ฟลัชชิ่งออย จำเป็นไหม ควรทำทุกกี่กิโลเมตร หรือกี่ปี ครับ

Amaranthe

วันนี้ผมเอารถไปเช็คระยะ 150,000 กิโลมา ตั้งแต่ใช้บริการศูนย์นี้มา นี่เป็นครั้งแรกที่ จนท เพิ่มรายการฟลัชชิ่งออยมาด้วย ผมก็คิดว่า ตั้งแต่ใช้รถมาไม่เคยทำเลย และอีกอย่างคิดว่าศูนย์เค้าคงลูกค้าน้อยลง เลยหาทางเพิ่มรายได้สักนิดก็ยังดี ก็เลยตกลงทำไป

ที่ผมอยากถามเพื่อนสมาชิกก็คือ เราจำเป็นต้องใช้ฟลัชชิ่งออยไหมครับ แล้วใช้ทุกกี่กิโลเมตร หรือกี่ปี

ขอบคุณล่วงหน้าครับ



kez


 ไม่จำเป็น น้ำมันเครื่องแท้ ได้มาตาฐาน  เปลี่ยนตามระยะ เพียงพอแล้ว



alpha14

ถ้ารักรถมากๆรถราคาแพงผมว่าก็ควรทำนะ จะได้ขับสมูทดี สบายใจ ชิ้นส่วนภายในทำงานได้ดีขึ้น แต่ถ้าใช้รถแบบทั่วไปก็ไม่จำเป็น แค่เปลี่ยนถ่ายตามระยะก็พอเพียง น้ำมันส่วนที่ยังค้างอยู่ในระบบเยอะมากกว่าถ่ายออกอีก อย่างน้ำมันเกียร์ รถผมก็จะแสนสามละ ว่าจะไปฟรัชชิ่งเกียร์อยู่ จะได้สบายใจเวลาใช้งานหนักวิ่งตจว. ก็แล้วแต่ปัจจัยในกระเป๋า และความพอใจของแต่ละคนครับ



pladaek

ทำเพื่อความสบายใจน่ะได้
แต่ถ้าว่าจำเป็นไหม ผมว่าไม่..
ไม่ได้ขับรถเพื่อทำเวลาที่ดีที่สุด.. แต่ขับรถเพื่อเจอช่วงเวลาที่ดีที่สุด..



dht_tubes

ผมว่า การตลาดตรงนี้มันเริ่มมีคนสนใจเยอะเพราะเรื่องเกียร์อัตโนมัติ ที่พังกันบ่อยๆ จนเป็นที่หวาดกลัวของผู้ใช้รถ

การเซอร์วิสแบบ premium แทบทุกอย่าง เค้าก็โปรโมทข้อดีทั้งนั้น เจาะรถราคาสูง กำลังซื้อน่าจะสูง

ใช้วิธีเทียบกับราคารถ ความพรีเมี่ยมของรถนั้นๆ เพราะค่าใช้จ่ายมันสูง มีความไฮเทค ต้องใช้เครื่องมือเฉพาะ ราคาไม่ใช่ถูกๆ

สรุป มีเงิน รักรถ จะทำก็ทำได้ แต่สิ่งอื่นใด ก็ต้องมีการดูแลรถขั้นพื้นฐานที่ดีอยู่แล้วด้วยน่าจะดีกว่าครับ



I-PULSE

ถ้ารถราคาหลายล้านก็น่าทำ แต่ถ้ารถบ้านๆเน้นเปลี่ยนให้ถี่ขึ้นกว่าปกติ คือ 5 ปี ทำแบบว่าเปลี่ยนน้ำมันเครื่องทุกๆสองเดือนทำแบบนี้สักสามครั้งรวด



