ตอนนี้เวียดนาม อินโดนีเซียน่าลงทุนกว่าไทยไหมครับ

love street

เวียดนามมีรถยนต์แบรนตัวเองแล้วและค่าแรงน่าจะถูกกว่าไทย ตุรกีก็ตามหลังมา ส่วนอินโดนีเซียนี่มีเหมืองที่ tesla ไปลงทุนแล้วน่ะครับ



zionzz

น่าลงทุนไหมมันก็ใช่ครับตลาดใหญ่และกำลังโต มันน่าลงทุนทั้งนั้นแหละ

มันขึ้นอยู่กับว่าคุณจะมองมุมไหน จะบอกไว้เผื่อจะไปซื้อหุ้น ข่าวที่ออกมามันเป็นแค่ผิวครับ คุณต้องขุดข้อมูลประกอบอีกเยอะและเอามาวัดกับความเสี่ยงที่คุณรับได้ ถึงจะบอกได้ว่า น่าลงทุนกว่าไทยไหม



Symphonic

เวียดนามมีรถยนต์แบรนตัวเองแล้วและค่าแรงน่าจะถูกกว่าไทย ตุรกีก็ตามหลังมา ส่วนอินโดนีเซียนี่มีเหมืองที่ tesla ไปลงทุนแล้วน่ะครับ

แสดงว่าปัจจุบันนี้คนเวียดนามใช้แต่รถแบรนด์ตัวเองแล้วใช่มั้ยครับ
บนถนนที่นั่นคงมีแต่รถแบรนด์เวียดนามวิ่งกันขวักไขว่กันแล้วสินะ
ไม่ได้อัพเดทข่าวมานาน ถ้ามีรูปให้ดูก็น่าจะดีครับ

แต่เอ… ถ้าที่นั่นค่าแรงถูกกว่าเรา กำลังซื้อก็น่าจะต่ำกว่าบ้านเรามั้ยครับ?!?

ไม่มีอะไรครับ แค่ชวนคิด ชวนวิเคราะห์จากเนื้อหาที่ยกขึ้นมา



XyteBlaster

ลงทุนด้านไหนครับ ถ้าด้านการเงิน ก็แบ่งพอร์ตไปได้ครับ ตลาดกำลังโต

แต่อย่าทุ่มไปหมดครับ อจ. เซียน ๆ ทั้งหลายยังแบ่งไปราว 20-30% ลองหาดูในคลิปได้ครับ



Gunther

สาเหตุที่เวียดนาม อินโดนีเซีย น่าลงทุนกว่าไทยก็เพราะว่า…..

เวียดนาม มี Vinfast
อินโดนีเซีย มี เหมืองแร่ที่ใช้ทำแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้ามากกว่า
ในไทย ซึ่งได้เปรียบกว่า ทำให้ Tesla ในอาเซียนตั้งโรงงานผลิตรถ Tesla ในอินโดนีเซียเลยครับ



U9WS

Foxconn​ ลงทุน IT เวียดนามรัวๆ
แต่กลับมาลงทุน BEV กับ Ptt ในไทย
แปลกใจทำไม Foxconn ไม่ดิวกับ Vingroup

อินโดคล้ายไทยคืออุดมไปด้วยรถญี่ปุ่นและผลิตในอาเซียน
แต่เวียดนามน่าสนใจทั้งรถญี่ปุ่นทั้งเกาหลีเยอะดีแถมนำเข้าจากญี่ปุ่นจากเกาหลีสเปคดีๆทั้งนั้น



Staples

คนไทย อยากใช้รถไฟฟ้ามากกว่า 2 ประเทศที่ว่าครับ
อินโด อยากได้รถถูกๆ ทนๆ มากกว่ารถเทคโนโลยีใหม่ๆ
เวียตนาม เงินไม่เยอะ กำลังการซือไม่มาก

มองแค่ลูกค้าล้วนๆ ก่อน จะเห็นว่า คนไทยพร้อมกว่าชาติอื่น



Sazabi

ไม่ครับ สิ่งที่ดึงดูดใจในการลงทุนของธุรกิจยานยนต์และชิ้นส่วนไม่ใช่ค่าแรง แต่เป็นเทคโนโลยีในการผลิตและห่วงโซ่อุปทาน ไปจนถึงยอดขายรถยนต์ของตลาดในประเทศเพราะยิ่งมีปริมาณการผลิตมากยิ่งคุ้มค่าต่อการ Localization

เวียดนามมีแบรนด์รถยนต์ของตัวเองก็จริงแต่ยอดขายเป็นยังไงรู้มั้ยครับ 5 เดือนแรกขายได้แค่ 12,500 คัน โดยในจำนวนนั้น 7,500 คันคือ VINFAST Fadil ที่ซื้อสิทธิ์ของ OPEL Karl มาผลิต เพราะฉะนั้นรถยนต์ VINFAST จริงๆปีนี้เพิ่งจะขายได้ 5 พันคันเท่านั้น ในขณะที่ TOYOTA เวียดนามแค่ Vios รุ่นเดียวก็ขายไป 7 พันกว่าคันแล้ว ยิ่งมาเทียบกับตลาดไทยยิ่งห่างชั้นเพราะขนาดน้องเล็กอย่าง Suzuki 5 เดือนแรกยังขายในไทยไป 8.6 พันคัน จะเห็นว่าขนาดตลาดต่างกันมาก

