พูดถึงการบริหารทุนสำรองต่างประเทศของ BOT ที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาโดยเฉพาะจากจีน และนักท่องเที่ยวจะเข้ามาในไทยก็ต้องการมาจับจ่ายเป็นเงินบาทเสียเยอะในสมัยก่อน และนั้นก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ค่าเงินบาทแข็ง แต่จริงๆมันคือสิ่งที่ดีนะทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวการใช้จ่ายโดยชาวต่างประเทศไปถึง ชาวบ้านที่ขายของต่างๆนะ
แต่มันไม่ดีที่ค่าเงินบาทแข็ง ถ้าผมเข้าใจไม่ผิดเขาก็มองที่เงินบัญชีดุลสะพัด และตัวเลขนำเข้าส่งออกก็มีผลตรงนั้นด้วย ตลอดระยะช่วง 5 ปีที่ผ่านมาทุนสำรองระหว่างประเทศของเราเพิ่มขึ้นมาในสกุลดอลลาร์อาจถึง 5-6 หมื่นล้านดอลลาร์ ก็ด้วยที่ว่าเอาเงินบาทไปซื้อดอลลาร์
และในการส่งออกแต่ละปีผมเห็นข้อมูลไทยเราส่งออกทองคำออกเพิ่มขึ้นๆ โดยเฉพาะในปี 2019 นี้อาจเกินกว่า 200,000 ล้านบาทได้มั้งปีนี้เยอะขึ้นนะ
แต่การส่งออกมีค่ามากกว่าการนำเข้า ก็ยิ่งทำให้เงินบัญชีดุลสะพัดดูดีขึ้น และค่าเงินบาทก็ยิ่งแข็งขึ้น
สมมตินะ ถ้าช่วง 5 ปีที่ผ่านมาแทานที่ BOT จะใช้เงินบาทไปซื้อดอลลาร์มากกว่า 5-6 หมื่นล้านดอลลาร์ เริ่มจากเมื่อ 5ปีก่อนอยู่ราว 35 บาทต่อดอลลาร์นะ
ซึ่งทำให้สรุป BOT ขาดทุนค่าเงินเพราะเราถือครองสิ่งที่มันมีค่าลดลงมาเรื่อยตลอด 5 ปีคือเงินดอลลาร์นะ ตอนนี้อยู่ 30 บาทต่อดอลลาร์นะ นัับแค่ส่งที่ถึือมากขึ้นไม่นับของเก่าที่อาจมีอยู่กว่า 170,000-180,000 ล้านดอลลาร์นะถ้าผมจำตัวเลขไม่ผิดนะ แค่ส่วนที่เพิ่มขึ้นก็ขาดทุนมนสกุลเงินบาทร่วมๆ 250,000ล้านบาทแล้วเพราะค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น
แต่ถ้าในตลอด 5 ปีนี้นะแทนจะเอาไปซื้อดอลลาร์เฉลี่ยปีละเกือบ หมื่นล้านดอลลาร์นะ แต่เอาไปซื้อทองคำสัก ครึ่งหนึ่งนะ คือราวๆ 150,000-170,000 ล้านบาทในแต่ละปีช่วง 5 ปีหลังนี้นะ ผลคือ ตัวเลขเกินดุลการค้าเราจะลดลงต่ำกว่านี้ทุกๆปี และค่าเงินบาทเราอาจจะไม่แข็งขนาดนี้ และในขณะเดียวกัน
ช่วง5 ปีที่ผ่านมาทองคำทำราวจากราวๆ 1,100$ต่ออนซ์เป็น 1480$ ต่อออนซ์ ราคาเพิ่มขึ้นมาราวๆ 25% นะ เงินที่ไปใช้เพื่อเป็นเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ก็จะไม่ขาดทุนร่วม 250,000 ล้านบาทนะ
เพราะจากที่ผมประเมินถ้านำไปซื้อทองนะนะวันนี้ค่าเงินบาทคงไม่แข็งขนาดนี้ตอนนี้อาจอยู่ระหว่าง 31.50-32.50 บาทต่อดอลลาร์เท่านั้น นั้นคือจะขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนแค่ราวๆ 3 บาทต่อดอลลาร์ ไม่ใช้5 บาทต่อดออลาร์เหมือนในปัจจุบัน นั้นคือจะขาดทุนจากการเอาเงินไปซื้อดอลลาร์เหลือเพียง 75,000 ล้านบาท เท่านั้น แต่ในขณะเดียวกันจะได้กำไรจากการเข้าไปซื้อทองคำแทน 