ผู้เขียน หัวข้อ: เจ้าของรถพูดไม่ออก ถูกประเมินค่าซ่อม 6 แสน ทั้งที่ชนทางเท้าถลอกนิดเดียว  (อ่าน 2439 ครั้ง)

ออฟไลน์ phraeboy_mz2

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,236
  • My Beloved Pal !
    • อีเมล์
กลายเป็นอีกหนึ่งเคสกรณีศึกษาของผู้ที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้า เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์ข้อความร้องเรียนมายังเพจรถยนต์ไฟฟ้ายี่ห้อหนึ่ง หลังเธอเพิ่งออกรถใหม่ขับมาได้ 1 เดือน ก่อนเกิดอุบัติเหตุเพียงเล็กน้อย แต่กลับถูกประเมินค่าเสียหายสูงลิบ จนประกันเสนอคืนทุนแบบอุบัติเหตุหนักที่เสียหายทั้งคันและให้โอนกรรมสิทธิเป็นซาก

โดยเจ้าของรถ เล่าว่า เธอได้ออกรถคันใหม่จ่ายเงินไปร่วมล้านเศษ พร้อมประกันชั้น 1 ตามแคมเปญจากบริษัทรถยนต์ จากนั้นขับมาได้ 1 เดือน รถเกิดอุบัติเหตุเพียงเล็กน้อย จากการขับรถเข้าซอยแคบและมีรถสวนมา จึงถอยเพื่ออำนวยความสะดวกให้รถอีกคันไปก่อน แต่ขณะที่ถอยรถได้ขับปีนขึ้นสันขอบทางเล็กน้อย ทำให้มุมกล่องครอบแบตเตอรี่ใต้ท้องรถครูดไปกับสันขอบทาง จนมุมฝากล่องแบตเตอร์รี่อ้าออกมา ซึ่งรถก็ยังขับได้ตามปกติ
 

จากนั้นเธอได้นำรถเข้าตรวจที่ศูนย์และนำกลับไปใช้ตามปกติเพื่อรอนัดหมาย แต่กลายเป็นว่าทางประกันติดต่อมาแจ้งว่าทางบริษัทรถยนต์ตีมูลค่าซ่อมประมาณ 602,998.50 บาท และพิจารณาคืนทุนประกันที่ 770,000 บาท โดยให้โอนกรรมสิทธิของรถแก่ประกันเสมือนเป็นซาก เพราะทางบริษัทรถยนต์ตีค่าซ่อมสูงเกิน 70% ของวงเงินคุ้มครอง

เจ้าของรถ ยอมรับว่า ช็อกมาก จากอุบัติเหตุที่มีการเสียหายภายนอกเพียงเล็กน้อย แต่ถูกตีมูลค่าความเสียหายสูงลิบ ราวกับว่าเกิดอุบัติเหตุรุนแรงจนเป็นซากถึงขนาดที่ประกันพิจารณาคืนทุนประกัน หากเป็นอย่างนี้ ไม่เท่ากับว่าลูกค้าต้องสูญเงินราว 200,000 กว่าบาท จากอุบัติเหตุเพียงเล็กน้อย ทั้งที่มีประกันชั้น 1 อย่างนั้นหรือ ?
 ผ่านมากว่า 2 เดือน มีเพียงจดหมายจากทางฝั่งประกันส่งมาถึง 3 ฉบับ ยืนยันว่า จะตีเป็นซากรถ ส่วนทางบริษัทรถยนต์กลับเงียบเฉย ไม่เคยแม้แต่จะนัดหมายเพื่อขอตรวจสอบความเสียหายในรายละเอียดหรือให้ข้อมูลการวิเคราะห์ทางเทคนิคอะไรเลย

          ก่อนทางฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์จะติดต่อกลับมาและยังยืนยันว่าค่าซ่อมเป็นมูลค่า 602,998.50 บาท โดยประกันจะช่วย 500,000 กว่าบาท และบริษัทรถยนต์จะให้ส่วนลดอีกประมาณ 40,000 กว่า ส่วนที่เหลือราว ๆ 30,000 บาท เจ้าของรถจะต้องจ่ายเอง ทำให้เจ้าของรถเกิดคำถามขึ้น 3 ข้อว่า...

          1. เธอสมควรต้องรับผิดชอบส่วนต่างร่วม 30,000 บาทนี้อย่างนั้นหรือ ? ทั้งที่รถมีประกันชั้น 1 ด้วยอุบัติเหตุที่มีความเสียหายภายนอกเพียงเล็กน้อย แต่กลับถูกประเมินอย่างไม่ใส่ใจให้ต้องแบกมูลค่าความเสียหายที่สูงลิบลิ่ว (ด้วยราคาค่าอะไหล่ + ค่าแรง ที่กำหนดโดยบริษัทรถยนต์) ซึ่งจนถึงขณะนี้ เธอก็ยังไม่ได้รับการนัดหมายเข้าตรวจสอบทางเทคนิคใด ๆ จากบริษัทรถเพื่อให้ความกระจ่างกับลูกค้าว่าอะไรต้องซ่อมหรือต้องเปลี่ยนบ้าง มีราคารายละเอียดอะไรบ้าง
โดยบริษัทรถยนต์) ซึ่งจนถึงขณะนี้ เธอก็ยังไม่ได้รับการนัดหมายเข้าตรวจสอบทางเทคนิคใด ๆ จากบริษัทรถเพื่อให้ความกระจ่างกับลูกค้าว่าอะไรต้องซ่อมหรือต้องเปลี่ยนบ้าง มีราคารายละเอียดอะไรบ้าง

