มาครับ มา เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง
ปัญหาที่ 2 ดีเซล 1.5D มีในตอนนี้ก็มีหลักๆ คือ
- เครื่องสันเร่งไม่ขึ้น อาการคือ เครื่องสั่นจนรู้สึกสั่นสะท้านทั้งคันคล้ายกับวิ่งทางขรุขระ และรถจะเร่งต่อไม่ขึ้น ความเร็วก็คาอยู่แบบนั้น มักเป็นช่วง 80-120 km/h สาเหตุวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญกันมาจาก เขม่า PM ในระบบการเผาไหม้ปกติที่จะถูกกรองไว้ด้วยตัวกรองเขม่า DPF รอการเผากำจัด กำจัดไม่หมดจนมีปัญหาต่อชิ้นส่วนเครื่องยนต์ เช่นฝาวาล์ว หัวฉีด จนทำให้ เกิดการจุดระเบิดผิดปกติในบางสูบ ซึ่งการที่เขม่าพวกนี้ถูกกำจัดไม่หมดมีหลายปัจจัย เช่นสภาพเขม่าเองที่จะเผาโดยความร้อนสูงได้ยากกว่าปกติ สภาพการขับขี่ที่ไม่สามารถใช้ความเร็วได้สูงกว่า 15 km/h ได้นานพอที่จะทำให้รถได้เผาเขม่าได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรืออื่นๆ
ซึ่งการแก้ไข ถ้าเอาแบบที่พึ่งพาการแก้ไขจากทางการรับประกันคุณภาพของ Mazda เอง ก็มีแค่อัพเดตซอฟแวร์ ECU และโปรแกรมสั่งเผาเขม่า ถ้าหนักก็เคลมชิ้นส่วนที่มีปัญหาเป็นเคสๆ ไป และยังไม่มีการรับประกันในระยะยาวว่าจะหายจริง ก็ต้องเฝ้าระวังกันไปครับ ส่วนมากก็จะเป็นในรถปี 2015-2017 แต่ 2018 ขึ้นไปก็เคยมีเกิดขึ้นมาแล้วบ้างครับแต่น้อยลงมาก ดังนั้นก็ยังคงต้องเฝ้าดูกันต่อไปอยู่
ส่วนวิธีแก้ไขอื่นๆ ที่อาจจะพึ่งพาตัวเอง ก็คืออุดตัดระบบ EGR / DPF นี้ไปเลย ซึ่งก็กำจัดต้นเหตุที่ทำให้เกิดเขม่าไปเลย แต่การที่รถไม่มีเขม่าอันนี้ยังต้องศึกษากันยาวๆ ด้วยเช่นกันว่ามันจะส่งผลอะไรอีกหรือเปล่าครับ
- โช๊ครั่ว อันนี้มักเป็นกับรถ 2015-2016 แต่ก็มีเคลมไปเรื่อยๆ จนตอนนี้ 2017 มาแทบไม่ได้ยินแล้ว แต่ก็ยังมี
- กลอนประตูล็อคมีเสียงดัง อิ๊ด จากข้างในเวลาล็อครถต่างๆ จะได้ยินชัด อันนี้ของผมก็เป็น ส่วนมากเกิดกับรถปี 2015-2017 ก็ได้เคลมชุดกลอนประตูข้างที่ดังไป
- สวิตช์แป้นเบรกมีปัญหา อันนี้เริ่มมีมาหลายคันในรถปี 2015 และมีบางคันของ 2018 ก็เคยเกิดปัญหานี้ มีอาการคือสตาร์ทยากขึ้น แป้นเบรกแข็ง หรือถ้าสตาร์ทได้ก็มี ไฟ i-stop กระพริบ + ไฟกันลื่นมีปัญหาสี ส้มติดค้าง โชว์คู่กัน ถ้ารถหมดแงประกันแล้วก็สามรถเปลี่ยนเองได้เลยครับ เบิกอะไหล่มา 700 กว่าบาท