25%(จากราราคาทองที่ขึ้นมา)-10%(จากการที่ค่าเงินบาทแข็งขึ้นเพียง 10% ไม่ใช่ 17% อย่างในปัจจุบัน)นั้นคือกำไรขึ้นๅ 15% ของเงินบาที่ใช้ไปซื้อทองตลอด 5ปีราวเกือบ 400,000ล้านบาทนะ นั้นคือราวๆ 60,000 ล้านบาทนะ นั้นคือ ถ้าเราเอาไปซื้อทองสักครึ่งแทนจะเอาไปซื้อดอลลาร์เป็นส่วนใหญ่นะ แทนที่จะขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนราวๆ 250,000ล้านบาทจะเหลือขาดทุน 15,000 ล้านบาท
และที่สำคัญเราจะไม่เจอวิกฤตค่าเงินบาทแข็ง จนหลายๆธุรกิจไม่สามารถแข็งขันได้จากการผลิตเพื่อส่งออกได้อย่างที่ผ่านมานะครับ
ผมเข้าใจนะว่าเอกชนต้องปรับตัว แต่คนไทยอาจจะไม่สามารถจะปรับตัวกับค่าเงินบาทที่แข็งตัวขึ้นมาร่วม 17-18% ในระยะเวลาเพียง 5 ปีนะ และดูแนวโน้มถ้านับปีหน้าเป็น 6ปีนะ ผมว่าจะกลายเป็นเงินบาทแข็งตัวขึนถึง 20%ก็เป็นได้นะ จะมีใตรจะสามารถทำธุรกิจได้ครับกับการขายของแล้วเงินหายไป 20%นะในระยะเวลาเพียง 6 ปีนะ
ที่ผมพูดมาอาจผิดนะ เพราะ ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจไม่สามารถจะซื้อทองคำมาเป็นทุนสำรองระหว่างประเทศได้ ในปริมาณสูงด้วยหรือเปล่าเพราะติดปัญหาด้านกฎหมายหรือไม่ แต่ถ้าใช้ผมว่าควรต้องปรับแก้ให้คล่องตัวกว่านี้ได้นานแล้วนะ
ที่ผมกล้าพูดเพราะผมนะเสนอเพื่อนที่ BOT ไปช่วง 4-5ปีแล้วว่าควรต้องเข้าไปซื้อทองคำนะ แต่เพื่อนไม่ได้ดูงานส่วนนั้นนะ
แบงค์ชาติไม่ใช่องค์กรแสวงหากำไรครับ มีหน้าที่ดูแลเสถียรภาพภายใน และภายนอก หากไปเก็งกำไรทองคำแบบนั้นจิงโดนด่าเละแน่นอนครับ แบงค์ชาติขาดทุนได้ครับไม่เป็นไรแต่ต้องช่วยผู้ส่งออกนำเข้าก่อน(เสถียรภาพภายนอก-->ค่าเงิน) อย่าไปให้ความสำคัญกับทุนสำรองขนาดนั้นครับ เกินดุลเป็นเรื่องดี แม้จะทำให้บาทแข็ง แต่ปัญหาอยู่ที่อัตราดอกเบี้ยต่างหากครับ ถ้าคุณล็อคค่าเงิน ดอกเบี้ยต้องวิ่ง แต่เราล็อคดอกเบี้ย ดังนั้นค่าเงินจึงจำเป็นต้องวิ่ง แล้วเรามีปัญหาบาทแข็ง นี่แหละครับวัดฝีมือว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร
การที่คาดเงินบาทแข็งไม่ใช่เรื่องอัตราดอกเบี้ยเป็นหลักนะครับ
คุณลองดูอัตราดอกเบี้ยนโยบายของประเทศในอาเซียนซิครับ เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ หรือ เวียดนามนะครับ อัตราดอกเบี้ยนโยบายสูงกว่าไทยมากๆครับ
แต่ที่ทำ บาทแข็งมีหลายปัจจัย แต่ปัจจัยที่บาทแข็งมากๆ น่าจะดูตัวเลขพวกดุลบัญชีเดินสะพัด และขนาดทุนสำรอง เทียบกับหนี้ระยะสั้น
ส่วนอัตราดอกเบี้ยเป็นปลายทางจากมุมมองตัวเลขที่กล่าวก่อนหน้าที่ดูดีมากๆๆ เทียบกับประเทศต่างๆในโลกนี้ครับ
และที่เสนอไอเดียเรื่องให้ซื้อทอง ไม่ใช่ให้เกร็งกำไรราคาทองคำครับ
แต่มี 2 ประเด็นคือ
1 ผมเห็นประเทศใหญ่ในโลกหลายประเทศเริ่มกลับมาเพิ่มสัดส่วนทองคำ เป็นตะกร้าของทุนสำรองระหว่างประเทศของเขา
