ผู้เขียน หัวข้อ: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ  (อ่าน 10130 ครั้ง)

ออฟไลน์ I'm Ti

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 567
  • Honda Civic FD
    • รับทำภาพ 3D Perspective
Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
« ตอบกลับ #30 เมื่อ: เมษายน 01, 2021, 10:55:45 »
ประโยช์ของไฟ DRL คือ ให้คนที่ขับสวนมองเห็นรถได้ไกลขึ้นครับ

ออฟไลน์ ThisIsYuTh

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 283
Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
« ตอบกลับ #31 เมื่อ: เมษายน 01, 2021, 10:57:21 »
ผมว่าเจ้าของกระทู้น่าจะมีปัญหาสายตานะครับ DRL นี่ไม่แสบตาเลยสักนิด
2020 - Mazda CX-5 2.5T (KF)
2016 - Subaru XV (GP)
2013 - Mitsubishi Pajero Sport (KG)
2010 - Honda Civic (FD)
2006 - BMW 3 Series (E36)

ออฟไลน์ NoName__???

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,133
Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
« ตอบกลับ #32 เมื่อ: เมษายน 01, 2021, 11:22:31 »
ไม่แสบตาเลย มีประโยชน์ตอนกลางวันแสงจ้าๆด้วยซ้ำ มันเด่นทำให้รถที่ขับแช่ๆ จะสังเกตเห็นและหลบทางให้

ออฟไลน์ PaPaMan

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,179
Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
« ตอบกลับ #33 เมื่อ: เมษายน 01, 2021, 11:24:18 »
กลางวันไม่แสบตาครับ กลับทำให้สังเกตุรถจากกระจกหลังได้ง่ายขึ้น ทำนองเดียวกับรถมอไซค์ที่เปิดไฟหน้าไว้ตอนกลางวันจะสังเกตุเห็นได้ง่ายขึ้น


กลับกัน พวกที่ตกกลางคืนแล้วไม่ยอมเปิดไฟหน้ารถปล่อยให้ไฟ drl ยังคงติดสว่างอยู่ พวกนี้จะแยงตารถคันอื่นมากครับ เพราะแสงไฟ drl มันฟุ้ง (แถมไฟท้ายก็ไม่ติดอีก ก็เพราะไม่เปิดไฟหน้านั่นแหละ) ยี่ห้อที่เห็นบ่อยๆก็พวกฮอนด้า เข้าใจว่าอาจจะไม่มีระบบไฟหน้าออโต้ หรือมีแล้วเจ้าของรถไม่ยอมเปิดใช้ แล้วก็ขับรถแบบไม่สนใจคนรอบข้างอะไรงี้

ออฟไลน์ newfaceman

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 76
Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
« ตอบกลับ #34 เมื่อ: เมษายน 01, 2021, 11:26:19 »
ไม่แสบครับ ถ้าแสบตาแสดงว่าตามีปัญหา

ออฟไลน์ alpha14

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,109
Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
« ตอบกลับ #35 เมื่อ: เมษายน 01, 2021, 11:52:38 »
หงุดหงิดทุกครั้งเวลาเจอแสงแบบนี้ ออกตจว.เลนสวนนี่มากันเป็แถว  ฝากบอกไปยังค่ายรถต่างๆด้วยโดนเฉพาะฮอนด้านี่แสบกว่าตัวอื่น  >:(ลดความแรงลงบ้างกะได้นะ :-\ จะได้ลดต้นทุนการผลิตได้อีกหลายสตางค์ ผมนึกว่าผมรู้สึกไปคนเดียว :'(

ออฟไลน์ CHANOM

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,090
Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
« ตอบกลับ #36 เมื่อ: เมษายน 01, 2021, 12:37:04 »
เราไม่ชอบไฟ DRL ที่เป็นเส้นยาวๆ ของ Honda เท่าไหร่เลยค่ะ
อย่างของ HRV ที่ใช้อยู่นี้ เรายังชอบของตัวก่อน MC ที่เป็นเม็ดเรียงกันหลายๆอันมากกว่า
อีกข้อที่รำคาญคือ เข้าเกียร์ P แล้วไฟก็ยังติดอยู่ บางทีก็อยากจะนั่งในรถเฉยๆ ไม่ให้ใครสนใจ

ตอนกลางคืนก็ดูสว่างเว่อร์กว่าของค่ายอื่นๆ ให้คนในบ้านเอารถไปใช้ทีไร ลืมเปิดไฟกันทุกทีเลยค่ะ ^^"
In My Garage
2007 MB A180 CDI W169
2007 MB C220 CDI W203
2021 Mazda CX3 Comfort
2023 Honda Civic E-Hev RS

Sold
2016 Mazda 2 Skyactiv-D High Connect
2019 Honda HRV EL
2021 Subaru Forester IS-Eyesight

ออฟไลน์ Tae_Gunner

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 142
Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
« ตอบกลับ #37 เมื่อ: เมษายน 01, 2021, 12:41:57 »
ประเด็นน่าสนใจนะ DRL ผมเห็นด้วยมันทำให้เห็นรถชัดขึ้นตอนกลางวัน แต่วผมอยากตั้งคำถามชวนคุยว่า
จริงๆแล้วมันต้องเป็น DRL รึเปล่า ถ้าเปิดไฟใหญ่เลยเนี่ยมันก็น่าจะเห็นชัดรึเปล่า เหมือนสมัยเก่ามันไม่มี DRL แล้วก็มีกฏให้มอเตอร์ไซด์ก็เปิดไฟใหญ่กัน
คิดว่ายังไงกันบ้างครับ ว่าไฟใหญ่ปกติมันเห็นรึเปล่าและผมว่าไม่แยงตาด้วย

ส่วน DRL แยงตาเนี่ยผมว่าเป็นรุ่นๆไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 01, 2021, 13:50:38 โดย Tae_Gunner »

