อย่างเช่น PTT RACING 5W-50
หรือ CASTROL EDGE SPORT 10W-60
ยิ่งขับขี่รุนแรงต้องใช้เบอร์หนา ๆ เหรอครับ ? งั้นพวก YARIS CITY VIOS JAZZ ให้ใช้เบอร์ 10W-30 หรืือ 5W-30 นี่ มันบางไปไหมครับ ถ้าเอามาซิ่ง ?
ช่วยหน่อยครับ ถ้าจบปิโตรเคมี หรือ MECHANICAL ENGINEERING in Internal Combustion มาตอบ จะเป็นพระคุณมากครับ
ก่อนอื่นต้องถามว่าคุณเจ้าของกระทู้ต้องการความรู้ทางด้านไหนครับ
ถ้าต้องการลงลึกทางด้านเคมี วิศวเคมีผมคงตอบไม่ได้
แต่ถ้าต้องการคำตอบเชิงช่าง อันนี้พอให้ได้ครับ
ก่อนอื่น เบอร์น้ำมันจะมีเกรดของมันอยู่ ถ้าเป็นพวก S (STATION SERVICE-SPARK IGNITION) อันนี้เบนซินเช่น SH,SJ,SM
ถ้าเป็น C (COMMERCIAL SERVICE-COMPRESSION IGNITION) อันนี้ดีเซลเช่น CH
แล้วก็มัลติเกรดคือเกรดรวมเช่น SJ-CH หมายความว่าอย่างไร หมายความว่าถ้าใส่ในเครื่องยนต์เบนซินได้คุณภาพเกรดระดับ SJ ถ้าใส่ในเครื่องยนต์ดีเซลได้
คุณภาพระดับ CH
มาต่อกันที่เบอร์ เช่น 5w-50w
เบอร์ 5w ข้างหน้าวัดกันที่ไหนอย่างไรวันกันที่อุณหภูมิ -18 องศาเซลเซียส ครับ
เบอร์ 50w วัดที่อุณหภูมิ 100 องศาเซลเ้ซียส ครับ
แสดงว่า ณ อากาศเมืองไทยแทบไม่มีความจำเป็นเลยครับที่จะต้องดูที่ตัวหน้า เพราะอุณหภูมิบ้านเรามันไม่ได้เย็นอะไรขนาดนั้นไอ้น้ำมันที่เป็น เกรดรวมเยอะๆ
เช่้น 5w-40w 10-50w พวกนี้ราคาค่อนข้างแรง
ส่วนการเลือกใช้น้ำมันให้เหมาะสม ถ้าพูดในแบบชาวบ้านง่ายๆคือดูตามคู่มือครับ คู่มือแนะนำให้ใช้น้ำมันยี่ห้ออะไร เกรดอะไร ถ้าเราไม่ชอบยี่ห้อที่แนะำนำ
เีราก็จำเกรดและเบอร์มาซื้อยี่ห้อที่เราคิดว่า ดีกว่าข้างนอกได้ครับ
แล้วถ้าเราซื้อรถเก่าที่มันไม่มีคู่มือมาล่ะทำไงดีล่ะ ไม่ต้องตกใจครับ ผมแนะนำให้เลือกเป็นเบอร์กลางๆที่ 30w-40w ไว้ก่อน
ถ้าเกิดขับแล้วสังเกตว่าน้ำมันเครื่องมันยุบหายมากเกินไปโดยที่ควันก็ไม่ได้ขาวออกท่อ ก็ขยับเบอร์น้ำมันเครื่องให้หนาขึ้นมาหน่อยเช่น 50w เป็นต้น
เพราะว่าความหนืดที่เพิ่มขึ้นจะไปช่วยเคลือบในส่วนของการสึกหรอที่ใช้ไปได้ดีกว่าในอุณหภูมิใช้งาน
--เำพิ่มเติมที่ถามว่าทำไมรถแข่งถึงต้องใช้น้ำมันเครื่องหนืดมากๆ
รถแข่งนั้นใช้งานในรอบที่จัดกว่ารถธรรมดาบ้านๆมากครับคือรอบออกตัวก็ประมาณ 4000 อัพๆแล้ว ไฟจุดระเบิดแรงกว่า องศาแคมสูงกว่าปริมาตรความจุที่เยอะกว่า พวกนี้เ้ป็นผลทำให้ความร้อนในการใช้งานสูงมากๆสูงตลอดเวลาครับ ค่าน้ำมันถึงต้องการความหนืดที่มากขึ้น ไม่งั้นความร้อนสูงค่าความหนืดที่เคลือบเป็นชั้นฟิมล์มันจะไม่พอครับ
ส่วนกรณี Yaris ผมว่าเหยียบซิ่งเต็มที่ก็คง 170 กว่าๆ รอบคงไม่เกิน 8000 รอบ แล้วก็คงไม่ได้แช่กันเป็น ชั่วโมงใ่ช่มั้ยครับ แบบธรรมดาก็เหลือๆแล้วครับ
บางครั้งตอนที่ผมฝึกงานผมก็เห็นลูกค้าชอบซื้อน้ำมันเครื่องที่เกินความต้องการของรถไปเสียเงินเพิ่มแบบเปล่าประโยชน์อ่ะครับ พวกสาีรเพิ่มคุณภาพต่างๆบางทีถ้าใช้งานไม่หนักหนาอะไรมันก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากมายนะครับ ส่วนมากเป็นแผนการตลาดของน้ำมันเครื่องเสียมากกว่าครับ
ปล.หวังว่าคงช่วยเจ้าของกระทู้ได้นะครับ