ผู้เขียน หัวข้อ: Mazda จะย้ายการประกอบรถ CX 3 บางส่วนกลับญี่ปุ่น  (อ่าน 38602 ครั้ง)

ออฟไลน์ SRY

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 713
Re: Mazda จะย้ายการประกอบรถ CX 3 บางส่วนกลับญี่ปุ่น
« ตอบกลับ #30 เมื่อ: ธันวาคม 24, 2019, 19:14:51 »
อันอื่นไม่รู้นะ รู้ว่าตั้งแต่บาทแข็ง กว่าค่าเงินอื่นๆ เงินที่ส่งมา ที่ควรจะได้ มันหายไปเลย 3 พัน ทุกเดือน
เดือดร้อนสิครับ

ออฟไลน์ Mr. RO

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 183
    • อีเมล์
Re: Mazda จะย้ายการประกอบรถ CX 3 บางส่วนกลับญี่ปุ่น
« ตอบกลับ #31 เมื่อ: ธันวาคม 24, 2019, 21:11:03 »
พูดถึงการบริหารทุนสำรองต่างประเทศของ BOT  ที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาโดยเฉพาะจากจีน และนักท่องเที่ยวจะเข้ามาในไทยก็ต้องการมาจับจ่ายเป็นเงินบาทเสียเยอะในสมัยก่อน และนั้นก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ค่าเงินบาทแข็ง  แต่จริงๆมันคือสิ่งที่ดีนะทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวการใช้จ่ายโดยชาวต่างประเทศไปถึง ชาวบ้านที่ขายของต่างๆนะ
แต่มันไม่ดีที่ค่าเงินบาทแข็ง  ถ้าผมเข้าใจไม่ผิดเขาก็มองที่เงินบัญชีดุลสะพัด และตัวเลขนำเข้าส่งออกก็มีผลตรงนั้นด้วย ตลอดระยะช่วง 5 ปีที่ผ่านมาทุนสำรองระหว่างประเทศของเราเพิ่มขึ้นมาในสกุลดอลลาร์อาจถึง 5-6 หมื่นล้านดอลลาร์ ก็ด้วยที่ว่าเอาเงินบาทไปซื้อดอลลาร์
และในการส่งออกแต่ละปีผมเห็นข้อมูลไทยเราส่งออกทองคำออกเพิ่มขึ้นๆ โดยเฉพาะในปี  2019 นี้อาจเกินกว่า 200,000 ล้านบาทได้มั้งปีนี้เยอะขึ้นนะ
แต่การส่งออกมีค่ามากกว่าการนำเข้า ก็ยิ่งทำให้เงินบัญชีดุลสะพัดดูดีขึ้น และค่าเงินบาทก็ยิ่งแข็งขึ้น
สมมตินะ ถ้าช่วง 5 ปีที่ผ่านมาแทานที่ BOT จะใช้เงินบาทไปซื้อดอลลาร์มากกว่า 5-6 หมื่นล้านดอลลาร์ เริ่มจากเมื่อ 5ปีก่อนอยู่ราว 35 บาทต่อดอลลาร์นะ
ซึ่งทำให้สรุป BOT ขาดทุนค่าเงินเพราะเราถือครองสิ่งที่มันมีค่าลดลงมาเรื่อยตลอด 5 ปีคือเงินดอลลาร์นะ ตอนนี้อยู่ 30 บาทต่อดอลลาร์นะ นัับแค่ส่งที่ถึือมากขึ้นไม่นับของเก่าที่อาจมีอยู่กว่า 170,000-180,000 ล้านดอลลาร์นะถ้าผมจำตัวเลขไม่ผิดนะ แค่ส่วนที่เพิ่มขึ้นก็ขาดทุนมนสกุลเงินบาทร่วมๆ 250,000ล้านบาทแล้วเพราะค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น