อินโดนีเซียสิคู่แข่งตัวจริงของไทยในอุตยานยนต์ แต่ปัญหาของอินโดคือกำลังซื้อและเทคโนโลยีของตลาดที่พัฒนาช้ากว่าไทย อีกทั้งราคาเชื้อเพลิงยังถูกทำให้ยากต่อการเปิดตลาด HEV และ BEV แต่ล่าสุดทาง TOYOTA อินโดเริ่มจะลงทุนประกอบ HEV ในอินโดแล้วนับว่าตามหลังไทยเป็นสิบปี ส่วนที่ TESLA ไปลงทุนกับเหมืองอะไรนั่นมันไร้สาระครับ อย่างมากก็ผลิตแบตแต่ไม่ใช่การผลิตรถ ในบรรดารถยนต์ทั้งหลายที่มีโรงประกอบในประเทศไทยและอินโดนีเซียมีเพียง Suzuki เท่านั้นที่อินโดเป็น Lead plant ในภูมิภาคนี้ที่เหลือโรงงานไทยคือ Lead plant ทั้งหมด เมื่อไทยเป็น Lead plant ก็หมายความว่ามีเทคโนโลยีเหนือกว่า มีห่วงโซ่อุปทานกว้างกว่า มีการลงทุนจาก Supplier มากกว่า และที่สำคัญที่สุดจะได้ประกอบรถที่มีเทคโนโลยีใหม่ๆก่อนประเทศอื่นรวมทั้งเป็นฐานผลิตเพื่อส่งออกจาก ASEAN ด้วยเช่นกัน

ย้ำอีกครั้งว่าต้นทุนส่วนใหญ่ของรถยนต์ไม่ใช่ค่าแรง ต้นทุนส่วนใหญ่ของรถยนต์คือการลงทุนในเทคโนโลยีการผลิต เพราะฉะนั้นฐานผลิตรถยนต์ที่สำคัญมันจึงอยู่ในประเทศที่ค่าแรงสูงกว่าแต่มีเทคโนโลยีเหนือกว่า การลงทุนของอุตยานยนต์มันก็จะเกิดในประเทศที่มีเทคโนโลยีสูงกว่า ตลาดใหญ่กว่า เวียดนามไม่มีทางแซงไทยกับอินโดนีเซียได้ แต่อินโดไม่แน่อาจจะแซงไทยได้ถ้ากระตุ้นตลาดในประเทศให้โตกว่านี้ซักเท่าตัวได้สำเร็จ



muzaa

1. Vietnam
  เอาแค่ Infrastructure ในการขึ้นโรงงานเอาแบบโรงงานที่ไม่ต้องเทคโนโลยีอะไรมากมายลองศึกษาก่อนนะครับว่า Infrastructure โดยเฉพาะในเมืองไกลๆที่ไม่ใช่ HOCHIMIN CITY เป็นอย่างไรบ้าง มีความพร้อมหรือไม่ลองไปศึกษาดูครับ
2. Indonesia
   คุณภาพการประกอบลองไปศึกษาก่อนนะครับว่าเป็นอย่างไร เพื่อนผมเคย Reject 530I E39  รถประกอบ Indonesia  3 คันรวดจากคุณภาพการประกอบแล้วเปลี่ยนใจมาเอา 523i sport ckd แทนเพราะงานเรียบร้อยกว่าเยอะ ถึงแม้ว่าปัจจุบันคุณภาพประกอบจะดีขึ้นแต่ทำไม Captiva ตัวสุดท่้ายที่ประกอบ INDO ทาง GM ต้อง QC แบบถี่ยิบมากกว่ารถประกอบในประเทศลองพิจารณาให้ดีๆครับว่าคุณภาพการประกอบรถยนต์เหมาะสมลงทุนหรือไม่นอกเหนือจาก Volume ภายในต่อปีที่มีเยอะมากครับ



muzaa

สาเหตุที่เวียดนาม อินโดนีเซีย น่าลงทุนกว่าไทยก็เพราะว่า…..

เวียดนาม มี Vinfast
อินโดนีเซีย มี เหมืองแร่ที่ใช้ทำแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้ามากกว่า
ในไทย ซึ่งได้เปรียบกว่า ทำให้ Tesla ในอาเซียนตั้งโรงงานผลิตรถ Tesla ในอินโดนีเซียเลยครับ

มี VINFAST แปลว่าน่าลงทุน ?
VINFAST ผลิตและขายได้ปีละกี่คันครับ พิจารณาให้ดี ไม่ใช่มี ก็คือมีแต่ยอดขายเป็นอย่างที่เห็นก็ไม่ได้ช่วยอะไรครับ และหากรัฐบาล vietnam จะ support เหมือน Malaysia Support Proton ถ้าเป็นแบบนั้นจะมีมาตราการกีดกันค่านรถต่างชาติในการตั้งโรงงานยิ่งกว่านี้อีกครับลองไปศึกษาช่วงที่ Proton เกิดใหม่ๆใน Malaysia นะครับว่ามีมาตราการปกป้อง Local อย่างไรก่อนที่ค่ายรถจะไปขอลงทุนในยุคนั้นครับ



F.I.P.G.

