ผู้เขียน หัวข้อ: วันก่อนไปลองขับ new Altis 1.8G  (อ่าน 12726 ครั้ง)

ออฟไลน์ lucifer

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 61
    • FaceBook
    • อีเมล์
วันก่อนไปลองขับ new Altis 1.8G
« เมื่อ: ตุลาคม 21, 2010, 12:10:36 »
พอดีเอาเจ้า  Sport Cruiser พ่อเฒ่าไปเข้าศูนย์เพื่อเช็คระยะ 290,000 กม.  ก็ไปเจอรถ Test Drive  อันที่จริงอยากจะลองกับตัวเครื่อง 2.0 มากกว่า   แต่เผอิญตัวทดสอบจะเป็นเครื่อง 1.8Gทั้งหมด  ก็เลยได้ลองขับดู

1. เรื่องการปรับเบาะ พวงมาลัย การปรับเพื่อให้เข้าถึงตำแหน่งที่ลงตัว  มุมมองต่างๆในเรื่องทัศนวิสัย  ผมว่าก็อยู่ในลักษณะปกตินะครับ  โดยเฉพาะคนที่ใช้Toyotaมานานๆอย่างผม  จะเก๋งหรือกระบะ ผมว่าอารมณ์มันไม่ค่อยแตกต่างนักสำหรับเรื่องนี้   พอยอมรับได้

2. คันเร่งไฟฟ้า เป็นอะไรที่ทำให้หงุดหงิดอยู่บ้าง  จริงๆแล้วคันเร่งไฟฟ้ามันก็มีมานานแล้ว เจ้า Sport Cruiser D4D 2.5L รุ่นแรกที่ผมใช้นี่ ก็ใส่คันเร่งไฟฟ้ามาให้เหมือนกัน  แต่อารมณ์มันต่างกัน  ดูเหมือนว่ามันจะตอบสนองแบบแปลกๆอยู่   เดี๋ยวจะสรุปรวมกับเรื่องเกียร์

3. เกียร์ CVT  โดยรวมแล้วก็เป็นไปตามที่คาดไว้  คือ นุ่มนวลเหมือนกับที่เคยขับมาใน City รุ่นแรกที่ใช้ CVT   แล้วอารมณ์มันคุ้นเคยด้วย คือ เหยียบปุ๊บ รอบขึ้นปั๊บ  ความเร็วขึ้นตามแบบทันอกทันใจ (​ ถ้าเป็นเครื่อง 2.0 จะสนุกขนาดไหน )  พอความเร็วได้ที่  ก็จะค่อยๆถอนเท้าช้าๆ สิ่งที่พบก็คือ ความเร็วไม่ตก แต่รอบเครื่องลดลงมาเรื่อยๆ  ความประหยัดมันมาจากตรงนี้เอง  อย่างที่คุณJimmyว่าไว้นั่นแหละ  อยู่ที่คนขับว่าขับ"เป็น"หรือเปล่า

4.  เอาหละ เรื่องแปลกๆ ของคันเร่งไฟฟ้า ร่วมกับเกียร์  จริงๆเราก็รู้กันอยู่นะว่า เกียร์ออโตนั้นเวลาเหยียบแล้วถอนคันเร่ง มันจะมี"ไหล"ต่อ  พร้อมๆกับรอบเครื่องจะค่อยๆหล่นลงมา ( ถ้า lock-up torque converter ไม่ได้engage )  แต่รถคันที่ทดสอบมันแปลกคือ  ลอยตัวอยู่  แล้วถอนคันเร่งหมดเลย  สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ความเร็วรอบไม่ลด ความเร็วไม่ตก  เอ๊ะ มันยังไงกัน  มันเหมือนคันเร่งค้างหรือว่าเกียร์ไหล  
แล้วที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือ ช่วงจอดรอกลับรถนั้น  พอดีคันหน้าผมเขาค่อนข้างจะต้วมเตี้ยมซะหน่อย  ออกจะย่องนิดๆ แล้วก็ดูเหมือนจะไป แล้วก็หยุด  ผมกำลังค่อยเลียคันเร่งขึ้นมา แล้วก็เหยียบส่งเลยเพื่อให้ทันกลับรถด้วย  เห็นเขาหยุดซะงั้นก็เลยยกคันเร่งขึ้น คิดว่าแตะเบรคช้าลงนิดหนึ่งก็คงจะทัน  ที่ไหนได้ คันเร่งที่เหยียบส่งขึ้นมา แล้วถอนเท้าทันทีนั้น มันไม่ใช่ไหลซะแล้ว  แต่มันยัง"ส่ง"อยู่  ผลลัพธ์คือต้องเหยียบเบรคอย่างแรง  

สรุปว่าคันเร่งไฟฟ้าเป็นพิษ สมองช้า หรือร่วมกับเกียร์ฉลาดเกินไม่ยอมปล่อย แทนที่จะได้engine brake กลับกลายเป็นเครื่องยังฉุดให้รถวิ่งไปข้างหน้าแบบมีอัตราเร่งอยู่   :-\  อีกประเด็นที่ต้องระมัดระวัง

5. ช่วงล่างเดิมๆของ 1.8G  ก็เหมือนกับโตโยต้าเดิมๆนั่นแหละครับ  นุ่มๆ โยนๆ  อันตรายสำหรับพวกใจถึงแต่มือไม่ถึง  พวกมือถืงก็อาจจะไม่ชอบใจสุดท้ายก็คงจะต้องเปลี่ยนใหม่อยู่ดี

6. เบรค  เบรคใช้งานในระดับมาตรฐานได้ดี  ไม่กล้าลองแบบเหนือกว่ามาตรฐานเพราะรถบนทางหลวงสาย4 ค่อนข้างจะเยอะ  แล้วเซลล์ที่นั่งไปด้วยก็อาจจะขาสั่นเอาง่ายๆ ก็เลยไม่อยากจะลอง  
เบรคโตโยต้ามันเป็นแบบนี้ทุกรุ่นหรือยังไง ไม่ว่าเก๋งหรือกระบะ  คือเบรคอยู่ลึก  ผมว่า D4Dผม หน้าดิสค์หลังดรัม ว่าอยู่ลึก  แต่รู้สึกอุปทานว่าเจ้า  1.8Gอยู่ลึกกว่าอีกนิดหน่อย  ( ในขณะที่ Accord 2.4 iVTEC ของผบ. ขับให้นั่งทีไร มีเคืองทุกที เพราะเบรคออยู่ตื้นมาก แตะปุ๊บหัวทิ่มปั๊บ  ต้องปรับนิสัยอยู่นานกว่าจะคุ้น )  แต่ถึงลึกก็ยังหยุดรถได้  
ที่แน่ๆก็คือ ถ้าผมใช้ ก็คงจะต้องเปลี่ยนผ้าเบรคอยู่ดี  ไม่รู้เป็นไง อคติกับผ้าเบรคติดรถของโตโยต้ามาตลอด  

ถามเซลล์ขำๆว่า ถ้าจองวันนี้ เมื่อไหร่ได้รถ  ผจก.มาตอบเอง คงจะต้องรอ 2-3 เดือน  ผมก็สงสัยเพราะด้วยศักยภาพของโตโยต้าแล้ว  ยังไงๆก็ไม่น่าจะต้องรอกันถึงขนาดนี้  เพราะเจ้า D4D 4dr 4WD ที่ผมใช้นั้น มันเปิดตัววันศุกร์ ผมไปจองวันเสาร์  วันอังคารรถได้แล้ว  อะไรมันจะผลิตได้เร็วแบบนั้น

คำตอบคือ ต้องรอเกียร์ CVT ที่ผลิตสำเร็จมาจากญี่ปุ่น  

เซลล์ถาม พี่จะจองเลยไหมครับ  ก็เลยตอบว่าคิดดูก่อน  ( เพราะเพิ่งoverhaul D4D มาได้แค่ หมื่นกม. ความรู้สึกคล้ายๆกับเครื่องยนต์ใหม่  แถมเพิ่งจ่ายเงินเปลี่ยนยาง 265/70/15 กับ ผ้าเบรคชุดใหม่ไปเกือบๆ 2หมื่น  )
รอผลทดสอบอย่างเป็นทางการของรุ่น 2.0 ก่อนดีกว่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 21, 2010, 12:14:44 โดย lucifer »

