บ้านผมมีทั้ง 3.2AT 4WD กลางปี 2012 แต่เป็นมาสด้านะครับ และ Duramax 2.8AT 4WD ต้นปี 2013
ปัญหาที่เคยพบ
Mazda
1.โช้คหน้าขวารั่ว >>> (เคลมประกันศูนย์จบ)
2.ซีลคอหลังรั่ว >>> (เคลมประกันศูนย์จบ)
3.ท่อยางหม้อน้ำปริ ช่างศูนย์เจอตอนเอารถไปเช็คระยะหลังหมดประกัน >>> จ่ายเอง รออะไหล่ประมาณ 1 สัปดาห์ครับ
4.กลอนประตู ยังไม่มีปัญหา แต่ศูนย์โทรมาให้เข้าไปเคลมฟรี (ขนาดหมดประกันไปแล้วนะ)
5.ไฟเรือนไมล์บางหลอดไม่ติด บางหลอดกะพริบ >>> เข้าร้านอิเล็ก ถอดเรือนไมล์ให้ช่างบัดกรีเปลี่ยนหลอด LED ใหม่
ส่วนหัวฉีด 3.2 ไม่เจอปัญหาสนิมแบบ 2.2 นะครับ
ปัจจุบันเลขไมล์ 13X,XXX กม. ยังใช้งานได้ปกติ
Colorado
1.ซีลเดือยหมู >>> (เคลมประกันศูนย์จบ)
2.บูชยางหัวโช้คและยางเบ้าโช้คหน้า >>> (เคลมประกันศูนย์จบ)
3.เหล็กกันโคลงหน้าพร้อมบูชยาง >>> (เคลมประกันศูนย์จบ)
4.คอยล์เย็นรั่ว >>> เข้าอู่ ซ่อมจบ
5.พัดลมโบลเวอร์แอร์ + รีซิสเตอร์ >>> ซื้ออะไหล่จากศูนย์อีซูซุมาเปลี่ยนเอง
ปัจจุบันเลขไมล์ 15X,XXX กม. ยังใช้งานได้ปกติ (รายการ 4 พึ่งเป็นเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา, รายการ 5 ต้นเดือนที่แล้ว)
การเซอร์วิส (ตามคู่มือรถ)
มาสด้าเช็คระยะทุก 1 หมื่นโล แต่เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ทุกๆ 2 หมื่นโล
โคโลราโด้เช็คระยะและเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทุก 2 หมื่นโล
การขับขี่ (ความรู้สึกส่วนตัวล้วนๆ)
- เสียงเครื่องยนต์มาสด้าเงียบกว่า ทั้งที่มี 5 สูบ
- ช่วงล่าง(ของเดิมติดรถ) มาสด้าเฟิร์มกว่า เห็นชัดมากตอนเข้าโค้ง คือตัวรถจะยวบลงไปน้อยกว่า แรงเหวี่ยงน้อยกว่า จั๊มคอสะพาน/ความเร็วสูง/โยกเปลี่ยนเลนนิ่งกว่า และทางขรุขระรู้สึกว่านุ่มกว่า(คุณพ่อผมก็คิดเห็นแบบเดียวกัน) แต่บางครั้งเวลาวิ่งทางไม่เรียบเช่นถนนลาดยางแบบปะผุ มาสด้ามีอาการสะบัดนิดๆ แต่โคโลไม่เป็น
- จังหวะเร่งแซง (โดยเฉพาะถนนเลนสวน) รู้สึกเครื่องและเกียร์ของมาสด้าจะตอบสนองดีกว่า กระฉับกระเฉงกว่า ทั้งครึ่งคันเร่งและมิดด้าม ส่วนเจ้าโด้ถ้ากดมิดด้ามเลยมันเหมือนขอเวลาคิดก่อนแล้วค่อยพุ่ง แต่ถ้ากดแบบครึ่งคันเร่งไม่เป็น
- เกียร์มาสด้าตอนลงเขาฉลาดกว่าเชฟ ถ้าคาเกียร์ D แล้วมีแตะะเบรก มันจะเชนเกียร์ลงต่ำให้อัตโนมัติเพื่อใช้เอนจิ้นเบรก แต่ถ้ารู้สึกหน่วงไม่พอก็สับเอง และจะหน่วงความเร็วลงได้ดีกว่าของเชฟ รายนั้นต้องสับเองเท่านั้นไม่เปลี่ยนเกียร์ลงต่ำให้ แถมบางจังหวะตอนลงเขา(ถ้าคาเกียร์ D) ยังเปลี่ยนเป็นเกียร์ที่สูงขึ้นให้อีก ต้องระมัดระวังตรงนี้ครับ และถึงสับเองก็รู้สึกว่าเอนจิ้นหน่วงไม่เท่ามาสด้า