2 ประเทศนั้น.....ใช่ครับ

ก่อนที่จะเข้าสู่เหตุผล อยากให้ทุกท่าน พิจารณาทั้ง 2 ล้อ และ 4 ล้อนะครับ
ปล. พยายามจับตา 2 ล้อไว้

เหตุผลที่ 2 ประเทศนั้นมีความน่าลงทุน
- บ้านเรากำลังเข้าสู่วัยสูงอายุ อัตราการเกิดเราน้อยลงไปเรื่อยๆ = ความต้องการลดลง
- ประชากรเขา มีแต่คนหนุ่มสาว และกำลังจะเป็นกลุ่มใหญ่ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
- นโยบายภาครัฐ 2 ประเทศนั้น กำลังเชิญชวนอย่างมาก เช่น เวียตนามส่งเสริมให้เรียนภาษาที่ 3 แบบจริงจัง
รวมถึงพัฒนาบุคลากรเพื่อเข้าสู่ระบบอุตสาหกรรม
(REF: http://www.aseanthai.net/mobile_detail.php?cid=4&nid=5758)

บริษัทที่เคยตั้งก่อนหน้านี้ก็แล้ว ยังอยู่คงเดิม (แต่ไม่โต=การลงทุนเทคใหม่น้อยลง เอาเม็ดเงินไปลงที่อื่น)
การเปลี่ยนแปลงที่สังเกตุได้ และค่อยๆคืบคลานมาทีละนิดๆ จะพบว่า

- MODEL

>>> ความหลากของ Segment รถ 4 ล้ออาจจะไม่เท่าไหร่
แต่ถ้าไปดู 2 ล้อ จะพบว่าประเทศดังกล่าว มีความหลากหลายสูงมาก
และมี "ยอดขายที่น่าพอใจ" อารมณ์เหมือนบ้านเรา
เมื่อ 15-20 ปีที่แล้วที่รถแปลกๆจะฮิตมาก

>>> ใช้ฐานผลิตของ 2 ประเทศนั้น เริ่มทำเป็น Global Model มากขึ้น (ลองศึกษาได้เลยครับ)



- R&D (จับตา)

>>>> สิ่งที่เราเคยว่าฝันไว้ว่า บ้านเราจะมีเครื่องจักรชิ้นใหม่ คือ งานวิจัยเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
พบว่าช่วง 5 ปีที่ผ่านมา งานวิจัยของ บ.ยานยนต์ บ้านเราถูกลดความสำคัญลง

>>>> 2-3 ปีที่ผ่านมา บริษัทแนวนี้รับแต่ Mid-career แถมเป็นแบบ contract
ทั้งๆที่ก่อนหน้า ตั้ง openhouse รับแต่เด็กจบใหม่อย่างเดียว หรือถ้ารับเด็กใหม่จริง
ก็มาเพื่อทดแทน ไม่ได้รับเพื่อขยายทีม

>>>> คนจาก อินโดนิเซีย เวียตนาม อินเดีย บังคลาเทศ ศรีลังกา  เข้ามาประจำอยู่ที่ศูนย์ R&D มากขึ้น 
เริ่มมีการถ่ายทอดวิทยาการทางเทคนิคต่างๆ ไปยังที่คาดว่าจะมีกำลังซื้อใหม่ในอนาคตขึ้นเรื่อยๆ 

>>>> ส่วนงานบ้านเราตอนนี้แค่ประคองตัวเมื่อก่อนอาจจะเคยขึ้น Clay Model กำหนด Concept การพัฒนารถได้หลายรุ่น  แต่ต่อไป เราอาจจะเหลือแค่รับพิมพ์เขียวมา เพื่อ Localize ชิ้นส่วนต่างๆให้เข้ากับโรงงานบ้านเราครับ

ปล.
1. แม้คุณภาพการประกอบบ้านเราจะเนี๊ยบ เป็นที่ยอมรับในสายตาต่างชาติ แต่ถ้ายังมีบางส่วนที่ยังทุบหม้อข้าวตัวเองวางยาสินค้า เพื่อเรียกร้องโบนัสสม่ำเสมอ ถึงวันนั้น บริษัทต่างๆ อาจจะลดความสำคัญลง ให้บ้านเหลือแค่ส่วนที่เป็น Trading (Sale and Service) ก็ได้ครับ

แม้วันนี้คนจะแย่ แต่ถ้าให้รายได้ดี เขาก็ยอมไปเสียเวลานิดนึงเพื่อพัฒนาคน เดี๋ยวทุนที่ลงไปก็ได้คืนครับ