ออฟไลน์ Pasakorndvm

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,310
Re: วันก่อนไปลองขับ new Altis 1.8G
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ตุลาคม 21, 2010, 14:15:10 »
ผมไปลอง 1.8 E มาเหมือนกันครับ
อัตราเร่งดีมาก ๆ ดีกว่า 1.8 เดิมแน่ ๆ ความเร็วปลายตัดที่ 180 กม./ชม. คันเร่งก็ไวดีไม่มี delay เหมือน yaris
เบรค ห้ามล้อได้รวดเร็ว ความหน่วงเบาไปหน่อย หน้าไม่ทิ่ม
ช่วงล่าง ถ้าเปรียบเทียบกับตัวก่อนหน้า ผมว่าแข็งขึ้นเยอะ แถวหน้านุ่ม แถวหลังกระโดกกระเดก
พวงมาลัยและการบังคับเลี้ยว ระยะฟรีมากไปนิด แต่ที่สำคัญเบาหวิว ๆๆๆๆๆๆ ต้องเพ่งสมาธิมาก ๆ เวลาขับเร็ว ๆ
ภายในเบาะนั่งดีครับ โอบกระชับดี แต่ข้อเสียที่ต้องติมาก ๆ ที่เท้าแขนข้างประตูมันจะเอียงไปไหน วางแขนไม่ได้เลย

ผมคิดว่าข้อดีคือ เครื่องยนต์และอัตราเร่ง เบรคที่ดีกว่าเดิมมาก ๆ
ข้อที่ผมติดใจสุด ๆ คือพวงมาลัยและช่วงล่าง บังคับเบาแรงแต่รถไม่ยอมอยู่กลางเลนให้ ระบบกันสเทือนแข็ง แต่ร่อนเหมือนเดิม
'19 Honda Civic EL

ออฟไลน์ Dark Overlord

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,804
  • Hail to the darkside
Re: วันก่อนไปลองขับ new Altis 1.8G
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: ตุลาคม 21, 2010, 16:26:12 »
รวมๆ แล้ว ผมยังหาข้อเสียมันไม่เจอเลยนะ
ช่วงล่าง ดีขึ้น และเหมาะกับคนหมู่มากดี ไม่อ่อนย้วย แต่ก็ไม่แข็ง ขับได้อย่างมั่นใจ
เกียร์ เครื่อง ดีขึ้นมากๆ คันเร่งไม่รู้สึกว่ามีปัญหานะ ผมว่าเค้าเซ็ตมาสำหรับ mass
market ได้ดีมากๆ เลย กลางๆ ดี ชอบๆ

ออฟไลน์ PREM

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,198
Re: วันก่อนไปลองขับ new Altis 1.8G
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: ตุลาคม 21, 2010, 18:49:20 »
เรื่องที่ถอนคันเร่งอย่างเร็วแล้วรอบไม่ตก อาจจะเป็นเพราะเกียร์ CVT คิดว่าเราต้องการเอ็นจิ้นเบรกก็ได้ครับ
เหมือนกับเกียร์ออโต้รถบางรุ่นที่เวลาถอนคันเร่งเร็วๆ แล้วไม่เปลี่ยนเกียร์ขึ้นให้
2014 Mazda CX-5 2.5 S
2016 Volvo XC60 D4 
2019 Honda Jazz RS+
2020 Volvo V60 T8 Inscription
2022 Mazda CX-30 SP

ออฟไลน์ lucifer

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 61
    • FaceBook
    • อีเมล์
Re: วันก่อนไปลองขับ new Altis 1.8G
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: ตุลาคม 21, 2010, 19:42:44 »
ไม่รู้ดิ  มันอาจจะเป็นคันที่ผมขับคันเดียวก็ได้นะ

คิดดูสิ เหยียบคันเร่งส่งเพื่อจะเข้าไปใกล้รถคันหน้าที่กำลังจะ U-turn ไม่งั้นก็กินแห้ว  คิดว่าคงจะเคยกันดีนะครับ

จู่ๆคันหน้าหยุด  รถเราเพิ่งเหยียบส่งยังไม่ทันจะขึ้นถึงpeak  แต่ถอนคันเร่งปุ๊บ ไอ้ที่เหยียบส่งเมื่อกี้มันเพิ่งจะมาออกฤทธิ์ แถมจัดหนักให้อีกต่างหาก ถ้าเท้าไม่ไวมีหวังซัดท้ายรถคันหน้าแน่ๆ  แบบนี้มันก็เกินไปหน่อยหละ  คันนี้อาจจะมีปัญหาเรื่องคันเร่งก็ได้ครับ   

( เทียบกับ Accord 2.4L iVTECที่ซื้อให้ผบ.ใช้มา จะ 7 ปีแล้่ว   คันนั้นนี่ กดเข้าไปหา ตกใจยกคันเร่งไม่ยักจะมีอาการเร่งต่อแถมให้แบบคันที่ทดสอบเลย  แถมรถก็หนักกว่า ความเฉื่อยในการส่งแรงต่อมันก็ต้องมากกว่าอยู่แล้ว )

ส่วนเรื่องต้องการengine brake ผมจัดเองได้ แค่โยกเกียร์ลง -  ก็ได้ engine brakeแล้ว  อันนี้รู้เลย  แต่ขณะที่วิ่งอยู่แถวๆ 100 - 110 เนี่ย  แล้วยกคันเร่งขึ้น  ณ เวลานั้นมันมีอาการเหมือนกับเท้ายังอยู่บนคันเร่่งอยู่   เทียบกับJazz  ตัวแรกของน้องสาวผม มันไม่ได้มีนิสัยแบบนี้  ผมจึงไม่คิดว่าเป็นนิสัยของเกียร์ CVT เพราะถ้ามานั่งคิดถึงโครงสร้างของเกียร์อัตโนมัติที่ส่งผ่านแรงขับเคลื่อนผ่าน torque converterแล้ว  จะส่งต่อไปยังเกียร์ simpson หรือ เกียร์ CVT มันก็เป็นเรื่องราวเดียวกันไม่ต่างกันหรอกครับ  คือ ถ้ายกคันเร่ง แล้วคันเร่งมันตัดการจ่ายน้ำมัน ณ เวลานั้นจริงๆ อาการตื้อ หรือ ไหลเบาๆ ก็ต้องมีัให้สัมผัสได้  แต่นี่มันมีอาการเหมือนกับเท้ายังอยู่บนคันเร่งอยู่เลย  นั่นแปลว่า รถคันนี้คันเร่งไฟฟ้ามีปัญหาในเรื่อง lag time แล้วหละ  เพราะยกคันเร่งแล้ว ยังมีการจ่ายน้ำมันอยู่ 

****************************

ช่วงล่างว่าจัดมาดีอย่างไรก็ตามนะ  ผมว่าก็งั้นๆแหละ   มาวิ่งบนถนนเส้นที่ผมใช้ประจำๆทุกวัน ผมรู้สึกได้ว่าดีแค่ไหน  นุ่มแต่โยนเนี่ยมันเป็นนิสัยมาตรฐานของรถค่ายนี้อยู่แล้ว ( แข็งขึ้นแค่ไหน ผมขับดู ผมก็ยังว่านุ่มอยู่ดีแหละครับ แหะ แหะ  เสียดายเซลล์ขวัญอ่อน กลัวจะขาสั่น ก็เลยไม่อยากจะสาดโค้งดูว่าอะไรจริงไรบ้าง

แล้วก็เสียดายที่ไม่สามารถเอาไปลองได้ไกลกว่านั้น  เพราะถนนเส้นนี้จะมีอยู่ช่วงหนึ่งที่เป็นหลังเต่า  Camryรุ่นที่สาม เครื่อง 2.4L ของน้องที่ทำงาน ตอนซื้อมาใหม่ๆก็อยากให้ลองขับแล้วออกความเห็นให้บ้าง  ก็เอาไปลองตรงนี้ พอถึงจุดนี้ปุ๊บ รถก็มีอาการแวบบบออกข้างเบาๆ คนนั่งด้วยไม่รู้สึก แต่คนขับตอบได้  , ที่ตรงนี้พี่ที่ทำงานเคยหลับใน แล้วเอา camryรุ่นสองแวบขึ้นเกาะกลางซัดกับเสาไฟทางหลวง  แกก็บอกว่า ที่ตรงนี้เวลาขับผ่านทีไร รถมันจะแวบนิดๆทุกครั้ง  งวดนั้นดันหลับใน มันเลยแวบไม่นิดหละ   แต่Folk Ventoคันที่แกใช้ประจำ กลับไม่เคยแวบที่ตรงนี้เลย ไม่มีอาการให้จับพิรุธด้วย 