แต่ถ้าในตลอด 5 ปีนี้นะแทนจะเอาไปซื้อดอลลาร์เฉลี่ยปีละเกือบ หมื่นล้านดอลลาร์นะ แต่เอาไปซื้อทองคำสัก ครึ่งหนึ่งนะ คือราวๆ 150,000-170,000 ล้านบาทในแต่ละปีช่วง 5 ปีหลังนี้นะ ผลคือ ตัวเลขเกินดุลการค้าเราจะลดลงต่ำกว่านี้ทุกๆปี และค่าเงินบาทเราอาจจะไม่แข็งขนาดนี้ และในขณะเดียวกัน
ช่วง5 ปีที่ผ่านมาทองคำทำราวจากราวๆ 1,100$ต่ออนซ์เป็น 1480$ ต่อออนซ์ ราคาเพิ่มขึ้นมาราวๆ 25% นะ เงินที่ไปใช้เพื่อเป็นเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ก็จะไม่ขาดทุนร่วม 250,000 ล้านบาทนะ
เพราะจากที่ผมประเมินถ้านำไปซื้อทองนะนะวันนี้ค่าเงินบาทคงไม่แข็งขนาดนี้ตอนนี้อาจอยู่ระหว่าง 31.50-32.50 บาทต่อดอลลาร์เท่านั้น นั้นคือจะขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนแค่ราวๆ 3 บาทต่อดอลลาร์ ไม่ใช้5 บาทต่อดออลาร์เหมือนในปัจจุบัน นั้นคือจะขาดทุนจากการเอาเงินไปซื้อดอลลาร์เหลือเพียง 75,000 ล้านบาท เท่านั้น แต่ในขณะเดียวกันจะได้กำไรจากการเข้าไปซื้อทองคำแทน 25%(จากราราคาทองที่ขึ้นมา)-10%(จากการที่ค่าเงินบาทแข็งขึ้นเพียง 10% ไม่ใช่ 17% อย่างในปัจจุบัน)นั้นคือกำไรขึ้นๅ 15% ของเงินบาที่ใช้ไปซื้อทองตลอด 5ปีราวเกือบ 400,000ล้านบาทนะ นั้นคือราวๆ  60,000 ล้านบาทนะ นั้นคือ ถ้าเราเอาไปซื้อทองสักครึ่งแทนจะเอาไปซื้อดอลลาร์เป็นส่วนใหญ่นะ แทนที่จะขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนราวๆ 250,000ล้านบาทจะเหลือขาดทุน 15,000 ล้านบาท
และที่สำคัญเราจะไม่เจอวิกฤตค่าเงินบาทแข็ง จนหลายๆธุรกิจไม่สามารถแข็งขันได้จากการผลิตเพื่อส่งออกได้อย่างที่ผ่านมานะครับ
ผมเข้าใจนะว่าเอกชนต้องปรับตัว แต่คนไทยอาจจะไม่สามารถจะปรับตัวกับค่าเงินบาทที่แข็งตัวขึ้นมาร่วม 17-18% ในระยะเวลาเพียง 5 ปีนะ และดูแนวโน้มถ้านับปีหน้าเป็น 6ปีนะ ผมว่าจะกลายเป็นเงินบาทแข็งตัวขึนถึง 20%ก็เป็นได้นะ จะมีใตรจะสามารถทำธุรกิจได้ครับกับการขายของแล้วเงินหายไป 20%นะในระยะเวลาเพียง 6 ปีนะ
ที่ผมพูดมาอาจผิดนะ เพราะ ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจไม่สามารถจะซื้อทองคำมาเป็นทุนสำรองระหว่างประเทศได้ ในปริมาณสูงด้วยหรือเปล่าเพราะติดปัญหาด้านกฎหมายหรือไม่ แต่ถ้าใช้ผมว่าควรต้องปรับแก้ให้คล่องตัวกว่านี้ได้นานแล้วนะ
ที่ผมกล้าพูดเพราะผมนะเสนอเพื่อนที่ BOT ไปช่วง 4-5ปีแล้วว่าควรต้องเข้าไปซื้อทองคำนะ แต่เพื่อนไม่ได้ดูงานส่วนนั้นนะ