CarameLon

สำหรับรถเก่าเป็นสิบๆปีขึ้นไปค่อยจำเป็นครับ
เปลี่ยนน้ำมันตามระยะที่ศูนย์กำหนดเพียงพอแล้ว  8)
TOYOTA WISH SPORT 2.0>>>CRV-2.4L 4WD GEN3>>>TOYOTA Camry 2.4 2010>>>BMW 520 ตาเหยี่ยว>>>BMW X3 2011 >>>BMW 520D 2010 >>>BMW 525D ก่อน LCI >>>BMW 116i M-sport >>>BMW X1 2.0 S-drive 2016 >>>Mercedes GLA200 >>>Mercedes C Class C350e >>> BMW330e+BMWS1000R



Sakutaro

อารมณ์เหมือนการแปรงฟัน 8)
กับแปรงฟัน+น้ำยาบ้วนปาก
ถ้าเราแปรงดี ก็ไม่จำเป็นครับ
ปล.ผมไม่ได้กวนนะ :)



XMSL

ฟลัชเสร็จต้องมากังวลน้ำยาฟลัชอีกรอบมั้ยเนี่ย รถใหม่ขอตามขั้นตอนมาตรฐานให้ได้มาตรฐานน่าจะพอแล้ว...



akewizard

ในรถบางรุ่นที่ถ่ายน้ำมันเกียร์ของเดิมออกมาได้เกิน 80-90% ผมมองว่าไม่จำเป็นต้องฟลัชครับ

ส่วนตัวรถที่ผมใช้อยู่ถ่ายน้ำมันเกียร์ได้แค่ 50% ในแต่ละรอบ เพราะงั้นประมาณ 1.2 แสนกิโลผมจะสลับใช้วิธีเปิดอ่างเกียร์
ก็จะถ่ายของเดิมออกได้เยอะเกือบหมด แถบไม่เหลือน้ำมันเดิมที่เสื่อมสภาพ



bravo

ฟลัชเสร็จต้องมากังวลน้ำยาฟลัชอีกรอบมั้ยเนี่ย รถใหม่ขอตามขั้นตอนมาตรฐานให้ได้มาตรฐานน่าจะพอแล้ว...

เห็นด้วยครับ
ไม่ลากระยะ ถ่ายตามกำหนด เพียงพอแล้วครับ



punn

เวลาจะถ่ายน้ำมันเครื่อง ผมจะใช้วิธีนัดเวลาที่แน่นอน
วิ่งให้เครื่องร้อน พอไปถึงศูนย์ก็ไปขึ้นแท่นปล่อยน้ำมันเครื่องเก่าทันที ไม่จอดให้เครื่องเย็น
น้ำมันเครื่องเก่าก็จะออกมามากเท่าที่มากได้ น่าจะเพียงพอแล้วครับ

ฟลัชเสร็จต้องมากังวลน้ำยาฟลัชอีกรอบมั้ยเนี่ย รถใหม่ขอตามขั้นตอนมาตรฐานให้ได้มาตรฐานน่าจะพอแล้ว...

ผมว่าแบบนี้น่ากังวลกว่าจริงๆครับ พอทำฟลัชครั้งนี้
ครั้งต่อไปต้องเปลี่ยนให้เร็วขึ้นมากๆและไม่ต้องใส่น้ำยาฟลัชอีกครับ
เป็นคนโลกปกติธรรมดา :)
ไม่โลกสวย และไม่โลกมืด อยู่กับความเป็นจริงและพลังงานบวก ..

ปราชญ์สอนสิ่งไหน คนก็จะจำสิ่งนั้น
ประสบการณ์เจอแบบไหน คนก็จะคิดทางนั้น
ต่างคนต่างประสบการณ์เรียนรู้สิ่งเดียวกัน ก็จะออกมาแตกต่างกันไปครับ



Dubee

กรณีแรก ถ้าคุณเช็คระยะตรงเวลาตลอด ทุก 6 เดือน หรือทุก 10,000 โล (อาจมีบวกลบบ้างเดือนสองเดือนหรือไม่เกินพันโล)
แบบนี้ไม่จำเป็นต้องพึ่งฟรัชชิ่งครับ
กรณีที่สอง ถ้าคุณไม่ค่อยได้ใช้รถ แบบจอดทิ้งไว้สักปีสองปี แบบนี้ผมว่าว่าก็ยังไม่ต้องพึ่งน้ำยาฟรัชชิ่ง
กรณีสาม ถ้าคุณไม่ได้ใช้รถเกินกว่าสองปี หรือคุณซื้อรถมือสองมา แบบนี้ผมว่าควรพึ่งน้ำยาฟรัชชิ่ง