ปกติแล้ว ผมไม่เคยให้ความเชื่อถือกับช่วงล่างมาตรฐานเลย  เพราะรถในระดับราคาที่ชาวบ้านอย่างเราซื้อได้นี่ เราก็รู้ๆกันอยู่ว่าดีที่สุดทำได้แค่ไหน  เท่าที่ผ่านมารถเก๋งในอดีตทุกคันที่ผมขับ  ผมเปลี่ยนช่วงล่างหลักๆหมดแหละ รถนำเข้า รถประกอบในประเทศ ผมทำหมด  แม้แต่กระบะที่ขับนี่ ก็เปลี่ยนหมดทั้งTorsion bar , Leaf spring และ shock absorber 

ผมถึงบอกไงว่า สำหรับรถคันที่ผมทดลองขับเนี่ย คนใจถึงแต่มือไม่ถึงก็อาจจะเสี่ยงหน่อย โดยเฉพาะพวกใจถึงเกินเหตุ แต่ถ้ามือถึงใจถึง ก็เอาอยู่ไม่ยากหรอกครับ 

เดี๋ยวนี้รถมันขับง่ายกว่าสมัยก่อนเยอะนะครับ  ถ้าขับรถมารวมๆ เกือบๆ 800,000กม.แบบผม จะเข้าใจความรู้สึกของนิสัยการขับรถของผู้ร่วมทางว่าที่มันเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเรื่อยๆ  รถแรงขึ้น แต่ช่วงล่างแรงไม่ทันรถ   สิงห์ทางตรงเจอกันเป็นเรื่องปกติ  พอถึงทางโค้งก็ย่องๆเข้าโค้ง  พอเจอทางตรงก็อัดซะ   ,  รถมันขับง่ายไป ทักษะก็เลยไม่พัฒนา  เช่น จะU-turn บน highway ก็อ่านประเมินความเร็วของรถที่วิ่งมาในทางไม่ได้ , จะเปลี่ยนเลนออกมา ก็ประเมินความเร็วของรถที่ขับมาในเลนที่ตัวเองจะออกไปไม่ได้  มันถึงได้ชนท้ายกันประจำๆ

รถเก๋งยี่ห้อที่เป็นคู่แข่งกับโตโยต้ารุ่นหนึ่ง ( เครื่อง 1700 หรือ 1800 ไม่ได้ถามมา )  แฟนผมเคยนั่งของเพื่อนที่ทำงานขับให้นั่ง  แล้วก็มานั่งกระบะของผม เธอยังบอกว่าถ้าไม่นับเรื่องกระเทือนซางตามประสารถกระบะแล้ว  อาการของรถผมยังนิ่งกว่าเจ้าเก๋งคันนั้นเสียอีก  นั่งแล้วรู้สึกว่านิ่งกว่ากันเยอะ  จะเข้าโค้งก็ยัง firm กว่าเยอะ   ( จะบอกเธอเหมือนกันแหละว่า พี่ไปทำช่วงล่างมาหลายรอบ หมดไปหลายตังค์แล้ว แต่เป็นงบงุบงิบ  ถ้าทำมาแล้วมันไม่ดีขึ้นกว่าเดิม ก็คงจะไม่ไหวหรอก  เดิมเข้าโค้งแรงหน่อย ตูดก็จะออกข้างอยู่แล้ว ฮ่า ฮ่า )

ไม่ซีเรียสครับ 

อาจจะถอยรุ่น 2.0G ในปีหน้า  แก่แล้วขับกระบะ 4WDมานานเกินไปแล้ว  หลังเริ่มไม่ค่อยจะดี


ออฟไลน์ NineKlao

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,907
  • ชีวิตไม่ได้เป็นดังที่คิด ก็มันคือชีวิตนี่
Re: วันก่อนไปลองขับ new Altis 1.8G
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: ตุลาคม 21, 2010, 22:11:29 »
 ;D ตรงดีครับ

แต่ก็จริงน่ะ โต นี้ เข้าว่าแข็งขึ้นไง ผมนั่งแล้ว มันก็นิ่ม ๆ โยน ขนาด ติสที่ออกมาใหม่ ลองนั่งแท็กซี่

ผมก็ว่ามันนิ่มๆ โยนๆ อ่ะ ไม่หนึบๆ หนับๆ กับชาวบ้านเขาอยู่แล้ว

ไม่ต้องไปดู ฮอนเขา อันนั้นแต่ละรุ่นเขาเซทไม่เหมือนกัน รุ่นเดียวกันคนละปียังไม่เหมือนกันเลย

แถวบ้านผมก็มีโค้งให้ลองตรงถนนสายสี่ วิ่งขึ้นสะพานโค้งไปทางปิ่นเกล้า เคยลองไม่เกินร้อย

ไปได้ทุกรุ่นแต่ อาการโยน แถ จะไปพิงข้างทาง พี่โตอาการเยอะสุด รองมาก็ ฮอน จะออกตอนเกินร้อย

ริมิตรไม่เกิน ร้อยยี่นี้ มีสไรท์ ส่วนมาสด้า เข้าได้ เกินฮอนหน่อย แต่ไม่โยนเท่า

แต่ถ้าปรับช่วงล่าง หาโช้ค สปริง หนึบๆ มาใส่ ก็ได้ดีอีกระดับนึง น่ะ

ออฟไลน์ Dark Overlord

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,804
  • Hail to the darkside
Re: วันก่อนไปลองขับ new Altis 1.8G
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: ตุลาคม 21, 2010, 23:06:54 »
ผมว่า แต่งไปก็เปลืองเงินไปกับรถมากมายนะครับ น่าจะเอาเวลาไปฝึกปรือฝีมือการขับรถให้เทพๆ ดีกว่า
จะแข็งจะย้วย ขับได้เทพหมด drift ได้หมด โดยไม่แหกโค้งอะไรเงี้ย หรือถ้ารถมันพลิกง่าย ก็หัด
ขับสองล้อให้เก่งๆ จะได้โชว์อ๊อฟด้วย นอกเสียจากว่า เราจะรักรถคันนี้มากๆ อยากให้เค้าได้ใช้ Tein
อยากให้เค้าได้โน้นนี่ แบบนี้ก็จัดไป เพื่อความรัก แต่ถ้าเป็นประสิทธิภาพในการขับขี่ ผมจะนับถือคน
ที่ขับรถที่ไม่ดีให้ดีได้มากกว่านะ ประมาณว่าเทคนิคสูงว่างั้น หรือสามารถขับรถแรงม้าน้อยๆ ให้แข่งชนะ
รถแรงม้าเยอะๆ ได้ อย่างกับ ทาคุมิ ใน Initial D เลย เท่มากๆ ผมยังอยากไปเรียนเลย แต่กลัวตัวเองโง่
สอบไม่ผ่าน อายคนแย่เหมือนกัน สังเกตุดูสิครับ คนแต่งรถเก่งๆ ทุ่มเงินเยอะๆ น่ะ ได้เป็นแค่ตัวประกอบเอง
ต้องคนขับรถห่วยๆ แต่ฝีมือเก่ง นี่ล่ะสุดยอดพระเอกในใจเลย ถ้าแต่งเรื่องการ์ตูน ก็จะแต่งแบบนี้ล่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 21, 2010, 23:08:47 โดย ned »

ออฟไลน์ lucifer

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 61
    • FaceBook
    • อีเมล์
Re: วันก่อนไปลองขับ new Altis 1.8G
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: ตุลาคม 22, 2010, 02:38:22 »
ผมว่า แต่งไปก็เปลืองเงินไปกับรถมากมายนะครับ น่าจะเอาเวลาไปฝึกปรือฝีมือการขับรถให้เทพๆ ดีกว่า
จะแข็งจะย้วย ขับได้เทพหมด drift ได้หมด โดยไม่แหกโค้งอะไรเงี้ย หรือถ้ารถมันพลิกง่าย ก็หัด
ขับสองล้อให้เก่งๆ จะได้โชว์อ๊อฟด้วย นอกเสียจากว่า เราจะรักรถคันนี้มากๆ อยากให้เค้าได้ใช้ Tein
อยากให้เค้าได้โน้นนี่ แบบนี้ก็จัดไป เพื่อความรัก แต่ถ้าเป็นประสิทธิภาพในการขับขี่ ผมจะนับถือคน
ที่ขับรถที่ไม่ดีให้ดีได้มากกว่านะ ประมาณว่าเทคนิคสูงว่างั้น หรือสามารถขับรถแรงม้าน้อยๆ ให้แข่งชนะ
รถแรงม้าเยอะๆ ได้ อย่างกับ ทาคุมิ ใน Initial D เลย เท่มากๆ ผมยังอยากไปเรียนเลย แต่กลัวตัวเองโง่
สอบไม่ผ่าน อายคนแย่เหมือนกัน สังเกตุดูสิครับ คนแต่งรถเก่งๆ ทุ่มเงินเยอะๆ น่ะ ได้เป็นแค่ตัวประกอบเอง
ต้องคนขับรถห่วยๆ แต่ฝีมือเก่ง นี่ล่ะสุดยอดพระเอกในใจเลย ถ้าแต่งเรื่องการ์ตูน ก็จะแต่งแบบนี้ล่ะ

