ผู้เขียน หัวข้อ: ทำไม น้ำมันเครื่องรถแข่ง หรือรถสปอร์ทแรง ๆ ต้องเบอร์หนา ๆ ครับ ?  (อ่าน 23806 ครั้ง)

jaesz

  • บุคคลทั่วไป
อย่างเช่น PTT RACING 5W-50
หรือ CASTROL EDGE SPORT 10W-60

ยิ่งขับขี่รุนแรงต้องใช้เบอร์หนา ๆ เหรอครับ ? งั้นพวก YARIS CITY VIOS JAZZ ให้ใช้เบอร์ 10W-30 หรืือ 5W-30 นี่ มันบางไปไหมครับ ถ้าเอามาซิ่ง ?

????????????


ช่วยหน่อยครับ ถ้าจบปิโตรเคมี หรือ MECHANICAL ENGINEERING in Internal Combustion มาตอบ จะเป็นพระคุณมากครับ

ออฟไลน์ mcat231032

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 673
ตามที่ผมเข้าใจนะครับ พวกรถแข่ง จะรอบจัดและความร้อนสูงเมื่อความร้อนสูง ความหนืดของน้ำมันเครื่องจะลดลงมาก จนน้ำมันเครื่องไม่เคลือบ ที่กระบอกสูบ ดังนั้นถ้าน้ำมันเบอร์ใสอยู่แล้ว(เลขน้อย) มันก็ ทนที่รอบจัดๆๆไม่ได้ นั้นเองครับ รอผู้อื่นมาให้ความรู้เพิ่มเติมครับ

ออฟไลน์ Eddy5659

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,619
เอาแบบชาวบ้านเลยนะครับ

เลขตัวหลังนี่ ยิ่งอุณภูมิเผาห้องเครื่องมากเท่าไหร่เลขยิ่งต้องเยอะๆ

ผมเข้าใจอย่างนี้ แต่รอท่านที่รู่จริงๆ อีกที
2007 Toyota Vios
2009 Toyota Hilux Vigo
2010 Toyota Camry
2011 Ford Ranger
2011 Isuzu Dmax
2011 Toyota Hilux Vigo
2015 Ford Ranger
2015 Ford Everest 2.2 Titanium
2015 Ford Everest 3.2 Titanium+
2016 Toyota Hilux Revo 2.4 J m/t (5 คันจะที่รัก)
2017 BMW 320d iconic

ออฟไลน์ Good Boy

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 57
    • อีเมล์
อย่างเช่น PTT RACING 5W-50
หรือ CASTROL EDGE SPORT 10W-60

ยิ่งขับขี่รุนแรงต้องใช้เบอร์หนา ๆ เหรอครับ ? งั้นพวก YARIS CITY VIOS JAZZ ให้ใช้เบอร์ 10W-30 หรืือ 5W-30 นี่ มันบางไปไหมครับ ถ้าเอามาซิ่ง ?

????????????


ช่วยหน่อยครับ ถ้าจบปิโตรเคมี หรือ MECHANICAL ENGINEERING in Internal Combustion มาตอบ จะเป็นพระคุณมากครับ

ก่อนอื่นต้องถามว่าคุณเจ้าของกระทู้ต้องการความรู้ทางด้านไหนครับ
ถ้าต้องการลงลึกทางด้านเคมี วิศวเคมีผมคงตอบไม่ได้

แต่ถ้าต้องการคำตอบเชิงช่าง อันนี้พอให้ได้ครับ

ก่อนอื่น เบอร์น้ำมันจะมีเกรดของมันอยู่ ถ้าเป็นพวก S (STATION SERVICE-SPARK IGNITION) อันนี้เบนซินเช่น SH,SJ,SM
ถ้าเป็น C (COMMERCIAL SERVICE-COMPRESSION IGNITION) อันนี้ดีเซลเช่น CH

แล้วก็มัลติเกรดคือเกรดรวมเช่น SJ-CH หมายความว่าอย่างไร หมายความว่าถ้าใส่ในเครื่องยนต์เบนซินได้คุณภาพเกรดระดับ SJ ถ้าใส่ในเครื่องยนต์ดีเซลได้
คุณภาพระดับ CH