สูตรผมเป็นแบบนี้ครับ



POKKHET

เท่าที่อ่านๆมามันก็ไม่ได้จำเป็นอะไรนะครับ ยิ่งวิ่งแค่ 150,000 ผมว่ายิ่งยังไม่จำเป็น เปลี่ยน นมค ตามระยะก็พอ
ทำผิดวิธี มีปัญหาต่อซีลยางต่างๆด้วย (อ่านเจอมานะครับ ผมรู้ไม่จริง)



CNX

ถือว่าได้ช่วยอุดหนุนให้พนักงานบริการมีรายได้เพิ่มจากการขายผลิตภัณเสริมครับ
-น้ำยาล้างหัวฉีด
-ฟลัสชิ่ง
-หัวเชื้อน้ำมันเครื่อง
วิถีพอเพียง วิถียั่งยืน



Nismo

 เปลี่ยนถ่าย น้ำมันเครื่อง ตามรอบปกติ ก็ได้ครับ แต่เน้น ที่มี Phenate

ข้อมูล ของ คุณ JAE เคยให้คำแนะนำ
เมื่อ: เมษายน 23, 2017, 17:16:52 »

สารชะล้างเยอะ ต้องดูว่าหมายถึงสารชะล้างอะไร

Base oil group II เป็นตัวทำละลายที่ดีเวลาอุณหภูมิสูง ใช้ทำ Flushing Oil

Shell, Havolineทุกรุ่นใช้สารป้องการการก่อตัวของSLUDGE  สารเหล่านั้นจะอยู่ในกลุ่ม Phenate  ที่ทำหน้าที่ได้ดี

แต่ถ้าน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ ในตลาดยี่ห้อตลาดอื่นๆ มีสารชะล้างหลากหลายชนิด ในปริมาณที่เหมาะสมครับ

ถ้าเน้นชะล้าง ไม่ได้ใช้Shell,Havoline ก็ใช้น้ำมันเครื่อง ธรรมดาแล้วถ่ายเร็วครับ
1NZ-FE(เครื่อง) หรือ U340E(เกียร์) ใครจะทนกว่ากัน หนอ!!!



CNX

เปลี่ยนถ่าย น้ำมันเครื่อง ตามรอบปกติ ก็ได้ครับ แต่เน้น ที่มี Phenate

ข้อมูล ของ คุณ JAE เคยให้คำแนะนำ
เมื่อ: เมษายน 23, 2017, 17:16:52 »

สารชะล้างเยอะ ต้องดูว่าหมายถึงสารชะล้างอะไร

Base oil group II เป็นตัวทำละลายที่ดีเวลาอุณหภูมิสูง ใช้ทำ Flushing Oil

Shell, Havolineทุกรุ่นใช้สารป้องการการก่อตัวของSLUDGE  สารเหล่านั้นจะอยู่ในกลุ่ม Phenate  ที่ทำหน้าที่ได้ดี

แต่ถ้าน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ ในตลาดยี่ห้อตลาดอื่นๆ มีสารชะล้างหลากหลายชนิด ในปริมาณที่เหมาะสมครับ

ถ้าเน้นชะล้าง ไม่ได้ใช้Shell,Havoline ก็ใช้น้ำมันเครื่อง ธรรมดาแล้วถ่ายเร็วครับ

ขอบคุณครับ ได้ความรู้เพิ่มครับ
ทั้งจากคุณJaeเช่นกัน ความรู้ดีดีครับ
วิถีพอเพียง วิถียั่งยืน