2. เป็นห่วง Generation ใหม่ที่ความหลากหลายของงานยานยนต์จะลดลงครับ

3. ให้จับตาแบรนด์หลักเป็นสำคัญนะครับ!!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 17, 2021, 23:55:13 โดย F.I.P.G. »



bodin

ด้านรถยนต์น่าลงทุนกว่ามากครับ ประชากรเราอยู่ในขาลง+เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ

ใน กทม.ก็สร้างรถไฟฟ้าหลายสายโยงกันเป็นแมงมุมถ้าใช้รถไฟฟ้าไปทำงานได้ก็ไม่ต้องซื้อรถ



Newhang

ต้องดูว่าใครเป็นคนลงทุน ถ้าเป็นญี่ปุ่นคงไม่ย้ายแน่นอน

เพราะคนไทยปกครองง่าย แต่ถ้าคนไทยด้วยกันฟัดกันเอาตาย
เป็นเหตุผลนึงที่ไทยขายรถแพง แต่โล้นตัดเล็กตัดน้อยก็เอา
สู้เค้าไม่ได้ก็ขอเก่งกับคนไทยด้วยกันเองนี่แหละ



Smith686

       เศรษฐกิจเวียตนามกำลังโตขึ้นเรื่อยๆ  ส่วนไทยที่ผ่านมาค่อนข้างจะทรงตัว  เจอโควิดเข้าไป ปีนี้น่าจะติดลบ  อีก 10 ปีข้างหน้าเวียตนามอาจจะแซงไทย

https://statisticstimes.com/economy/projected-world-gdp-ranking.php

       หอการค้าไทย ชี้ โควิดยืดเยื้อ ฉุดเศรษฐกิจไทยทรุดหนัก ส่อติดลบ 2-4%
https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88/153437



Smith686

          เวียดนามโชว์ ‘GDP ไตรมาส 2’ โต 6.6% ขยายตัวเด่นสุดในอาเซียน แม้เผชิญหน้ากับโควิดกลายพันธุ์

https://thestandard.co/vietnam-show-gdp-on-second-quarter-grew-6-6-percents/



apinui

เดียวนะ VinFast กำลังเอาตัวเองไปเข้าตลาดหุ้นสหรัฐฯนะครับ ...

ทำไมไม่ลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนามอะ ไปลงอเมริกาทำไมละหือ ...

ถ้าเวียดนามน่าลงทุนอย่างที่ว่ามา VinFast ทำไมไม่ระดมทุนในประเทศตัวเอง เหาะไปอเมริกาทำไม ...




Niti

ตอบเฉพาะเวียดนามนะครับ พอดีเคบทำงานอยุ่ที่โน่นหลายปี

ด้านฝั่งยานยนต์ ยังมี demand อีกเยอะแน่ เพราะเศรษฐกิจดี ประชากรเกือบ 100ล แล้ว คนยังมีเงินและความสามารถในการกู้ ตอน hamburger crisis นี่เขาไม่ยุบเลยนะครับ โตเอาด้วย แต่รอบนี้เป็นเรื่องสุขภาพก็ช้าลงบ้าง คนที่ผมรู้จักเขยิบตัวเองขึ้นจาก 2 ล้อ มาเป็น 4 ล้อ เกินครึ่งในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา

ข้อจำกัดของเขาคือหัวเมืองหลัก Hanoi Ho Chi Minh ถนนย่านกลางเมือง 80-90% จะยังค่อนข้างเล็ก แต่มีการปรับขยายบางเส้น และสร้างถนนวงแหวนแล้ว ที่จอดรถส่วนมากก็ยังเน้นสำหรับ 2 ล้อเป็นหลักครับ ตรงนี้ก็ต้องปรับอีก
-------------------------------------------------------------
In: 350Z DE / New Fortuner TRD / Harrier XU60*2 / Alphard AH30
Out: Miata NC RHT / 86 / IS250
-------------------------------------------------------------



mongolias

ไม่เคยไปเวียดนามเลยขอไม่ออกความเห็นนะครับ

ส่วนอินโดฯ ยังตามหลังบ้านเราค่อนข้างเยอะครับ infrastructure ที่โน่น ยังสู้บ้านเราไม่ได้ครับ
สิ่งที่ดีของอินโดฯ คือค่าแรงถูกครับ แต่เรื่องคุณภาพการประกอบยังสู้บ้านเราไม่ได้ครับ
ตัวผมมองว่าถ้าจะไปลงทุน คงเพื่อเน้นยอดขายภายในประเทศก่อน เรื่องส่งออกต้องพัฒนาอีกพอสมควรครับ



delete

tesla ยังไม่ได้ลงทุนอะไรในอินโดแม้แต่เหรียญเดียวนะคนับ
แต่เซ็น mou กันเฉยๆ (หาข้อสรุปกันอยู่ ซึ่งยังไม่ได้ข้อสรุป)

แม้แต่อินเดีย เทสล่าก็ยังไม่ลงทุนอะไรทั้งสิ้น

และล่าสุดของล่าสุด เทสล่าเพิ่งลงนามสั่งซื้อแร่นิกเกิลและลิเทียม(เดิมสั่งลิเทียมอยู่แล้ว) จาก BHP ในเหมืองแร่ที่ออสเตรเลียไป