เอางั้นเลยหรือครับ ฮ่า ฮ่า  ผมไม่เคยอ่านหรอกนะ Initial D  วัยผมมันก็เลยเรื่องในจินตนาการแบบการ์ตูนญี่ปุ่นมาไกลแล้วครับ  อ่านหนะอ่านได้เพราะแย่งลูกอ่านบ่อยๆ แต่อ่านแล้วไม่อิน เพราะแยกจริงแยกเท็จ แยกตื่นแยกฝันได้

ผมว่านะ เข้าสู่โลกความจริงกันเถอะ

โก๋แก่รุ่นผมนี่ เติบโตกันมาจากรถแรงม้าไม่ถึง90ตัวนะครับ  ยางขอบ15นิ้วในยุคเป็นวัยรุ่นนี่ถือว่าเทพมากแล้ว ( เดี่ยวนี้ เด็กๆยังไม่ชำเลืองด้วยซ้ำไป )  ดังนั้นคำว่า"แรง"ในยุคผมนี่ คือ พวกเท้าหนักมือถึง วิ่งอยู่ 90 กล้าเชนจ์ลงเกียร์ 2 เพื่อจะไล่รอบให้ทะลุขีดแดงเพื่อจะยัด 3 ลากรอบต่อ  เครื่องใหญ่ๆเจอเครื่องเล็กสวนกันตอนจะแย่งเลนส์กันเลี้ยวก็ออกบ่อยไปครับ 


รถที่มีข้อจำกัดมากมาย มันขับแล้วเหนื่อยนะครับ  ผมว่าคนรุ่นใหม่ๆน้อยคนที่จะมีโอกาสได้ขับรถกระบะพวงมาลัยลูกปืนหมุนวนหลวมๆ ที่โยกพวงมาลัยเล่นได้โดยที่ล้อไม่ขยับบนถนนลูกรังเปื้อนฝุ่นแบบที่ผมเคยมาหรอกนะครับ

เช่นกันแหละ รถที่ช่วงล่างให้ชวนสงสัยนั้น ข้อจำกัดของรถมันอาจจะไม่ได้มากมายนักหรอก  แต่ในบางสถานะการณ์บางครั้งมันก็ทะลุข้อจำกัดนะครับ  ฝีมือเทพๆหนะผมไม่ทราบหรอกว่าเป็นอย่างไร  แต่ที่เห็นลงไปข้างทางกันก็เยอะแล้ว     ก็ฝีมือเทพแต่รถมันไม่เทพด้วย  สั่งแล้วมันไม่ตาม คิดว่าอาการนี้คงไม่อยากจะเคยเจอหรอกนะครับ  กระบี่อยู่ที่ใจมันมีแต่ในนิยายครับ ชีวิตจริงๆแล้วจอมยุทธใช้กระบี่เหล็กขึ้นสนิมไม่ได้หรอก แค่สะบัดมันก็หักแล้ว ฮ่า ฮ่า

รถที่ผมไม่แตะเลย ทุกอย่างเป็นแสตนดาร์ดหมด ก็คือรถของแฟน  เพราะของเดิมๆจากโรงงานเพียงพอสำหรับการใช้งานหลักในกทม. และความเร็วบนทางหลวงในระดับความเร็วไม่เกิน 150 กม/ชม.ได้สบายๆ

แต่รถทุกคัน ก็มีข้อจำกัดทั้งสิ้นแหละครับ  โดยเฉพาะรถที่ผลิตจากโรงงานเชื้อชาติญี่ปุ่นในบ้านเรา  ข้อจำกัดมันค่อนข้างจะมากซะด้วย  เก่งแค่ไหน เทคนิคดีแค่ไหน มือถืงแค่ไหน เวลาเจอกับบางสถานะการณ์ ก็จะทราบเองหละครับ ว่าสั่งแล้วรถมันไม่ตาม มันเป็นอย่างไร

ไม่อยากแต่งช่วงล่าง ก็อย่าขับรถเร็ว  เข้าโค้งก็อย่าสาดเข้าไป  
ไม่อยากถูกตำรวจทางหลวงใช้เลเซอร์ยิง ใช้เรแบนส่อง ก็อย่าขับเร็ว  
ถ้าขับไม่เร็วแล้ว อะไรก็ขับได้ทั้งนั้นแหละครับ จริงหรือเปล่าหละ

ไม่เคยสงสัยบ้างเลยหรือครับว่า ทำไมช่วงล่างแบบstreet version ถึงเข้าโค้งได้ไม่รุนแรงเท่ากับพวก racing version 
แล้วทำไมพวกรถแข่งถึงไม่ยอมใช้ช่วงล่างแบบรถบ้าน  ทั้งๆที่นักแข่งแต่ละคนฝีมือเทพๆกันทั้งนั้น
ก็เพราะว่าขีดจำกัดของช่วงล่างในรถแข่งมันไปได้ไกลกว่ากันเยอะ  ไม่มีใครเขาอยากเอาชีวิตไปเสี่ยงกับช่วงล่างที่สั่งได้แต่ไม่ยอมทำตาม

เพราะชีวิตจริง มันเจ็บจริง แล้วก็ตายจริง ไม่เหมือนกับการ์ตูน รถคว่ำซะ ออกมาชู 2 นิ้วอวดคนดูยังกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 22, 2010, 03:23:03 โดย lucifer »

ออฟไลน์ Dark Overlord

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,804
  • Hail to the darkside
Re: วันก่อนไปลองขับ new Altis 1.8G
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: ตุลาคม 22, 2010, 08:51:40 »
ผมว่า แต่งไปก็เปลืองเงินไปกับรถมากมายนะครับ น่าจะเอาเวลาไปฝึกปรือฝีมือการขับรถให้เทพๆ ดีกว่า
จะแข็งจะย้วย ขับได้เทพหมด drift ได้หมด โดยไม่แหกโค้งอะไรเงี้ย หรือถ้ารถมันพลิกง่าย ก็หัด
ขับสองล้อให้เก่งๆ จะได้โชว์อ๊อฟด้วย นอกเสียจากว่า เราจะรักรถคันนี้มากๆ อยากให้เค้าได้ใช้ Tein
อยากให้เค้าได้โน้นนี่ แบบนี้ก็จัดไป เพื่อความรัก แต่ถ้าเป็นประสิทธิภาพในการขับขี่ ผมจะนับถือคน
ที่ขับรถที่ไม่ดีให้ดีได้มากกว่านะ ประมาณว่าเทคนิคสูงว่างั้น หรือสามารถขับรถแรงม้าน้อยๆ ให้แข่งชนะ
รถแรงม้าเยอะๆ ได้ อย่างกับ ทาคุมิ ใน Initial D เลย เท่มากๆ ผมยังอยากไปเรียนเลย แต่กลัวตัวเองโง่
สอบไม่ผ่าน อายคนแย่เหมือนกัน สังเกตุดูสิครับ คนแต่งรถเก่งๆ ทุ่มเงินเยอะๆ น่ะ ได้เป็นแค่ตัวประกอบเอง
ต้องคนขับรถห่วยๆ แต่ฝีมือเก่ง นี่ล่ะสุดยอดพระเอกในใจเลย ถ้าแต่งเรื่องการ์ตูน ก็จะแต่งแบบนี้ล่ะ

เอางั้นเลยหรือครับ ฮ่า ฮ่า  ผมไม่เคยอ่านหรอกนะ Initial D  วัยผมมันก็เลยเรื่องในจินตนาการแบบการ์ตูนญี่ปุ่นมาไกลแล้วครับ  อ่านหนะอ่านได้เพราะแย่งลูกอ่านบ่อยๆ แต่อ่านแล้วไม่อิน เพราะแยกจริงแยกเท็จ แยกตื่นแยกฝันได้

ผมว่านะ เข้าสู่โลกความจริงกันเถอะ

โก๋แก่รุ่นผมนี่ เติบโตกันมาจากรถแรงม้าไม่ถึง90ตัวนะครับ  ยางขอบ15นิ้วในยุคเป็นวัยรุ่นนี่ถือว่าเทพมากแล้ว ( เดี่ยวนี้ เด็กๆยังไม่ชำเลืองด้วยซ้ำไป )  ดังนั้นคำว่า"แรง"ในยุคผมนี่ คือ พวกเท้าหนักมือถึง วิ่งอยู่ 90 กล้าเชนจ์ลงเกียร์ 2 เพื่อจะไล่รอบให้ทะลุขีดแดงเพื่อจะยัด 3 ลากรอบต่อ  เครื่องใหญ่ๆเจอเครื่องเล็กสวนกันตอนจะแย่งเลนส์กันเลี้ยวก็ออกบ่อยไปครับ 


