สอบถาม " การดูแลรักษาและอายุการใช้งานรถยนต์ "

[Labrador bok bok]

สวัสดีพี่ ๆ เพื่อน ๆ สมาชิกทุกคนครับ คืออยากจะทราบว่า " โดยปกติเฉลี่ยแล้วรถยนต์มีอายุการใช้งานกี่ปีและแต่ละคนมีการบำรุงรักษาอย่างไรบ้าง " คือผมอยากจะทราบข้อมูลพวกนี้หนะครับ โดยส่วนตัวเป็นคนใช้รถน้อย 3 ปีใช้ไป 49,xxx กม.(พักอาศัยที่บริษัท ใช้แต่กลับบ้านต่างจังหวัด) อยากจะยืดอายุการใช้งานของเค้าหนะครับ ไม่ทราบว่าจะใช้ได้นานเท่าไหร่ เพราะตอนนี้ก็ยังหาเหตุผลให้ตัวเองไม่ได้เลยว่าจะเปลี่ยนรถใหม่ไปทำไม ขอขอบคุณล่วงหน้าครับ

[TheRealMeaw]

ของเหลว น้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ น้ำมันเบรค น้ำหล่อเย็น กรอง consumable ทุกอย่าง อย่าขี้เหนียว แต่ก็ไม่ต้องเปลี่ยนบ่อยจนเกินไป

มีอาการอะไรออก ก็เอาเข้าไปเช็คซ่อมให้ไว อย่าปล่อยทิ้งไว้จนลาม

คอยขับอยู่เรื่อยๆ อย่าปล่อยจอด สตาร์ทเฉยๆก็ดี แต่เอาออกไปวิ่งจะดีกว่า

ถ้าอยากได้เลขกิโลเยอะๆ เน้นออกต่างจังหวัด อย่าให้เจอรถติด ขับความเร็วสูงๆ นานๆ

ถ้าทำตามนี้ได้ คำถามไม่ใช่ว่ารถจะอยู่ได้นานแค่ไหนครับ แต่คุณน่ะจะใช้มันไปนานแค่ไหน ผมไม่ค่อยเห็นคนไหนจะใช้รถจนสิ้นอายุขัยรถนะ ถ้าไม่ขายก่อนก็ชนพัง

[XyteBlaster]

ใช้ได้เรื่อย ๆ ครับ ถ้าเราดูแลมันตลอด .. ถ้ายังอยู่ในประกันก็เข้าศูนย์ทุก 10,000 km หรือ 6 เดือน อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน 
เช่น 6 เดือนวิ่งไป 6000 km ก็เข้าได้ครับ หรือแค่ 3 เดือนวิ่งถึง 10,000 ก็เข้าได้เลยครับ

ถ้าเลยประกันแล้วก็ทำตามวิธีเดิมครับ ดูตารางบำรุงรักษาประกอบ ลองศึกษาข้อด้อยประจำรุ่น อาจจะต้องมีดูแลเป็นพิเศษ แล้วแต่รุ่นรถไปครับ

[Tien.W]

ดูแลดีๆ เกิน 20 ปีอยู่แล้ว ลองดูพวก corolla สามห่วง สิ ก็ยังเห็นวิ่งกันเกลื่อนครับ

ทั้งนี้ก็อยู่ที่การดูแล ซึ่งก็คงไม่ใช่แค่ขยันล้าง ขยันเช็ด น่ะครับ

ส่วนตัวผม ปกติ ใช้รถแค่วันหยุด แต่กฎเหล็กของผมก็คือ อย่างน้อย อาทิตย์ละครั้ง รถทั้ง 2 คัน ต้องได้วิ่ง ถ้าไม่ได้ไปไหน ต่ำๆก็ 5 - 6 กม. วนแถวบ้าน ขับเร็วบ้าง เบรคแรงบ้าง แล้วก็กลับมาเสียบเครื่องชาร์จ ชาร์จไฟให้เต็ม

ที่เหลือ ก็เข้าเช็คตามระยะที่กำหนด อะไหล่แท้ทุกชิ้น อะไรออกอาการ ผมสั่งเปลี่ยนทันที เน้นเปลี่ยนก่อนพัง ไม่มีลากใช้ ไม่มีใช้ๆไปก่อน

concept ผม รถต้องเหมือนวันแรกที่ออกจากศูนย์ ต้องพร้อมที่จะเดินทางไกลได้ทันที ทั้ง 2 คันครับ

