เป็นกระทู้ที่ผมต้องเข้ามาตอบในคอมเลย เป็นคำถามที่ตอนแรกผมก็คิดเหมือน จขกท แต่พอได้ศึกษาเรื่องราวมากขึ้น ก็ทำให้ความคิดผมเปลี่ยนไป ต้องบอกว่าต่อจากนี้ไป รูปแบบของอุตสาหกรรมไฟฟ้าจะเปลี่ยนไปอย่างมาก แนวโน้มกำลังการผลิตไฟฟ้าจะล้นแบบนี้ไปอีกนานครับ ต่อให้มีรถ EV เพิ่มขึ้นเป็นล้านคัน ซึ่งผมเคยลองคำนวณไว้คร่าวๆ ว่า กำลังผลิตจะต้องเพิ่มอีกสัก 10,000 MW กำลังการผลิตสำรองก็ยังเพียงพออยู่ครับ ต้องขอเล่าเป็นข้อ ๆ ดังนี้ครับ
1. ปัจจุบันการผลิตไฟฟ้ายังใช้รูปแบบ Single Buyer คือ กฟผ. เป็นผู้รับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าเอกชน และขายต่อให้ กฟน กฟภ มายังผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทต่าง ๆ แต่แนวโน้มในอนาคต ผู้ผลิตไฟฟ้ารายย่อย ๆ จะเพิ่มมากขึ้น เช่น โรงไฟฟ้าชุมชน, อาคารหรือที่อยู่อาศัยที่ติด Solar ซึ่งก็จะกลายเป็น Prosumer คือ ทั้งซี้อไฟและผลิตไฟรวมถึงขายไฟ ตามการใช้งานของตนเองด้วย จะทำให้การผลิตไฟฟ้าจะกลายเป็นตลาดเสรีมากขึ้น จะมีการทำสัญญาซื้อขายไฟ โดยไม่ผ่านการไฟฟ้ามากขึ้น แถมยังมีแนวคิดที่จะให้ รถ EV สามารถขายไฟกลับเข้าในระบบ ในลักษณะเป็น Energy Storage ได้อีกด้วยครับ
2. ระบบสายส่ง จะมีการพัฒนาโครงข่าย Smart Grid รวมถึงจะมีการกำหนดให้มีการซื้อขายไฟฟ้าระหว่างประเทศได้ ซึ่งเป็นการเสริมความมั่นคงได้กรณีกำลังผลิตไฟฟ้าในประเทศไม่เพียงพอครับ และยังรองรับการซื้อขายไฟกันเองระหว่างกลุ่ม เช่น บ้านแต่ละหลังซื้อขายไฟกันเอง โดยต้องเสียค่าส่งไฟฟ้าผ่านสายส่ง ของการไฟฟ้า แต่ลักษณะนี้ น่าจะต้องทดลองเป็นบางพื้นที่ก่อนครับ
3. อัตราค่าไฟฟ้า ซึ่งเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก โดยอัตราค่าไฟฟ้า ตามหลักการแล้วราคาที่เหมาะสมที่สุด คือ ราคาที่เท่ากับ Marginal Cost ของการผลิตไฟฟ้าพอดี แต่ในทางปฏิบัติแล้วจะทำได้ยาก เพราะต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจะขึ้นอยู่กับประเภทของเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้าด้วย ซึ่งก็จะมาจากแผน PDP นั่นเอง ในช่วงนี้ที่การใช้ไฟฟ้าลดลงมากทำให้ต้นทุนคงที่ ที่คิดเฉลี่ยต่อหน่วยไฟฟ้าไว้แล้วมีความผิดพลาด คือ หน่วยไฟฟ้าที่มาหารลดลงทำให้มีโอกาสที่ผู้ใช้ไฟฟ้าจะต้องแบกรับภาระค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้น และตอนนี้มีผู้ใช้ไฟฟ้าบางส่วนที่ไปซื้อไฟนอกรูปแบบ Single Buyer เช่น โรงงานที่ซื้อไฟจากผู้ผลิตไฟฟ้าที่มาลงทุนติดตั้ง Solar บนหลังคาโรงงาน เพราะได้ราคาถูกกว่าซื้อจากการไฟฟ้า ซึ่งก็ถูกกว่าจริง ๆ ครับ แต่ต้องบอกว่าอาจจะเข้าข่ายเลี่ยงกฎหมาย พ.ร.บ.ประกอบกิจการพลังงานนะ โดยปกติแล้วโรงไฟฟ้าจะต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มส่วนหนึ่งตามมาตรา 97 เพื่อลดผลกระทบให้กับชุมชนที่อยู่รอบโรงไฟฟ้า ตรงนี้พอ กฟผ. รับซื้อไฟมาก็ต้องบวกต้นทุนส่วนนี้ให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าในระบบทั้งหมดด้วย รวมถึง ต้นทุนเพิ่มจากนโยบายรัฐ เช่น ไฟฟ้าฟรี 50 หน่วย, ไฟฟ้าถนนทางหลวง, ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่รัฐบาลรับซื้อ ฯลฯ ก็จะถูกรวมอยู่ในค่าไฟฟ้าด้วย ฉะนั้นต่อไป อัตราค่าไฟฟ้าคงต้องมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงและให้เกิดการแข่งขันอย่างเป็นธรรมมากขึ้นครับ