รถที่มีข้อจำกัดมากมาย มันขับแล้วเหนื่อยนะครับ  ผมว่าคนรุ่นใหม่ๆน้อยคนที่จะมีโอกาสได้ขับรถกระบะพวงมาลัยลูกปืนหมุนวนหลวมๆ ที่โยกพวงมาลัยเล่นได้โดยที่ล้อไม่ขยับบนถนนลูกรังเปื้อนฝุ่นแบบที่ผมเคยมาหรอกนะครับ

เช่นกันแหละ รถที่ช่วงล่างให้ชวนสงสัยนั้น ข้อจำกัดของรถมันอาจจะไม่ได้มากมายนักหรอก  แต่ในบางสถานะการณ์บางครั้งมันก็ทะลุข้อจำกัดนะครับ  ฝีมือเทพๆหนะผมไม่ทราบหรอกว่าเป็นอย่างไร  แต่ที่เห็นลงไปข้างทางกันก็เยอะแล้ว     ก็ฝีมือเทพแต่รถมันไม่เทพด้วย  สั่งแล้วมันไม่ตาม คิดว่าอาการนี้คงไม่อยากจะเคยเจอหรอกนะครับ  กระบี่อยู่ที่ใจมันมีแต่ในนิยายครับ ชีวิตจริงๆแล้วจอมยุทธใช้กระบี่เหล็กขึ้นสนิมไม่ได้หรอก แค่สะบัดมันก็หักแล้ว ฮ่า ฮ่า

รถที่ผมไม่แตะเลย ทุกอย่างเป็นแสตนดาร์ดหมด ก็คือรถของแฟน  เพราะของเดิมๆจากโรงงานเพียงพอสำหรับการใช้งานหลักในกทม. และความเร็วบนทางหลวงในระดับความเร็วไม่เกิน 150 กม/ชม.ได้สบายๆ

แต่รถทุกคัน ก็มีข้อจำกัดทั้งสิ้นแหละครับ  โดยเฉพาะรถที่ผลิตจากโรงงานเชื้อชาติญี่ปุ่นในบ้านเรา  ข้อจำกัดมันค่อนข้างจะมากซะด้วย  เก่งแค่ไหน เทคนิคดีแค่ไหน มือถืงแค่ไหน เวลาเจอกับบางสถานะการณ์ ก็จะทราบเองหละครับ ว่าสั่งแล้วรถมันไม่ตาม มันเป็นอย่างไร

ไม่อยากแต่งช่วงล่าง ก็อย่าขับรถเร็ว  เข้าโค้งก็อย่าสาดเข้าไป  
ไม่อยากถูกตำรวจทางหลวงใช้เลเซอร์ยิง ใช้เรแบนส่อง ก็อย่าขับเร็ว  
ถ้าขับไม่เร็วแล้ว อะไรก็ขับได้ทั้งนั้นแหละครับ จริงหรือเปล่าหละ

ไม่เคยสงสัยบ้างเลยหรือครับว่า ทำไมช่วงล่างแบบstreet version ถึงเข้าโค้งได้ไม่รุนแรงเท่ากับพวก racing version 
แล้วทำไมพวกรถแข่งถึงไม่ยอมใช้ช่วงล่างแบบรถบ้าน  ทั้งๆที่นักแข่งแต่ละคนฝีมือเทพๆกันทั้งนั้น
ก็เพราะว่าขีดจำกัดของช่วงล่างในรถแข่งมันไปได้ไกลกว่ากันเยอะ  ไม่มีใครเขาอยากเอาชีวิตไปเสี่ยงกับช่วงล่างที่สั่งได้แต่ไม่ยอมทำตาม

เพราะชีวิตจริง มันเจ็บจริง แล้วก็ตายจริง ไม่เหมือนกับการ์ตูน รถคว่ำซะ ออกมาชู 2 นิ้วอวดคนดูยังกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น


งะ ไม่อ่านได้ไงครับ Initial D มันอยู่ในจิตวิญญาณของคนรักรถเลยนะ

พวกที่ลงข้างทางน่ะ คือ โคตรไม่เทพเลยครับ ขับห่วยกว่าพวกเราๆ อีก จริงมะ
อย่างเราๆ ขับรถปกติ หรือจะขับรถเร็ว จะซอกแซก หรือจะ จอด จะแทรก จะเบียด
ตลอดอายุการใช้งาน ไม่เคย เฉี่ยว ชน อะไรซักครั้ง ระดับนี้ ถือว่าเรื่องปกติของเราๆ

การขับรถเทพคือ ตัวเรากับเรา เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน รู้จุดอ่อนของมัน มันก็รู้จุดอ่อนเรา..เฮ้ย รถผีสิงแล้ว
เอาเป็นว่าเรารู้จักมันเป็นอย่างดี ถ้ายิ่งเทพ แค่ได้สัมผัสกับรถใหม่ๆ ขับไม่กี่นาที ก็เข้าถึงเราได้
การบังคับควบคุม สามารถบังคับได้ภายในลิมิตของตัวรถ แต่ก็สามารถใช้ เทคนิคชั้นสูงของเรา ทำให้
รถขับได้เหนือชั้ันกว่าลิมิตของมันได้ อย่างรถที่ไม่ใส่ ABS มา เราสามารถใช้ ABS มนุษย์ได้ ในการใช้จังหวะ
การเบรคขั้นเทพ ผมถึงบอกว่า อย่างเราๆ ท่านๆ ที่ขับกันปกติ แต่เน้นแต่งรถจนมากเกินไป ที่จริง มันยัง
มีอีกด้านก็คือ เราสามารถเพิ่มความสามารถของเราเองได้ นี่คือโลกแห่งความเป็นจริง และโรงเรียนที่สอน
ให้ขับระดับเหนือขึ้นไปนั้นมันก็มี เรื่องการ์ตูนอ่านแล้วไม่อิน เพราะเป็นการ์ตูนที่เขียนโดยคนไม่ฉลาดรึเปล่าครับ
ถ้าคนฉลาดอ่าน มันก็จะไม่อินไง เหมือนหนังที่ทำมาโง่ๆ คนทั่วไปดู ก็แหวะ เอาเปล่าๆ แต่ที่สำคัญ การ์ตูน
ที่เขียนโดยคนฉลาดๆ ซึ่งเราไม่รู้หรอกว่เรื่องไหนเขียนฉลาด จนกว่าเราจะได้อ่านบทวิจารณ์ หรือลองอ่านดูก่อน
การ์ตูนเป็นพื้นฐานของความคิดสร้างสรรค์ที่สำคัญ ซึ่งคนไทยไม่ใส่ใจตรงนี้เลย ข้อลบของการไม่มีจินตนาการหรือ
ความคิดสร้างสรรค์ มีอะไรบ้าง ก็น่าจะเคยได้ยินกันมาเยอะแยะนะครับ ลูกคุณlucifer อ่านการ์ตูนน่ะดีแล้ว แต่ต้อง
ช่วยเค้าดูด้วย ว่าการ์ตูนที่เค้าอ่าน การวางเนื้อเรื่อง การดำเนินเรื่อง มันชวนให้สมองทื่อขึ้น หรือฉลาดขึ้น มันมีจริงๆ
นะครับ เหมือนกับหนังคนแสดงนี่แหล่ะ หนังบางประเภทดูไปมากๆ หัวคนดูมันทื่อขึ้นจริงๆ หนังบางประเภทดูแล้ว
ทำให้สมองลื่นไหล คิดอ่าน และมีจินตนาการที่ฉลาดขึ้น

ย้ำอีกทีคนที่ขับรถลงข้างทาง คนที่มองไลน์ถนนไม่ออก อยู่กับรถมาซักระยะ แต่ยังอ่านและรู้จักตัวรถ
ไม่ขาด จนขับแล้วเกิดความผิดพลาด คนเหล่านี้ระดับการขับต่ำกว่าธรรมดาครับ ไม่นับเรื่องคราวเคราะห์หรืออุบัติเหตุ
นะ นั่นอีกเรื่อง ไม่เกี่ยวกัน ส่วนคนที่จะขับเก่งไปเลย เค้าดูอาการของรถ เค้ารู้ว่าทำอะไรได้แค่ไหน แล้วจะใช้เทคนิค
อะไรขับให้รถเหนือกว่าระดับของมันไปอีกขั้น โดยที่รถไม่มีปัญหา ขับรถแรงน้อยให้ชนะรถแรงเยอะก็ทำได้ ทางตรง
คงทำไม่ได้ แต่ถ้ามีสถานที่ที่เหมาะสม หรือมีสภาพแวดล้อมอำนวย ถ้าทำได้ กับรถเดิมๆ แปลว่า คนนั้นก็ขั้นเทพแล้ว
ล่ะ ซึ่งประเทศเราน่ะมีเยอะแยะ มันไม่ใช่ความฝันหรือจินตนาการเลย Initial D เป็นการ์ตูนที่ได้รับคำชมเชยว่าเหมือน
จริงที่สุด วางเนื้อเรื่อง โครงเรื่องได้ฉลาด อ่านแล้วได้จินตนาการ และพัฒนาความคิดและสมอง