[sukhontha]

ยี่สิบปีสามสิบปีก็ใช้ได้  ผมใช้แต่รถเก่า ๆ 

ผมวิ่งน้อยครับคันละหมื่นกม./ปี

[kez]

 ถ้าเปลี่ยนอะไหล่ ของเหลว ตามระยะแนะนำในคู่มือ อยู่ได้นานนนน

[lexus]

ของผมปีที่8เข้าปีที่9ครับ
คันที่ใช้ประจำ ปกติใช้คนเดียว ยังหาเหตุผลที่จะเปลี่ยนไม่ได้เหมือนกัน ถ้าเราบำรุงถึง มันก็ไม่พังง่ายๆหรอกครับ

อีกคันที่บ้านvios britney15ปีแล้วมั้ง ก็บำรุงรักษาไป อะไรเสียก็เปลี่ยนก็ซ่อม มันไม่มีอะไรจุกจิกเลย

เห็นรถใหม่ๆก็อยากเปลี่ยนเหมือนกัน แต่เป็นเพียงความอยาก คิดๆดูแล้ว ค่าซ่อมปีนึงก็ไม่เท่าไหร่ บางปีไม่ซ่อมเลยด้วยซ้ำ เข้าอู่นอกก็ถูกแสนถูก คือพยายามเหตุผลที่จะเปลี่ยนแต่ยังหาไม่ได้เลย 55จะไปใหนกับที่บ้านก็มีอีกคันอยู่แล้วอีก เก็บตังไปยาวๆครับ

[Seadog]

ใช้ได้เรื่อยๆ แต่มีเงื่อนไขสำคัญมากข้อนึงคือต้องรู้จักอู่ที่ไว้ใจได้และชำนาญรุ่นนั้นๆ ครับ

[D Water Law]

3 ปีใช้ไป 49,xxx กม. ก็ไม่น้อยแล้วนะครับ

ดูแลรักษาตามปกติ เช็คระยะเปลี่ยนถ่ายของเหลวตามระยะ
เกิดเหตุปกติก็เข้าเช็ค ซ่อม เปลี่ยนตามอาการ   

รถที่โทรมๆ ส่วนใหญ่เจ้าของใช้อย่างเดียวไม่ค่อยดูแล (หรือดูแลแบบว่าล้าง ขัดเคลือบ เอาให้ดูดีแต่ภายนอก)
มีอะไรผิดปกติก็ไม่เช็คไม่ซ่อม ทนขับไปเรื่อยๆ ปล่อยทิ้งไว้จนลาม เสียหายในส่วนที่หนักกว่าเดิม

[ไทบ้าน]

รถแต่ละรุ่นมีอายุการใช้งานที่แตกต่างกันตามคุณภาพชิ้นส่วน เทคนิคการผลิต และการสนับสนุนอะไหล่

ส่วนการดูแลรักษาก็ขอให้ทำตัวเป็นคนรักรถสักหน่อยก็จะใช้ได้นานแน่นอนครับ (ตามอายุขัยของรถนั้นๆ)

[Labrador bok bok]

น้ำมันเครื่องตามตารางบำรุงรักษา 15,000 กม./เปลี่ยน ต้องตามนี้เสมอไปมั้ยหรือว่าให้สังเกตที่สีของน้ำมันเครื่องด้วยครับ

[udis]

น้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ เปลี่ยนตามระยะ
ล้อรถ เปลี่ยนเมื่อหมดสภาพ ไม่ค่อยเกาะ บวม
พวงล่วงล่าง อะไหล่เสื่อมก็เปลี่ยนครับ พวกลูกหมาก ลูกยางกันโคลง
นอกนั้นอะไรเสียก็เปลี่ยนครับ
รถที่เป็นเจ้าของเองซื้อตั้งแต่ป้ายแดง ก็มีอายุ 14 ปี และ 9 ปี ก็ยังใช้งานได้ดี ไม่จุกจิกอะไร ใช้งานดี 
พอรถเก่าๆก็จะมีอะไหล่เทียบให้เลือกใช้ ราคาเบาลงหน่อย แต่บางอย่างที่ไม่ค่อยเสียก็หามือสองก็จะถูกหน่อยครับ

