ขอรีรันความเห้นเดิมของผมละกัน เพิ่งเขียนไปอาทิตย์ก่อน
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=73751.msg1296410#msg1296410ดูเหมือนว่า gigafac ที่จีน จะเป็นของตลาดจีนอย่างเดียวเลยนะครับ ไม่มีการส่งสัญญาณ คำพูด หรืออะไรใดๆเกี่ยวกับตลาดเอเชียอื่นๆเลย แม้แต่คำว่า พวงมาลัยขวา ก็ไม่มีหลุดมาเลย แถมโรงงานเพิ่งเริ่มเดินเครื่อง คงอีกนาน(เป็นปี)กว่าจะถึงจุดสูงสุดของกำลังการผลิต
ดังนั้น ยังมีความเป็นไปได้ว่า อาจจะมี gigafac อีกโรงนึงในจีน สำหรับพวงมาลัยขวา สำหรับตลาดเอเชีย (ที่สามารถใช้จีนเป็นฐาน หรือสามารถใช้สิทธิทางภาษีจากftaได้)
หรือก็ยังมีความเป็นไปได้อีกว่า เทสล่าอาจจะตั้งโรงงานในประเทศเอเชียอื่นนอกจากจีนก็ได้ แต่จะยังไม่ใช่เร็วๆนี้
ไหนจะเรื่องการสร้างecosystem ในประเทศที่จะไปขายอีก โชว์รูมอาจจะไม่เท่าไหร่ แต่หลังการขาย สถานีชาร์จ เทสล่าต้องลงทุนเป็นของตัวเอง หรืออาจจะร่วมมือกับบ.อื่น ทำecosystem แทนเทสล่า (ดูแลหลังการขาย ตั้งfast charge station ที่แรงพอๆกับของเทล่าเอง)
ยิ่งพอมาดูแบบนี้แล้ว ก็คงไม่ต่างจากที่แอปเปิ้ล ที่กว่าจะมาบุกตลาดบ้านเราเต็มตัว กี่ปี หรือแม้แต่กูเกิล ที่ต้องปล่อยให้บ.อื่นทำตลาดแทน (เช่นบ.มือถือจีน ทำecosystemแทน) ของไทยคงต้องระดับเจ้าสัวล่ะ ที่ควรจะหาทางจับมือกับเทสล่าเสนอตัวทำแทนในประเทศเรา ถึงพอจะมีความเป็นไปได้ที่จะดึงเทสล่ามาบ้านเราได้
ถ้ารอเทสล่ามาเอง คงต้องมองเป็นภูมิภาคอาเซียนมากกว่า (ซึ่งต้องดูว่าจะเลือกใช้จีน นำรถเข้ามาผ่าน FTAได้แค่ไหน) หรือมองไปยังการตั้งโรงงานระดับ gigafactory ผลิตรถพวงมาลัยขวาเป็นหลักส่งไปยังประเทศในภูมิภาคอาเซียนและใกลเคียงทั้งหมด ซึ่งอินโดดูจะมีภาษีดีกว่าไทยอยู่เยอะ ทั้งกำลังซื้อ ทั้งวัตถุดิบ
ผมว่า ปี 2025 ก็ยังไม่น่าจะเห็นเทสล่ามาขายในไทยในราคาที่ควรจะเป็นได้
มองแบบความเป้นจริง
1.เทสล่าจะมาไทยแบบอย่างเป็นทางการ ถ้าตามปกติ บ.แม่ต้องมาเอง (แบบค่ายมือถือ ซัมซุง แอปเปิล) หรืออย่างน้อย ต้องมีการตั้งดีลเลอร์ที่ดูแลเทสล่าในประเทศแทนได้ (เหมือนตลาดรถหรู)
2.สถานีชาร์จจะต้องเป็นไปตามมาตรฐานเทสล่า ซึ่งตอนนี้เป็นแบบ DC fast charge 150kw (กลางปี 2020นี้ จะไปถึง 250kw) โดยเทสล่าต้องมาลงทุนตั้งสถานีชาร์จเอง หรือมีบริษัทร่วมที่ทำหน้าที่นี้แทน ในไทน ณ ตอนนี้ ยังไม่มีแม้แต่เจ้าเดียวที่ทำได้ (ล่าสุดเป็นของ pea มั้ง ได้ราวๆ 90kw)
และยังมีปัญหาการจัดเก็บค่าไฟฟ้าจากการไฟฟ้า เพราะตอนนี้ การไฟฟ้าใช้วิ๊การกำหนดราคาเหมาเป็นรายเดือน เดือนละ 3หมื่นบาทต่อตู้(สำหรับ dc) เลยไม่มีเอกชนรายไหนกล้าที่จะเปิดตู้dc มีแต่ของภาครัฐที่เปิดเป็นการทดลอง ให้ใช้ฟรีแต่ความเร็วไม่ได้ตามมาตรฐาน(ไม่ได้ลงทุนแก้ระบบไฟหลักของตัวเองให้รองรับ) และเปิดเฉพาะในเวลาที่กำหนด มีจนท.คุม
3.ถ้าเทสล่าจะมา ต้องมาใน 2 ทาง คือนำเข้ามาจากจีน ผ่าน FTA แต่ก็ต้องไปดูว่า โรงงานที่จีน ทำเผื่อส่งออกประเทศอื่นไหม ทำพวงมาลัยขวาไหม
กับทางที่สอง คือ ตั้งโรงงานในไทย อันนี้น่าจะเลิกคิดไปเลยเพราะต้องแข่งกับอีกหลายประเทศที่พร้อมจะแย่งเทสล่าให้มาตั้งโรงงาน ไทยไม่ได้มีศักยภาพพอที่จะแข่งกับเขาได้เลย
4.ตอนนี้รัฐบาลเอื้อเฟื้อให้กับกลุ่มบริษัทที่ลงทุนทำโรงงานประกอบรถยนต์ในประเทศมาก่อนเป็นอันดับต้นๆ และยังมีรายได้หลักมาจากการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิง (ตกปีละ 2แสนล้านบาท หรือราวๆ20% ของภาษีที่จัดเก็บได้ทั้งประเทศ) ถ้าสมมตินะว่ารถน้ำมันหายไปในถนนเลยสัก 10% ของทั้งหมด เท่ากับการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงลดลงทันที 10% ก็จะจัดเก็บภาษีได้ลดลงทันที 2 หมื่นล้านบาท รัฐจะต้องหาแหล่งรายได้มาทดแทน ที่ขาดหายไป นี่แค่10%นะ ถ้ารถไฟฟ้ามี50% หรือ100% รัฐจะจัดเก็บภาษีจากส่วนไหนมาทดแทน ถึง2แสนล้านบาทต่อปี
ดังนั้น ยากเลยที่จะเห็นเทสล่ามาขายในไทยแบบเป็นทางการ ในราคาที่พอๆกับประเทศอื่นๆ