ออฟไลน์ lucifer

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 61
    • FaceBook
    • อีเมล์
Re: วันก่อนไปลองขับ new Altis 1.8G
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: ตุลาคม 22, 2010, 10:08:19 »
รักรถ หลงไหลรถนี่  มันเลยไปนานแล้วสำหรับผมครับ  ได้ใบขับขี่ชั่วคราวปี 2524 ( คนยุคนั้นขับรถเป็นกันก่อนได้ใบขับขี่กันแล้วครับ ) ได้ใบขับขี่ตลอดชีพตอนปี 2526 
หนังสือรถยนต์ นิตยสาร ตำราจูนเวปเบอร์ ความรู้เรื่องระบบไฟฟ้า พวกนี้เก็บสะสมจนปลวกเข้ามาแทะไปเยอะแล้ว   วันอาทิตย์ทีก็นั่งจูน เวปเบอร์ 40DCOE 4ท่อให้มันดูดได้เท่าๆกัน  เช็คไฟจุดระเบิดเอง แรงโดยไม่เขก อะไรพวกนี้  (​รถสมัยนี้ทำเองไม่ได้ง่ายๆเหมือนกับสมัยก่อน เซ็งพิลึก )

คนเรา พออายุมากขึ้น จะมองอะไรในเรื่องของความจริงมากกว่าเรื่องของจินตนาการ ( คนแก่จินตนาการสู้คนหนุ่มไม่ได้ )  มุมมองจะเน้นไปที่สิ่งที่เป็นได้จริงๆ มีโอกาสทำได้จริงๆ โดยมีความเสี่ยงน้อยที่สุด เรากำลังพูดถึงเรื่อง safety margin ซึ่งเป็นเรื่องที่หลายคนให้ความสำคัญ 

การ์ตูนแต่งโดยคนที่มีความรู้เรื่องรถก็ได้ เข้าใจเรื่องของรถก็ดี ก็สามารถเรียบเรียงออกมาเป็นเรื่องราวที่ไม่ขัดกับความรู้สึกของเรา  เราจึงยอมรับมันได้ครับ 
การ์ตูนบางเรื่องแต่งโดยจินตนาการ อยู่เหนือข้อเท็จจริงทั้งปวง เรารู้ว่าเป็นเรื่องโกหก แต่เราก็ยังอ่านมันได้ เพราะมันไม่มีข้อเท็จจริงให้เราโต้แย้ง เพราะเรายอมรับมันตั้งแต่แรกทีอ่านแล้วว่า มันคือเรื่องเหนือข้อเท็จจริง
การ์ตูนบางเรื่อง เริ่มต้นแบบนี้ วนมาแบบนี้  แล้วก็จะมาเริ่มepisodeใหม่แล้ววนในลักษณะเดิมอีก อ่านไม่กี่เล่ม ก็เดาตอนจบได้ บางทีก็ไม่อยากอ่าน
หนังบางเรื่อง อย่างTransformer ซึ่งผู้กำกับคนนี้มาฟอร์มเดิม ระเบิดภูเขา เผากระท่อม ดูจนจำลีลาได้ เราก็ยังดูได้ ไม่ขัดไม่ขืนความรู้สึก เพราะรู้อยู่แล้วว่ามันเป็นเรื่องจินตนาการ ไม่ได้ตั้งอยู่บนข้อเท็จจริง


ผมไม่เคยคัดค้านการอ่านการ์ตูนนะครับ  ลูกผมมีเสรีในการอ่านได้เต็มที่ เพราะเราไม่เคยต้องปิดบังอะไรเขา เขาจึงไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไรเราเช่นกัน  เรื่องอ่านการ์ตูนนี่ ลูกผมรู้ว่าในอตีตผมคือนักอ่านการ์ตูนตัวยง หนังสือการ์ตูนเอาไปบริจาคให้เด็กกำพร้า เด็กด้อยโอกาส ( คัดก่อนให้นะครับ ) ใส่รถเก๋ง น้ำหนักมากพอที่จะกดให้ท้ายยุบลงมาจนยางเกือบถึงขอบบังโกลน

หลักการเลี้ยงลูกนี่ ต้องพูดกันยาวครับ เล่มเดียวไม่พอด้วยซ้ำไป โดยเฉพาะการเลี้ยงลูกหนึ่งคนตั้งแต่เกิดจนใกล้จะสอบเข้ามหาวิทยาลัย มันมีเรื่องเล็กๆน้อยๆ จนถึงเรื่องใหญ่ๆ ผ่านเข้ามาในชีวิตเรามากมาย 
มีลูกสักคนแล้วจะเข้าใจโลกใบนี้ขึ้นอีกเยอะ เข้าใจเรื่องของชีวิตจริงกับเรื่องของนิยายมากขึ้น

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ถนนหลายๆเส้นที่เตือนความเร็วขั้นสูงไว้ เช่น ทางโค้ง จริงๆแล้วมืออย่างพวกเราขับกันนี่ ก็สามารถใส่เข้าไปได้ถึง 3 เท่าของความเร็วบนป้ายเตือน โดยที่ยังไม่มีปัญหาใดๆ นั่นคือ ผู้วางป้ายเตือนได้กำหนด safety ไว้ระดับหนึ่งแล้ว   อย่างโค้งสะพานต่างระดับราชชนนีเทเข้าเพชรเกษมก่อนถึงนครไชยศรี  ตรงนั้นถ้าโล่งๆนี่ สำหรับเจ้าแก่ของผมนี่ ผมใส่เข้าไปถึง 90 กม/ชม.เป็นประจำ  ก็มันเป็นเส้นทางที่ผมขับมากว่า 16ปีแล้ว     ถามว่าจะให้เข้าถึง 100 กม/ชมได้ไหม ก็เคย แต่รถจะเริ่มออกอาการแถๆนิดๆ ซึ่งเป็นคำเตือนให้เรารับรู้ว่ามันกำลังจะเลยข้อจำกัดไปไกลแล้ว เพราะแค่ 90 กม/ชม. ผมก็ได้ยินเสียงยางเบียดถนนดังเอี๊ยดๆประจำ  ยางAll Terrent ไม่ใช่ยางรถสปอร์ต เข้าได้เท่านี้ก็หรูแล้ว  รถเก๋งร่วมทางส่วนใหญ่ทั้งเบรค ทั้งหยอด รถดีกว่าเรา แต่ย่องเข้าไป คิดเอาเองก็แล้วกัน

เรื่องของความชำนาญ และความคุ้นเคยกับรถ ขับจนรู้นิสัย ขับจนรู้ใจ ยกตัวอย่างStrada 4WD คันก่อนที่ผมขับมาแสนกว่ากม.ก่อนเปลี่ยนเป็นคันปัจจุบัน  ไอ้นั่นไม่มีABS หรอกครับ  ขับรถที่ไม่มีABSมาก็เยอะ ก่อนจะเลิกขับเก๋งมาควบ 4WDนี่ ก็ใช้รถที่มี ABSมาสองคัน  เจ้าโย่งนี่พอเจอถนนลื่นนิด แตะเบรคหน่อย ยาง31"ก็ยังเอาไม่อยู่  ท้ายมันจะปัดไปทางขวาทุกครั้งที่กระแทกเบรคแรงๆ จนเป็นนิสัยถาวรของมัน  เอาเป็นว่าเบรคเมื่อไหร่ ท้ายเริ่มเป๋ ก็ถอนคันเร่งแล้วคืนพวงมาลัยได้ทุกที แล้วก็ส่งต่อ   