มาต่อกันที่เบอร์ เช่น 5w-50w

เบอร์ 5w ข้างหน้าวัดกันที่ไหนอย่างไรวันกันที่อุณหภูมิ -18 องศาเซลเซียส ครับ
เบอร์ 50w วัดที่อุณหภูมิ 100 องศาเซลเ้ซียส ครับ

แสดงว่า ณ อากาศเมืองไทยแทบไม่มีความจำเป็นเลยครับที่จะต้องดูที่ตัวหน้า เพราะอุณหภูมิบ้านเรามันไม่ได้เย็นอะไรขนาดนั้นไอ้น้ำมันที่เป็น เกรดรวมเยอะๆ

เช่้น 5w-40w  10-50w พวกนี้ราคาค่อนข้างแรง

ส่วนการเลือกใช้น้ำมันให้เหมาะสม ถ้าพูดในแบบชาวบ้านง่ายๆคือดูตามคู่มือครับ คู่มือแนะนำให้ใช้น้ำมันยี่ห้ออะไร เกรดอะไร ถ้าเราไม่ชอบยี่ห้อที่แนะำนำ

เีราก็จำเกรดและเบอร์มาซื้อยี่ห้อที่เราคิดว่า ดีกว่าข้างนอกได้ครับ

แล้วถ้าเราซื้อรถเก่าที่มันไม่มีคู่มือมาล่ะทำไงดีล่ะ ไม่ต้องตกใจครับ ผมแนะนำให้เลือกเป็นเบอร์กลางๆที่ 30w-40w ไว้ก่อน

ถ้าเกิดขับแล้วสังเกตว่าน้ำมันเครื่องมันยุบหายมากเกินไปโดยที่ควันก็ไม่ได้ขาวออกท่อ ก็ขยับเบอร์น้ำมันเครื่องให้หนาขึ้นมาหน่อยเช่น 50w เป็นต้น

เพราะว่าความหนืดที่เพิ่มขึ้นจะไปช่วยเคลือบในส่วนของการสึกหรอที่ใช้ไปได้ดีกว่าในอุณหภูมิใช้งาน

--เำพิ่มเติมที่ถามว่าทำไมรถแข่งถึงต้องใช้น้ำมันเครื่องหนืดมากๆ

รถแข่งนั้นใช้งานในรอบที่จัดกว่ารถธรรมดาบ้านๆมากครับคือรอบออกตัวก็ประมาณ 4000 อัพๆแล้ว ไฟจุดระเบิดแรงกว่า องศาแคมสูงกว่าปริมาตรความจุที่เยอะกว่า พวกนี้เ้ป็นผลทำให้ความร้อนในการใช้งานสูงมากๆสูงตลอดเวลาครับ ค่าน้ำมันถึงต้องการความหนืดที่มากขึ้น ไม่งั้นความร้อนสูงค่าความหนืดที่เคลือบเป็นชั้นฟิมล์มันจะไม่พอครับ

ส่วนกรณี Yaris ผมว่าเหยียบซิ่งเต็มที่ก็คง 170 กว่าๆ รอบคงไม่เกิน 8000 รอบ แล้วก็คงไม่ได้แช่กันเป็น ชั่วโมงใ่ช่มั้ยครับ แบบธรรมดาก็เหลือๆแล้วครับ

บางครั้งตอนที่ผมฝึกงานผมก็เห็นลูกค้าชอบซื้อน้ำมันเครื่องที่เกินความต้องการของรถไปเสียเงินเพิ่มแบบเปล่าประโยชน์อ่ะครับ พวกสาีรเพิ่มคุณภาพต่างๆบางทีถ้าใช้งานไม่หนักหนาอะไรมันก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากมายนะครับ ส่วนมากเป็นแผนการตลาดของน้ำมันเครื่องเสียมากกว่าครับ

ปล.หวังว่าคงช่วยเจ้าของกระทู้ได้นะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 09, 2010, 15:04:52 โดย Good Boy »