ออฟไลน์ Ruksadindan

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,041
Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
« ตอบกลับ #38 เมื่อ: เมษายน 01, 2021, 12:55:07 »
Daytime Running Light หรือ DRL มันไม่ควรมีในประเทศไทยเลยด้วยซ้ำ มันบังคับใช้อยู่ในประเทศที่สภาพอากาศแล้วร้าย กลาางวันสั้นในหน้าหนาวอย่างกลุ่ม Scandinavia, Iceland, Canada รวมไปถึงบาวรัฐในสหรัฐอเมริกา ในประเทศไทยไฟชนิดนี้ไม่จำเป็นเลยซักนิด

ที่มันบ้าจี้มาติดกันเป็นบ้าเป็นหลังก็เพราะมีรถยุโรปนำเข้ามีไฟนี้ติดมาด้วย พอคนอื่นเห็นเลยอยากเลียนแบบบ้างสุดท้ายกลายเป็นแฟชั่นอยากมี DRL เหมือนคนมีรถยุโรปไปจนค่ายรถในไทยต้องใส่เข้ามาเพิ่มมูลค่าด้วย

ขออนุญาตเห็นแย้งครับ ผมว่าโคตรจำเป็นเลยไฟเดย์ไลท์เนี่ย คุณลองไปขับรถแบบสวนเลนต่างจังหวัด ไฟเดย์ไลท์มีประโยชน์มากเลยครับเห็นรถที่สวนมามาแต่ไกลเลย
เห็นด้วยครับ ลองคุณขับรถเข้าหาตะวันแบบย้อนแสงตรงๆ ในถนนสวนเลน คุณจะมองเห็นรถที่สวนมาค่อนข้างไม่ชัดเลยนะ เราจะเห็นมันจะเหมือนเป็นวัตถุดำๆตะคุ่มๆ ตรงนี้ DRL ช่วยให้สังเกตุรถได้เยอะมากๆ มันปลอดภัยครับ อีกตัวอย่างนึงคือขับผ่านเขาคดเคี้ยวที่มีต้นไม้สูงข้างทาง มันจะมืดทึบมองไกลแทบไม่เห็นว่ามีรถวิ่งสวนมาโดยเฉพาะรถสีดำนี่แทบไม่เห็นเลยนะครับ เพราะฉะนั้น DRL มีดีกว่าไม่มีครับ

ยิ่งแดดแรง ยิ่งเหมาะ ต้องมี ครับ
ซึ่งการออกแบบของมันก็น่าจะมีเกณฑ์ มาตรฐานไว้อย่างเหมาะสมแล้วครับ

ออฟไลน์ madboy

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,345
    • อีเมล์
Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
« ตอบกลับ #39 เมื่อ: เมษายน 01, 2021, 13:04:00 »
ไม่เป็นอะไรครับ ไม่าแสบตาโดยเฉพาะกลางวัน แดดแรง

แต่ถ้ายามแสงน้อยแล้วไม่หรี่ DRL ก็แสบตาเป็นปกติครับ

ออฟไลน์ a@s

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 344
Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
« ตอบกลับ #40 เมื่อ: เมษายน 01, 2021, 13:26:09 »
มี drl ผมว่าดีนะแค่เราอย่าไปเพ่งมัน แต่จะให้ดีบางยี้ห้อ เวลาเปิดไฟหรี่ หรือไฟหน้า ไฟ drl ควรจะดับไปเลย และเปิดไฟเลี้ยวควรจะดับด้วย

ออฟไลน์ sm1

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 57
Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
« ตอบกลับ #41 เมื่อ: เมษายน 01, 2021, 14:00:09 »
Daytime Running Light หรือ DRL มันไม่ควรมีในประเทศไทยเลยด้วยซ้ำ มันบังคับใช้อยู่ในประเทศที่สภาพอากาศแล้วร้าย กลาางวันสั้นในหน้าหนาวอย่างกลุ่ม Scandinavia, Iceland, Canada รวมไปถึงบาวรัฐในสหรัฐอเมริกา ในประเทศไทยไฟชนิดนี้ไม่จำเป็นเลยซักนิด

ที่มันบ้าจี้มาติดกันเป็นบ้าเป็นหลังก็เพราะมีรถยุโรปนำเข้ามีไฟนี้ติดมาด้วย พอคนอื่นเห็นเลยอยากเลียนแบบบ้างสุดท้ายกลายเป็นแฟชั่นอยากมี DRL เหมือนคนมีรถยุโรปไปจนค่ายรถในไทยต้องใส่เข้ามาเพิ่มมูลค่าด้วย

ขออนุญาตเห็นแย้งครับ ผมว่าโคตรจำเป็นเลยไฟเดย์ไลท์เนี่ย คุณลองไปขับรถแบบสวนเลนต่างจังหวัด ไฟเดย์ไลท์มีประโยชน์มากเลยครับเห็นรถที่สวนมามาแต่ไกลเลย

เห็นด้วยครับ DRL เหมาะกับเมืองไทยมาก ๆ เวลาผมขับรถบนถนนระหว่างจังหวัดที่เป็นถนนสองเลนสวนกัน เวลาเที่ยงหรือบ่ายแดดจัด ๆ ถ้ารถที่สวนมามีไฟ DRL จะสังเกตได้ง่ายกว่ารถทั่วไปมาก ทำให้มั่นใจเวลาจะแซงรถคันหน้า

ออฟไลน์ PaPaMan

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,179
Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
« ตอบกลับ #42 เมื่อ: เมษายน 01, 2021, 14:04:22 »
เราไม่ชอบไฟ DRL ที่เป็นเส้นยาวๆ ของ Honda เท่าไหร่เลยค่ะ
อย่างของ HRV ที่ใช้อยู่นี้ เรายังชอบของตัวก่อน MC ที่เป็นเม็ดเรียงกันหลายๆอันมากกว่า
อีกข้อที่รำคาญคือ เข้าเกียร์ P แล้วไฟก็ยังติดอยู่ บางทีก็อยากจะนั่งในรถเฉยๆ ไม่ให้ใครสนใจ

ตอนกลางคืนก็ดูสว่างเว่อร์กว่าของค่ายอื่นๆ ให้คนในบ้านเอารถไปใช้ทีไร ลืมเปิดไฟกันทุกทีเลยค่ะ ^^"