- กระจกมองข้างพับกางไม่สุด อันนี้ 2017 ขึ้นไปยันรถขายใหม่ตอนนี้ที่เป็นกระจกดีไซน์ไฟเลี้ยวเส้นเป็นกันเยอะ หลายคนบอกเกิดจากน้ำที่ฉีดล้างเข้ากระจก แต่จำนวนก็เพิ่มขึ้นกันรายวัน บางคันไม่เคยโดนน้ำเลยนอกจากฝนก็เป็น อันนี้เคลมได้ไม่มีปัญหา แต่จะเป็นอีกหรือไม่ยังไม่มีอะไรรับประกันได้
- ไฟ i-Eloop โชว์สีส้มติดค้าง คือชิ้นส่วนระบบ i-Eloop มีปัญหาครับ ไม่ว่าจะกล่อง DC-DC Converter หรือ Capacitor หรือ อื่นๆ อันนี้เป็นได้ไม่เลือกปี เป็นได้หมด 2015-ปัจจุบัน แต่ในส่วนของกล่อง DC-DC Converter ทางศูนย์ก็มีการ recall อยู่ครับ ถ้ารถเข้าข่ายก็จะได้เปลี่ยนกล่องตัวนี้มาเลย อันนี้ถ้ารถเข้าข่ายก็ดีไปครับ เพราะเปลี่ยนให้ฟรีแม้หมดประกัน แต่ถ้ารถหมดประกันก็หน้ามืดเลย 2x,xxx บาท ส่วน Capacitor ให้คิดซะว่ามันคือแบตเตอรี่เก็บไฟลูกนึงที่ใช้เก็บไฟที่ได้จากการแปลงพลังงานหมุนล้อตอนรถชะลอความเร็ว ไม่ช้าก็ไวยังไงก็เสื่อม ราคาก็เกือบๆ 2x,xxx บาทเช่นกันสำหรับของใหม่ศูนย์ แต่ทางเลือกข้างนอกก็เยอะครับ มีตั้งแต่มือ 2 5,xxx หรือมือ 1 ที่ข้างนอกพอหาได้ 1x,xxx ต้นๆ อยู่ หรือถ้าเป็นที่ Capacitor จริง ตอนนี้
- สลิงกระจกหน้าต่างคนขับขาดหรือหลุดจนทำตกราง อาการคือกระจกหน้าต่างคนขับเปิดไม่ได้ หรือกระจกเปิดลงมาแล้วปิดขึ้นไม่ได้ พึ่งมาเจอช่วงรถที่ผลิตหรือออกปลายปี 2019 ที่เป็นตัวหน้าเดิมจนถึงตัวใหม่ minor change 2020 นี้เลย ก็เคลมกันไป ส่วน 2021 มาเริ่มเงียบลงบ้างแล้ว
- ล่าสุด กำลังดังๆ ในตอนนี้เลย พวงมาลัยฝืด หมุนไม่สมูท หมุนแล้วไม่คืนเอง ฝืดตอนหมุนซ้ายมากกว่าหมุนขวา หรืออาจจะเป็นเท่าๆ กัน บางเคสมีเสียงดัง เวลาขับทางไกลต้องอาศัยการแต่งพวงมาลัยเยอะมากจนบางคนบ่นว่าล้าได้เลย มาเจอเยอะๆ ช่วงรถที่ผลิตหรือออกตั้งแต่ปี 2019 ที่เป็นตัวหน้าเดิมจนถึงตัวใหม่ minor change 2020-2021 ตอนนี้เหมือนสลิงกระจกหน้าต่างเลยแต่ต่างกันที่ตอนนี้ยังเป็นอยู่และก่อนหน้านี้มีประปราย ก็เคลมแร็คพวงมาลัยกันไปครับ แต่เคสนี้ได้ข่าวว่ามีครั้งที่ 2-3 มาอีกในบางคัน