- การใช้งานในเมือง(เกียร์ D) เชฟสมูธกว่า ไม่ลากเกียร์ แต่จะไปลากเอาเกียร์สุดท้าย ซึ่งกว่าระบบจะตัดเข้าเกียร์ 6 ได้ ต้องใช้ความเร็วที่ 93 Km/h ซึ่งกลับกันกับทางมาสด้าที่ใช้งานในเมืองนี่เกียร์ไม่ค่อยสมูธ จะลากเกียร์ 2 กับ 3 แต่เกียร์สูงๆนี่ตัดไวมาก ความเร็ว 70 กว่าๆ ก็ตัดเข้าเกียร์ 6 ให้ละ และรอบเครื่องยนต์ที่ความเร็วเดินทางปกติ (100 Km/h) ของเชฟจะต่ำกว่าครับ
- แป้นเบรก ของมาสด้านุ่ม เชฟแข็ง ระยะฟรีแป้นเชฟเยอะกว่า ถ้าเหยียบลงไประยะเดียวกันมาสด้ามีหัวทิ่มละ แต่ทว่าพอ Full brake จริงๆ ผมกลับรู้สึกว่าเบรกเชฟไว้ใจได้มากกว่า คือรู้สึกมันหน่วงจาก 100-0 ได้เร็วกว่าอ่ะครับ ในขณะที่มาสด้ายังรู้สักว่ารถยังไหลไปข้างหน้าได้มากกว่า ไม่หน่วงแบบดูดลงวูบเหมือนของเชฟ
- เรือนไมล์เชฟ จอกลางเป็นความเร็วดิจิตอล รวมทั้งพวกโวลท์แบตเตอรี่และอุณหภูมิน้ำมันเกียร์หรือลูกเล่นอื่นๆก็ดูได้จากจอนี้เลย แต่ของมาสด้า ต้องไปกดในเมนูลับในชุดเครื่องเสียง
- Cruise Control มีให้ทั้งคู่ แต่การทำงานต่างกันอยู่ อย่างตอนขึ้นสะพาน/ลอดอุโมง จังหวะขึ้นของมาสด้าเครื่องจะเร่งให้เลยโดยไม่เชนเกียร์ แต่ของเชฟจะรอให้ความเร็วตกนิดๆแล้วจะเปลี่ยนเกียร์ลง จากนั้นถึงจะเร่งขึ้นมห้ แถมบางทียังเร่งแบบเวอร์เกินความจำเป็น ส่วนจังหวะลงมาสต้าจะหน่วงให้เยอะกว่าเชฟ
- เครื่องเสียงมาสด้าเบสหนักกว่า แต่ของเชฟเสียงใสกว่า และที่สำคัญมาสด้ามีป้าฝรั่ง(Voice Control) มาให้ด้วย ซึ่งเดาว่าน่าจะเป็นอันเดียวกันกับที่อยู่ในเฟียสต้า เพราะเหมือนกันเป๊ะ
- กระจกมองข้างของมาสด้าใหญ่กว่า แต่มองเห็นมุมได้แคบกว่า ทว่าของเชฟถึงแม้เล็กกว่า แต่มองเห็นมุมด้านข้างได้กว้างกว่า
อัตราบริโภคน้ำมัน
- เชฟประหยัดกว่าประมาณ 1-2 โล/ลิตรครับ
ตอบคำถาม จขกท.
1.อนาคตอะไหล่ทั้ง 2 ตัว ผมว่ายังมีอยู่ และเชฟเหมือนได้เปรียบนิดๆ เพราะแชร์พาร์ทจากอีซูซุได้ และที่สำคัญราคาถูกกว่ามาสด้า ส่วนอู่ซ่อมฟอร์ดที่รู้จัก มีแค่ต้นเซอร์วิส ราชบุรี เพราะรู้จักกันตั้งแต่สมัยขับเฟียสต้า
2.เครื่อง 3.2 คันที่บ้าน ยังไม่มีปัญหาท่ออินเตอร์แตก
3.เครื่อง+เกียร์ คันที่บ้านก็ยังไม่มีปัญหา (เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทุก 2 หมื่นโล น้ำมันเกียร์ทุก 8 หมื่นโล)
4.อะไหล่เชฟยังมี กรณีไม่เบิกศูนย์ ลองเข้าเว็บ ACDelco ดูครับ จะมีร้านขายอะไหล่/อู่ซ่อมในเครืออยู่ ส่วนตัวผมเคยสั่งพวกของเหลวจาก GP.Autopart ก็โอดีนะครับ