ถ้าใช้ตรรกะว่า เทสล่าจะทำรง.แบตที่อินโด ดังนั้นอินโดจะได้รง.ประกอบรถยนต์ไปด้วย
ก็ต้องใช้กับออสเตรเลียได้ เทสล่าตั้งรง.ประกอบรถยนต์ที่ออสเตรเลียไม่ดีกว่ารึ โดยที่ค่าแรงไม่ใช่ปัจจัยหลักที่ทำให้ตัดสินใจ

ผมว่าอินโดกับเทสล่า รอให้มีความคืบหน้ามากกว่านี้ก่อนดีกว่าคนับค่อยฟันธง



Sazabi

2 ประเทศนั้น.....ใช่ครับ

ก่อนที่จะเข้าสู่เหตุผล อยากให้ทุกท่าน พิจารณาทั้ง 2 ล้อ และ 4 ล้อนะครับ
ปล. พยายามจับตา 2 ล้อไว้

เหตุผลที่ 2 ประเทศนั้นมีความน่าลงทุน
- บ้านเรากำลังเข้าสู่วัยสูงอายุ อัตราการเกิดเราน้อยลงไปเรื่อยๆ = ความต้องการลดลง
- ประชากรเขา มีแต่คนหนุ่มสาว และกำลังจะเป็นกลุ่มใหญ่ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
- นโยบายภาครัฐ 2 ประเทศนั้น กำลังเชิญชวนอย่างมาก เช่น เวียตนามส่งเสริมให้เรียนภาษาที่ 3 แบบจริงจัง
รวมถึงพัฒนาบุคลากรเพื่อเข้าสู่ระบบอุตสาหกรรม
(REF: http://www.aseanthai.net/mobile_detail.php?cid=4&nid=5758)

บริษัทที่เคยตั้งก่อนหน้านี้ก็แล้ว ยังอยู่คงเดิม (แต่ไม่โต=การลงทุนเทคใหม่น้อยลง เอาเม็ดเงินไปลงที่อื่น)
การเปลี่ยนแปลงที่สังเกตุได้ และค่อยๆคืบคลานมาทีละนิดๆ จะพบว่า

- MODEL

>>> ความหลากของ Segment รถ 4 ล้ออาจจะไม่เท่าไหร่
แต่ถ้าไปดู 2 ล้อ จะพบว่าประเทศดังกล่าว มีความหลากหลายสูงมาก
และมี "ยอดขายที่น่าพอใจ" อารมณ์เหมือนบ้านเรา
เมื่อ 15-20 ปีที่แล้วที่รถแปลกๆจะฮิตมาก

>>> ใช้ฐานผลิตของ 2 ประเทศนั้น เริ่มทำเป็น Global Model มากขึ้น (ลองศึกษาได้เลยครับ)



- R&D (จับตา)

>>>> สิ่งที่เราเคยว่าฝันไว้ว่า บ้านเราจะมีเครื่องจักรชิ้นใหม่ คือ งานวิจัยเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
พบว่าช่วง 5 ปีที่ผ่านมา งานวิจัยของ บ.ยานยนต์ บ้านเราถูกลดความสำคัญลง

>>>> 2-3 ปีที่ผ่านมา บริษัทแนวนี้รับแต่ Mid-career แถมเป็นแบบ contract
ทั้งๆที่ก่อนหน้า ตั้ง openhouse รับแต่เด็กจบใหม่อย่างเดียว หรือถ้ารับเด็กใหม่จริง
ก็มาเพื่อทดแทน ไม่ได้รับเพื่อขยายทีม

>>>> คนจาก อินโดนิเซีย เวียตนาม อินเดีย บังคลาเทศ ศรีลังกา  เข้ามาประจำอยู่ที่ศูนย์ R&D มากขึ้น 
เริ่มมีการถ่ายทอดวิทยาการทางเทคนิคต่างๆ ไปยังที่คาดว่าจะมีกำลังซื้อใหม่ในอนาคตขึ้นเรื่อยๆ 

>>>> ส่วนงานบ้านเราตอนนี้แค่ประคองตัวเมื่อก่อนอาจจะเคยขึ้น Clay Model กำหนด Concept การพัฒนารถได้หลายรุ่น  แต่ต่อไป เราอาจจะเหลือแค่รับพิมพ์เขียวมา เพื่อ Localize ชิ้นส่วนต่างๆให้เข้ากับโรงงานบ้านเราครับ

ปล.
1. แม้คุณภาพการประกอบบ้านเราจะเนี๊ยบ เป็นที่ยอมรับในสายตาต่างชาติ แต่ถ้ายังมีบางส่วนที่ยังทุบหม้อข้าวตัวเองวางยาสินค้า เพื่อเรียกร้องโบนัสสม่ำเสมอ ถึงวันนั้น บริษัทต่างๆ อาจจะลดความสำคัญลง ให้บ้านเหลือแค่ส่วนที่เป็น Trading (Sale and Service) ก็ได้ครับ

แม้วันนี้คนจะแย่ แต่ถ้าให้รายได้ดี เขาก็ยอมไปเสียเวลานิดนึงเพื่อพัฒนาคน เดี๋ยวทุนที่ลงไปก็ได้คืนครับ

2. เป็นห่วง Generation ใหม่ที่ความหลากหลายของงานยานยนต์จะลดลงครับ

3. ให้จับตาแบรนด์หลักเป็นสำคัญนะครับ!!