แบงค์ชาติไม่ใช่องค์กรแสวงหากำไรครับ มีหน้าที่ดูแลเสถียรภาพภายใน และภายนอก หากไปเก็งกำไรทองคำแบบนั้นจิงโดนด่าเละแน่นอนครับ แบงค์ชาติขาดทุนได้ครับไม่เป็นไรแต่ต้องช่วยผู้ส่งออกนำเข้าก่อน(เสถียรภาพภายนอก-->ค่าเงิน) อย่าไปให้ความสำคัญกับทุนสำรองขนาดนั้นครับ เกินดุลเป็นเรื่องดี แม้จะทำให้บาทแข็ง แต่ปัญหาอยู่ที่อัตราดอกเบี้ยต่างหากครับ ถ้าคุณล็อคค่าเงิน ดอกเบี้ยต้องวิ่ง แต่เราล็อคดอกเบี้ย ดังนั้นค่าเงินจึงจำเป็นต้องวิ่ง แล้วเรามีปัญหาบาทแข็ง นี่แหละครับวัดฝีมือว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร

การที่คาดเงินบาทแข็งไม่ใช่เรื่องอัตราดอกเบี้ยเป็นหลักนะครับ
คุณลองดูอัตราดอกเบี้ยนโยบายของประเทศในอาเซียนซิครับ เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ หรือ เวียดนามนะครับ อัตราดอกเบี้ยนโยบายสูงกว่าไทยมากๆครับ
แต่ที่ทำ บาทแข็งมีหลายปัจจัย แต่ปัจจัยที่บาทแข็งมากๆ น่าจะดูตัวเลขพวกดุลบัญชีเดินสะพัด  และขนาดทุนสำรอง เทียบกับหนี้ระยะสั้น
ส่วนอัตราดอกเบี้ยเป็นปลายทางจากมุมมองตัวเลขที่กล่าวก่อนหน้าที่ดูดีมากๆๆ เทียบกับประเทศต่างๆในโลกนี้ครับ
และที่เสนอไอเดียเรื่องให้ซื้อทอง ไม่ใช่ให้เกร็งกำไรราคาทองคำครับ
แต่มี 2 ประเด็นคือ
1 ผมเห็นประเทศใหญ่ในโลกหลายประเทศเริ่มกลับมาเพิ่มสัดส่วนทองคำ เป็นตะกร้าของทุนสำรองระหว่างประเทศของเขา
เช่น จีน รัสเซีย เยอรมัน
2. ในหลายช่วงที่ 4-5 ปีนี้ประเทศไทยส่งออกทองคำเฉียดแสนล้านจนถึง 200,000 ล้านบาทในปีปัจจุบัน และการส่งออกมาก็เป็นตัวกลางทำให้การได้ดุลการค้า  และนั้นคือส่งผลต่อตัวเลขดุลบัญชีเดินสะพัด ยิ่งดูดีมากจนเกินความจำเป็นครับ

ซึ่งส่งผลให้ค่าเงินบาทในช่วง 5 ปีนี้แข็งขึ้นกว่า 18%  ซึ่งการที่ค้าเงินบาทแข็งขนาดนี้ทำธุรกิจการส่งออกของไทยแข็งขันเขาไม่ได้ หรือจะตายและทำต่างชาติย้ายโรงงานหนีไปที่อื่นๆเยอะแล้วครับ  ผมจึงพยายามบอกให้ลองไปซื้อทองคำเพื่อลดตัวเลขการได้ดุลการค้า ไม่ให้สูง
และตัวเลขดุลบัญชีเดินสะพัดได้ไม่ต้องดีเกินขนาด จนทำให้บาทแข็งขนาดนี้ครับ เพราะ ตัวเลขพวกนี้เราไม่ดูโดดเด่นแบบติดอันดันหนึ่งใน3 ถึง 5  ของโลกของตัวเลขที่บ่งชี้ความมั่นคงแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจขนาดนั้น
เพราะเอาจริงเราแข็งแกร่งจริงเหรอ คนในประเทศจำนวนไม่น้อยกำลังจะตกงานเพิ่ม หรือหลายธุรกิจความสามารถในการแข่งขันสู้เขาไม่ได้
สินค้าอุตสาหกรรม เรามีนวัตกรรมน้อยมาก นั้นคือ เราจะแข่งขันเขาไม่ได้ แต่ดันมาเงินบาทแข็งมากขนาดนี้ทำไม
เรานะหลอกตัวเองทำไม ในเมื่อเราไม่เข้มแข็งขนาดนั้น เราไม่ต้องสร้างตัวเลขให้ดูดีมากมายนักหรอกครับ นักธุรกิจจะตายกันหมด คนต้องขายของกินตายกันหมด เงินบาทแข็งมันดีกับคนรวยมีฐานะได้ซื้อของต่างประเทศราคาถูกเท่านั้นครับ
แต่ชาวบ้านต้องการให้ชาวต่างประเทศมาซื้อของครับ แต่บาทแข็งมากต่างชาติก็มีกำลังมาซื้อของคนไทยน้อยลง ทั้งจากการส่งออก และการมาจับจ่ายตรงจากท่องเที่ยวลดลงครับ