ฯลฯ จริงๆ มีอีก แต่รวบรวมมาได้ที่ชัดๆ ก็ประมาณนี้ครับ บางท่านไม่เจอเลยก็มี บางท่านเจอนอกเหนือจากนี้ก็มี
ส่วนการบำรุงรักษา เรื่องค่าอะไหล่นอกจากปัญหา i-Eloop ด้านบน หลักๆ ตอนนี้ที่จะให้เตรียมไว้ก็มี
- แบตเตอรี่ ลูกนึงอยู่ได้เฉลี่ย 1.5-2 ปี แบตเตอรี่ใช้ 65Ah CCA ไม่ต่ำกว่า 520 แต่ฐานเล็ก ดังนั้นหาแบตที่เป็นพวกรหัส Q85 ที่ใช้กับรถที่มี i-stop เฉพาะไว้ก็ดีครับ มีตั้งแต่ใกล้ๆ 2,xxx ไปจนถึงของดีก็ไม่เกิน 2,7xx
- ค่าแรง ถ้ารถยังเข้าศูนย์อยู่ ขอให้รู้ไว้ว่า ชม. นึงใน กทม. ปริมณฑล ตอนนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 700-750 บาท/ชม. แล้วครับ ถ้าอยากได้ถูกกว่านั้นต้องไป ตจว. กันเลยทีเดียว
- ค่าอุดตัด EGR/DPF อันนี้แล้วแต่ความสมัครใจเจ้าของรถ เพราะอย่างที่บอกปัญหาด้านบนไม่ได้เกิดขึ้นทุกคัน แต่บางคนก็อยากตัดต้นตอออกไปซึ่งอาจจะรับกับผลที่จะเกิดขึ้นตามมาภายหลังได้ ซึ่งอันนี้มีหลายเกรดและหลายระดับ อันนี้ต้องไปลองหาข้อมูลในคลับดู แต่สำหรับผมยังไม่ตัดถึงแม้จะเคยเจอปัญหาด้านบนเองมาแล้ว
- ชิ้นส่วนช่วงล่าง อันนี้ไม่ได้ระบุเจาะจงลงไปหรอก เพราะมันมีโอกาสเสียหรือเกิดเสียงในระยะเวลาไม่เกิน 5 ปีแรกได้ทุกชิ้นอยู่แล้ว แค่อยากให้เผื่อตรงนี้ไว้บ้างครับ
ทีนี้ถ้าเจาะจงแค่รถผมเอง ปี 2016 5 ปี 1 เดือน 21 วัน 126,xxx km
- 6 เดือน 13,xxx km เจอรถตัดเข้า safe mode (ไฟ TCS + Engine พร้อมรถกระตุกคล้ายล็อคเกียร์ 2) ดับสตาร์ทใหม่เหลือแต่ไฟ Engine เข้า 0 เจอ code P2263 ได้เคลมเทอร์โบมา 1 ครั้งตอน 1 ปี 3 เดือน 32,xxx km และปัจจุบัน 3 ปี 5 เดือน 89,72x km ก็กลับมาเป็นอีก!! ด้วยความที่เข้า 0 ตลอดแม้จะหมดประกันแล้ว ทาง 0 เลยทำเรื่องเคลมฝาครอบวาล์ว (ตามที่ 0 ตรวจพบล่าสุด) ในลักษณะ goodwill ให้ ก็ได้เคลมมา ก็ยังต้องเฝ้าระวังกันต่อไป
- 5 เดือน 1x,xxx km เสียงกลอนประตูดังอี๊ด เคลมกลอนข้างขวาหลังตอน 2 ปี 7 เดือน 7x,xxx km และปัจจุบันก็ดังที่ข้างหลังซ้าย
