หลายท่านน่าจะเห็นข่าวแล้วว่า Nissan ส่งรุ่นพิเศษ Almera Sportech-X ออกมา
695,000 บาท จำนวนจำกัด 300 คัน
ข่าว HLM :
https://www.headlightmag.com/2022-08-08-price-nissan-almera-sportech-x-edit/Official Site :
https://www.nissan.co.th/vehicles/new-vehicles/new-almera.html#C400_cmp_story_27d9-modalซึ่งถ้าไปดูในส่วนของความเปลี่ยนแปลงจากรุ่น Sportech ปกติแล้ว จะพบว่ามี 2 สิ่งที่น่าสนใจคือ
- ไฟส่องสว่างกลางวัน DRL LED
- ล้ออัลลอยด์ 16
ซึ่งถ้ายังจำกันตอนเปิดตัว Almera โฉมนี้ได้ ก็เป็นปัญหาคาใจแก่ผู้บริโภคว่าทำไมรุ่นปกติยังได้แค่ล้อ 15 และไม่ได้ไฟ DRL มาพร้อมใช้งาน และสุดท้ายก็ค้นพบว่าสามารถเปิดไฟ DRL ภายหลังได้แต่ไม่รับประกันคุณภาพ
ทางสื่อที่ได้นำไปถามทาง ผบห แล้วได้รับคำตอบมาว่า จำเป็นจะต้องทำแบบนี้เพื่อให้รถผ่านเกณฑ์การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ให้เป็นไปตามข้อกำหนดของการเสียภาษีสรรพสามิตรถยนต์ประเภท Eco car phase 2 ผลคือรถรุ่นปกติที่ขายมาก่อนหน้านั้นก็ปล่อย CO2 เท่ากับข้อกำหนดเลยนั่นคือ 100 g/km
พอเวลาผ่านไปจนถึงตอนนี้ Nissan ก็ได้ส่งรุ่นพิเศษนี้ออกมาโดยสามารถให้ 2 อย่างนี้มาได้ ซึ่งผิดกับที่บอกไว้ก่อนหน้า แล้วแบบนี้จะยังผ่านมาตรฐาน Eco car phase 2 อยู่รึเปล่า? แล้วทำยังไง?
เลยไปหาข้อมูลมาจาก Eco Sticker ครับ ผลที่ได้คือ รุ่นนี้ ไม่ผ่านเกณฑ์การปล่อยไอเสียตามมาครฐาน Eco car phase 2 ครับ
โดยมีการปล่อย CO2 ออกมาถึง 114 g/km เกินมาตรฐานไปไกลเลยครับ
Eco Sticker ของรุ่นพิเศษ Sportech-X
และนอกจากนี้จากที่สังเกตใน Eco Sticker
- น้ำหนักรถเพิ่มมาจากรุ่นปกติ 15 kg
- ตามที่ทดสอบอัตราการใช้น้ำมันในสภาวะรวม ยังมีอัตราการใช้น้ำมันที่สูงถึง 20.8 km/l จากรุ่นปกติที่มีการใช้น้ำมัน 23.3 km/l
Eco Sticker ของรุ่น Sportech ปกติ
อ้าว แล้วแบบนี้ Almera Sportech-X จะต้องเสียภาษีสรรพสามิตในเรทเท่าใด
พอลงไปดูข้อกำหนดต่างๆ แล้ว ผลคือ เสียภาษีเรท Eco car phase 1 ครับ
เนื่องจากการปล่อยไอเสียยังคงอยู่ในเกณฑ์ Eco car phase 1 อยู่ คือไม่เกิน 120 g/km
และข้อกำหนดในส่วนด้านความปลอดภัยอื่นๆ ที่ไม่เข้มงวดเท่า
ทำให้นอกจากราคาขายหน้าป้ายที่แพงขึ้นมา 20,000 บาทแล้ว ต้นทุนในด้านภาษีสรรพสามิตที่เก็บก็เพิ่มขึ้นมาด้วยครับ
ก็ไม่รู้ว่า Nissan ทำรุ่นพิเศษเพื่อเอาใจตลาด ต้องลงทุนลดข้อกำหนด ผลคือเสียภาษีสรรพสามิตแพงขึ้นไปอีกในครั้งนี้ จะได้ผลตอบรับมาคุ้มค่ามากน้อยขนาดไหน
ที่แน่ๆ ทำมาแค่ 300 คันก็คงกะว่ากระตุ้นความต้องการตลาด และอาจจะต้องยอมลดกำไรที่ได้ลงไปบ้าง ก็ดูกันครับว่าจะได้รับผลตอบรับที่ดีหรือไม่ ใช้เวลานานมั้ยกว่ารถจะหมดจากตลาด
และลูกค้าที่กำลังสนใจก็ต้องดูครับว่าการที่ได้ล้อสวยๆ ขนาดใหญ่จากโรงงาน พร้อมไฟ DRL พร้อมใช้งานไม่ต้องหาปลดทีหลังให้เสี่ยงกับการรับประกัน รวมถึงชุดแต่งส่วนอื่นๆ อย่างไฟ Ambient Light ภายในห้องโดยสารและใต้ประตู ด้ายเบาะหนังสีแดง ฯลฯ ที่สวยจบครบจากโรงงาน แลกมากับการใช้น้ำมันที่มีอัตราการใช้สูงกว่ารุ่นปกติ และราคารถที่จ่ายเพิ่มมานั้น จะคุ้มค่าในสายตาของคุณหรือไม่ ลองตัดสินใจกันครับ