หรืออย่าง 200SX โฉมก่อนเปลี่ยนเป็น ซิลเวียร์นั่น ก็เคยสอนมวยให้รถยุโรปนำเข้าต้องอายในเส้นทางลี้-เถินที่โค้งพับไปพับมา โดยใช้ช่วงล่างและยางเดืมๆจากโรงงาน  นั่นก็เป็นเรื่องของความคุ้นเคยกับอาการของรถที่สั่งตัดโค้ง เร่งส่ง ถอนดึง โยกพวงมาลัยในเส้นทางที่คดเคี้ยว  ถามว่าถ้าให้ผมขับรถตู้แล้วสาดเข้าออกเหมือนกับ 200SXที่เคยขับมา  ผมก็บอกว่าถึงขับได้ผมก็ไม่ขับ ขับแล้วเหนื่อย ลงมาจากรถแล้วเมื่อยไปทั้งตัวจะมีความสุขอะไร 

ถ้าขับรถแล้วเครียด ก็ไม่ควรขับครับ  มันไม่มีความสุข มันเหนื่อย


ผมเจอบ่อยไป รถธรรมดา คนขับแบบเทพ ที่ชอบใส่มันเกินข้อจำกัดของมันบ่อยๆ  อย่าลืมนะครับว่า คนจริงๆเหนื่อยเป็น แล้วการขับรถจริงๆนั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่จบภายในไม่กี่ช่องเหมือนการ์ตูน  ยกตัวอย่าง ผมขับรถจากสะพานเมืองปาย จนถึงหน้าประตูเมืองเข้าแม่ฮ่องสอน  ทั้งหมดใช้เวลารวมกัน 2 ชม.เป๊ะ ( แวะซื้อของอุดหนุนคนไทยภูเขาแป๊บหนึ่งสั้นๆ 5นาที) บนรถกระบะ4WDคันปัจจุบันซึ่งทำช่วงล่างมาแล้วระดับหนึ่ง  เจ้าถิ่นที่ใช้กระบะช่วงล่างธรรมดา ยางแคบกว่านี้เขาก็ทำได้ ( 2 ชม.จากปายมาแม่ฮ่องสอน คือเวลามาตรฐานที่เขาทำกันสำหรับคนถิ่นนี้ )  สิ่งที่แตกต่างกันกคือ ลงมาจากรถ ผมยังหัวเราะสบายๆ แต่เจ้าถิ่นยิ้มเจื่อนๆ

มันเหนื่อยต่างกันครับ

ความชำนาญในระดับที่คนกับรถหลอมรวมกันนี่ ( พูดยังกับนิยายกำลังภายในเลย ลี้คิมฮวงหลอมรวมกับมีดสั้น ) มันเกิดได้ในช่วงเวลาที่จำกัดครับ  พอเหนื่อยมากขึ้น ก็จะเริ่มล้า  แล้วเมื่อนั้น รถมันจะนำหน้าคนไปก่อน  ถ้าเมื่อไหร่ที่มันนำหน้าเราไปเกิน 1 ก้าว เมื่อนั้นก็ถึงจุดอันตราย 

การปรับเปลี่ยนอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัย กับการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์เพื่อความโก้เก๋ มันมีจุดมุ่งหมายที่แตกต่างกันครับ 

**************************************************

เคยเล่นเกมส์ตู้ Daytona บ้างป่าวครับ   สนุกกว่าขับรถจริงๆเยอะ เพราะชนแล้วไม่ตาย  ขับดริฟท์ในโค้งกันเป็นว่าเล่น สาดเข้าไปได้เลย แถมพวงมาลัยมันยังสั่นและหนักได้ใจเหมือนกับขับรถบนถนนอีก

ออฟไลน์ singving

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 132
    • อีเมล์
Re: วันก่อนไปลองขับ new Altis 1.8G
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: ตุลาคม 22, 2010, 10:09:23 »
ผมได้ลองขับรุ่น 1.8 G   MC    สรุปได้คือ

เท่าที่สัมผัสได้ในช่วง Test drive สั้นๆ

1. อัตราเร่ง ,การตอบสนอง  ของเครืองยนต์   ดีขึ้นมาก  เผลอๆดีกว่าทุกรุ่นในพิกัด 1800 cc
2. พวงมาลัย  หนักขึ้นอีกนิด   ดีกว่าตัวเก่า  แต่ยังเป็นรอง EX,Focus
3. ช่วงล่างหนึบขึ้นอีกระดับ   แต่ยังเป็นรอง EX,Focus
4. การตอบสนองของ Gear ทำได้ดีมาก   Smooth  Smooth

สรุปจุดเด่นคือออกแบบห้องโดยสารได้   หรูหรา  กว้างขวาง  สบาย  ห้องโดยสารเงียบดี   เครื่องยนต์  การตอบสนองดี   คิดว่าน่าจะหยัดน้ำมันดีนะ

จุดเสนอแนะ
1. คิดค่า Minor change และ Marketing หนักไปหน่อย
2. ราคาระดับนี้   น่าจะทำช่วงล่างให้เทียบเคียงกับคู่แข่งได้นะ


เรื่องสรรถนะของเครื่องยนต์ Options  ต่างๆ ชนะคู่แข่งอยู่แล้วววววววววว
ตามแบบฉบับของพี่โต.......................


 

ออฟไลน์ zzzz

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 23
Re: วันก่อนไปลองขับ new Altis 1.8G
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: ตุลาคม 22, 2010, 10:56:54 »
ลงข้างทางนะ ถนนหลังนิคมผมมีให้เห็นทุกวันที่ฝนตก ที่ บ. ก็เคยมีคนลงไปอยู่เนืองๆ ก็ถนนมันลื่นขนาดนั้น
พวกเขาก็ไม่ได้ขับรถไม่เป็นหรือไม่เทพนะครับ และระดับการขับก็ไม่ได้ต่ำกว่ามาตรฐานด้วย
แต่มันเกิดจากปัจจัยประกอปหลายๆด้าน+ดวง...อันนี้สำคัญ...555
บางส่วนที่ไม่คุ้นถนน แต่ขับเร็วแล้วเกิดเหตุ
ที่เห็นร่วงบ่อยๆก็รถกระบะส่งของ อันนี้ถือว่าประมาท
แต่เขาก็มีเหตุผลของเขาที่ต้องรีบทำรอบ เพราะนายสั่ง...
เราระวัง บางที่ลอยมาจากฝั่งตรงข้ามก็มี อันนี้ดวงล้วนๆ
คนพลาดแล้วอย่าไปว่ากันลยครับ...
แต่งรถเพื่อเพิ่มความสามารถของรถเนีี่ย น่าสนับสนุนครับ
ขวานทื่อๆ สับฟืนก็ขาดได้เหมือนกันกับขวานคมๆ แต่คนสับนะเหนื่อยต่างกันนะครับ
แต่ถ้าแรงเหลือ ก็ไม่ว่ากัน...ไม่หนุ่มเหลือน้อยไม่รู้หรอก...ไม่เชื่อลองดูดิ.....อิอิ

สงสัยจะเจอคนรุ่นเดียวกันแฮะ...555
In D นะการตูนก็ไม่ได้อ่านเหมือนกัน...เคยได้ดูแต่หนัง นางเอกหน้าตาใสๆดี...
90แรงสมัยผมนี่แรงมากแล้วครับสำรับรถที่ปุถุชนเข้าถึงในยุกภาษีแพงมหาโหด
civic ท้ายแดง รุ่นพิเศษ LXs คาร์บิวคู่ 91 แรงม้า ตอนนั้นออกมาใหม่ๆ ได้ลองแล้วติดใจความแรงมากๆ
ตอนนั้นใช้ alfa sud เครื่อง boxer อยู่ 70 แรงม้า ว่ามันก็พอตัวนะ มาเจอ 90 แรงตัวนี้ เหนือชั้นจริงๆ...555
หลังๆมาเจอ nissan RZ1 ข่ม 121 แรง...555...ยุกนั้นเหมือนจะแข่งกันที่แรงม้านะ
ขนาดกระบะบางยี่ห้อ ยังต้องเอาแรงม้ามาติดโชว์เลย 87 แรงนะเฟ้ย...ต่อมาก็ 89 และ 90 แรง...555

เข้าเรื่อง
altis ตัวนี้ชอบเป็นการส่วนตัวตั้งแต่มันออกมา
เนื่องจากการที่มันสามารถตอบโจทย์ในเรื่องการใช้งานได้ดี
กว้างขวาง ขับเร็วได้ ขับในเมืองดี ซ่อมง่าย ขายต่อแพง...บลาๆๆๆๆ
แต่ก็ไม่ได้ซื้อมาใช้ทั้งที่ชอบ
กับตัว CVT นี่อยากลองขับดูมั่งจัง คงต้องหาจังหวะไปลองดู
แต่กับตัวเดิม ผมสนับสนุนอีก1เสียงว่าช่วงล่างมันนิ่ม ออกย้วยๆ กับเบรกความรู้สึกโหวงๆนะครับ
รักเต่า ใช้เต่า