          2. ทำไมแคมเปญประกันชั้น 1 ที่ทางบริษัทรถยนต์ให้กับลูกค้าเป็นทุนคุ้มครองความเสียหายเพียง 770,000 บาท ทั้งที่ตัวรถมีมูลค่า 959,000 บาท (หลังหักเงินสนับสนุนจากรัฐ) ซึ่งถามจริง ๆ ว่ามีลูกค้าท่านไหนบ้างที่ซื้อรถจากทางบริษัทจะสังเกตมูลค่าเอาประกันไม่ตรงคุ้มครองเต็มมูลค่าจริงที่ซื้อมา แต่เอาเป็นว่าทุนประกันคุ้มครองไม่เต็มมูลค่ารถทั้งคันตั้งแต่ต้น พอมีความเสียหายสูงจึงเสนอจะปิดคืนเพียงทุนประกัน แล้วจะเอาความชอบธรรมอะไรเข้าครอบครองกรรมสิทธิในรถทั้งคันโดยเหมาเอาเองว่าเป็นซากและจะต้องโอนให้ประกัน ซึ่งประเด็นนี้ คงต้องพึ่งความเป็นธรรมจาก คปภ. (สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย)
3. ทำไมบริษัทรถยนต์ถึงตีมูลค่าซ่อมสูงถึง 602,998.50 บาท ทั้ง ๆ ที่ความเสียหายมีเพียงแค่ฝากล่องคลุมแบตเตอรี่ที่อ้าออก แม้จะอ้างว่าต้องเปลี่ยนกล่องครอบแบตเตอรี่และชุดแบตเตอรี่ใหม่ทั้งชุด แต่จริง ๆ แล้วบริษัทเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่ดังกล่าว จะไม่มีหนทางเชียวหรือ ? ถ้าเช่นนั้น ใครก็ตามที่เจออุบัติเหตุใต้ท้องรถเพียงเล็กน้อย คงต้องได้รับความเสียหายเช่นเดียวกับเธอทุกรายไป หากผู้บริโภครับรู้ในเรื่องนี้ ใครจะกล้าเลือกซื้อรถจากค่ายนี้ เธออยากเห็นการบริหารจัดการของบริษัทรถยนต์ที่ดีและสมควรกว่านี้ ใส่ใจดูแลและไม่ละเลยลูกค้า
 

เดิมทีเธอชอบรถคันนี้มากและยังได้จองรถรุ่นอื่นไว้อีกคันหนึ่งด้วย จนเมื่อเจอปัญหานี้ จึงคิดจะสละสิทธิ์การจองและหันมาต่อสู้ให้ถึงที่สุด โดยใช้เรื่องราวของเธอเป็นกรณีศึกษาแก่เพื่อน ๆ ผู้บริโภคได้พึงระวัง ให้พิจารณารายละเอียดความเสี่ยงให้รอบด้าน คำนึงถึงความเป็นมืออาชีพและจรรยาบรรณของผู้ประกอบการเป็นสำคัญ





Source : https://www.tnews.co.th/social/social-news/578768

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 27, 2022, 12:15:44 โดย phraeboy_mz2 »

ออฟไลน์ PaPaMan

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,185

ออฟไลน์ phraeboy_mz2

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,236
  • My Beloved Pal !
    • อีเมล์


ออฟไลน์ DiKiBoyZ

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,226
    • อีเมล์
เห็นมีอีกเคสแล้วนะ คล้ายๆ กัน โดนตัวหนอนลานจอดรถครูด

ผมว่า ถ้าเป็นผมนะ ป้องกันดีกว่าแก้ ผมจะไปหาแผ่นเหล็ก หรือ แผ่น guard คล้ายๆ พวกรถออฟโรด หรือ พวก 4x4 ใส่ด้านท้อง ป้องกันอีกชั้นหนึ่ง

เพราะเท่าที่เห็น รถยี่ห้อนี้ ตรงจุดที่เสยกับตัวหนอน หรือ ฟุตบาท มันเป็นเหลี่ยมของกล่องใส่แบตเตอรี่พอดี

ซึ่งตรงนั้นมันเห็นมุมพอดี และ ไม่มีบัง หรือ ป้องกันเลย จะเรียกว่าออกแบบไม่ดี หรือ ลดต้นทุน หรือ งานไม่เนียบ ก็ได้นะ มันดูกล่องแบตอตรี่โพล่ออกมาแล้ว

จะใช้คำว่า ทีมดีไซต์ไม่คาดคิดว่าจะเกิดการครูดกับพื้นถนน(ที่ไม่เรียบ) หรือ ฟุตบาท หรือ ตัวหนอน ยันคอสะพาน อันนี้เรียกพลาด หรือ ถ้ามองลบๆ หน่อยเรียกว่าตั้งใจ(กะขายแบตเตอรี่หรือป่าว)

ออฟไลน์ redsun

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,101
ถ้าปีต่อไปทำประกันชั้น 2+
แล้วเจอแบบเคสนี้ งานงอกเลย