[Odd_yim]

ถามว่า อายุการใช้งานกี่ปี เคยสังเกต รถเมล์ มั้ยครับ ตราบใดที่ยังซ่อมได้ หาอะไหล่ได้ ทำสีใหม่ ก็ยังใช้งานได้ครับ แต่ถ้าเทียบกับความมั่นใจในการใช้งาน สำหรับผมให้อายุ ราว ๆ 10-15 ปี ครับ เหตุผลแรกเลย คือ รถอายุเยอะ ๆ ประกันชั้น 1 จะไม่ค่อยรับแล้ว แต่ถ้ารถใช้ในเมืองอาจจะไม่ต้องมองเรื่องนี้ก็ได้ ต่อมา คือ เรื่องการเสื่อมสภาพของวัสดุ อุปกรณ์ต่าง ๆ ส่วนใหญ่จะเป็นพวกพลาสติก อันนี้จะเป็นเรื่องจุกจิกมากกว่า แต่บางชิ้นนาน ๆ ไปก็หายากเหมือนกันครับ แล้วก็เรื่อง การบำรุงรักษา อันนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละคนว่าเลือกอะไหล่แท้หรือเทียบด้วย บางทีเปลี่ยนไป 1-2 ปี เสียซ้ำก็มี ถ้ารถวิ่งไม่เยอะ ควรจะเอามาวิ่ง อาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง นะครับ วอร์มเครื่อง ป้องกันแบตหมดด้วย

[Labrador bok bok]

น้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ เปลี่ยนตามระยะ
ล้อรถ เปลี่ยนเมื่อหมดสภาพ ไม่ค่อยเกาะ บวม
พวงล่วงล่าง อะไหล่เสื่อมก็เปลี่ยนครับ พวกลูกหมาก ลูกยางกันโคลง
นอกนั้นอะไรเสียก็เปลี่ยนครับ
รถที่เป็นเจ้าของเองซื้อตั้งแต่ป้ายแดง ก็มีอายุ 14 ปี และ 9 ปี ก็ยังใช้งานได้ดี ไม่จุกจิกอะไร ใช้งานดี 
พอรถเก่าๆก็จะมีอะไหล่เทียบให้เลือกใช้ ราคาเบาลงหน่อย แต่บางอย่างที่ไม่ค่อยเสียก็หามือสองก็จะถูกหน่อยครับ

น้ำมันเกียร์ตามตารางบำรุงรักษาแนนำให้เปลี่ยนตอน 195,000 กม.หรือ 117 เดือน นี่นานเกินไปมั้ยครับ ถ้าไม่ติดเรื่องเงินผมว่าจะเปลี่ยนก่อนกำหนดครับ

[Weetting]

รถผมตอน​ 8​ปีซ่อมครั้งใหญ่เลย

เปลี่ยนช่วงล่างยกชุด

เปลี่ยนท่อทางเดินน้ำมัน

สายพานเปลี่ยนหมด​

ตอนี้ยังไม่มีอะไรน่าห่วงครับซ่อมใหญ่ที่​ อยู่ได้​ 4-5ปีสบาย

แต่มันก็มีพวกจุกจิกๆคิดไม่ถึงนิดๆหน่อยมาเสียเองตลอด

เช่น​ ถังพลาสติก​ในบางส่วนแตก​ สายไฟขาดบางจุด

[udis]

น้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ เปลี่ยนตามระยะ
ล้อรถ เปลี่ยนเมื่อหมดสภาพ ไม่ค่อยเกาะ บวม
พวงล่วงล่าง อะไหล่เสื่อมก็เปลี่ยนครับ พวกลูกหมาก ลูกยางกันโคลง
นอกนั้นอะไรเสียก็เปลี่ยนครับ
รถที่เป็นเจ้าของเองซื้อตั้งแต่ป้ายแดง ก็มีอายุ 14 ปี และ 9 ปี ก็ยังใช้งานได้ดี ไม่จุกจิกอะไร ใช้งานดี 
พอรถเก่าๆก็จะมีอะไหล่เทียบให้เลือกใช้ ราคาเบาลงหน่อย แต่บางอย่างที่ไม่ค่อยเสียก็หามือสองก็จะถูกหน่อยครับ

