นโยบายเพื่อคนใช้ไฟฟ้าเพื่อรถไฟฟ้าถูกลง ไม่ได้ทำเพื่อคนส่วนใหญ่ในประเทศ อีกอย่างมันสร้างขยะและมลภาวะต่างๆด้วย ผมหละเบื่อคำโฆษณาโม้ว่ารักษ์โลกแต่ที่จริงมันไม่ได้รักษ์โลกตามคำโม้แลสาวกอวยกันครับ
นั่นแหละ ผมเลยยังยืนยันว่า ตราบใดที่ต้นทางการผลิตไฟฟ้า (บ้านเราแก๊ส+ถ่านหินเป็นแกนหลัก) ยังไม่สะอาดกว่าน้ำมัน อย่าเสียน้ำลายพูดว่ารักโลกครับ
บ้านเรายังพึ่งพาพวกพลังงานฟอซซิล (น้ำมัน+แก๊ส) ฟาดไป 70% (เขื่อนปั่นได้แค่ 2% กว่าๆ) ส่วนพลังงานทดแทน 10% ที่เหลือคือซื้อจากข้างบ้านเอา
ข้อมูลของไทย : https://www.krungsri.com/en/research/industry/industry-outlook/Energy-Utilities/Power-Generation/IO/io-power-generation-21
อันนี้ของสหรัฐ : https://www.eia.gov/tools/faqs/faq.php?id=427&t=3
แล้วการเอาน้ำมันไปปั่นไฟฟ้า (จริงๆก็น่าจะเป็นเอาไปต้มน้ำแล้วก็ปั่นไฟ) ประสิทธิภาพ (Efficiency) มันได้แค่ไหนเอง
นี่ยังไม่พูดถึงว่าการผลิตแบตเตอรี่จริงๆแล้วมลพิษที่มันสร้างนี่ไปๆมาๆเยอะกว่าขุดน้ำมันอีกมั้ง
เอาง่ายๆ ตอนนี้ค่าไฟขึ้นไปขนาดไหนแล้วเทียบกับก่อนยุค EV เสียบปลั๊ก?
ถ้าจะบอกว่าก็ตามค่าแก๊สที่ขึ้น... ก็ตัวเองผลิตได้เท่าเดิมหรือน้อยลง มันก็ตาม Supply-Demand แล้วต้องไปซื้อไฟจากข้างบ้านอีก ต้นทุนมันก็ขยับอีก
และถ้า EV มันแมสเมื่อไหร่ มันก็จะชนเป็นโดมิโน่เลยตั้งแต่ค่าไฟครัวเรือน ค่าไฟในการชาร์จแบตตามสถานี ค่าไฟสำหรับธุรกิจและการผลิต ฯลฯ
ฉะนั้นแล้วยังไงผมก็ยังค้านเรื่อง EV มาเป็นเมนหลักในไทย อยากผลิตส่งออกน่ะตามสบายเถอะครับ แต่วิ่งในไทย.. ตราบใดที่เสกไฟฟ้าจากอากาศไม่ได้ฟรีๆ
หรือยังทำให้ต้นทุนเท่ากับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์หรือโซล่าเซลล์ไม่ได้ อย่าเพิ่งเพ้อเจ้อจะให้มาทดแทนรถ ICE อะไรนี่
ปล. คนที่บอกเรื่องฝุ่น 2.5 .. ผมถามงี้ดีกว่า คุณไม่สงสัยหรอว่าทำไมมันมาแค่ช่วงธันวาปลายๆปี? รถวิ่งกันเฉพาะเดือนธันวาหรือครับ?