ลองทำอย่างนี้นะครับ ไฟ drl จะไม่ติด


พอจอดรถแล้วดึงเบรคมือ เข้าเกียร์ว่างหรือ P ก็ได้ จากนั้นดับเครื่อง เสร็จแล้วสตาร์ทเครื่องใหม่เปิดแอร์แล้วนอนรอในรถได้เลย แต่อย่าปลดเบรคมือนะครับ
รถผมโตโยต้า ถ้าทำแบบนี้แล้วไฟ drl จะไม่ติดครับ แต่ถ้าปลดเบรคมือเมื่อไหร่ไฟ drl ก็จะติดครับ (แต่ถ้าอยู่ในที่ร่ม ไฟหรี่มันก็ติดอยู่ดี เพราะปิดไม่ได้ มีแค่ออโต กับเปิดไฟเท่านั้น)


ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าฮอนด้าจะเป็นแบบนี้มั้ย ถ้าลองแล้วได้ผลยังไงก็บอกด้วยแล้วกันครับ

ออฟไลน์ choomodify

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,632
Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
« ตอบกลับ #43 เมื่อ: เมษายน 01, 2021, 14:28:21 »
ประเด็นน่าสนใจนะ DRL ผมเห็นด้วยมันทำให้เห็นรถชัดขึ้นตอนกลางวัน แต่วผมอยากตั้งคำถามชวนคุยว่า
จริงๆแล้วมันต้องเป็น DRL รึเปล่า ถ้าเปิดไฟใหญ่เลยเนี่ยมันก็น่าจะเห็นชัดรึเปล่า เหมือนสมัยเก่ามันไม่มี DRL แล้วก็มีกฏให้มอเตอร์ไซด์ก็เปิดไฟใหญ่กัน
คิดว่ายังไงกันบ้างครับ ว่าไฟใหญ่ปกติมันเห็นรึเปล่าและผมว่าไม่แยงตาด้วย

ส่วน DRL แยงตาเนี่ยผมว่าเป็นรุ่นๆไป

ในเวลากลางวันถ้าวัดระยะที่เท่ากันไฟใหญ่จะมองตำแหน่งได้ไม่ชัดเจนเท่าไฟ DRL ครับ

**กรณีนี้ผมทดลองทำเทสกันเองกับเพื่อนนะครับ ไม่ผิดไม่ถูกครับ พี่ลองดูก็ได้ครับเผื่อผลทดสอบอาจแตกต่างกัน ขอบคุณครับ**

ออฟไลน์ Rollingstones

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 50
Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
« ตอบกลับ #44 เมื่อ: เมษายน 01, 2021, 14:31:09 »
อาจจะมีแว้บๆครับ แต่ไม่ได้ขนาดนั้น ที่แสบตาของจริงคือ HUD ตะหาก ขอไฟก็มองไม่ชัด เพิ่มไฟก็แสบตา ตอนแรกอยากได้มากๆๆๆ พอได้มารู้สึกขวางหูขวางตา 555

PKS8

  • บุคคลทั่วไป
Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
« ตอบกลับ #45 เมื่อ: เมษายน 01, 2021, 14:32:31 »
กลางวันไม่แสบตาเลยครับ ยิ่งดีด้วยครับ เห็นชัดๆเลย

แต่กลางคืน ถ้าไม่เปิดไฟต่ำ ไฟ DRL มันแสบตามากๆ ทุกคันเท่าที่เห็นเปิดไฟต่ำแล้วไฟ DRL จะดรอปลงอัตโนมัติครับ

ikky

  • บุคคลทั่วไป
Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
« ตอบกลับ #46 เมื่อ: เมษายน 01, 2021, 15:34:19 »
กระทู้นี้ทำให้หายสงสัยเลยว่าทำไมบางค่ายถึงไม่มีปุ่มเปิด/ปิดไฟให้ มีแต่ auto

ออฟไลน์ CMaN20

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 678
Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
« ตอบกลับ #47 เมื่อ: เมษายน 01, 2021, 15:36:33 »
ตรรกะคุณนี้แปลกๆนะ Day Time Running Light ชื่อก็บอกอยู่แล้วคือไฟตอนกลางวัน และความตั้งใจก็เพื่อให้ผู้ขับขี่คันอื่นๆมองเห็นรถในเวลากลางวันที่ไฟหน้าหลักยังไม่ทำงาน เช่นช่วงที่แสงมันแยงตา!! และไอ้ที่ว่าถ้าจำเป็นจริงๆต้องอยู่ในกฎหมาย อันนี้ผมเชื่อว่าในอนาคตมันต้องมีแน่นอน!



ถ้ามอเตอร์ไซต์เปิดไฟหน้าแล้วช่วยการสังเกตได้ รถยนต์มีไฟ DRL ก็ควรจะให้ประโยชน์ในลักษณะเดียวกัน แต่ปัญหาคือในรถยนต์ยี่ห้อไหนทำมาดีทำมาอย่างที่ควรจะเป็นก็ไม่มีการรบกวน แต่กับบางยี่ห้อที่มักง่ายประเภท "แค่ให้มีๆ ไปเท่านั้น" ก็จะส่งผลเสียกับคนใช้รถคนอื่น

รถญี่ปุ่นที่ขายในไทยเขาไม่ได้ออกแบบและกำหนดจากประเทศไทยทั้งหมด แต่ก่อนรถญี่ปุ่นที่ขายกันน่าจะเกือบทั้งโลกไม่มี DRL และก็ทำตามรถยุโรปมาเหมือนกันขายกันทั้งโลก

Daytime Running Light หรือ DRL มันไม่ควรมีในประเทศไทยเลยด้วยซ้ำ มันบังคับใช้อยู่ในประเทศที่สภาพอากาศแล้วร้าย กลาางวันสั้นในหน้าหนาวอย่างกลุ่ม Scandinavia, Iceland, Canada รวมไปถึงบาวรัฐในสหรัฐอเมริกา ในประเทศไทยไฟชนิดนี้ไม่จำเป็นเลยซักนิด

ที่มันบ้าจี้มาติดกันเป็นบ้าเป็นหลังก็เพราะมีรถยุโรปนำเข้ามีไฟนี้ติดมาด้วย พอคนอื่นเห็นเลยอยากเลียนแบบบ้างสุดท้ายกลายเป็นแฟชั่นอยากมี DRL เหมือนคนมีรถยุโรปไปจนค่ายรถในไทยต้องใส่เข้ามาเพิ่มมูลค่าด้วย