น้ำมันเกียร์ตามตารางบำรุงรักษาแนนำให้เปลี่ยนตอน 195,000 กม.หรือ 117 เดือน นี่นานเกินไปมั้ยครับ ถ้าไม่ติดเรื่องเงินผมว่าจะเปลี่ยนก่อนกำหนดครับ

ตามคู่มือครับ แต่ปกติถ้ารถใช้งานหนักตามคู่มือจะให้เปลี่ยนก่อนหรือเปล่าครับ
ควรสังเกตอาการรถและระดับน้ำมัน การตรวจสภาพน้ำมันเกียร์
สีเหลืองใสหรือสีแดงคือสีที่บ่งบอกว่าน้ำมันเกียร์ยังอยู่ในสภาพดีพร้อมใช้งานอยู่ แต่ถ้าน้ำมันเกียร์เป็นเป็นสีน้ำตาลหรือสีดำขึ้นมาเมื่อไร เป็นสัญญาณบอกว่า ถึงเวลาเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ได้แล้ว ที่สำคัญควรเปลี่ยนกับศูนย์หรืออู่ที่ได้มาตรฐาน และเลือกใช้น้ำมันเกียร์ให้เหมาะสมกับรุ่นรถด้วย เพื่อความปลอดภัยของเกียร์
CR. https://www.grandprix.co.th

[SM.]

ผมว่าเช็คระยะทั่วไปก็พอครับ ส่วนเรื่องอะไรที่เสียหาย อยากให้แก้ให้ดีครับ อย่าไปซ่อมแบบขอไปที เพราะมันจะไม่ทน

[โบตั๋น]