เช่น จีน รัสเซีย เยอรมัน
2. ในหลายช่วงที่ 4-5 ปีนี้ประเทศไทยส่งออกทองคำเฉียดแสนล้านจนถึง 200,000 ล้านบาทในปีปัจจุบัน และการส่งออกมาก็เป็นตัวกลางทำให้การได้ดุลการค้า และนั้นคือส่งผลต่อตัวเลขดุลบัญชีเดินสะพัด ยิ่งดูดีมากจนเกินความจำเป็นครับ
ซึ่งส่งผลให้ค่าเงินบาทในช่วง 5 ปีนี้แข็งขึ้นกว่า 18% ซึ่งการที่ค้าเงินบาทแข็งขนาดนี้ทำธุรกิจการส่งออกของไทยแข็งขันเขาไม่ได้ หรือจะตายและทำต่างชาติย้ายโรงงานหนีไปที่อื่นๆเยอะแล้วครับ ผมจึงพยายามบอกให้ลองไปซื้อทองคำเพื่อลดตัวเลขการได้ดุลการค้า ไม่ให้สูง
และตัวเลขดุลบัญชีเดินสะพัดได้ไม่ต้องดีเกินขนาด จนทำให้บาทแข็งขนาดนี้ครับ เพราะ ตัวเลขพวกนี้เราไม่ดูโดดเด่นแบบติดอันดันหนึ่งใน3 ถึง 5 ของโลกของตัวเลขที่บ่งชี้ความมั่นคงแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจขนาดนั้น
เพราะเอาจริงเราแข็งแกร่งจริงเหรอ คนในประเทศจำนวนไม่น้อยกำลังจะตกงานเพิ่ม หรือหลายธุรกิจความสามารถในการแข่งขันสู้เขาไม่ได้
สินค้าอุตสาหกรรม เรามีนวัตกรรมน้อยมาก นั้นคือ เราจะแข่งขันเขาไม่ได้ แต่ดันมาเงินบาทแข็งมากขนาดนี้ทำไม
เรานะหลอกตัวเองทำไม ในเมื่อเราไม่เข้มแข็งขนาดนั้น เราไม่ต้องสร้างตัวเลขให้ดูดีมากมายนักหรอกครับ นักธุรกิจจะตายกันหมด คนต้องขายของกินตายกันหมด เงินบาทแข็งมันดีกับคนรวยมีฐานะได้ซื้อของต่างประเทศราคาถูกเท่านั้นครับ
แต่ชาวบ้านต้องการให้ชาวต่างประเทศมาซื้อของครับ แต่บาทแข็งมากต่างชาติก็มีกำลังมาซื้อของคนไทยน้อยลง ทั้งจากการส่งออก และการมาจับจ่ายตรงจากท่องเที่ยวลดลงครับ
ส่วนเรื่องถ้าทำการซื้อทองคำในช่วงเวลาที่ผมบอกนั้นคือผลพลอยได้ที่ไม่ใช่เหตุผลหลักครับ แต่ถ้าบริหารแล้วไม่ขาดทุนก็ดีครับ
เพราะหลักการบริหารการบริหารเงินสำรอง ในมุมผมนอกจากรักษาเสถียรภาพของค่าเงินแล้ว การต้องทำให้ค่าเงินของประเทศเราอยู่ในระดับที่ทำให้ภาคธุรกิจในประเทศมีความสามารถมีความแข็งขันได้ดี และทำให้คนในประเทศทำมาหากินได้อย่างคล่องตัว (สำหรับเมืองไทยเศรษฐกิจขึ้นกับรายได้จากการท่องเที่ยวกว่า 1 ใน 3) ดังนั้นการมีค่าเงินไม่แข็งไปนักมันสำคัญมากครับ
ในมุมผมการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย บริหารทุนสำรองเงินระหว่างประเทศจนค่าเงินบาทแข็งขนาดนี้ผมว่าผิดพลาดอย่างแรงครับ
ไม่ใช่แค่ขาดทุนใน 5 ปีนี้กว่า 900,000 ล้านบาทนะครับ
แต่การที่ทำให้ภาคเอกชนต้องลำบากหรือไม่สามารถทำธุรกิจต่อไปได้จากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นขนาดนี้ต่างหากเป็นสิ่งที่ผิดพลาดอย่างรุนแรงที่สุด เพราะการภาคธุรกิจทำธุรกิจต่อไปไม่ได้สุดท้ายคนจะตกงานครับ นั้นต่างๆหากครับที่สำคัญ
ถ้าคิดว่าผมพูดผิดช่วยบอกด้วยนะ