ถ้าเป็น Global Model อันนั้นก็ช่วยไม่ได่ครับเพราะมันออกมาเพื่อขายทั่วโลก แต่พวก Eco car หรือ B-segment ที่เป็น Regional Model หซึ่งเกิดมาเพื่อขายกลุ่มประเทศโลกที่ 3 ซึ่งเป็นเมืองร้อนโดยเฉพาะหลายๆรุ่นนี่มันใส่มาเพื่ออะไรครับ ถ้าไม่ใช่เพื่อเอาใจตลาดแฟชั่น

ยืนยันอีกครั้งว่า DRL มันไม่จำเป็นในประเทศไทยเป็นแค่เครื่องประดับ หากมันจำเป็นจริงจะต้องถูกบัญญัติไว้ในกฎหมายเหมือนไฟหน้าของรถจักรยานยนต์ในเวลากลางวันที่คุณยกตัวอย่างมา
# BMW    520d E60   
# BENZ   E250CDI W212
# BMW    520d G30
# VOLVO  XC90 D5 Y2020

ออฟไลน์ KKCP118

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 257
Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
« ตอบกลับ #48 เมื่อ: เมษายน 01, 2021, 16:25:52 »
เราไม่ชอบไฟ DRL ที่เป็นเส้นยาวๆ ของ Honda เท่าไหร่เลยค่ะ
อย่างของ HRV ที่ใช้อยู่นี้ เรายังชอบของตัวก่อน MC ที่เป็นเม็ดเรียงกันหลายๆอันมากกว่า
อีกข้อที่รำคาญคือ เข้าเกียร์ P แล้วไฟก็ยังติดอยู่ บางทีก็อยากจะนั่งในรถเฉยๆ ไม่ให้ใครสนใจ

ตอนกลางคืนก็ดูสว่างเว่อร์กว่าของค่ายอื่นๆ ให้คนในบ้านเอารถไปใช้ทีไร ลืมเปิดไฟกันทุกทีเลยค่ะ ^^"

ลองทำอย่างนี้นะครับ ไฟ drl จะไม่ติด


พอจอดรถแล้วดึงเบรคมือ เข้าเกียร์ว่างหรือ P ก็ได้ จากนั้นดับเครื่อง เสร็จแล้วสตาร์ทเครื่องใหม่เปิดแอร์แล้วนอนรอในรถได้เลย แต่อย่าปลดเบรคมือนะครับ
รถผมโตโยต้า ถ้าทำแบบนี้แล้วไฟ drl จะไม่ติดครับ แต่ถ้าปลดเบรคมือเมื่อไหร่ไฟ drl ก็จะติดครับ (แต่ถ้าอยู่ในที่ร่ม ไฟหรี่มันก็ติดอยู่ดี เพราะปิดไม่ได้ มีแค่ออโต กับเปิดไฟเท่านั้น)


ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าฮอนด้าจะเป็นแบบนี้มั้ย ถ้าลองแล้วได้ผลยังไงก็บอกด้วยแล้วกันครับ

ของฮอนด้าไม่เป็นอย่างนั้นครับ ถ้า ignition อยู่ตำแหน่ง On ไฟ DRL จะติดทันที แม้จะไม่ติดเครื่องครับ

ออฟไลน์ axister

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,173
Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
« ตอบกลับ #49 เมื่อ: เมษายน 01, 2021, 16:29:43 »
เราไม่ชอบไฟ DRL ที่เป็นเส้นยาวๆ ของ Honda เท่าไหร่เลยค่ะ
อย่างของ HRV ที่ใช้อยู่นี้ เรายังชอบของตัวก่อน MC ที่เป็นเม็ดเรียงกันหลายๆอันมากกว่า
อีกข้อที่รำคาญคือ เข้าเกียร์ P แล้วไฟก็ยังติดอยู่ บางทีก็อยากจะนั่งในรถเฉยๆ ไม่ให้ใครสนใจ

ตอนกลางคืนก็ดูสว่างเว่อร์กว่าของค่ายอื่นๆ ให้คนในบ้านเอารถไปใช้ทีไร ลืมเปิดไฟกันทุกทีเลยค่ะ ^^"

ลองทำอย่างนี้นะครับ ไฟ drl จะไม่ติด


พอจอดรถแล้วดึงเบรคมือ เข้าเกียร์ว่างหรือ P ก็ได้ จากนั้นดับเครื่อง เสร็จแล้วสตาร์ทเครื่องใหม่เปิดแอร์แล้วนอนรอในรถได้เลย แต่อย่าปลดเบรคมือนะครับ
รถผมโตโยต้า ถ้าทำแบบนี้แล้วไฟ drl จะไม่ติดครับ แต่ถ้าปลดเบรคมือเมื่อไหร่ไฟ drl ก็จะติดครับ (แต่ถ้าอยู่ในที่ร่ม ไฟหรี่มันก็ติดอยู่ดี เพราะปิดไม่ได้ มีแค่ออโต กับเปิดไฟเท่านั้น)


ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าฮอนด้าจะเป็นแบบนี้มั้ย ถ้าลองแล้วได้ผลยังไงก็บอกด้วยแล้วกันครับ

ของฮอนด้าไม่เป็นอย่างนั้นครับ ถ้า ignition อยู่ตำแหน่ง On ไฟ DRL จะติดทันที แม้จะไม่ติดเครื่องครับ

ของใช้ที่ดีไม่ควรต้องกดสูตรอะครับ ถ้าไม่มีปุ่มก็น่าจะมีเมนูให้กด

รถญี่ปุ่นชอบให้กดสูตรลับ แบบ lexus จะ ให้ indicator 3 ติ๊ก เวลายกไฟเลี้ยว นิต้องมีสูตรเฉพาะ

ออฟไลน์ Sazabi

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 330
Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
« ตอบกลับ #50 เมื่อ: เมษายน 01, 2021, 16:33:12 »
ตรรกะคุณนี้แปลกๆนะ Day Time Running Light ชื่อก็บอกอยู่แล้วคือไฟตอนกลางวัน และความตั้งใจก็เพื่อให้ผู้ขับขี่คันอื่นๆมองเห็นรถในเวลากลางวันที่ไฟหน้าหลักยังไม่ทำงาน เช่นช่วงที่แสงมันแยงตา!! และไอ้ที่ว่าถ้าจำเป็นจริงๆต้องอยู่ในกฎหมาย อันนี้ผมเชื่อว่าในอนาคตมันต้องมีแน่นอน!