kabokaboh

ถ้าอยาก จะ flush

ลองเอาน้ำมันเบอร์ 20 flush เอา ถูกและดี

โดยการ ถ่ายของเก่าออก ไม่ต้องถอดกรอง

ใส่ เบอร์  20 เข้าไป สตาร์ท ทิ้งไว้สักพัก

แล้วถ่ายออก ใส่น้ำมันเครื่องที่ต้องการ พร้อมเปลี่ยนกรอง

คุณจะได้ น้ำมัน ที่ใส กริ้งๆ สะอาดสุดใจ

ปล แต่ทำไปก็เท่านั้นหล่ะ สักพัก ก็สกปรกเหมือนเดิม



U9WS

เบนซินไม่ค่อยจำเป็น ผมทำหลักใกล้แสนโลครั้ง
ดีเซลผมทุก 4-5หมื่นโล
(ปกติใช้นมค.สั้งเคาะห์ไม่เกิน 7-8พันโล 2-3เดือนเปลี่ยน)

ผมเรื่องมากนิดนึ่งหลังฟรัช ผมจะใช้น้ำมันเครื่องถูกๆแบบแกลอนละ 2-3ร้อย (บางจาก 5w30 10w40 ลดบ่อยๆ)​ และกรองนมค.ลูกละ50บาท วิ่งไม่กี่ร้อยโล แล้วถ่ายออกเปลี่ยนเป็นนมค.สังเคาะห์และกรองเกรดดีปกติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 14, 2020, 23:04:32 โดย U9WS »



Tien.W

เคยใช้ สมัย 20 กว่าปีก่อน มันก็ดีขึ้นนะ ใช้กับรถแสนกว่ากม. เสียงเครื่องเงียบขึ้น วิ่งดีขึ้น

แต่หลังจากนั้น ก็ไม่เคยใช้อีกเลย รถที่บ้าน 3 คัน 3 แสน / 2 แสน / แสนสี่ ไม่เคยใช้เลย ใช้แต่สังเคราะห์ดีๆ ถ่ายตามระยะ ก็ไม่รู้สึกว่า กำลังตก หรือ มีเสียงดังอะไรครับ



prakob.p

เมื่อใช้รถมานานแล้ว และเปลี่ยนถ่าย นมก ตามระยะอยู่แล้ว
ผมว่า เปลี่ยนกรองเกียร์ น่าจะช่วยใด้ด้วยนะครับ
ผมเปลี่ยน กรองเกียร์ ตอนใช้ไป สองแสนกิโล ใส้กรองเป็นกระดาษ
มองด้วยตาแล้ว ผมว่ามันหมดสภาพแล้ว

หลังเปลี่ยน แน่นอนมันดีขึ้น แต่อาจมาจากที่การถ่าย นมก พร้อมกันด้วยก็ใด้




mongolias

ผมเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามระยะ ใช้น้ำมันเครื่องเกรดสังเคราะห์ ไม่เห็นความจำเป็นต้องทำเลยครับ



#อินเดียหน้าโจร

ไม่จำเป็น เพราะน้ำมันเครื่อง api-sn ผสมสารทำความสะอาดมาอยู่แล้ว (แต่ละยี่ห้อผสมมากน้อย ทั้งปริมาณและจำนวนชนิด ไม่เท่ากัน) แต่ถ้าทำได้ก็ดีกว่าไม่ทำครับ แต่ไม่ต้องทำบ่อย แสนโล หรือ 3 ปี ทำครั้งนึงก็ได้ครับ

ผมเพิ่งฟลัชมาเมื่อ รอบก่อนถ่ายน้ำมันเครื่องรอบล่าสุด เป็นการฟลัชครั้งแรก หลังจากวางเครื่องตัวนี้มาแล้วใช้มาแสนกว่ากิโล กับ 3 ปีกว่าๆครับ ซึ่งตอนฟลัชน้ำมันช่วงสุดท้ายที่ฟลัชออกดำปิ๊ดปี๋กว่าการถ่ายปกติครับ แต่บอกไม่ได้เต็มปากว่ามันดีจริงแค่ไหน เพราะว่าไม่ได้ใช้น้ำมันเครื่องตัวเดิมครับ มันก็เครื่องเงียบและลื่นขึ้น แต่ไม่รู้มาจากน้ำมันเครื่อง หรือมาจากเพราะฟลัช หรือสองอย่างผสมกัน
Altis 1.6 AT 2004 (Swap 2zz-ge 6MT)
Mazda 1.3 Sky