ออฟไลน์ YIM

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,015
  • ไม่น่ารัก เราไม่มอง!!
    • อีเมล์
แสดงว่า ถ้าไม่รู้อะไรเลย ก็ใช้น้ำมันเครื่องเกรดกลางๆ ตามปั้มก็ OK แล้ว ใช่ไหมครับ ผมว่าคำถามเรื่องนี้ดีมากเลยครับ โดยเฉพาะคนที่ถ่ายน้ำมันเครื่องนอกศูนย์บริการ เพราะทุกวันนี้ตาม Car care ส่วนมากจะมีน้ำมันเครื่องประมาณ 3-4 เกรด ไล่จาก

1. เกรดรถทั่วไปสุดๆ (ก็ล่างสุดนั่นแหละ)
2. เกรดมาตรฐาน
3. กึ่งสังเคราะห์
4. สังเคราะห์

พูดตรงๆก็อายนะครับ บ้านผมทำปั้มผมก็ยังไม่รู้เลย ทุกวันนี้ก็เปลี่ยนแต่ Lv.2 ไม่ก็ 3 สลับไปมา ขึ้นกับตังค์ในกระเป๋า ส่วน Lv.4 ส่วนใหญ่ลูกค้าก็จะเป็นพวกเศรษฐีขี่ SLK หรือ F360 อะไรแบบนี้เสียส่วนมากครับ

อ้อจะถามนิดนึงครับ ในขณะที่ตัวเลขข้างหลัง เลขสูงๆ เช่น 40 หรือ 50 จะแพง แต่ทำไมเลขข้างหน้า พวกเลขน้อยๆ อย่าง 5W 10W ถึงแพงกว่า 15W ละครับ
JDM เท่านั้น จะครองโลก!

ออฟไลน์ Good Boy

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 57
    • อีเมล์
แสดงว่า ถ้าไม่รู้อะไรเลย ก็ใช้น้ำมันเครื่องเกรดกลางๆ ตามปั้มก็ OK แล้ว ใช่ไหมครับ ผมว่าคำถามเรื่องนี้ดีมากเลยครับ โดยเฉพาะคนที่ถ่ายน้ำมันเครื่องนอกศูนย์บริการ เพราะทุกวันนี้ตาม Car care ส่วนมากจะมีน้ำมันเครื่องประมาณ 3-4 เกรด ไล่จาก

1. เกรดรถทั่วไปสุดๆ (ก็ล่างสุดนั่นแหละ)
2. เกรดมาตรฐาน
3. กึ่งสังเคราะห์
4. สังเคราะห์

พูดตรงๆก็อายนะครับ บ้านผมทำปั้มผมก็ยังไม่รู้เลย ทุกวันนี้ก็เปลี่ยนแต่ Lv.2 ไม่ก็ 3 สลับไปมา ขึ้นกับตังค์ในกระเป๋า ส่วน Lv.4 ส่วนใหญ่ลูกค้าก็จะเป็นพวกเศรษฐีขี่ SLK หรือ F360 อะไรแบบนี้เสียส่วนมากครับ

อ้อจะถามนิดนึงครับ ในขณะที่ตัวเลขข้างหลัง เลขสูงๆ เช่น 40 หรือ 50 จะแพง แต่ทำไมเลขข้างหน้า พวกเลขน้อยๆ อย่าง 5W 10W ถึงแพงกว่า 15W ละครับ

ืัมันก็ต้องเทียบตามเกรดล่ะครับ

คือน้ำมันจะมีแบบ โมโน เกรด เช่น CH 40w
                  แบบ มัลติ เกรด เช่น CH 10w-40w

ถ้าเกรดเท่ากัน ราคาก็จะใกล้เคียงกัน

ทีนี้ที่ถามก็คืออุณหภูมิช่วงใช้งานครับ ถ้ามันยิ่งมีอุณหภูมิช่วงใช้งานกว้างงง  ราคาก็จะแรงงงครับ

ออฟไลน์ อืม...นะ

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 648
  • Spirit of the "R"
อืม...เก็บเกี่ยวความรูเพิ่มเติม  8)
'18 Honda Jazz gk5 s mt
'11 Volkswagen Scirocco R
'04 Honda Integra dc5 Type R
'96 Honda Prelude bb1

ออฟไลน์ rchai24

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 55
    • อีเมล์
 :D

กระจ่างเลย..