ส่วนเรื่องถ้าทำการซื้อทองคำในช่วงเวลาที่ผมบอกนั้นคือผลพลอยได้ที่ไม่ใช่เหตุผลหลักครับ แต่ถ้าบริหารแล้วไม่ขาดทุนก็ดีครับ
เพราะหลักการบริหารการบริหารเงินสำรอง ในมุมผมนอกจากรักษาเสถียรภาพของค่าเงินแล้ว  การต้องทำให้ค่าเงินของประเทศเราอยู่ในระดับที่ทำให้ภาคธุรกิจในประเทศมีความสามารถมีความแข็งขันได้ดี และทำให้คนในประเทศทำมาหากินได้อย่างคล่องตัว (สำหรับเมืองไทยเศรษฐกิจขึ้นกับรายได้จากการท่องเที่ยวกว่า 1 ใน 3) ดังนั้นการมีค่าเงินไม่แข็งไปนักมันสำคัญมากครับ
ในมุมผมการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย บริหารทุนสำรองเงินระหว่างประเทศจนค่าเงินบาทแข็งขนาดนี้ผมว่าผิดพลาดอย่างแรงครับ
ไม่ใช่แค่ขาดทุนใน 5 ปีนี้กว่า 900,000 ล้านบาทนะครับ
แต่การที่ทำให้ภาคเอกชนต้องลำบากหรือไม่สามารถทำธุรกิจต่อไปได้จากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นขนาดนี้ต่างหากเป็นสิ่งที่ผิดพลาดอย่างรุนแรงที่สุด เพราะการภาคธุรกิจทำธุรกิจต่อไปไม่ได้สุดท้ายคนจะตกงานครับ นั้นต่างๆหากครับที่สำคัญ

ถ้าคิดว่าผมพูดผิดช่วยบอกด้วยนะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 24, 2019, 21:25:05 โดย Mr. RO »

ออฟไลน์ +@ Krishna @+

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,295
  • *_* รถที่ดี คือ รถที่ใช้แล้วมีความสุข ^_^
Re: Mazda จะย้ายการประกอบรถ CX 3 บางส่วนกลับญี่ปุ่น
« ตอบกลับ #32 เมื่อ: ธันวาคม 25, 2019, 18:02:47 »
ฟังมาจาก supplier เขาบ่นให้ฟังว่า ไลน์ของเขามันมีไลน์แฝดอยู่ที่ jap บาทแข็งปุ้บ ต้นทุนเราสูงกว่า order ถูกโยกไปที่ jap ทันทีเลย ถามเขาว่าทำไม เขาตอบว่าเดี๋ยวนี้ใช้หุ่นยนต์กันหมดแล้ว ใช้คนนิดเดียว ต้นทุนเลยไม่ต่างจากที่นั่นมาก

ถามนักลงทุน jap เขาบอกว่าประเทศไทยไม่น่าลงทุนแล้ว โดยส่วนใหญ่เขาจะลงทุนเพื่อตลาดภายในประเทศเป็นหลัก แต่ยอดขายรถในบ้านเราอาจจะไม่โตมากไปกว่านี้แล้ว แรงงานของบ้านเราผ่านจุดสูงสุดไปแล้วเมื่อประมาณ 3 ปีก่อน เรากำลังเข้าสู่สังคมคนแก่ เด็กเกิดน้อยลง เขามองว่าบ้านเรากำลังจะกลายเป็นเหมือนบ้านเขา