เท่าที่สังเกตรถตัวเอง
-ฝาหม้อน้ำแท้ 5 ปีเปลี่ยนได้เลยไม่ต้องรอ
-ระบบระบายความร้อน (พัดลมหม้อน้ำ+พัดลมแอร์,วาล์วน้ำ ) 8-9 ปีควรเปลี่ยนก่อนเสีย ถ้าเปิดแอร์เย็นบ่อยๆไม่เกิน 5-6 ปีพัดลมก็ไปละครับ ถ้าใช้เกิน 15 ปี ควรเปลี่ยนรีเลย์พัดลมด้วย พวกควรนี้ชิงเปลี่ยนก่อนเสีย เพราถ้าเสียคืองานใหญ่จริงๆ ที่สำคัญควรเบิกอะไหล่แท้เท่านั้น
-ไม่ควรเติมน้ำเปล่าในหม้อน้ำ หรือผสมต่างยี่ห้อ สูตรเคมีไม่เหมือนกัน ถ้าเปลี่ยนยี่ห้อควรถ่ายออกให้หมด (พวกช่างศูนย์ชอบลักไก่เอาน้ำเปล่ามาเติมประจำ ) 2แสนหรือ 8ปีก็ควรถ่ายน้ำออกมาเปลี่ยน
-น้ำมันเกียร์เปลี่ยนให้ตรงเวลา 4หมื่น (แต่จริงๆ 2-3ก็ได้ )ครบแสนต้นๆ-กลางๆ เปิดอ่างมาเปลี่ยนกรองตัวในซักที ถ้ารถบางรุ่นมีกรองตัวนอกซัก 6-7หมื่นโลก็เปลี่ยนแล้ว
-น้ำมันเบรค เปลี่ยนให้ตรงเวลาหรือสีเริ่มดำก็เปลี่ยนได้แล้ว ยิ่งน้ำมันเบรคกำเท่าไหร่ปั้ม abs ก็พังไวขึ้น
-ช่วงล่าง ถ้ารูดบ่อยก็พังไว จะกระบะจะเก๋ง ลูกหมากก็ไปเหมือนกัน ตัวที่พังก่อนมักจะเป็นลูกหมากกันโคลง ประจำ
-เพลาขับ ประเภทหมุนเลี้ยวหมุนเลี้ยวสุดแล้วกระทืบคันเร่ง ไม่ยางเพลาขับขาดก็ได้เปลี่ยนหัวเพลา
-กรองเบนซิน/โซล่า คนชอบลืมตัวนี้กัน สุดท้ายได้เปลี่ยนปั้มติ้กพัง ซะก่อน ระยะเปลี่ยนทุกๆ 8หมื่นโล
-น้ำมันเพาเวอร์ เปลี่ยนบ่อยๆทำให้แร็คไม่รั่วเร็ว แต่รถรุ่นใหม่ๆใช้แร็คไฟฟ้าแทน
-สายพาน 1-1.5แสนควรเปลี่ยนได้แล้ว
-ล้างลิ้นปีกผีเสื้อ  1.3-2แสน รอบเดินเบาจะนิ่งขึ้น (ขึ้นอยู่กับว่าฝุ่นเกาะเยอะแค่ไหน)
-คอมแอร์ เวลาตู้รั่ว เปลี่ยนน้ำมันคอม + ไดเออร์ คอมจะได้อยู่นานขึ้น
-กรองแอร์ มีหลายยี่ห้อถูกจนแพง คุณภาพก็ตามราคา พวกกรอง hepa ก็จะกรอง pm2.5 ไวหน่อย พวกกรอง denso อันละ 2ร้อยต้นๆ กรอง จาก 42-50 ไมโครกรัม/ตรม ยังไงก็ได้ไม่ต่ำกว่า 10-12 ในขณะกรอง hepa กรองจนเหลือ 2-3  (อันนี้ทดสอบเอง)
-เวลาล้างรถฉีดน้ำล้างแผงรังผึ้งหน้ารถให้ทั่วๆ(หม้อน้ำ+แอร์)ฉีดตรงๆถ้าฉีดเฉียงรังผึ้งอาจพับได้ พัดลมจะได้ไม่ต้องทำงานเบอร์สูงบ่อยๆ เหมือนล้างแอร์บ้านนั้นละ
-ไดสตาท ถ้า 10 ปีแล้วไดยังไม่เคยถอด ถอดมาเปลี่ยนถ่าน ล้างฝุ่น แต่ถ้าเสียเปลี่ยนแท้ ใช้ทนๆได้อีกนาน เวลาสตาทไม่ติดตาม ตจว นี่ใจหายได้ง่ายๆ
-หัวเทียน ตามอายุถ้าหัวเข็ม แสนโล ถ้าหัวปกติ 3-4หมื่นโล ยิ่งลากคอยล์ยิ่งพังไว

พอรถเกิน 15 ปีก็จะเริ่มเหนื่อยจะซ่อมละครับ เซ็นเซอร์จะค่อยไปทีละตัว ถ้ามีงบก็ไล่เปลี่ยนก่อนเสีย
ส่วนตัวมองว่าถ้าจะขาย 8-10ปี เพราะยังซ่อมไม่เยอะ ถ้าซ่อมเยอะจะเสียดายไม่อยากขายซะก่อน

[Labrador bok bok]