พื้นฐานของ 2 ล้อและ 4 ล้อต่างกันเยอะครับ

2 ล้อต้นทุนไปตกที่ค่าแรงพอสมควร ชิ้นส่วนน้อย เทคโนโลยีต่ำ ความปลอดภัยไม่เน้นมาก ราคาไม่แพง กำไรต่ำ ตลาดเน้นประเทศที่มีประชากรมาก ยิ่งประชากรมากยิ่งขายได้เยอะเพราะราคาไม่แพง เพราะฉะนั้นมันเป็นอุตสาหกรรมที่มีโอกาสย้ายฐานได้เร็วกว่า ประเทศไหนค่าแรงถูก คนเยอะ ยอดขายเยอะมันก็ไปที่นั่นเพราะ 2 ล้อเทคโนโลยีมันต่ำไหลไปได้เร็ว

4 ล้อต้นทุนไม่ได้อยู่ที่ค่าแรงแต่อยู่ที่เทคโนโลยีการผลิต ชิ้นส่วนเยอะมาก เทคโนโลยีสูง เน้นความปลอดภัย ราคาแพง กำไรมาก ตลาดเน้นประเทศที่มีกำลังซื้อ ประชากรมากกว่าแต่กำลังซื้อต่ำก็อาจขายได้เท่าประเทศที่มีประชากรน้อยกว่าแต่กำลังซื้อสูง ยกตัวอย่างเวียดนามประชากรมากกว่าไทยแต่ยอดขายรถยนต์น้อยกว่าไทยเกินเท่าตัว อินโดนีเซียประชากรมากกว่าไทย 3 เท่าแต่ยอดขายรถยนต์เท่ากับประเทศไทย อุตสาหกรรมนี้แทบไม่มีการย้ายฐานยิ่งประเทศที่มีทั้งตลาดในประเทศที่ดีและส่งออกได้เยอะยิ่งไม่มีการย้ายออกมีแต่เติบโตมากขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่เกี่ยวกับค่าแรงเพราะทุกวันนี้อเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น จีน ที่มีค่าแรงสูงปรี๊ดก็ยังเป็นฐานผลิตรถยนต์ 4 ล้อที่สำคัญที่สุดของโลกกันทั้งหมด

เผอิญว่าเว็บนี้เค้าเน้น 4 ล้อไม่ใช่ 2 ล้อ เพราะฉะนั้นเวียดนามจะน่าลงทุนกว่าไทยก็ต่อเมื่อตลาดรถยนต์ใหญ่เท่าประเทศไทย และมีเทคโนโลยีการผลิตในระดับเดียวกันเท่านั้น ถ้ายังทำไม่ได้ก็ไม่มีใครอยากไป Localize อุตสาหกรรมชิ้นส่วนรถยนต์ที่นั่น ยิ่งชิ้นส่วนที่ใช้เทคโนโลยีสูงๆยิ่งไม่มีเพราะขนาดประเทศไทยตอนนี้ยังยากเพราะขนาด Volume ที่ไทยผลิตทั้งขายในประเทศและส่งออกไปหลายๆประเทศมันก็ยังไม่คุ้มการลงทุน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 18, 2021, 10:46:47 โดย Sazabi »



masuoka

รอดูสงครามอิทธิพลเศรษฐกิจอเมริกากับจีนในทะเลจีนใต้เลยครับ ตอนนี้อเมริกาเริ่มลุกหนักในอาเซียนแล้ว แถมขู่เป็นนัยๆให้อาเซียนเลือกข้าง อาเซียนอาจจะวงแตกก็คราวนี้แหละครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 18, 2021, 10:46:12 โดย masuoka »



F.I.P.G.

2 ประเทศนั้น.....ใช่ครับ

ก่อนที่จะเข้าสู่เหตุผล อยากให้ทุกท่าน พิจารณาทั้ง 2 ล้อ และ 4 ล้อนะครับ
ปล. พยายามจับตา 2 ล้อไว้

เหตุผลที่ 2 ประเทศนั้นมีความน่าลงทุน
- บ้านเรากำลังเข้าสู่วัยสูงอายุ อัตราการเกิดเราน้อยลงไปเรื่อยๆ = ความต้องการลดลง
- ประชากรเขา มีแต่คนหนุ่มสาว และกำลังจะเป็นกลุ่มใหญ่ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
- นโยบายภาครัฐ 2 ประเทศนั้น กำลังเชิญชวนอย่างมาก เช่น เวียตนามส่งเสริมให้เรียนภาษาที่ 3 แบบจริงจัง
รวมถึงพัฒนาบุคลากรเพื่อเข้าสู่ระบบอุตสาหกรรม
(REF: http://www.aseanthai.net/mobile_detail.php?cid=4&nid=5758)