ยังงี้รถที่ติดตั้งระบบ LPG/CNG/NGV นี่ก็จำเป็นต้องใช้นำมันเครื่องที่หนืดขึ้นหรือเปล่าครับ (เข้าใจว่าเครื่องแห้งขึ้น จึงควรมีน้ำมันเคลือบหล่อลื่นกันสึกหรอมากขึ้น)
(-_-")

ออฟไลน์ Good Boy

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 57
    • อีเมล์
:D

กระจ่างเลย..

ยังงี้รถที่ติดตั้งระบบ LPG/CNG/NGV นี่ก็จำเป็นต้องใช้นำมันเครื่องที่หนืดขึ้นหรือเปล่าครับ (เข้าใจว่าเครื่องแห้งขึ้น จึงควรมีน้ำมันเคลือบหล่อลื่นกันสึกหรอมากขึ้น)
(-_-")

น้ำมันเครื่องมีหน้าที่หลักๆคือ

 - หล่อลื่นชิ้นส่วนเครื่องยนต์

 - ช่วยระบายความร้อน

 ทีนี้ในกรณีที่เป็น LPG/CNG/NGV  ตอนที่มันผ่านหม้อต้มเข้าไปในกระบอกสูบแล้ว สถานะของมันก็จะใกล้เคียงกับน้ำมันที่ออกไปจากหัวฉีดล่ะครับ
 
คือได้รับการปรับลดความดันลงจากหม้อต้มแล้ว(จริงมันน่าจะเรียกว่าหม้อปรับแรงดันมากกว่านะ) ถ้าเปรียบเป็นระบบดูดก็เหมือนน้ำมันมาจากคาร์บูมีสถานะเป็นไอ

ออกจากหัวฉีดก็เหมืือนกับน้ำมันที่ออกมาจากหัวฉีด สถานะจะคล้ายๆกันอันนี้ผมตอบในเชิงช่างนะครับ เราคงไม่มาว่ากันถึงโครงสร้างของมัน

ทีนี้ในกรณีนี้อุณหภูมิห้องเผาไหม้ของรถใช้พลังงานทางเลือกของรถพวกนี้สูงกว่าแน่นอนครับ

**แต่....อุัุณหภูมิน้ำมันเครื่องวัดกันที่น้ำมันที่อ่างน้ำมันเครื่องครับไม่ได้เกี่ยวกันกับห้องเผาไหม้ เพราะฉะนั้น น้ำเครื่องแบบปกติธรรมดาก็พอแล้วครับ

ส่วนน้ำมันที่โฆษณากันว่า้เหมาะสำหรับรถ NGV/LPG นั้นบางครั้งก็เป็นเเผนการตลาดเสียมากนะครับ ไม่ได้ สารเพิ่มคุณภาพอะไรเพิ่มขึ้นมาเลย(มั้ง)

**สาเหตุที่ว่าทำรถใช้แก็สบ่าวาล์วถึงพังไว หลายๆคนบอกมันร้อนขึ้น อันนี้ส่วนเดียวเท่านั้นครับ ที่จริงแล้วรถที่ใช้น้ำมันนั้นบ่าวาล์วก็สึกหรอได้เหมือนกันแต่

ช้ากว่าเพราะอะไรเพราะว่าในน้ำมันจะมีสารเพิ่มคุณภาพพวกนี้ไปเคลือบบ่าวาล์วอยู่เค้าผสมมาในน้ำมันนั้นล่้ะ  ในสมัยก่อนสารที่ใช้ไปเคลือบบ่าวาล์วคือสาร

ตะกั่ว แล้วต่อมาก็มีการรณรงค์กันให้เลิกใช้สารตะกั่วนั้นล่้ะครับ ก็มีการพัฒนาสารเพิ่มคุณภาพตัวอื่นใส่้แทนลงไปในน้ำมันที่เราเติม

ส่วนรถที่ใช้พลังงานทางเลือกมันไม่มีสารพวกนี้อยู่ใน LPG/NGV ก็เท่านั้นเอง