เท่าที่สังเกตรถตัวเอง
-ฝาหม้อน้ำแท้ 5 ปีเปลี่ยนได้เลยไม่ต้องรอ
-ระบบระบายความร้อน (พัดลมหม้อน้ำ+พัดลมแอร์,วาล์วน้ำ ) 8-9 ปีควรเปลี่ยนก่อนเสีย ถ้าเปิดแอร์เย็นบ่อยๆไม่เกิน 5-6 ปีพัดลมก็ไปละครับ ถ้าใช้เกิน 15 ปี ควรเปลี่ยนรีเลย์พัดลมด้วย พวกควรนี้ชิงเปลี่ยนก่อนเสีย เพราถ้าเสียคืองานใหญ่จริงๆ ที่สำคัญควรเบิกอะไหล่แท้เท่านั้น
-ไม่ควรเติมน้ำเปล่าในหม้อน้ำ หรือผสมต่างยี่ห้อ สูตรเคมีไม่เหมือนกัน ถ้าเปลี่ยนยี่ห้อควรถ่ายออกให้หมด (พวกช่างศูนย์ชอบลักไก่เอาน้ำเปล่ามาเติมประจำ ) 2แสนหรือ 8ปีก็ควรถ่ายน้ำออกมาเปลี่ยน
-น้ำมันเกียร์เปลี่ยนให้ตรงเวลา 4หมื่น (แต่จริงๆ 2-3ก็ได้ )ครบแสนต้นๆ-กลางๆ เปิดอ่างมาเปลี่ยนกรองตัวในซักที ถ้ารถบางรุ่นมีกรองตัวนอกซัก 6-7หมื่นโลก็เปลี่ยนแล้ว
-น้ำมันเบรค เปลี่ยนให้ตรงเวลาหรือสีเริ่มดำก็เปลี่ยนได้แล้ว ยิ่งน้ำมันเบรคกำเท่าไหร่ปั้ม abs ก็พังไวขึ้น
-ช่วงล่าง ถ้ารูดบ่อยก็พังไว จะกระบะจะเก๋ง ลูกหมากก็ไปเหมือนกัน ตัวที่พังก่อนมักจะเป็นลูกหมากกันโคลง ประจำ
-เพลาขับ ประเภทหมุนเลี้ยวหมุนเลี้ยวสุดแล้วกระทืบคันเร่ง ไม่ยางเพลาขับขาดก็ได้เปลี่ยนหัวเพลา
-กรองเบนซิน/โซล่า คนชอบลืมตัวนี้กัน สุดท้ายได้เปลี่ยนปั้มติ้กพัง ซะก่อน ระยะเปลี่ยนทุกๆ 8หมื่นโล
-น้ำมันเพาเวอร์ เปลี่ยนบ่อยๆทำให้แร็คไม่รั่วเร็ว แต่รถรุ่นใหม่ๆใช้แร็คไฟฟ้าแทน
-สายพาน 1-1.5แสนควรเปลี่ยนได้แล้ว
-ล้างลิ้นปีกผีเสื้อ  1.3-2แสน รอบเดินเบาจะนิ่งขึ้น (ขึ้นอยู่กับว่าฝุ่นเกาะเยอะแค่ไหน)
-คอมแอร์ เวลาตู้รั่ว เปลี่ยนน้ำมันคอม + ไดเออร์ คอมจะได้อยู่นานขึ้น
-กรองแอร์ มีหลายยี่ห้อถูกจนแพง คุณภาพก็ตามราคา พวกกรอง hepa ก็จะกรอง pm2.5 ไวหน่อย พวกกรอง denso อันละ 2ร้อยต้นๆ กรอง จาก 42-50 ไมโครกรัม/ตรม ยังไงก็ได้ไม่ต่ำกว่า 10-12 ในขณะกรอง hepa กรองจนเหลือ 2-3  (อันนี้ทดสอบเอง)
-เวลาล้างรถฉีดน้ำล้างแผงรังผึ้งหน้ารถให้ทั่วๆ(หม้อน้ำ+แอร์)ฉีดตรงๆถ้าฉีดเฉียงรังผึ้งอาจพับได้ พัดลมจะได้ไม่ต้องทำงานเบอร์สูงบ่อยๆ เหมือนล้างแอร์บ้านนั้นละ
-ไดสตาท ถ้า 10 ปีแล้วไดยังไม่เคยถอด ถอดมาเปลี่ยนถ่าน ล้างฝุ่น แต่ถ้าเสียเปลี่ยนแท้ ใช้ทนๆได้อีกนาน เวลาสตาทไม่ติดตาม ตจว นี่ใจหายได้ง่ายๆ
-หัวเทียน ตามอายุถ้าหัวเข็ม แสนโล ถ้าหัวปกติ 3-4หมื่นโล ยิ่งลากคอยล์ยิ่งพังไว

พอรถเกิน 15 ปีก็จะเริ่มเหนื่อยจะซ่อมละครับ เซ็นเซอร์จะค่อยไปทีละตัว ถ้ามีงบก็ไล่เปลี่ยนก่อนเสีย
ส่วนตัวมองว่าถ้าจะขาย 8-10ปี เพราะยังซ่อมไม่เยอะ ถ้าซ่อมเยอะจะเสียดายไม่อยากขายซะก่อน

ขอบคุณมากครับ ที่มาแบ่งปันความรู้ ได้ความรู้ขึ้นมากเลยครับ