บริษัทที่เคยตั้งก่อนหน้านี้ก็แล้ว ยังอยู่คงเดิม (แต่ไม่โต=การลงทุนเทคใหม่น้อยลง เอาเม็ดเงินไปลงที่อื่น)
การเปลี่ยนแปลงที่สังเกตุได้ และค่อยๆคืบคลานมาทีละนิดๆ จะพบว่า

- MODEL

>>> ความหลากของ Segment รถ 4 ล้ออาจจะไม่เท่าไหร่
แต่ถ้าไปดู 2 ล้อ จะพบว่าประเทศดังกล่าว มีความหลากหลายสูงมาก
และมี "ยอดขายที่น่าพอใจ" อารมณ์เหมือนบ้านเรา
เมื่อ 15-20 ปีที่แล้วที่รถแปลกๆจะฮิตมาก

>>> ใช้ฐานผลิตของ 2 ประเทศนั้น เริ่มทำเป็น Global Model มากขึ้น (ลองศึกษาได้เลยครับ)



- R&D (จับตา)

>>>> สิ่งที่เราเคยว่าฝันไว้ว่า บ้านเราจะมีเครื่องจักรชิ้นใหม่ คือ งานวิจัยเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
พบว่าช่วง 5 ปีที่ผ่านมา งานวิจัยของ บ.ยานยนต์ บ้านเราถูกลดความสำคัญลง

>>>> 2-3 ปีที่ผ่านมา บริษัทแนวนี้รับแต่ Mid-career แถมเป็นแบบ contract
ทั้งๆที่ก่อนหน้า ตั้ง openhouse รับแต่เด็กจบใหม่อย่างเดียว หรือถ้ารับเด็กใหม่จริง
ก็มาเพื่อทดแทน ไม่ได้รับเพื่อขยายทีม

>>>> คนจาก อินโดนิเซีย เวียตนาม อินเดีย บังคลาเทศ ศรีลังกา  เข้ามาประจำอยู่ที่ศูนย์ R&D มากขึ้น 
เริ่มมีการถ่ายทอดวิทยาการทางเทคนิคต่างๆ ไปยังที่คาดว่าจะมีกำลังซื้อใหม่ในอนาคตขึ้นเรื่อยๆ 

>>>> ส่วนงานบ้านเราตอนนี้แค่ประคองตัวเมื่อก่อนอาจจะเคยขึ้น Clay Model กำหนด Concept การพัฒนารถได้หลายรุ่น  แต่ต่อไป เราอาจจะเหลือแค่รับพิมพ์เขียวมา เพื่อ Localize ชิ้นส่วนต่างๆให้เข้ากับโรงงานบ้านเราครับ

ปล.
1. แม้คุณภาพการประกอบบ้านเราจะเนี๊ยบ เป็นที่ยอมรับในสายตาต่างชาติ แต่ถ้ายังมีบางส่วนที่ยังทุบหม้อข้าวตัวเองวางยาสินค้า เพื่อเรียกร้องโบนัสสม่ำเสมอ ถึงวันนั้น บริษัทต่างๆ อาจจะลดความสำคัญลง ให้บ้านเหลือแค่ส่วนที่เป็น Trading (Sale and Service) ก็ได้ครับ

แม้วันนี้คนจะแย่ แต่ถ้าให้รายได้ดี เขาก็ยอมไปเสียเวลานิดนึงเพื่อพัฒนาคน เดี๋ยวทุนที่ลงไปก็ได้คืนครับ

2. เป็นห่วง Generation ใหม่ที่ความหลากหลายของงานยานยนต์จะลดลงครับ

3. ให้จับตาแบรนด์หลักเป็นสำคัญนะครับ!!

พื้นฐานของ 2 ล้อและ 4 ล้อต่างกันเยอะครับ

2 ล้อต้นทุนไปตกที่ค่าแรงพอสมควร ชิ้นส่วนน้อย เทคโนโลยีต่ำ ความปลอดภัยไม่เน้นมาก ราคาไม่แพง กำไรต่ำ ตลาดเน้นประเทศที่มีประชากรมาก ยิ่งประชากรมากยิ่งขายได้เยอะเพราะราคาไม่แพง เพราะฉะนั้นมันเป็นอุตสาหกรรมที่มีโอกาสย้ายฐานได้เร็วกว่า ประเทศไหนค่าแรงถูก คนเยอะ ยอดขายเยอะมันก็ไปที่นั่นเพราะ 2 ล้อเทคโนโลยีมันต่ำไหลไปได้เร็ว