แปลกตรงไหนครับ DRL มันเป็นไฟวิ่งกลางวันเพื่อใช้ในประเทศที่มีสภาพอากาศเลวร้าย มีแสงสว่างน้อย จึงต้องการไฟในการช่วยบอกตำแหน่งหน้ารถในเวลากลางวันตลอดเวลา เพราะการใช้ไฟหรี่คนขับอาจลืมเปิดได้และการใช้ไฟน้ามันก็สิ้นเปลืองพลังงานเกินจำเป็นมากไป แต่ไม่ใช่สำหรับประเทศไทยที่แสงแดดเจิดจ้ามองเห็นรถคันอื่นได้ชัดเจนเกือบตลอดทั้งปี Function ที่บอกว่า "ตั้งใจก็เพื่อให้ผู้ขับขี่คันอื่นๆมองเห็นรถในเวลากลางวันที่ไฟหน้าหลักยังไม่ทำงาน" นั้นในประเทศไทยมันมีมานานแสนนานแล้วนั่นก็คือไฟหรี่หรือ Position Lamp หรือ Clearance Lamp

รอไปเถอะครับ กฏหมายที่เมื่อไหร่จะบัญญัติเพราะสำหรับประเทศไทยมันคือเครื่องประดับที่ไม่จำเป็น เหมือน Fog Lamp ที่มีมากี่สิบปีแล้วครับทุกวันนี้บัญญัติเป็นกฎหมายหรือยัง ด้วยเหตุผลเดียวกันนั่นแหละคือมันไม่จำเป็นสำหรับประเทศไทย

หากมีความพยายามจะบัญญัติกฎหมายฝ่ายที่จะออกมาค้านก็คือพวกบริษัทรถยนต์นั่นแหละ เพราะเปิดช่องไว้อย่างนี้คือจะไม่มีก็ได้หรือถ้ามีก็นำไปเป็นจุดขายได้ แต่ถ้ากฎหมายบัญญัติเมื่อไหร่มันคือการบังคับเพิ่มต้นทุนขึ้นทันทีเพราะต่อจากนั้นไปรถยนต์ที่ขายในประเทศไทยจะต้องมี DRL อยู่ในโคมไฟหน้าหรือแยกโคมออกมา แถมเมื่อกฎหมายบังคับให้ทุกคันมีก็ไม่สามารถนำมาเป็นจุดขายได้อีกต่อไปเพราะมันมีเหมือนๆกันหมด

สุดท้ายแล้วมันก็ต้องจบลงด้วยการให้ข้อมูลเป็นตัวเลขและมาตรฐานทางวิศวกรรมจากบริษัทรถและ Supplier ถึงพวกระดับสูงในกระทรวงคมนาคม (ที่ส่วนใหญ่มาจากสายโยธาไม่ใช่ยานยนต์) เมื่อเจอข้อมูลจากฝั่งค่ายรถโน้มน้าวเข้าไปก็ต้องเดินตามค่ายรถอยู่ดี
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 01, 2021, 16:40:53 โดย Sazabi »

ออฟไลน์ a@s

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 344
Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
« ตอบกลับ #51 เมื่อ: เมษายน 01, 2021, 16:35:36 »
ตรรกะคุณนี้แปลกๆนะ Day Time Running Light ชื่อก็บอกอยู่แล้วคือไฟตอนกลางวัน และความตั้งใจก็เพื่อให้ผู้ขับขี่คันอื่นๆมองเห็นรถในเวลากลางวันที่ไฟหน้าหลักยังไม่ทำงาน เช่นช่วงที่แสงมันแยงตา!! และไอ้ที่ว่าถ้าจำเป็นจริงๆต้องอยู่ในกฎหมาย อันนี้ผมเชื่อว่าในอนาคตมันต้องมีแน่นอน!


แปลกตรงไหนครับอ่านที่ผมพิมพ์ครบหรือยัง มันเป็นไฟวิ่งกลางวันเพื่อใช้ในประเทศที่มีสภาพอากาศเลวร้าย มีแสงสว่างน้อย จึงต้องการไฟในการช่วยบอกตำแหน่งหน้ารถในเวลากลางวัน แต่ไม่ใช่สำหรับประเทศไทยที่แสงแดดเจิดจ้าเกือบตลอดทั้งปี

รอไปเถอะครับ กฏหมายที่เมื่อไหร่จะบัญญัติเพราะสำหรับประเทศไทยมันคือเครื่องประดับที่ไม่จำเป็น เหมือน Fog Lamp ที่มีมากี่สิบปีแล้วครับทุกวันนี้บัญญัติเป็นกฎหมายหรือยัง ด้วยเหตุผลเดียวกันนั่นแหละคือมันไม่จำเป็นสำหรับประเทศไทย

หากมีความพยายามจะบัญญัติกฎหมายฝ่ายที่จะออกมาค้านก็คือพวกบริษัทรถยนต์นั่นแหละ เพราะเปิดช่องไว้อย่างนี้คือจะไม่มีก็ได้หรือถ้ามีก็นำไปเป็นจุดขายได้ แต่ถ้ากฎหมายบัญญัติเมื่อไหร่มันคือการบังคับเพิ่มต้นทุนขึ้นทันทีเพราะต่อจากนั้นไปรถยนต์ที่ขายในประเทศไทยจะต้องมี DRL อยู่ในโคมไฟหน้าหรือแยกโคมออกมา แถมเมื่อกฎหมายบังคับให้ทุกคันมีก็ไม่สามารถนำมาเป็นจุดขายได้อีกต่อไปเพราะมันมีเหมือนๆกันหมด

