ที่เป็นแบบกระป๋อง เติมเอง ถ้าฉุกเฉิน สามาตรใช้แก้ขัดได้ครับ แต่ใช้ได้ในกรณีเดียวคือ น้ำยาขาด ไม่ใช่ใส่ไปเพื่อหวังให้เย็นขึ้นจากปกติ
ถ้าถามว่า "น้ำยาแอร์รถยนต์แบบกระป๋องร้อยกว่าสองร้อยกว่าบาทมาเติมรถยนต์ ระบบแอร์รถเราจะเย็นฉ่ำเหมือนน้ำยาแบบถังตามร้านไหมครับ"
ต้องตอบกว้างๆ ว่า เหมือนครับ เป็นเป็นน้ำยาแบบเดียวกันแต่ตางกันที่บรรจุบรรจุภัณฑ์
**ใว้ก่อนว่า มี่การเถียงกันพอสมควรนะครับ ว่า น้ำยายี้ห้อแพงๆ จะเย็น"ฉ่ำ"กว่ายี้ห้อถูก ๆ**
ที่นี้ถ้ามั่นใจว่ารถน้ำยาแอร์ขาด ถ้ามีตาแมว ดูจากตาแมวได้
แต่ยังไม่อยากหาจุดรั่ว ด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ก็ซื้อมาลองใช้ได้ครับ
บางยี้ห้อ จะมีน้ำยา และน้ำมันคอมนิดหน่อยด้วย ก็พอแก้ขัดไปได้
บางแบบ จะผสมสารเรื่องแสง เพื่อหาจุดรั่วให้ง่ายขึ้น
น้ำยาแอร์รถ ถ้ารถไม่เก่า 20 ปี จะใช้เป็น R123 แทบทั้งหมด เปิดฝากระโปรงดูจะมีระบุใว้
ในกรณีที่เติมเกิน จะมี pressure switch คุมอยู่ หากแรงดันเกินจะตัดการทำงาน คอมแอร์ทันที
ทางแก้ ก็กดศร ค่อยๆ ระบายออกทีละนิดครับ
ส่วนประเด็นหลอกลวง ก็กล่าวเกินจริงไปหน่อยครับ
จริงอยู่ว่า แอร์รถ แอร์บ้าน ตู้เย็น เป็นระบบปิด
แต่ระบบมันถูกติดตั้งกับสิ่งที่เคลื่อนที่ตลอดเวลา สั่นสะเทือนสูง อุญหภูมิก็แปรผันมาก
โอกาศที่จะมีจุดรั่ว ข้อต่อขยับ โอริงเสื่อม อุปกรณ์ชำรุด มันก็มีสูงครับ
จึงวนกลับมาประเด็นที่ว่า มันใช้ได้ในกรณีเดียวคือ น้ำยาขาด ไม่ใช่ใส่ไปเพื่อหวังให้เย็นขึ้นจากปกติ
และถ้าใช้แล้วดีขึ้น อย่าชะล่าใจ แล้วใช้ไปเรื่อยๆ ครั้งที่ 3-4-5 เพราะเมื่อมีการรั่ว น้ำมันคอมมันจะออกมาพร้อมๆ กัน
หากเติมแต่น้ำยา จนน้ำมันคอมในระบบเหลือน้อยมากๆ มันจะพอคอมแอร์เสียครับ
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับพอดีว่าจะเอามาเติมเวลาถอดตู้แอร์ล้างทำความสะอาดครับพอดีไม่อยากซื้อเป็นถังเพราะราคาแพงกว่าครับใช้ทำรถตัวเองครับ
ที่ถูกต้องต้องชั่งน้ำหนักน้ำยาแอร์ครับ ไม่ใช่เติมแล้วดูแรงดัน รถรุ่นใหม่ๆก็ไม่มีตาแมวไว้ดูด้วย อุปกรณ์ที่ต้องมีก็หลายอย่างอยู่
https://sangchaigroup.com/tools-hvac-solution-2020/
ด้วยความเคารพนะครับ ไม่ถูกต้อง และพูดกันคนละบริบทครับ น้ำยาแบบกระป๋อง มี 2 แบบหลัก แยกกันที่หัวเติม เป็นแบบกดลง ช่อง lo ของระบบได้เลย กับแบบเป็นหัวเกลียวต้องต่อกับเกจวัด
แต่ทั้ง 2 แบบ ออกแบบมาเพื่อ เติมเพิ่ม แบบฉุกเฉิน *เน้นว่าฉุกเฉิน หรือรั่วเล็กน้อย และ/หรือยังไม่อยากซ่อม
การชั่งน้ำยา ก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของกระบวนการเติม จำเป็นในกรณีที่ Vac ออกทั้งระบบ และเติมใหม่ทั้งหมดเท่านั้น
และส่วนมาก ใน MANUAL จะกำหนดมาแค่ปริมาณคร่าว ๆ เช่น 330-390 g
การวัดปริมาณ จำเป็นอย่างมากที่ต้องดูเกจ ทั้งฝั่ง Lo Hi ประกอบ เพราะทุกครั้งที่เติม อุณหภูมิภายนอกไม่เท่ากัน(หน้าร้อน-หน้าหนาว) ระบบระบายความร้อนในรถแต่ระคันไม่เท่ากัน(คอยล์ร้อน-เย็น) ความเสื่อมของอุปกรณ์ก็ไม่เท่ากัน ปริมาณน้ำยาที่ใช้ จะไม่เท่ากันเป๊ะ ๆ แบบ 100%
สรุปง่าย ๆ คือ ในกรณีที่เติมใหม่ทั้งระบบ ไม่มีเครื่องชั่ง ยังพอทำงานไปได้ ถ้าไม่มีเกจ ทำอะไรไม่ได้ครับ เหมือนคนตาบอด
ส่วนในแบบเติมเพิ่ม เพราะไม่รู้ว่าน้ำยารั่วไปแค่ไหน ไปชั่งก่อนเติมไม่มีประโยชน์อะไรครับ ยกเว้นชั่งใว้ เพื่อให้รู้ว่าเติมเพิ่มไปเท่าไหรแค่นั้น
มีหรือไม่มีตาแมวไม่ใช้ประเด็นครับ ตาแมวมันแค่เอาใว้ดูน้ำยาฝั่ง Lo แบบ หยาบ ๆ ว่ามี มีเกิน มีน้อย ไม่มี ดูฟองอากาศ
แค่นั้นครับ หากต้องการดูละเอียด หรือเช็คระบบก็ต้องไปหยิบ เกจวัด มาต่ออยู่ดี