4 ล้อต้นทุนไม่ได้อยู่ที่ค่าแรงแต่อยู่ที่เทคโนโลยีการผลิต ชิ้นส่วนเยอะมาก เทคโนโลยีสูง เน้นความปลอดภัย ราคาแพง กำไรมาก ตลาดเน้นประเทศที่มีกำลังซื้อ ประชากรมากกว่าแต่กำลังซื้อต่ำก็อาจขายได้เท่าประเทศที่มีประชากรน้อยกว่าแต่กำลังซื้อสูง ยกตัวอย่างเวียดนามประชากรมากกว่าไทยแต่ยอดขายรถยนต์น้อยกว่าไทยเกินเท่าตัว อินโดนีเซียประชากรมากกว่าไทย 3 เท่าแต่ยอดขายรถยนต์เท่ากับประเทศไทย อุตสาหกรรมนี้แทบไม่มีการย้ายฐานยิ่งประเทศที่มีทั้งตลาดในประเทศที่ดีและส่งออกได้เยอะยิ่งไม่มีการย้ายออกมีแต่เติบโตมากขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่เกี่ยวกับค่าแรงเพราะทุกวันนี้อเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น จีน ที่มีค่าแรงสูงปรี๊ดก็ยังเป็นฐานผลิตรถยนต์ 4 ล้อที่สำคัญที่สุดของโลกกันทั้งหมด

เผอิญว่าเว็บนี้เค้าเน้น 4 ล้อไม่ใช่ 2 ล้อ เพราะฉะนั้นเวียดนามจะน่าลงทุนกว่าไทยก็ต่อเมื่อตลาดรถยนต์ใหญ่เท่าประเทศไทย และมีเทคโนโลยีการผลิตในระดับเดียวกันเท่านั้น ถ้ายังทำไม่ได้ก็ไม่มีใครอยากไป Localize อุตสาหกรรมชิ้นส่วนรถยนต์ที่นั่น ยิ่งชิ้นส่วนที่ใช้เทคโนโลยีสูงๆยิ่งไม่มีเพราะขนาดประเทศไทยตอนนี้ยังยากเพราะขนาด Volume ที่ไทยผลิตทั้งขายในประเทศและส่งออกไปหลายๆประเทศมันก็ยังไม่คุ้มการลงทุน

ขอบคุณสำหรับมุมมองครับ

จากความเห็นของคุณ Sazabi เป็นอีกความเห็นนึงที่น่าสนใจครับ  ข้อมูลที่ผมมีเชื่อว่าเวลาบริษัทเหล่านี้มอง เขามองภาพใหญ่แบบมากๆ ของทุกอย่างที่คิดว่ามั่นคงตอนนี้ อาจจะไม่มั่นคงในอนาคต  หรืออาจจะพลิกกลับกลายเป็นเราดีกว่าเก่า อันนี้ต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ครับ

ผมเชื่อว่าบางท่านที่เขามาอ่านในที่อยู่ในแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์อยู่แล้ว น่าจะเจอทางหนีทีไล่กันบ้างแล้ว ขอให้ทุกท่านมีความสุขและพัฒนาทักษะให้เป็นที่ต้องการของตลาดต่อไปครับ



BN`

ส่วนตัวผมมองว่าน่าลงทุนในเวียดนามครับ ตอนนี้หลายประเภทโรงงานอุตสาหกรรมระดับโลกก็ย้ายไปตั้งฐานผลิตที่เวียดนามแล้ว



Sazabi


ขอบคุณสำหรับมุมมองครับ

จากความเห็นของคุณ Sazabi เป็นอีกความเห็นนึงที่น่าสนใจครับ  ข้อมูลที่ผมมีเชื่อว่าเวลาบริษัทเหล่านี้มอง เขามองภาพใหญ่แบบมากๆ ของทุกอย่างที่คิดว่ามั่นคงตอนนี้ อาจจะไม่มั่นคงในอนาคต  หรืออาจจะพลิกกลับกลายเป็นเราดีกว่าเก่า อันนี้ต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ครับ

ผมเชื่อว่าบางท่านที่เขามาอ่านในที่อยู่ในแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์อยู่แล้ว น่าจะเจอทางหนีทีไล่กันบ้างแล้ว ขอให้ทุกท่านมีความสุขและพัฒนาทักษะให้เป็นที่ต้องการของตลาดต่อไปครับ

จริงๆแล้วสำหรับ 4 ล้อช่วง 2-3 ปีข้างหน้าก็จะมีแผนไปประกอบที่เวียดนามมากขึ้นนิดหน่อย แต่จะไปในลักษณะส่งชิ้นส่วนจากไทยไปประกอบไม่ได้ไปกันทั้งยวงห่วงโซ่อุปทาน และสาเหตุที่จะมีการย้ายไปประกอบที่เวียดนามมากขึ้นก็เป็นเพราะสำหรับรถยนต์หลายๆยี่ห้อโรงงานในประเทศไทยจะเพิ่มความสำคัญมากขึ้น ทั้งขยายขนาดการเป็นฐานผลิตเพื่อส่งออก รวมถึงการขยับขึ้นไปประกอบรถยนต์ชนิดใหม่ๆอย่าง HEV มากขึ้น ทำให้ต้องกระจายงานประกอบบางส่วนออกไปให้โรงงานในความดูแลทั้งที่อินโดนีเซีย มาเลเซีย และเวียดนาม เพื่อไม่ให้งานที่ไทยโหลดมากเกินไป