ออฟไลน์ อืม...นะ

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 648
  • Spirit of the "R"
Re: วันก่อนไปลองขับ new Altis 1.8G
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: ตุลาคม 22, 2010, 11:20:12 »
การ์ตูนคือการ์ตูนครับ ชีวิตจริงก็ส่วนชีวิตจริง
ในการ์ตูนช่วงเวลา 2-3 วิคนเขียนเค้าก็สามารถลากเขียนได้เป็น10 หน้า
ในชีวิตจริงล่ะ มันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ

การขับบนถนนก็เหมือนกัน ถึงคนขับรถจะเก่งแค่ไหน
มาขับบนถนนเมืองไทยโอกาสพลาดโอกาสตายมันก็ไม่ต่างกันมากเท่าไหร่หรอกครับ
เราขับดีคนอื่นขับแย่ๆมาเบียดหรือมาชนเราตกถนนตายก็ได้
ตกถนนไปรถคว่ำรถพลิก พวกพิสูจน์หลักฐานมาดูก็ไม่รู้แล้วว่ารถคันนี้ตกถนนเองหรือโดนเบียด
เพราะรถมันเละไปแล้ว หรืออาจจะไหม้อาจจะระเบิดไปแล้ว
นอกจากนั้นยังมีในเรื่องของปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้อีกมากมาย
ไม่ว่าจะเป็นความห่วยของพื้นถนน กรวดทรายหรือคราบน้ำมันบนพื้นถนน
ซึ่งถึงจะอ่านไลน์มาดีแล้ว แต่ขับมาเร็วๆมันมองไม่เห็นพวกกรวดทรายเล็กๆบนพื้นถนนหรอกครับ
ไหนจะความมักง่ายเห็นแก่ตัวหรือความห่วยของคนขับรถคันอื่นๆ
พวกนี้มันเป็นปัจจัยที่ยากจะคาดเดา ถึงเราจะรู้ลิมิตรถตัวเอง
แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะหลีกเลี่ยงพวกนี้ได้หมดตลอดไปนะครับ

ดูอย่างคนญี่ปุ่นที่ขับรถโตโยต้าตัวแรงๆที่ชนเสียชีวิตไปเมื่อไม่นานมานี้สิครับ
(ต้องขออภัยจริงๆ ผมไม่ทราบชื่อครับ) คนนั้นเค้าก็ต้องมีประสบการณ์ขับรถมามาก
ผมว่ามันก็น่าจะเข้าขั้นระดับเซียนได้แล้วล่ะครับ สุดท้ายก็เสียชีวิตเพราะรถชนเหมือนกัน

เราอาจจะไม่เคยตกข้างทาง หรือไม่เคยชน
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะขับรถเก่งกว่าคนที่เค้าขับตกข้างทางหรือขับชนเสมอไปหรอกครับ
เพราะพวกนั้นส่วนนึงก็อาจจะเกิดจากปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ก็ได้
คงไม่ได้เกิดจากความคะนองหรือไม่เซียนยทั้ง 100% หรอกครับ
ไม่อย่างนั้นพวกแม่บ้านที่ขับรุไม่เคยเกิน 60 กม./ชม. ก็คงจะเทพสุดๆแล้วล่ะครับ
เพราะพวกนี้คงไม่ขับรถตกถนนหรอก จริงมั๊ย

เรื่องการอัพเกรดรถขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นช่วงล่าง เบรค ก็เป็นการเพิ่มลิมิตให้รถคันนั้น
เพราะรถที่ผลิตขายเป็น mass เค้าคงไม่ลงทุนหลักแสนเพื่อช่วงล่างที่ดีที่สุดให้เราหรอกครับ
จริงอยู่ที่คนที่สามารถใช้รถอย่างถึงลิมิตเป็นคนที่เก่ง
แต่ลิมิตมันก็ถูกจำกัดอยู่ ณ จุดๆนึงที่ช่วงล่างธรรมดาจะรับได้
ถ้าเรามีการอัพเกรดช่วงล่างมันก็จะเป็นการเพิ่มลิมิตตรงนั้นไปอีก
ซึ่งนอกจากจะเพิ่มความมั่นใจก็ยังเพิ่มความปลอดภัยได้
เพราะบนถนนไม่ใช่สนามแข่งที่ปัจจัยทุกอย่างถูกควบคุมอย่างดี
การขับบนถนนจึงต้องมีพื้นที่สำหรับความผิดพลาดได้เสมอ

เรื่อง abs มนุษย์เนี่ย ในสนามแข่งมันทำได้ครับ เพราะนักแข่งรู้ว่าเค้ากำลังทำอะไร
โค้งข้างหน้าเค้าต้องเข้าด้วยความเร็วเท่าไหร่ แล้วมีรถข้างหน้าเค้ามั๊ย
เค้าสามารถคุมน้ำหนักเบรคได้ ถ้าเบรคหนักไปเค้าก็สามารถคลายแล้วเบรคใหม่ได้
ไม่เหมือนกับบนถนน ซึ่งเราไม่รู้ว่าอยู่ดีๆคันข้างหน้าจะเบรคกระทันหันเมื่อไหร่
มีใครจะตัดหน้าเมื่อไหร่ ซึ่งถ้าเกิดเหตุการณ์นั้นเกือบทุกคนก็กระทืบเบรคทั้งนั้น
และเวลา 2-3 วินาทีก่อนชนเนี่ย เวลมีอะไรตัดหน้า เกือบทุกคนก็กระทืบเบรคเต็มแรงทั้งนั้นล่ะครับ
แต่เท้าคนเราไม่สามารถเหยียบปล่อยเบรคถี่ๆในระดับ 20-30 ครั้งต่อวินาทีได้
ถึงต้องให้คอมพิวเตอร์มาช่วยไม่ให้ล้อล็อคยังไงล่ะครับ
ถึงแม้ว่าการเบรคบนพื้นแห้งๆ ระยะเบรครถที่มี abs จะยาวกว่า (ถ้า abs ทำงาน)
ซึ่งถ้าคนขับเก่งๆ เค้าจะสามารถคุมน้ำหนักเบรคไม่ให้มันล็อคได้ ถึงรถจะมี abs ก็ตาม
แต่การเบรคบนพื้นลื่น ถ้าเบรคแล้วล้อล็อคเนี่ย ระยะเบรคจะมากกว่ารถที่มี abs นะครับ

สำหรับทาคุมิใน initail d
ถ้าอ่านดีๆเนี่ย รถเค้าอาจจะแรงน้อยกว่าคันอื่นๆที่เค้าแข่งด้วยจริง
แต่รถเค้าก็มีการปรับเซ็ตช่วงล่างมาอย่างดี ไม่ใช่ช่วงล่างเดิมๆออกจากโรงงานนี่ครับ
การขับรถที่ต้องเบรคต้องเร่งในลักษณะเซอร์กิต หรือการวิ่งขึ้นลงภูเขาแบบนี้
แรงเครื่องเป็นส่วนนึงเท่านั้น ส่วนสำคัญคือสมดุลย์รถและฝีมือคนขับมากกว่าครับ
รถทาคุมิมีการเซ็ตทุกอย่างมาอย่างสมดุลย์ ไม่ว่าจะแรงเครื่อง มุมล้อ ความแข็งช่วงล่าง
และที่เค้าชนะได้เพราะทาคุมิวิ่งลงเขาครับ แรงเครื่องจึงมีความจำเป็นน้อยกว่าการวิ่งขึ้นเขา
(การแข่งถ้าเป็นตอนขึ้นเขา จะใช้ rx7 แข่ง แต่ลงเขาถึงจะให้ทาคุมิแข่งไม่ใช่เหรอครับ)
ผมเองก็ยังอ่านไปไม่จบหรอกครับ เลยไม่รู้ว่าหลังๆทาคุมิอาจจะแข่งขึ้นเขาด้วยหรือเปล่า
แต่ยังไงการ์ตูนก็คือการ์ตูนครับ เอามาเปรียบเทียบกับชีวิตจริงไม่ได้ 100% หรอกครับ
'18 Honda Jazz gk5 s mt
'11 Volkswagen Scirocco R
'04 Honda Integra dc5 Type R
'96 Honda Prelude bb1

nuuhamster

  • บุคคลทั่วไป
Re: วันก่อนไปลองขับ new Altis 1.8G
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: ตุลาคม 23, 2010, 08:55:52 »
^

เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ

ปัจจัยหลายอย่างที่ไม่แน่นอน มันมีเยอะ

ถึงเก่งแค่ไหน มันก็พลาดได้ อย่าไปคิดว่าเราขับเก่ง

แล้วมันจะไม่พลาดเลยครับ