สุดท้ายแล้วมันก็ต้องจบลงด้วยการให้ข้อมูลเป็นตัวเลขและมาตรฐานทางวิศวกรรมจากบริษัทรถและ Supplier ถึงพวกระดับสูงในกระทรวงคมนาคม (ที่ส่วนใหญ่มาจากสายโยธาไม่ใช่ยานยนต์) เมื่อเจอข้อมูลจากฝั่งค่ายรถโน้มน้าวเข้าไปก็ต้องเดินตามค่ายรถอยู่ดี

สอบถาม แล้วประเทศที่อากาศร้อน อย่างไทย เค้ามีไฟ drl ไหมครับ

ออฟไลน์ Level Zero

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 751
Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
« ตอบกลับ #52 เมื่อ: เมษายน 01, 2021, 16:51:27 »
ผมเฉยๆนะ ไม่ได้รู้สึกรบกวนอะไร

ออฟไลน์ Sazabi

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 330
Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
« ตอบกลับ #53 เมื่อ: เมษายน 01, 2021, 16:53:17 »
ตรรกะคุณนี้แปลกๆนะ Day Time Running Light ชื่อก็บอกอยู่แล้วคือไฟตอนกลางวัน และความตั้งใจก็เพื่อให้ผู้ขับขี่คันอื่นๆมองเห็นรถในเวลากลางวันที่ไฟหน้าหลักยังไม่ทำงาน เช่นช่วงที่แสงมันแยงตา!! และไอ้ที่ว่าถ้าจำเป็นจริงๆต้องอยู่ในกฎหมาย อันนี้ผมเชื่อว่าในอนาคตมันต้องมีแน่นอน!


แปลกตรงไหนครับอ่านที่ผมพิมพ์ครบหรือยัง มันเป็นไฟวิ่งกลางวันเพื่อใช้ในประเทศที่มีสภาพอากาศเลวร้าย มีแสงสว่างน้อย จึงต้องการไฟในการช่วยบอกตำแหน่งหน้ารถในเวลากลางวัน แต่ไม่ใช่สำหรับประเทศไทยที่แสงแดดเจิดจ้าเกือบตลอดทั้งปี

รอไปเถอะครับ กฏหมายที่เมื่อไหร่จะบัญญัติเพราะสำหรับประเทศไทยมันคือเครื่องประดับที่ไม่จำเป็น เหมือน Fog Lamp ที่มีมากี่สิบปีแล้วครับทุกวันนี้บัญญัติเป็นกฎหมายหรือยัง ด้วยเหตุผลเดียวกันนั่นแหละคือมันไม่จำเป็นสำหรับประเทศไทย

หากมีความพยายามจะบัญญัติกฎหมายฝ่ายที่จะออกมาค้านก็คือพวกบริษัทรถยนต์นั่นแหละ เพราะเปิดช่องไว้อย่างนี้คือจะไม่มีก็ได้หรือถ้ามีก็นำไปเป็นจุดขายได้ แต่ถ้ากฎหมายบัญญัติเมื่อไหร่มันคือการบังคับเพิ่มต้นทุนขึ้นทันทีเพราะต่อจากนั้นไปรถยนต์ที่ขายในประเทศไทยจะต้องมี DRL อยู่ในโคมไฟหน้าหรือแยกโคมออกมา แถมเมื่อกฎหมายบังคับให้ทุกคันมีก็ไม่สามารถนำมาเป็นจุดขายได้อีกต่อไปเพราะมันมีเหมือนๆกันหมด

สุดท้ายแล้วมันก็ต้องจบลงด้วยการให้ข้อมูลเป็นตัวเลขและมาตรฐานทางวิศวกรรมจากบริษัทรถและ Supplier ถึงพวกระดับสูงในกระทรวงคมนาคม (ที่ส่วนใหญ่มาจากสายโยธาไม่ใช่ยานยนต์) เมื่อเจอข้อมูลจากฝั่งค่ายรถโน้มน้าวเข้าไปก็ต้องเดินตามค่ายรถอยู่ดี

สอบถาม แล้วประเทศที่อากาศร้อน อย่างไทย เค้ามีไฟ drl ไหมครับ

เอาแบบนี้ดีกว่า ถ้านับที่บัญญัติเป็นกฎหมายบังคับ DRL เริ่มเกิดขึนที่ Sweden แล้วต่อไปยัง Norway, Denmark, Finland, Iceland จากนั้นไป Canada ข้ามไปสหรัฐ (เฉพาะบางรัฐ) แล้วก็มาที่บางประเทศในยุโรป

แม้กระทั่งญี่ปุ่นหรือออสเตรเลียก็ไม่ได้มีการบัญญัติบังคับไว้ในกฎหมายแต่อย่างใดเพราะมันไม่จำเป็นในประเทศของพวกเค้า มองดูรายชื่อประเทศที่บังคับใช้งานกับประเทศที่แดดแจ๋เกือบตลอดปีอย่างไทย คิดว่ามีอะไรเหมือนกันบ้างครับ พื้นฐานการออกแบบของ DRL มันสร้างขึ้นมาเพื่ออะไรอย่างไร

ออฟไลน์ a@s

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 344
Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
« ตอบกลับ #54 เมื่อ: เมษายน 01, 2021, 16:55:24 »
ตรรกะคุณนี้แปลกๆนะ Day Time Running Light ชื่อก็บอกอยู่แล้วคือไฟตอนกลางวัน และความตั้งใจก็เพื่อให้ผู้ขับขี่คันอื่นๆมองเห็นรถในเวลากลางวันที่ไฟหน้าหลักยังไม่ทำงาน เช่นช่วงที่แสงมันแยงตา!! และไอ้ที่ว่าถ้าจำเป็นจริงๆต้องอยู่ในกฎหมาย อันนี้ผมเชื่อว่าในอนาคตมันต้องมีแน่นอน!