ทำไมรถไฟฟ้าชาร์จไฟจนเต็ม วิ่งได้ไกลเป็น100กิโล เสียค่าไฟไม่กี่บาท ถูกกว่าในระดับที่เอารถน้ำมันไปวิ่งแบบเดียวกัน ยังไงค่าน้ำมันก็แพงกว่าหละครับ ทั้งๆที่ไฟฟ้ามันก็มาจากเชื้อเพลิงFossilเหมือนกัน แปลว่ารถไฟฟ้าที่ใช้ไฟจากเชื้อเพลิงFossil มันใช้เชื้อเพลิงน้อยกว่าไหมครับ มันถึงได้ถูกกว่าได้
คือการเอาน้ำมันไปจุดระเบิดในเครื่องยนต์รถ แล้วเอาแรงนั้นไปหมุนล้อรถ มันInefficientมากๆ เพราะพลังงานส่วนใหญ่ที่ได้จากการจุดระเบิดนั้น มันได้ออกมาในรูปของความร้อน(ที่เราก็ปล่อยทิ้งไป) ไม่ใช่แรงไปหมุนล้อ(ที่เราเอามาใช้)ครับ
แล้วต่อให้รถไฟฟ้า ใช้ไฟที่ผลิตจากเชื้อเพลิงFossil เราก็สามารถจัดการกับมลพิษนั้นได้ง่ายกว่า(การไปจัดการกับมลพิษที่จุดใหญ่ๆจุดเดียวที่โรงไฟฟ้า มันง่ายกว่าการไปนั่งจัดการกับมลพิษที่ออกมาจากท้ายรถทุกคันบนถนน เป็นล้านๆจุดครับ) และเราสามารถควบคุมจุดปล่อยมลพิษ ให้มันอยู่ไกลชุมชนได้ครับ ไม่ใช่ปล่อยมันทุกจุดที่รถไป
แล้วเรามีเทคโนโลยีในการเปลี่ยนโรงไฟฟ้าให้เป็นพลังงานสะอาดแล้วครับ แต่เรายังไม่มีเทคโนโลยีรถICEพลังงานสะอาด หรือเทคโนโลยีสังเคราะห์น้ำมันสะอาด(จริงๆมันเริ่มมี แต่สุดท้ายมันก็ต้องใช้ไฟฟ้าในการผลิตอยู่ดี ยังไงการเอาไฟฟ้านั้นมาเติมรถโดยตรงมันก็พลังงานน้อยกว่า) ก็อย่าไปเดิมพันกับอนาคตที่ไม่แน่นอนครับ
เพิ่มเติม เคยมีคนคำนวนไว้นะครับ ตามคลิปนี้
สรุปได้คือ
1. การผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ปล่อยCO2มากกว่ารถICE ยิ่งแบตเตอร์รี่ใหญ่ ยิ่งปล่อยเยอะ
2. แต่รถICE เวลาวิ่งปล่อยCO2มากกว่า ต่อให้รถไฟฟ้าใช้ไฟที่ผลิตจากถ่านหินก็เหอะ มันก็ยังปล่อยCO2น้อยกว่า
3. รถไฟฟ้า แบตเล็ก ใช้ไฟจากแหล่งที่ปล่อยCO2เยอะที่สุด คือไฟที่ผลิตจากถ่านหิน(ซึ่งประเทศไทยไม่ได้ใช้เป็นหลัก) ใช้ไปประมาณ5.4ปี มันจะปล่อยCO2โดยรวม(CO2จากการผลิตรถ+การใช้งาน)น้อยกว่ารถICEครับ กรณีไฟฟ้ามาจากพลังงานสะอาด ยังไงไม่ว่าแบตเล็กหรือใหญ่ก็ปล่อยCO2น้อยกว่ารถICEครับ
4. มีกรณีรถไฟฟ้าแบตใหญ่ ใช้ไฟจากแหล่งที่ปล่อยCO2เยอะที่สุด ที่อาจจะแพ้รถICEครับ คือต้องรอ17.8ปี ถึงจะปล่อยCO2น้อยกว่ารถICE
ฉะนั้นไม่ต้องเถียงกันครับ ยังไงรถไฟฟ้ามันก็สะอาดกว่า มีกรณีแบบWorst caseสุดๆในบางคัน/กรณีเท่านั้นที่อาจจะสกปรกกว่า แต่ส่วนใหญ่(แบบมากๆ)มันสะอาดกว่าครับ