- 1 ปี 11 เดือน 5x,xxx km (จำเวลาแน่นอนไม่ได้ แต่เคลมในระยะเวลาที่เกิดอาการตามนี้) ขึ้นเนินมีเสียงคล้ายเหล็กกระแทก ก็เคลมยางรองเบ้าโช๊คมา ปัจจุบันยังไม่ดังอีก
- 1 ปี 9 เดือน 46,xxx km เครื่องสั่น เร่งไม่ขึ้นรอบแรก มีไฟ Engine โชว์ตอนสั่น เข้า 0 เจอ code P0302 ยังไม่ได้เคลมอะไรเป็นชิ้นเป็นอันมานอกจากอัพเดตซอฟแวร์ ECU โปรแกรมเผาเขม่ามา 2 รอบ เป็นเรื่อยๆ อยู่ประมาณ 4 ครั้ง ก่อนที่รอบล่าสุดเป็นตอน 53,xxx km เข้า 0 ก็ทำแบบเดิม ปัจจุบันยังไม่กลับมาอีก ก็ยังต้องเฝ้าระวังเช่นกัน
- 2 ปี 7 เดือน 7x,xxx km พวงมาลัยลอก เคลมไปพร้อมกลอนประตู
- 4 ปี 7 เดือน 11x,xxx km คอยล์ร้อนแอร์รั่ว อาการคือแอร์มีลมเย็นแค่คนขับ คนนั่งลมตามสภาพแวดล้อมเลย ทางศูนย์ทำเรื่องเคลม MST ให้เป็นกรณีพิเศษเนื่องจากมีการดูแลให้เพิ่มเติม 7 ปี กับรถช่วงปี 2015-2016 ซึ่งรถเราเข้าข่าย เลยได้จ่ายแค่ค่าน้ำยาหม้อน้ำที่หายไประหว่างถอดคอยล์ร้อนเท่านั้น
- 4 ปี 8 เดือน 118,xxx km โช๊คหลังซ้ายเริ่มรั่ว ยังไม่ได้เปลี่ยน ช็อตอยู่
- 4 ปี 11 เดือน 122,13x km ไฟ i-Eloop มีปัญหาติด (i-Eloop สีส้มติดค้าง + i-stop สีส้มกระพริบ) ยังไม่ได้เช็คว่าเป็นอะไรระหว่าง 2 อย่างที่บอกในปัญหา แต่ถอดปลั๊ก Capacitor ไว้แล้ว
รถผมก็ประมาณนี้ครับที่เป็นปัญหา ไม่นับอะไหล่สิ้นเปลืองหรือเสื่อมสภาพตามการใช้งาน (ยาง แบต ผ้าเบรก ฯลฯ)
ดังนั้น สรุปเลย การจะซื้อ 2 ดีเซลได้นั้น
1. มั่นใจว่าเป็นคนที่มีความรู้เรื่องการบำรุงรักษาระดับนึง
2. มั่นใจว่าตัวเองได้ใช้งานนอกเมืองเป็นประจำพอที่จะใช้ให้รถสามารถเผาเขม่าได้สมบูรณ์หากไม่ตัด EGR/DPF
3. มั่นใจว่ารับกับอัตราเร่งที่ตอนปลายไม่ได้ดีตามนิสัยดีเซลได้
4. มั่นใจว่ารับกับภายในที่แคบและเบาะที่เล็กไม่ได้นั่งไม่สบายอะไรได้
5. รับกับค่าแรงศูนย์ได้ รับไม่ได้ไปอู่นอก
6. รับได้ว่าถ้ารถเกิดปัญหา การแก้ไขปัญหาหลักๆ อาจจะต้องพึ่งตัวเองเยอะหน่อย หวังการพึ่งพาจากศูนย์ได้ยากนิดนึง
ถ้า 6 ข้อเบื้องต้นนี้โอเค ชอบในรถจริงๆ จัดไปครับ ไม่มีอะไรเกินกว่าการได้ลองพบประสบการณ์กับตัวเองแล้ว