บาทแข็ง เนื่องจากเราเกินดุลบัญชีเดินสะพัด ทั้งๆ ที่ส่งออกเราติดลบ แปลว่าอะไรครับ? แปลว่านำเข้าเราติดลบมากกว่า เห็นอะไรไหมครับ? กำลังซื้อภายในประเทศอ่อนแอแค่ไหน แบงค์ชาติพยายามแทรกแซงให้บาทอ่อน โดยการขายเงินบาท ซื้อดอลล่าห์ ก็ยิ่งทำให้ทุนสำรองจากดอลล่าห์สูงขึ้นอีก แต่เราล็อคอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 1.25% ทำให้แบงค์ชาติต้องทำการ sterilization เกรงว่าการทำแบบนี้ระยะยาวบาทจะไม่อ่อนลงสิครับ ผมชื่นชม ดร วีรไทยนะครับ แต่ท่านจะแก้ปัญหานี้อย่างไร

จากที่พูดเมื่อกี้ กำลังซื้อภายในประเทศอ่อนแอ เห็นอะไรไหมครับ? คนที่ควรขยับคือใครครับ fiscal policy หรือป่าวครับ? ท่องเที่ยว ส่งออกบาทแข็งไปแล้ว รมต คลัง อุตม นายกซึ่งเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ เขารู้ตัวหรือยัง? มีความสามารถแค่ไหนในการแก้ปัญหาหรือไม่รู้เรื่องเลย ผมอยู่ในวงการการเงินมานาน สมคิดผมโอเคนะ แต่ อุตม เห้อ...ต้องทนอีกนานแค่ไหนเนี่ยประเทศไทย

ไทยคงอีกนาน เห็นว่าตอนนี้เป็นหนี้เยอะเลย
ประชาชนก็ต้องเซพ นอกจากอุตสหกรรมรถยนต์แล้ว พวกสถานศึกษาเอกชนก็น่าจะแย่เหมือนกัน :P

ออฟไลน์ pierre

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 100
Re: Mazda จะย้ายการประกอบรถ CX 3 บางส่วนกลับญี่ปุ่น
« ตอบกลับ #33 เมื่อ: ธันวาคม 27, 2019, 17:34:19 »

การที่คาดเงินบาทแข็งไม่ใช่เรื่องอัตราดอกเบี้ยเป็นหลักนะครับ
คุณลองดูอัตราดอกเบี้ยนโยบายของประเทศในอาเซียนซิครับ เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ หรือ เวียดนามนะครับ อัตราดอกเบี้ยนโยบายสูงกว่าไทยมากๆครับ
แต่ที่ทำ บาทแข็งมีหลายปัจจัย แต่ปัจจัยที่บาทแข็งมากๆ น่าจะดูตัวเลขพวกดุลบัญชีเดินสะพัด  และขนาดทุนสำรอง เทียบกับหนี้ระยะสั้น
ส่วนอัตราดอกเบี้ยเป็นปลายทางจากมุมมองตัวเลขที่กล่าวก่อนหน้าที่ดูดีมากๆๆ เทียบกับประเทศต่างๆในโลกนี้ครับ
และที่เสนอไอเดียเรื่องให้ซื้อทอง ไม่ใช่ให้เกร็งกำไรราคาทองคำครับ
แต่มี 2 ประเด็นคือ
... show more


เห็นด้วยในประเด็นนี้ครับ
" แต่การที่ทำให้ภาคเอกชนต้องลำบากหรือไม่สามารถทำธุรกิจต่อไปได้จากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นขนาดนี้ต่างหากเป็นสิ่งที่ผิดพลาดอย่างรุนแรงที่สุด เพราะการภาคธุรกิจทำธุรกิจต่อไปไม่ได้สุดท้ายคนจะตกงานครับ นั้นต่างๆหากครับที่สำคัญ "