แปลกตรงไหนครับอ่านที่ผมพิมพ์ครบหรือยัง มันเป็นไฟวิ่งกลางวันเพื่อใช้ในประเทศที่มีสภาพอากาศเลวร้าย มีแสงสว่างน้อย จึงต้องการไฟในการช่วยบอกตำแหน่งหน้ารถในเวลากลางวัน แต่ไม่ใช่สำหรับประเทศไทยที่แสงแดดเจิดจ้าเกือบตลอดทั้งปี

รอไปเถอะครับ กฏหมายที่เมื่อไหร่จะบัญญัติเพราะสำหรับประเทศไทยมันคือเครื่องประดับที่ไม่จำเป็น เหมือน Fog Lamp ที่มีมากี่สิบปีแล้วครับทุกวันนี้บัญญัติเป็นกฎหมายหรือยัง ด้วยเหตุผลเดียวกันนั่นแหละคือมันไม่จำเป็นสำหรับประเทศไทย

หากมีความพยายามจะบัญญัติกฎหมายฝ่ายที่จะออกมาค้านก็คือพวกบริษัทรถยนต์นั่นแหละ เพราะเปิดช่องไว้อย่างนี้คือจะไม่มีก็ได้หรือถ้ามีก็นำไปเป็นจุดขายได้ แต่ถ้ากฎหมายบัญญัติเมื่อไหร่มันคือการบังคับเพิ่มต้นทุนขึ้นทันทีเพราะต่อจากนั้นไปรถยนต์ที่ขายในประเทศไทยจะต้องมี DRL อยู่ในโคมไฟหน้าหรือแยกโคมออกมา แถมเมื่อกฎหมายบังคับให้ทุกคันมีก็ไม่สามารถนำมาเป็นจุดขายได้อีกต่อไปเพราะมันมีเหมือนๆกันหมด

สุดท้ายแล้วมันก็ต้องจบลงด้วยการให้ข้อมูลเป็นตัวเลขและมาตรฐานทางวิศวกรรมจากบริษัทรถและ Supplier ถึงพวกระดับสูงในกระทรวงคมนาคม (ที่ส่วนใหญ่มาจากสายโยธาไม่ใช่ยานยนต์) เมื่อเจอข้อมูลจากฝั่งค่ายรถโน้มน้าวเข้าไปก็ต้องเดินตามค่ายรถอยู่ดี

สอบถาม แล้วประเทศที่อากาศร้อน อย่างไทย เค้ามีไฟ drl ไหมครับ

เอาแบบนี้ดีกว่า ถ้านับที่บัญญัติเป็นกฎหมายบังคับ DRL เริ่มเกิดขึนที่ Sweden แล้วต่อไปยัง Norway, Denmark, Finland, Iceland จากนั้นไป Canada ข้ามไปสหรัฐ (เฉพาะบางรัฐ) แล้วก็มาที่บางประเทศในยุโรป

แม้กระทั่งญี่ปุ่นหรือออสเตรเลียก็ไม่ได้มีการบัญญัติบังคับไว้ในกฎหมายแต่อย่างใดเพราะมันไม่จำเป็นในประเทศของพวกเค้า มองดูรายชื่อประเทศที่บังคับใช้งานกับประเทศที่แดดแจ๋เกือบตลอดปีอย่างไทย คิดว่ามีอะไรเหมือนกันบ้างครับ พื้นฐานการออกแบบของ DRL มันสร้างขึ้นมาเพื่ออะไรอย่างไร

ไม่เอากฎหมายบังคับใชครับ เอาการใช้งาน ว่าประเทศที่อากาศเหมือนไทย เขาห้ามไหมว่ารถต้องไม่มี drl

PKS8

  • บุคคลทั่วไป
Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
« ตอบกลับ #55 เมื่อ: เมษายน 01, 2021, 16:58:18 »
Daytime Running Light หรือ DRL มันไม่ควรมีในประเทศไทยเลยด้วยซ้ำ มันบังคับใช้อยู่ในประเทศที่สภาพอากาศแล้วร้าย กลาางวันสั้นในหน้าหนาวอย่างกลุ่ม Scandinavia, Iceland, Canada รวมไปถึงบาวรัฐในสหรัฐอเมริกา ในประเทศไทยไฟชนิดนี้ไม่จำเป็นเลยซักนิด

ที่มันบ้าจี้มาติดกันเป็นบ้าเป็นหลังก็เพราะมีรถยุโรปนำเข้ามีไฟนี้ติดมาด้วย พอคนอื่นเห็นเลยอยากเลียนแบบบ้างสุดท้ายกลายเป็นแฟชั่นอยากมี DRL เหมือนคนมีรถยุโรปไปจนค่ายรถในไทยต้องใส่เข้ามาเพิ่มมูลค่าด้วย

ขออนุญาตเห็นแย้งครับ ผมว่าโคตรจำเป็นเลยไฟเดย์ไลท์เนี่ย คุณลองไปขับรถแบบสวนเลนต่างจังหวัด ไฟเดย์ไลท์มีประโยชน์มากเลยครับเห็นรถที่สวนมามาแต่ไกลเลย

ผมก็เห็นด้วย ยิ่งแดดแรงจ้าๆ ยิ่งจำเป็นมองเห็นรถชัดเจน ควรจะใส่มาทุกรุ่น ทุกยี่ห้อได้แล้ว

ผลการสำรวจก็ออกมาทุกประเทศ DRL ลดการเกิดอุบัติเหตุได้ และมีประโยชน์มาก

ออฟไลน์ Left lane driver

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 691
Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
« ตอบกลับ #56 เมื่อ: เมษายน 01, 2021, 17:21:52 »
พวก LED ที่เป็นเส้นๆผมว่าไม่แสบตานะ หลายๆรุ่นทำมาดีแล้ว แต่พวก LED ที่เป็นเม็ดๆอันนั้นก็รู้สึกแยงตาบ้าง

แต่ปกติตอนขับรถผมก็มองรถคันหน้าเป็นหลัก ไม่ได้มองรถที่วิ่งสวนเป็นหลัก มันก็จะเห็นแต่ไฟท้ายคันหน้ามากกว่า เพราะงั้นก็เลยไม่มีปัญหากับไฟ DRL
มีไว้ยังไงก็ย่อมดีกว่า ต่อให้เป็นตอนกลางวันแดดจ้าๆ แต่มันก็ต้องมีช่วงขับลอดใต้สะพาน ลอดอุโมงค์ ลอดใต้ทางด่วน ซึ่งพวกนี้ถ้ามี DRL มันสังเกตเห็นรถจากกระจกมองหลังได้ง่ายกว่ามาก ยังไงก็ปลอดภัยกว่าไม่มีถ้า

