลาวิ่งจริงมันอาจจะไม่มากมายอย่างที่ใครคิดก็ได้นะ ...

โดยรวม city อาจจะมีกำลังเครื่องมากที่สุดในกลุ่ม แต่ผมว่ามันคงไม่ถึงขนาดใกล้เคียง civic 1.8 หรือแม้แต่ CX3 แน่ๆครับ 

ออฟไลน์ bobsan

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,608
    • อีเมล์
ถ้าตัวเลขตามด้านบน ผมไม่แน่ใจว่า ตัวเลขของเครื่อง 2.0 เอามาจาก CX3 หรือเปล่า ...

แต่ถ้าใช่ CX3 ถ้าวัดกันทั้งทางตรงและทางโค้ง ยังไง city ใหม่ก็สู้ไม่ได้ครับ โดนตั้งแต่ต้นยันปลายบอกเลย ...

และถ้าสุ้กันแบบสายมุด City ยังไงก็ไม่ทันครับ ถ้าคนขับ CX3 เล่นเกียร์เองจับจังหวะเข้าออกได้ถูกต้อง ซึ่ง CVT มันทำไม่ได้  .....

อันนี้ ผม รอ ดู รีวิว ทดลองขับ เลยครับ

หลายคนอาจจะคิดว่า 122 แรงม้านั้น มันคงแรงมากๆจนใกล้เคียงหรือมากกว่า C-segment เครื่อง 2.0

แต่เรามาวิเคราะตามหลักความจริงครับ ด้วยกรอบของ Ecocar เฟส2 ที่กำหนดไว้ว่า
1.ประหยัดน้ำมันไม่ต่ำกว่า 23.25 km/l
2.ต้องปล่อย CO2 ไม่เกิน 100g/km

ขนาด Civic turbo ยังปล่อยไอเสียที่ 134g/km เลย ส่วน CX3 ปล่อยไอเสียที่  145g/km

แล้วมันเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนครับ กับรถที่ต้องประหยัดเบอร์นี้และปล่อยไอเสียไม่เกิน 100g ....

ผมกลัวแต่ว่า 122แรงม้า จะเป็นเพียงตัวเลขการตลาด ที่เวลาวิ่งจริงมันอาจจะไม่มากมายอย่างที่ใครคิดก็ได้นะ ...

โดยรวม city อาจจะมีกำลังเครื่องมากที่สุดในกลุ่ม แต่ผมว่ามันคงไม่ถึงขนาดใกล้เคียง civic 1.8 หรือแม้แต่ CX3 แน่ๆครับ

คนกลุ่มที่เน้นแรง มุด พวกนี้ไม่นึกถึงเรื่องกฎหมายอะไรหรอก
ได้รถมาก็ใส่กล่อง รีแฟลช กัน
รถเทอร์โบทำแล้วไม่กลัวพัง ไม่กลัวตาย ยังไงก็แรงกว่า

ออฟไลน์ mamaman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,423
    • อีเมล์
ถ้าตัวเลขตามด้านบน ผมไม่แน่ใจว่า ตัวเลขของเครื่อง 2.0 เอามาจาก CX3 หรือเปล่า ...

แต่ถ้าใช่ CX3 ถ้าวัดกันทั้งทางตรงและทางโค้ง ยังไง city ใหม่ก็สู้ไม่ได้ครับ โดนตั้งแต่ต้นยันปลายบอกเลย ...

และถ้าสุ้กันแบบสายมุด City ยังไงก็ไม่ทันครับ ถ้าคนขับ CX3 เล่นเกียร์เองจับจังหวะเข้าออกได้ถูกต้อง ซึ่ง CVT มันทำไม่ได้  .....

อันนี้ ผม รอ ดู รีวิว ทดลองขับ เลยครับ

หลายคนอาจจะคิดว่า 122 แรงม้านั้น มันคงแรงมากๆจนใกล้เคียงหรือมากกว่า C-segment เครื่อง 2.0

แต่เรามาวิเคราะตามหลักความจริงครับ ด้วยกรอบของ Ecocar เฟส2 ที่กำหนดไว้ว่า
1.ประหยัดน้ำมันไม่ต่ำกว่า 23.25 km/l
2.ต้องปล่อย CO2 ไม่เกิน 100g/km

ขนาด Civic turbo ยังปล่อยไอเสียที่ 134g/km เลย ส่วน CX3 ปล่อยไอเสียที่  145g/km

แล้วมันเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนครับ กับรถที่ต้องประหยัดเบอร์นี้และปล่อยไอเสียไม่เกิน 100g ....

ผมกลัวแต่ว่า 122แรงม้า จะเป็นเพียงตัวเลขการตลาด ที่เวลาวิ่งจริงมันอาจจะไม่มากมายอย่างที่ใครคิดก็ได้นะ ...