DiKiBoyZ

ฟลัชชิ่ง ส่วนมากเขาคุยกันที่ เกียร์ ไปส่วนใหญ่

น้ำมันเครื่อง หรือ น้ำมันเกียร์ MT แค่เปิดก๊อก มันก็ไหลออกเป็นน้ำตก ไหลออกแทบหมดแล้ว 90-95% แล้ว ถ้าจะให้สะอาดสุดๆ ก็เปิดอ่าง ล้างคราบขี้โคลนหน่อยก็ยิ่งสะอาด และ ติดอยู่กรองน้ำมันเครื่องอีกนิดหน่อย ถ้าเปลี่ยนพร้อมกันก็ออกแทบหมดแล้ว

แต่กลุ่มเกียร์ AT มันมีท่อทาง ร่องเล็ก ร่องน้อย สมองเกียร์ และ อื่นๆ เยอะมาก ทำให้เวลาถ่ายน้ำมันเกียร์ แล้วน้ำมันเกียร์เก่าออกจากระบบไม่หมด ได้ 60-70% เช่น น้ำมันเกียร์ 10 ลิตร ถ่ายออกได้แค่ 6-7 ลิตร เป็นต้น

ถามว่าจำเป็นไหม ผมมองว่าไม่จำเป็นเลย ถ้าเปลี่ยนตามรอบ เช่น 30,000-50,000 โล ควรเปลี่ยนน้ำมันเกียร์สักครั้ง ต่อให้พวกที่บอก Lifetime ก็เหอะ ก็ต้องเปลี่ยนนะ พวก Lifetime พังในประกันก็เยอะ พังหลังประกันก็เยอะ

แต่ถ้าน้ำมันเครื่องยนต์ ไม่ต้องฟรัชใดๆ ทั้งสิ้น เปลี่ยนถ่ายตามระยะ 8,000 หรือ 10,000 หรือ 15,000 โล ก็ว่าไป ขอแค่เกรดน้ำมัน(API/SAE)ตามที่เขาระบุ และ ที่สำคัญ "ของแท้" ก็พอแล้ว




Nismo

 พึ่ง นึกขึ้นมาได้ การ ฟลัชชิ่งเครื่องยนต์ มันจะทำให้ คราบ วานิช หลุดออกมาด้วยหรือเปล่า ???
1NZ-FE(เครื่อง) หรือ U340E(เกียร์) ใครจะทนกว่ากัน หนอ!!!



babyantz

ทั้งเครื่องทั้งเกียร์ ไม่จำเป็นและไม่ควรทำ ให้เปลี่ยนถ่ายน้ำมัน,กรองเครื่องและเกียร์ตามระยะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 18, 2020, 04:48:31 โดย babyantz »



Amaranthe

ขอบคุณทุกท่านมากครับ



shikimaru

หาความจำเป็นไม่เจอครับ ถ้าเราถ่ายน้ำมันเครื่องได้ตามระยะตลอดอยู่แล้ว กับใช้น้ำมันเครื่องที่เกรดกลางๆขึ้นไปมันก็พอ

ผมไปนั่งดูช่างแถวบ้านที่สนิทกันรื้อเครื่องซ่อมประจำรถ 4-5 แสน เกือบสล้านก็มี เครื่องใส แต่หลวมเพราะใช้งานหนักซะมากกว่า พวกนี้ได้รอบแล้วต้องถ่าย ที่เจอเป็นคราบดำๆส่วนมากลากน้ำมันเครื่อง ไม่ถ่าย ลืมบ้าง แสนกว่าก็เละเทะแล้วข้างใน มีแต่คราบ รถที่บ้านผมหลายๆคัน 2-3แสน+ทั้งหมด ลองเปิดแง้มๆพวกวาวล์ดูก็ใสหมดนะ