ออฟไลน์ mochalatte

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 356
Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
« ตอบกลับ #57 เมื่อ: เมษายน 01, 2021, 17:35:54 »
DRL มีประโยชน์มากฯในลานจอดรถครับ ทำให้รถคันอื่นเห็นเราก่อนที่เค้าจะออกจากซอง และที่
ที่ปิดไม่ค่อยได้กันนั่นคือนโยบายของโลกเราทุกประเทศในปัจจุบัน
เพราะไม่งั้นรถที่ใช้ระบบไฟฟ้าเช่น EV หรือ Hybrids คงอยู่ในรถได้สบายใจไม่ต้องดับเครื่องในลานจอดรถในห้างหรือคอนโด ถ้าติดเครื่องไว้คงมีคนมาเปิดไฟรอจอดตลอดเวลา

ออฟไลน์ Mos37257

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 681
    • อีเมล์
Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
« ตอบกลับ #58 เมื่อ: เมษายน 01, 2021, 17:48:19 »
ตรรกะคุณนี้แปลกๆนะ Day Time Running Light ชื่อก็บอกอยู่แล้วคือไฟตอนกลางวัน และความตั้งใจก็เพื่อให้ผู้ขับขี่คันอื่นๆมองเห็นรถในเวลากลางวันที่ไฟหน้าหลักยังไม่ทำงาน เช่นช่วงที่แสงมันแยงตา!! และไอ้ที่ว่าถ้าจำเป็นจริงๆต้องอยู่ในกฎหมาย อันนี้ผมเชื่อว่าในอนาคตมันต้องมีแน่นอน!


แปลกตรงไหนครับอ่านที่ผมพิมพ์ครบหรือยัง มันเป็นไฟวิ่งกลางวันเพื่อใช้ในประเทศที่มีสภาพอากาศเลวร้าย มีแสงสว่างน้อย จึงต้องการไฟในการช่วยบอกตำแหน่งหน้ารถในเวลากลางวัน แต่ไม่ใช่สำหรับประเทศไทยที่แสงแดดเจิดจ้าเกือบตลอดทั้งปี

รอไปเถอะครับ กฏหมายที่เมื่อไหร่จะบัญญัติเพราะสำหรับประเทศไทยมันคือเครื่องประดับที่ไม่จำเป็น เหมือน Fog Lamp ที่มีมากี่สิบปีแล้วครับทุกวันนี้บัญญัติเป็นกฎหมายหรือยัง ด้วยเหตุผลเดียวกันนั่นแหละคือมันไม่จำเป็นสำหรับประเทศไทย

หากมีความพยายามจะบัญญัติกฎหมายฝ่ายที่จะออกมาค้านก็คือพวกบริษัทรถยนต์นั่นแหละ เพราะเปิดช่องไว้อย่างนี้คือจะไม่มีก็ได้หรือถ้ามีก็นำไปเป็นจุดขายได้ แต่ถ้ากฎหมายบัญญัติเมื่อไหร่มันคือการบังคับเพิ่มต้นทุนขึ้นทันทีเพราะต่อจากนั้นไปรถยนต์ที่ขายในประเทศไทยจะต้องมี DRL อยู่ในโคมไฟหน้าหรือแยกโคมออกมา แถมเมื่อกฎหมายบังคับให้ทุกคันมีก็ไม่สามารถนำมาเป็นจุดขายได้อีกต่อไปเพราะมันมีเหมือนๆกันหมด

สุดท้ายแล้วมันก็ต้องจบลงด้วยการให้ข้อมูลเป็นตัวเลขและมาตรฐานทางวิศวกรรมจากบริษัทรถและ Supplier ถึงพวกระดับสูงในกระทรวงคมนาคม (ที่ส่วนใหญ่มาจากสายโยธาไม่ใช่ยานยนต์) เมื่อเจอข้อมูลจากฝั่งค่ายรถโน้มน้าวเข้าไปก็ต้องเดินตามค่ายรถอยู่ดี

สอบถาม แล้วประเทศที่อากาศร้อน อย่างไทย เค้ามีไฟ drl ไหมครับ

เอาแบบนี้ดีกว่า ถ้านับที่บัญญัติเป็นกฎหมายบังคับ DRL เริ่มเกิดขึนที่ Sweden แล้วต่อไปยัง Norway, Denmark, Finland, Iceland จากนั้นไป Canada ข้ามไปสหรัฐ (เฉพาะบางรัฐ) แล้วก็มาที่บางประเทศในยุโรป

แม้กระทั่งญี่ปุ่นหรือออสเตรเลียก็ไม่ได้มีการบัญญัติบังคับไว้ในกฎหมายแต่อย่างใดเพราะมันไม่จำเป็นในประเทศของพวกเค้า มองดูรายชื่อประเทศที่บังคับใช้งานกับประเทศที่แดดแจ๋เกือบตลอดปีอย่างไทย คิดว่ามีอะไรเหมือนกันบ้างครับ พื้นฐานการออกแบบของ DRL มันสร้างขึ้นมาเพื่ออะไรอย่างไร

เเต่ญี่ปุ่นถึงรถที่ไม่มี daylight เขาก็เปิดไฟหน้าตอนกลางวันนะครับ

ออฟไลน์ Fly to dream

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,640
Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
« ตอบกลับ #59 เมื่อ: เมษายน 01, 2021, 19:22:09 »
น่าจะมีปัญหาสายตารับแสงสีน้ำเงินมีปัญหา  เพราะแสง LED ยังไงก็ไม่เข้มไปกว่าแสงดวงอาทิตย์ในตอนกลางวัน
ขยะของโลกออนไลน์​ในปัจจุบั​นคือเชื่อคนโง่ที่มีคำพูดสวยหรู​ หาข้อมูล​ไม่จริงมาโกหกคำโตๆ​ อีกอย่างคือพูดความจริงไม่หมด กับพวก​ Avatar ที่ทำเป็น​เก่ง​แต่เก่งน้อยในโลกความจริง​ซึ่งจะหาได้ง่าย