โดยรวม city อาจจะมีกำลังเครื่องมากที่สุดในกลุ่ม แต่ผมว่ามันคงไม่ถึงขนาดใกล้เคียง civic 1.8 หรือแม้แต่ CX3 แน่ๆครับ

จริงๆ ผมไม่ได้ มองที่แรงม้านะครับ
ผมมองที่แรงบิด ที่จะแบกน้ำหนักทะยานไปข้างหน้า น้ำหนักรวม ความสูง
ลอง สังเกตุ อัตราเร่ง มันมี ปัจจัยหลายอย่าง b-segment หลายคัน อัตราเร่งดีกว่า C และ D Segment นะครับ
ผมไม่ได้ คาดหวังว่ามันจะแรงเท่า 2.0 ตัว Top หรอก ผมแค่เปรีบเปรยเฉยๆ ผมคงไม่คิดไปวัด กันที่ 200 Km แต่
ลองไป ดู รถ แข่งเซอรกิจ นะครับ พวกนี้ เค้าใช้ รถเบาๆ มาแข่ง แทบไม่มี C - D Segment ขนาดรถสมัยนี้เลย
แต่ผมว่า จาก แรงบิด ขนาดล้อ city 2020 มันใกล้เคียงกับ Civic 1.8 หรือแม้แต่ CX3 แน่นอนครับ ในระยะ สั้นๆ นะ ปลายไม่มีทางได้เท่าเครือ่งใหญ่แน่นอน

ออฟไลน์ akewizard

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,617
อย่าสบประมาทตัวเลขแรงม้าของเครื่อง 1.0 turbo นะคับ
ม้า 122 ตัวกับการต้องปล่อย CO ไม่เกินค่ากำหนด อาจจะคิดว่ามันคงวิ่งได้ไม่เท่าไหร่

กับความเร็วสูงสุดอาจจะไม่มาก แต่ Flat torque ที่มาช่วงรอบต้น มันจะเป็นรถที่เร่งไปหาช่วง high speed ได้ค่อนข้างไวโดยที่ไม่ต้องเลี้ยงไปที่รอบสูง
บวกกับตัวรถที่ค่อนข้างเบาด้วย  รถ NA เครื่อง 1.8-2.0 อาจจะมีเสียวได้

ออฟไลน์ Poblak

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 28
  ผมใช้ cx3 อยู่ แต่เมื่อ 2 อาทิตย์ที่แล้ว รถเกิดอุบัติเหตุเสียหายหนัก อาจจะต้องได้ซื้อรถใหม่ ผมก็กำลังมอง New city กับ new Almera อยู่ ไม่รู้ว่ากำลังเครื่อง 1.0T จะตอบสนองได้ดีกว่ามั้ย ด้วยน้ำหนักตัวที่เบากว่า

ออฟไลน์ nl2br

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,019
    • ร้านค้าออนไลน์
ผมระเบิด dpf  รอละครับ ไม่ได้เอามาหวดแข่งกับซิทิหรืออัลเมร่านะครับ dpf ตัน เครื่องสั่น...
โดยส่วนตัวผมว่าน่าจะเจอนักซิ่งอีโค่คาร์เยอะขึ้นแน่นอน เครื่องเทอร์โบ มันทำต่อง่าย แฟลช ปลดล๊อก ม้าเพิ่ม 30-50 ตัว
แต่ๆๆ อย่าลืมว่า cvt จะรอดูว่าทนไม้ทนมือแค่ไหนครับ
บล็อกข่าวไอทีกากๆ >> https://thaimobiletricks.blogspot.com/ << ข่าวมือถือ มือถือรุ่นใหม่

ออฟไลน์ #อินเดียหน้าโจร

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,403
    • Need for slow - ดังแต่ท่อ ล้อไม่หมุน
    • อีเมล์
จำนวนม้าสู้เครื่อง 1.8 2.0 ไม่ได้ แต่น้ำหนักก็เบากว่ารถรุ่นใหญ่สัก 200 กก. + flat torque ตั้งแต่รอบต่ำ ผมว่าวิ่งบนถนนจริงๆ อาจจะสูสีได้นะครับ
Altis 1.6 AT 2004 (Swap 2zz-ge 6MT)
Mazda 1.3 Sky

ออฟไลน์ Tridate

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 6
    • อีเมล์
Spec1.0T พอเทียบได้กับ​ เฟียตต้า 1.0 รึเปล่า​ ตัวนั้น​ ผมเคยขับ​ ทั้งแรง​ ประหยัด​ แล้วช่วงล่างถือว่าดีเลยนะ​ อาจมีรอรอบนิดนึง​ ถ้าไม่ได้แข่งกับใคร​ พวก1.0​T​ สมัยใหม่​ น่าจะ​ คล่องตัวกันหมด​ รวมๆ​ B​ segment น่าจะยกระดับจุดเด่นขึ้นอีกหน่อย :)

ออฟไลน์ PC CK

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,001
ยอมรับว่ากลถ่มb-segmentขับมุดง่ายกว่าจริงๆครับ
เคยของขับjazzกับmazda2มุดง่ายกว่ารถใหญ่ที่บ้านมาก แต่พอถนนใหญ่ก็ไม่กล้าขับเร็วเกิน110ครับ ความมั่นใจมันต่างกัน
แต่ภ้าเรื่องมุดผมว่า1.0tนี่น่าเป็นรถที่ขับในเมืองค่อยตัวกว่ากลุ่มc-segmentจริงๆครับ
อย่าเพิ่งออกทะเลยจนกลายเป็นตีกันเลยคนับ รถแต่ละsegmentเค้ามีข้อเด่นข้อด้อยของเค้าในตัวครับ

ส่วนใหญ่b-segmentที่ไปแต่งซิ่งเห็นเค้าไปทำต่อเยอะเลย ไอ้เราก็ไม่เคยซื้อมาแต่งกับเค้าไม่รู้ทำแล้วมันดีขนาดไหน มีรถแรงก็ของให้ขับเท่าที่มันปลอดภัยครับ
อิอิ

ออฟไลน์ Kendow

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 715
ถ้าตัวเลขตามด้านบน ผมไม่แน่ใจว่า ตัวเลขของเครื่อง 2.0 เอามาจาก CX3 หรือเปล่า ...

แต่ถ้าใช่ CX3 ถ้าวัดกันทั้งทางตรงและทางโค้ง ยังไง city ใหม่ก็สู้ไม่ได้ครับ โดนตั้งแต่ต้นยันปลายบอกเลย ...

และถ้าสุ้กันแบบสายมุด City ยังไงก็ไม่ทันครับ ถ้าคนขับ CX3 เล่นเกียร์เองจับจังหวะเข้าออกได้ถูกต้อง ซึ่ง CVT มันทำไม่ได้  .....

อันนี้ ผม รอ ดู รีวิว ทดลองขับ เลยครับ

หลายคนอาจจะคิดว่า 122 แรงม้านั้น มันคงแรงมากๆจนใกล้เคียงหรือมากกว่า C-segment เครื่อง 2.0

แต่เรามาวิเคราะตามหลักความจริงครับ ด้วยกรอบของ Ecocar เฟส2 ที่กำหนดไว้ว่า
1.ประหยัดน้ำมันไม่ต่ำกว่า 23.25 km/l
2.ต้องปล่อย CO2 ไม่เกิน 100g/km

ขนาด Civic turbo ยังปล่อยไอเสียที่ 134g/km เลย ส่วน CX3 ปล่อยไอเสียที่  145g/km

แล้วมันเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนครับ กับรถที่ต้องประหยัดเบอร์นี้และปล่อยไอเสียไม่เกิน 100g ....

ผมกลัวแต่ว่า 122แรงม้า จะเป็นเพียงตัวเลขการตลาด ที่เวลาวิ่งจริงมันอาจจะไม่มากมายอย่างที่ใครคิดก็ได้นะ ...

โดยรวม city อาจจะมีกำลังเครื่องมากที่สุดในกลุ่ม แต่ผมว่ามันคงไม่ถึงขนาดใกล้เคียง civic 1.8 หรือแม้แต่ CX3 แน่ๆครับ

ขี้เกียจพิมพ์ เอาของเก่ามาแปะละกัน

- City G4/G5 และ Civic FC 1.8 ใช้อัตราทดเพืองท้าย 4.992 เท่ากัน

- City SV+ G4 หนัก 1,102 kg City RS G5 หนัก 1,165 kg Civic 1.8 EL FC หนัก 1,237 kg

- แรงบิด City G4 146 N.m@4,700 rpm City G5 173 N.m@2,000-4,500 rpm Civic 1.8 FC 174 N.m@4,300 rpm

จากข้อมูลดังกล่าว ผมขอเดาว่าอัตราเร่งไม่เป็นรอง Civic FC 1.8 แน่นอน แต่ CX3 นี่ผมคิดว่า CX3 ยังเหนือกว่านิดๆ แต่ถ้าเซ็ตมาแบบอมๆ เน้นประหยัด อาจแรงกว่า 1.5 เดิมแค่นิดหน่อยก็ได้ แต่แรงกว่าเดิมแน่นอน
2008 Nissan Tiida 5Dr. 1.6G
2021 Toyota Corolla Cross HV Premium